ยื่นภาษี 2566 เป็นการยื่นภาษีย้อนหลังปี 2565 ซึ่งผู้มีเงินได้จะต้องแสดงจำนงยื่นแนบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ด.ง.91 โดยสามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ เดินทางไปที่กรมสรรพากรท้องที่ หรือ ยื่นภาษีแบบออนไลน์ สำหรับใครที่ไม่แน่ในว่าสามารถยื่นภาษี 2566 ได้ถึงวันไหน ปีนี้ทางกรมฯ ให้ยื่นภาษีภายในวันที่ 10 เมษายน 2566 นี้เท่านั้น 

 

สำหรับผู้ที่ยื่นภาษีล่าช้าหรือเกินกว่าที่กรมสรรพากรกำหนด มีโทษ ดังนี้ 

  1. บุคคลธรรมดาที่ไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด. 91 ตามที่กรมสรรพากรกำหนด หรือยื่นภาษีล่าช้าเกินกำหนด 
  • จะต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร โดยสามารถขอลดค่าปรับได้ 

 

  1. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด. 91 ผ่านอินเทอร์เน็ต กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ 
  • หากไม่ได้ชำระเงินภายในวันที่กรมสรรพกรกำหนดในทุกปี ถือว่าไม่ได้ยื่นแบบ จะต้องเดินทางไปยื่นแบบ ณ สำนักงานกรมสรรพากรท้องถิ่น พร้อมกับชำระเงินภาษี และเพิ่มจำนวนเงินอีกร้อยละ 1.5 / เดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษี่ที่ต้องชำระ รวมถึงค่าปรับตามในข้อที่ 1 ด้วย 

 

  1. ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 เกินเวลาที่กำหนด 
  • กรณีมีเงินภาษีที่ต้องชำระ ให้ชำระภาษี พร้อมกับเงินเพิ่มอีก ร้อยละ 1.5 / เดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษี่ที่ต้องชำระ รวมถึงค่าปรับตามในข้อที่ 1 
  • กรณีไม่มีเงินภาษีที่ต้องชำระ ให้ชำระค่าปรับตามข้อที่ 1 เท่านั้น 

 

  1. ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91  เพิ่มเติมภายหลังกำหนดเวลาการยื่นแบบ 
  • กรณีมีเงินภาษีที่ต้องชำระ ให้ชำระภาษี พร้อมกับเงินเพิ่มอีก ร้อยละ 1.5 / เดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษี่ที่ต้องชำระ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าปรับ
  • กรณีไม่มีเงินภาษีที่ต้องชำระ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม และไม่ต้องเสียค่าปรับ 

 

วิธีการยื่นภาษีออนไลน์ 

กรณีที่ต้องการยื่นภาษีออนไลน์ 2566 สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th/ โดยยื่นได้ถึงวันที่ 10 เมษายน 2566 หรือจนกว่าจะมีการประกาศการเปลี่ยนแปลงจากกรมสรรพากรโดยตรง 

  • เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร :  https://efiling.rd.go.th/
  • กดเลือก “ยื่นแบบออนไลน์”
  • กดเลือก “ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา”
  • กรอกข้อมูลส่วนตัว วันเดือนปีเกิด และเลขหลังบัตรประชาชน 
  • กด “ตรวจสอบ” 
  • กรอกข้อมูลที่อยู่ 
  • เลือกวิธีการยืนยันตัวตน ระหว่าง “มือถือ” หรือ “อีเมล”
  • กรณีเลือกยืนยันตัวตนผ่านมือถือ ให้กรอก OTP ที่ได้รับ ตามขั้นตอน 
  • เลือกคำถามสำหรับใช้ในการยืนยันตัวตนในกรณีลืมรหัสผ่าน 
  • กดยืนยันการลงทะเบียน 

 

กรณีผู้ที่ยื่นภาษีไม่ทันเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด สามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ด้วยตนเองที่สำนักงานกรมสรรพากรพื้นที่สาขา แต่จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มตามที่กล่าวข้างต้น และเอกสารที่ต้องเตรียมในการยื่นแบบภาษี มีดังนี้ 

  • แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91
  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) 
  • เอกสารยืนยันสิทธิค่าลดหย่อนบิดามารดา (ใบ ล.ย.03) 
  • เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี เช่น หนังสือรับรองการจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต เป็นต้น

ขอคืนภาษี 2566 กี่วันได้ 

กรมสรรพาการจะดำเนินการตรวจสอบคืนภาษี 2566 ให้ภายใน 3 เดือน ในกรณีที่เอกสารมีรายการแสดงเสียภาษีไว้ครบถ้วน โดยนับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนเงินภาษีด้วยแบบ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ที่มีการแจ้งขอคืนเงินคืนภาษี หรือ แบบ ค.10 

เมื่อสัตว์เลี้ยงหายตัวไป เจ้าของย่อมเป็นห่วงและกังวลสารพัด เกรงจะได้รับอันตราย ไม่ว่าจะอุบัตเหตุหรือถูกทำร้าย การกินอยู่หลับนอนจะลำบาก ออกตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ เจ้าของยิ่งเป็นทุกข์ มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่มากนักที่จะโชคดีสามารถได้สัตว์เลี้ยงของตนกลับคืนมาโดยสวัสดิภาพ แต่มีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากที่โชคร้ายไม่ได้กลับบ้านอีกเลย 

 

การฝังไมโครชิพ ที่หน่วยงานกรุงเทพมหานครได้ออกกฏแก่เจ้าของสัตว์เลี้ยง ไม่เพียงเพื่อลดปัญหาจำนวนสัตว์จรจัด แต่ยังช่วยตามหาเจ้าของจากไมโครชิพ เพิ่มโอกาสให้เจ้าของได้พบสัตว์เลี้ยงของตนเร็วขึ้นด้วย 

 

แต่การฝังไมโครชิพยังไม่นิยมเท่าไร เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับไมโครชิพคืออะไร ทำไมต้องฝังไมโครชิพแมวหรือสุนัข แล้วไมโครชิพทำมาจากอะไร ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงแค่ไหน การฝังไมโครชิพสุนัขราคาแพงไหม และฝังไมโครชิพแมวที่ไหนได้บ้าง 

ภาพจาก : https://tractive.com/

 

ไมโครชิพคืออะไร

ไมโครชิพ หรือ Microchip คือ บัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยง ที่ทำมาจากชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กประมาณเมล็ดข้าว ซึ่งบรรจุอยู่ในครอบแก้วที่มีตัวเลขรหัส 15 หลักกำกับไว้ โดยแต่ละอันจะมีรหัสไม่ซ้ำกัน และผ่านการทดสอบว่าไม่ทำปฏิริยาที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ก่อนที่จะนำไปใช้ในการฝังไมโครชิพให้กับสัตว์เลี้ยง เช่น ฝังไมโครชิพสุนัข แมว หรือ นก เป็นต้น โดยรหัสไมโครชิพมาตรฐาน ISO และ ICAR ที่รองรับให้ใช้ในการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงได้ จะต้องเป็นไมโครชิพ 15 หลักที่ขึ้นต้นด้วย 9 เท่านั้น และจะต้องใช้เครื่อง Microchip Reader เพื่ออ่านรหัสไมโครชิพ

 

ไมโครชิพทำอะไรได้บ้าง

สำหรับไมโครชิพ หน้าที่คือ เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของสัตว์เลี้ยง เช่น เพศ สายพันธุ์ อายุ สี ตำหนิ รวมถึง ชื่อ-สกุล ที่อยู่ และเบอร์โทรเจ้าของ รวมถึง ข้อมูลหน่วยงานที่ฉีดไมโครชิพ เมื่อน้องหมา น้องแมว หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ ที่มีการฝังไมโครชิพได้หลุดหายไป หากมีผู้พบเห็นและนำตัวไปให้ศูนย์ติดตั้งไมโครชิพตรวจสอบหหมายเลขในระบบฐานข้อมูลออนไลน์ ก็จะสามารถติดต่อหาเจ้าของได้ 

การฝังไมโครชิพมีประโยชน์อย่างไร 

  • ป้องกันสัตว์เลี้ยงสูญหาย 
  • ป้องกันการสลับตัวสัตว์เลี้ยง 
  • ป้องกันการซื้อขายผิดตัว 
  • พัฒนาสายพันธ์ุ 
  • ลงทะเบียนสัตว์เลี้ยง
  • ใช้ในการขอเพดดีกรี 
  • ใช้ในการลงทะเบียนสำหรับการประกวด
ภาพจาก : https://www.bbc.com/

การฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยงทำอย่างไร และมีผลข้างเคียงไหม 

การฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยง คือ การฉีดฝังไมโครชิพจะทำโดยใช้เข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยก๊าซ Ethylene Oxide ฉีดไมโครชิพเข้าไปใต้ผิวหนังตรงกลางระหว่างหัวไหล่ทั้ง 2 ข้างของสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้กันเป็นมาตรฐานสากลทั่วโลก และไมโครชิพจะฝังอยู่ในร่างกายของสัตว์เลี้ยงตลอดชีวิต โดยไม่มีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง 

 

เริ่มฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยงได้เมื่อไร 

สามารถเริ่มฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยงได้ตั้งแต่อายุประมาณ 30-45 วัน หรือช่วงอายุ 5-6 เดือนก็ได้เช่นกัน 

 

ภาพจาก : https://highlandcanine.com/

ฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยงเองได้ไหม 

แม้ว่าการฝังไมโครชิพจะมีความปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ต่อสัตว์เลี้ยง แต่ความสะอาดของอุปกรณ์และขั้นตอนการฉีดฝังไมโครชิพนั้นสำคัญมาก ๆ หากเข็มสกปรกจะทำให้เกิดฝีได้ หรือชิพไม่ได้มาตรฐานก็อาจส่งผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น การฝังไมโครชิพควรทำโดยสัตว์แพทย์เท่านั้น 

 

การฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยงจำเป็นหรือไม่ 

สำหรับการเลี้ยงสัตว์ทั่วไปในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว ที่มีการใช้ปลอกคอก็สามารถใส่ชื่อและเบอร์โทรเจ้าของก็อาจสะดวกกว่าการฝังไมโครชิพ เพราะคนทั่วไปอาจไม่รู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีการฝังไมโครชิพ อีกทั้งจุดที่สามารถสแกนไมโครชิพได้นั้นมีน้อยมากในบ้านเรา ไม่เหมือนกับต่างประเทศที่มีการฝังชิพสัตว์เลี้ยงกันแพร่หลาย เมื่อพบสัตว์พลัดหลงก็จะนำตัวไปสแกนฐานข้อมูลได้แทบทุกที่ แต่ถ้าใครจะนำสัตว์เลี้ยงเดินทางไปต่างประเทศ หรือเลี้ยงสัตว์สายประกวด อาจจำเป็นต้องฝังไมโครชิพเพื่อใช้ในการลงทะเบียนประกวด และป้องกันการสลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ฝังไมโครชิพเพื่อใช้ติดตามตัวสัตว์เลี้ยงได้ไหม 

ไมโครชิพเป็นเสมือนบัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยง ที่มีข้อมูลของสัตว์และเจ้าของเท่านั้น ไม่มีเรดาร์หรือสัญญาณจึงไม่ใช่ไมโครชิพติดตามตัว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไมโครชิพไม่ใช่เรดาร์ติดตามตัวสัตว์เลี้ยง และยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย แต่การฝังไมโครชิพให้กับสัตว์เลี้ยงของเราไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อปลอกคอที่มีชื่อและเบอร์โทรเจ้าของหลุดหายไป อย่างน้อยก็สามารถตามหาเจ้าของได้ด้วยการสแกนไมโครชิพ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่รู้เรื่องการฝังชิพ แต่ยังมีผู้รู้ท่านอื่น ๆ รวมไปถึงสัตว์แพทย์ ที่อาจช่วยให้เราได้สัตว์เลี้ยงกลับคืนมาได้อย่างปลอดภัย 

วันวาเลนไทน์ ปีนี้จะตรงกับวันหยุดปี 2566 ไหมน๊ออ คงไม่ต้องคาดเดา เพราะวันแห่งความรัก เราสามารถมีได้ทุกวัน จึงไม่จำเป็นต้องหยุด ก็สามารถแสดงความรักต่อกันได้ แต่วันนี้เราไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องของวันหยุดหรือที่มาของวันวาเลนไทน์ แต่เราจะมาพูดถึงสัญลักษณ์วาเลนไทน์ ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี ได้แก่ ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต การ์ดวันวาเลนไทน์ และกามเทพแห่งความรัก คือ คิวปิด เทพมีปีกตัวน้อย หน้าตาน่ารัก มือถือคันธนูคู่ใจ คอยทำหน้าที่ยิงศรแห่งรักปักหัวใจมนุษย์ให้มีความรักต่อกัน แต่เชื่อว่ามีใครอีกหลายคนยังไม่รู้ว่า สัตว์ปีกอย่าง นก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแทนของวันแห่งความรัก แล้วนกอะไรเป็นสัญลักษณ์ของวาเลนไทน์กันน๊าาา อยากรู้ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เราจะมาชวนทุกคนไปรู้สิ่งเล็กสิ่งน้อย เกี่ยวข้องกับวาเลนไทน์ ที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน 

 

ภาพจาก : https://m.museumsiam.org/

 

ทำไมวันวาเลนไทน์ คือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 

Valentine หรือ วาเลนไทน์ คือ ชื่อของนักบุญคาทอริก ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม นักบุญเซนต์ วาเลนไทน์ ภาษาอังกฤษ Sain Valentine มีความหมายในการดำรงตน เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก และความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างจริงใจ แต่ชีวิตของเขากลับจบด้วยโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 ในจักรวรรดิโรมัน Claudius ll 

 

เคยมีเทศกาล “เฆี่ยนขอลูก” ของชาวโรมัน ในทุก ๆ กลางเดือนกุมภาพันธ์ 

ก่อนมีวันวาเลนไทน์ ในช่วงกลางเดือน ระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ จะมีประเพณี Lupercalia พิธีแพะ แกะ และสุนัข เพื่อเฉลิมฉลอง และนำหนังสัตว์เหล่านั้นมาเฆี่ยนตีผู้หญิง ตามหลักความเชื่อว่าจะทำให้พวกเธอมีลูกเพื่อสืบพันธุ์ได้ แต่เมื่อมีการประกาศให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์อย่างเป็นทางการ ในศตวรรษที่ 15 เทศกาล Lupercalia ก็ค่อย ๆ ลดน้อยลงไป 

 

Cupid น้อย หน้าตาจิ้มลิ้มที่จริงเป็นเทพเจ้าแห่งความรักของกรีก 

ชื่อเดิมของ Cupid คือ Eros ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวกรีกคุ้นเคยกันดี แต่ชาวโรมันเชื่อว่า คิวปิด คือ บุตรชายของ Venus เทพีแห่งความรัก และ เทพคิวปิด มีลูกธนู 2 หัว โดยหัวด้านหนึ่งจะทำให้คนรักกัน ส่วนหัวธนูอีกด้านจะทำให้คนเกลียดกัน ส่วนเทพคิวปิดที่เป็นเทวดาเปลือยกายตัวน้อยหน้าหวาน ที่เราทุกคนรู้จักและจดจำกันมาถึงปัจจุบันนั้น ได้ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินท่านหนึ่งในยุคที่ด้านศิลปและจิตกรเฟื่องฟู จนได้รับความนิยมและกลายเป็นสื่อตัวแทนแห่งความรัก

สัญลักษณ์หัวใจ แท้จริงเริ่มต้นมาจากพืชชนิดหนึ่ง 

ด้วยเมื่อก่อนการจะใช้สัญลักษณ์แทนแทนรูปหัวเพื่อแสดงถึงความรัก หากใช้ตามรูปลักษณะหัวใจแท้เลยนั้นก็ค่อนข้างจะน่ากลัวเกินไป จึงได้นำลักษณะของพืชชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า ซีลิเนียม (silphium) เป็นพืชที่ใช้สำหรับผสมอาหาร ยาแก้ไอ และใช้เป็นยาคุมกำเนิด เคยถูกพบที่ทวีปแอฟริกา หลังจากที่เชื่อว่ามันได้สูญพันธุ์ไปแล้วในปัจจุบัน

 

นกพิราบ สัญลักษณ์คู่ครองตลอดชีวิต 

ในตำนานเทพกรีกโบราณ นกพิราบ คือนกศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอะโฟรไดท์ (เทพีแห่งความรัก) เพราะนกพิราบ เป็นสัตว์รักเดียวใจเดียว ครองคู่รักคู่เดิม และนกพิราบตัวผู้จะคอยดูแลและเลี้ยงดูตัวเมียหลังจากที่เกิดลูกนกพิราบ 

 

Adult loving couple kissing for the camera on the street

คนในยุคกลางใช้สัญลักษณ์ “X” หมายถึง การจูบ

เนื่องจากคนในยุคกลางส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือไม่ออก จึงมักนำสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้แสดงถึงความรู้สึก และการคำพูดที่ต้องการจะสื่อออกไป โดยคนในสมัยนั้นจะใช้เครื่องหมาย “ X  “ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไม้กางเขน อันเป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ พวกเขาจึงนำมาใช้ในการเขียนเพือสื่อถึงการจูบ X ตัวแทนพระคริสต์แสดงถึงความเคารพและความศรัทธา 

 

การให้ช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ เริ่มจากการตีตลาดทางธุรกิจครอบครัว 

หลังจากที่ Richard Cadbury ได้เข้ามาดูแลธุรกิจช็อกโกแลตของครอบครัว เขาได้ศึกษาและหาสูตรใหม่ ๆ จนได้สูตรช็อกโกแลตออกมาจำหน่ายหลากหลาย ไม่ซ้ำสูตรดั้งเดิม และมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เป็นกล่องสวย ๆ รวมไปถึงกล่องช็อกโกแลตรูปหัวใจ ทำให้กลายเป็นสินค้าที่ขายดีในเทศกาลวาเลนไทน์ เพราะตอบรับกับธีมวันแห่งความรัก อีกทั้งช็อกโกแลตมีสารแห่งความสุข เมื่อกินเข้าไปแล้วช่วยทำให้อารมณ์ดี  อีกทั้งช็อกโกแลตยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้อีกด้วย ทำให้ช็อกโกแลตกลายเป็นอีกไอเทมที่คู่รักมักจะมอบให้กัน เพื่อสื่อถึงความรัก ความปรารถนาต่อกัน 

ใครยังคงตราตรึงกับท่วงท่าและลีลา รวมไปถึงสะใจกับการได้ประกาศศักดาความสามารถของนักกีฬาไทยให้ทั่วโลกได้ประจักษ์บ้างคะ บอกเลยว่า เราคนหนึ่งที่ยังคงวนเวียนย้อนกลับไปดูการแข่งขันเทคบอล หรือ Teqball ที่ทีมชาติไทย ได้นำธงไทย ไปโชว์ทุกสายตาทั่วโลก แสดงศักยภาพนักกีฬาไทย จากการถูกเทียบเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน Taqball World Championships 2022 จนได้เข้าสู่ถึงรอบ Quarter-final ได้สำเร็จ และสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 

 

แม้ว่าจะล่วงเลยมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ความประทับใจและความสะใจยังคงไม่จางหายไปเลย และยิ่งเพิ่มความภูมิใจในความเป็นคนไทยมากขึ้นทุกครั้งที่ย้อนกลับไปดูการแข่งขัน แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้ดีใจไปกว่านั้น คือ ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะนักกีฬาต่างชาติ ต่างหันมาให้ความสนใจกีฬา ตะกร้อไทย เป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่หลายชาตินำไปฝึกฝนกันเลยทีเดียว และนักกีฬาเกาหลีที่ยอมเก็บเงินส่วนตัวบินมาเรียนรู้และฝึกที่สโมสรไทย น่าภูมิใจและน่าอวดใช่ไหมล่ะคะ (หวังว่าคงไม่มีใครออกมาเคลมตะกร้อเป็นกีฬาประจำชาติบ้านเขาอีกนะ) 

ภาพจาก : https://www.facebook.com/teqball/

 

แม้ว่า Teqball จะเพิ่งถูกคิดค้นได้ไม่นาน แต่มีการจัดการแข่งขันระดับโลกมาแล้วถึง 3 รายการ ซึ่งจัดขึ้นโดย Fédération Internationale de Teqball (FITEQ) แต่มันก็ยังไม่บูมเปรี้ยงปร้าง จนกระทั่งนักกีฬาไทยของเราได้ไปเข้าร่วมการแข่งขันเมื่อปีที่ผ่าน และได้ไปวาดลวยลาย ตีลังกาฟาดไม่ยั้ง โดยเฉพาะท่าซันแบ็ค จากทีมไทย สร้างความตื่นเต้นให้ชาวต่างชาติตกตะลึงและทึ่งเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งนักกีฬาระดับโลกอย่าง โรนัลดินโญ่ (Ronaldinho) ผู้ที่ถูกให้เป็นคนเปิดตัวกีฬาชนิดนี้ขึ้นในบูดาเปสต์เมื่อปี 2016 ยังตื่นเต้น และออกปากชื่นชม แถมยังบอกว่าเขาเองยังทำไม่ได้เท่านักกีฬาไทย!! โอ๊ยยย ปลื้มปริ่มน้ำตาจะไหล ร่ายมายาวขนาดนี้ แต่เชื่อว่ายังมีคนไทยอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักกีฬาเทคบอล เราจึงจะมาชวนทุกคนทำความรู้จักกับกีฬาชนิดนี้ เพราะไม่แน่ว่า เราอาจได้เห็นนักกีฬาไทยเป็นแชมป์โลกกีฬา Taqball ในอนาคต 

ภาพจาก : https://www.facebook.com/teqball/

 

Teqball คืออะไร 

Teqball หรือ เทคบอล คือ เกมการเล่นฟุตบอลบนโต๊ะกระดานที่คล้ายกับโต๊ะปิงปอง แต่ถูกออกแบบให้โค้งเป็นพิเศษ ซึ่งจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝั่งด้วยกัน คอยส่งบอลกันไปมาโดยมีที่กั้นตรงกลางคล้ายตาข่ายโต๊ะปิงปอง โดยห้ามมีการสัมผัสตัวผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามและโต๊ะโดยเด็ดขาด 

 

หรือถ้าพูดแบบให้เข้าใจง่าย ๆ ลักษณะการเล่นของ teqball คือ การผสมผสานระหว่างารเล่นฟุตบอล และ ปิงปอง เข้าด้วยกัน แต่นักกีฬาไทยเราเล่นแบบนำเซปักตะกร้อ มายำรวมลงไปแล้วคลุกเคล้าให้รสมันนัวมากขึ้นจนกลายเป็นสีสันของการเล่นเทคบอลแบบไทยสไตล์ โดยใช้ลูก ฟุตบอล แทนลูกตะกร้อ นั่นเอง

 

 ส่วนโต๊ะเทคบอลก็มีการดัดแปลงมาจากโต๊ะปิงปองให้ปลายขอบโต๊ะทั้งสองฝั่งมันงอลง จนกลายเป็น teq

ภาพจาก : https://sportmarketingtagozat.hu/hirek/borsanyi-gabor-merjunk-vegre-nagyot-almodni/

 

ใครเป็นผู้คิดค้น Teqball 

Teqball ได้กำเนิดขึ้นโดยชาวฮังการีในปี 2012 จากผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล 3 คน ด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นคือ Gábor Borsányi ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสมาคม Teqball ในปัจจุบัน (อดีตนักฟุตบอลอาชีพ) ร่วมกับ นักธุรกิจชาวฮังการี György Gattyán และ Viktor Huszár ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  

 

จุดเริ่มต้นของ Teqball 

ถึงแม้ว่า กาบอร์ บอร์ซานีย์ จะเกษียณอาชีพฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กีฬาฟุตบอลยังคงเป็นสิ่งที่เขาหลงไหลเสมอมา เขามักจะเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ เมื่อมีโอกาสเสมอ จนกระทั่งได้เกิดความคิดการเล่นฟุตบอลที่ใสสะอาดที่สุด คือ Teqball ขึ้นมา ในปี 2014 และได้มีการจัดการแข่งขัน Teqball World Cup ครั้งแรกในปี 2017 โดยมีชาติเข้าร่วมทั้งหมด 20 ประเทศด้วยกัน 

ภาพจาก : https://www.facebook.com/teqball/

 

ทำไมโต๊ะ Teqball ถึงต้องโค้งพิเศษ

สาเหตุที่โต๊ะเทคบอลโค้งลง มาจากทื่ กาบอร์ (Gábor Borsányi) เล่นฟุตบอลบนโต๊ะปิงปองกับเพื่อน ๆ แต่การหักเหและทิศทางของลูกบอลกลับไม่ให้ความร่วมมือ เพราะมันกระดอนกระเด้งไปทิศทางอื่น ยกเว้นกระดอนเข้าลงเท้ากาบอร์และกลุ่มเพื่อน ด้วยลักษณะของโต๊ะปิงปองที่ราบเป็นแนวนอน เพราะถูกออกแบบเพื่อใช้เล่นเทเบิลเทนนิส  กาบอร์ จึงออกแบบให้โต๊ะสโลปลง โดยร่วมมือกับ วิกเตอร์ (Viktor  Huszár) ทำโต๊ะให้มีพื้นผิวโค้ง ช่วยส่งทิศทางลูกบอลให้ลงเท้าผู้เล่นได้ในที่สุด จนกลายมาเป็นโต๊ะ teqball ที่ใช้เล่นกันในขณะนี้ 

 

ลูกบอลชนิดที่ใช้ใดในกีฬา tagball และแรงดันของลูกเทคบอลคืออะไร 

 

ลูกฟุตบอล เบอร์ 5 มีแรงดันต่ำกว่าลูกฟุตบอลทั่วไป อยู่ที่ระหว่าง 0.3-0.5 ซึ่งจะมีแรงดันต่ำกว่าลูกฟุตบอลทั่วไป  

ภาพจาก : https://www.facebook.com/TeqballAssociationofthailand/

Teqball ใช้ผู้เล่นกี่คน

การเล่นเทคบอลจะมีการแบ่งผู้เล่นออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 

  1. Teqball Singles คือ มีผู้เล่น 2 คน โดยแบ่งออกเป็นฝั่งละ 1 คน 
  2. Canadian Doubles คือ มีผู้เล่น 3 คน แบ่งออกเป็น 2 ทีม โดยทีมหนึ่งมีผู้เล่น 2 คน และอีกทีมมีผู้เล่น 1 คน 
  3. Doubles คือ มีผู้เล่น 4 คน แบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมละ 2 คน 

 

Teqball ใช้กฏกติกาแบบไหน

เนื่องจากอุปกรณ์การเล่น teqball มีเพียงแค่โต๊ะและลูกฟุตบอลเท่านั้น ทำให้กฏกติกาการเล่น teqball มีเพียง 4 ข้อเท่านั้น ได้แก่ 

  1. ผู้เล่นสามารถสัมผัสลูกบอลได้เพียง 3 ครั้ง ก่อนจะส่งไปยังฝั่งตรงข้าม 
  2. ห้ามสัมผัสโต๊ะ teqball และ คู่ต่อสู้ 
  3. ผู้เล่นไม่สามารถสัมผัสลูกบอลด้วยร่างกายส่วนเดียวกัน 2 ครั้งติดกัน 
  4. ในเกมเดียวกัน ผู้เล่นไม่สามารถส่งบอลกลับด้วยส่วนของร่างกายเดียวกันมากกว่า 2 ครั้งติดต่อกัน  

 

ถึงจะมีกฏกติการ teqball แค่ 4 ข้อ แต่นับว่าเป็นการเพิ่มแอดวานซ์ให้กับผู้เล่นเป็นอย่างมาก เพราะจากกฏที่ห้ามใช้อวัยวะส่วนเดิมสัมผัสลูกบอลซ้ำกัน ทำให้นักกีฬาต้องเล่นไปด้วยและจดจำว่าได้ใช้ร่างกายส่วนไหนไปแล้วก่อนหน้านี้ และจะต้องใช้อวัยวะส่วนใดต่อไปเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน เรียกได้ว่า กฏน้อยแต่มากทักษะ สุด ๆ ใครจะเล่นกีฬาชนิดนี้ก็ต้องฝึกสกิลการประสานงานระหว่างสมองและร่างกายให้ดีเลยล่ะ 

 

วิธีการเล่น Teqball 

  1. ในแต่ละเกมจะเล่นกันทั้งหมด 3 เซ็ต เล่นกันไปจนกว่าใครทำได้ 12 แต้มก่อน ก็จะเริ่มเซ็ตใหม่ 
  2. การเสิร์ฟบอลจะต้องยืนหลังโต๊ะ แล้วเตะบอลให้ตกลงไปยังบริเวณโต๊ะของอีกฝ่าย 
  3. มีโอกาสเสิร์ฟได้ 2 ครั้ง หากเสิร์ฟไม่ผ่านหรือเสิร์ฟเสีย แต่ถ้าเสิร์ฟพลาดทั้ง 2 ครั้งก็จะเสียคะแนนให้อีกฝ่าย
  4. เปลี่ยนผู้เสิร์ฟทุก ๆ 4 แต้ม 
  5. การแข่งเดี่ยว ผู้เล่นจะต้องมีการสัมผัสบอล 3 ครั้ง ก่อนส่งบอลไปให้อีกฝ่าย ส่วนการแข่งทีมที่มีผู้เล่น 2 คน ผู้เล่นทุกคนจะต้องมีการสัมผัสบอลอย่างน้อย 1 ครั้ง ก่อนส่งบอลให้ฝ่ายตรงข้าม ห้ามสัมผัสบอลเพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสียคะแนนให้อีกฝ่ายไปทันที
  6. การส่งบอลกลับต้องให้ลูกบอลตกลงบริเวณโต๊ะคู่ต่อสู้ หากลูกบอลไม่สัมผัสโต๊ะก็จะเสียคะแนน
  7. ห้ามผู้เล่นสัมผัสโต๊ะ teqball เพื่อนร่วมทีม และคู่ต่อสู้  หากมีการสัมผัสสิ่งใดดังกล่าว จะเสียคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามไป 
  8. กรณี เอดจ์บอล คือ ลูกบอลกระทบข้างโต๊ะ หรือขอบโต๊ะ กรรมการจะให้เล่นใหม่ในแต้มนั้น 
ภาพจาก : https://www.facebook.com/TeqballAssociationofthailand/

ทำอย่างไรจึงจะเป็นฝ่ายชนะเทคบอล 

การแข่ง teqball จะเล่นกัน 3 เซ็ต โดยแต่ละเซ็ตจะเล่นจนกว่ามีทีมทำได้ 20 คะแนนก่อน จะเป็นฝ่ายได้เซตนั้นไป และทีมที่ชนะ 2 ใน 3 เซ็ต จะเป็นฝ่ายชนะเกม 

 

ทำไมเทคบอลถึงได้รับความนิยมมากขึ้น 

จากการเล่น teqball อนุญาตให้ใช้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายได้ แต่การเล่นแบบดั้งเดิม ผู้เล่นส่วนใหญ่จะเน้นการเดาะด้วยศีรษะ หน้าอก และเท้า ในการรับส่งลูกบอล แต่ทีมไทยของเราได้สร้างสีสันทำให้เกมดูตื่นเต้น และเร้าใจยิ่งขึ้น ด้วยทักษะการเล่นตะกร้อ กีฬาไทยที่อยู่ในสายเลือดมาช้านาน ทำให้ชาวต่างชาติเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้เหมือนไทยมากขึ้น ทั้งลีลาการใช้เท้า ตีลังกาหวดลูก ไม่แน่ว่า การแข่งเทคบอลโลกในครั้งหน้า เราจะได้ชมและเชียร์กันอย่างมันส์หยดติ๋ง เพราะเทคบอลจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป หลังจากที่ทีมไทยได้ไปสร้างตำนานและปลุกกระแสตระกร้อไทยสู่สายตาชาวโลก! 

 

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยที่กำลังซุ่มซ้อมเพื่อเตรียมตัวเดินสายไปแข่งอีกหลายแห่ง รวมถึงที่ดูไบเร็ว ๆ นี้!

เข้าปี 2566 กันอย่างเต็มตัวแล้ว ปีนี้มีวันหยุดวันไหนบ้างนะ เดือนไหนมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง วันหยุดราชการ วันหยุดธนาคาร หรือวันหยุดเอกชนตรงกับวันไหนบ้าง จะได้วางแผนเที่ยวจะไปเที่ยวไหนดี เตรียมสมุด ปากกามาวง มาจดกันให้พร้อม เพราะเรานำวันหยุด ปี 2566 มากองรวมไว้ในบทความนี้แล้ว 

วันหยุดเดือนมกราคม 2566 January 

  • วันอาทิตย์ ที่ 1 ม.ค.   : วันขึ้นปีใหม่   
  • วันจันทร์ ที่ 2 ม.ค.  : ชดเชยวันขึ้นปีใหม่ 

วันหยุดเดือนมีนาคม 2566  March 

  • วันจันทร์ ที่ 6 มี.ค. : วันมาฆบูชา 

วันหยุดเดือนเมษายน 2566 April 

  • วันพฤหัสบดี ที่ 6 เม.ย. : วันจักรี 
  • วันพฤหัสบดี ที่ 13 เม.ย. : วันสงกรานต์ 
  • วันศุกร์ ที่ 14 เม.ย. : วันสงกรานต์ 
  • วันเสาร์ ที่ 15 เม.ย. : วันสงกรานต์ 

วันหยุดเดือนพฤษภาคม 2566 May 

  • วันจันทร์ ที่ 1 พ.ค. : วันแรงงานแห่งชาติ 
  • วันพฤหัสบดี ที่ 4 พ.ค. : วันฉัตรมงคล 
  • วันศุกร์ ที่ 5 พ.ค. : วันหยุดราชากรพิเศษ (ครม.เพิ่มวันหยุดราชการพิเศษ ได้หยุดยาว 4 วันติด) 

วันหยุดเดือนมิถุนายน 2566 June 

  • วันเสาร์ ที่ 3 มิ.ย. : วันวิสาขบูชา และ วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี 
  • วันจันทร์ ที่ 5 มิ.ย. : วันหยุดชดเชยวันวิสาขบูชา 

วันหยุดเดือนกรกฎาคม 2566 July 

  • วันศุกร์ ที่ 28 ก.ค. : วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.10) 

วันหยุดเดือนสิงหาคม 2566 August 

  • วันอังคาร ที่ 1 ส.ค. : วันอาสาฬหบูชา 
  • วันพุธ ที่ 2 ส.ค. : วันเข้าพรรษา 
  • วันเสาร์ ที่ 12 ส.ค. : วันแม่แห่งชาติ 
  • วันจันทร์ ที่ 14 ส.ค. : วันหยุดชดเชยวันแม่แห่งชาติ 

วันหยุดเดือนตุลาคม 2566 October 

  • วันศุกร์ ที่ 13 ต.ค. : วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 
  • วันจันทร์ ที่ 23 ต.ค. : วันปิยมหาราช 

วันหยุดเดือนธันวาคม 2466 December 

  • วันอังคาร ที่ 5 ธ.ค. : วันพ่อแห่งชาติ 
  • วันอาทิตย์ ที่ 10 ธ.ค. : วันรัฐธรรมนูญ 
  • วันจันทร์ ที่ 11 ธ.ค. : วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ
  • วันอาทิตย์ ที่ 31 ธ.ค. : วันสิ้นปี 

 

รู้วันหยุดตลอดปีนี้กันไปแล้ว จะได้วางแผนเที่ยวให้ดี บุคตั๋ว บุคโรงแรม บุคแฟน บุคก๊วนเพื่อน กันไว้ ลิสต์สถานที่น่าเที่ยว จะบินไปชิลล์เมืองทะเล โดดลงเล่นน้ำตก หรือไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ บุควันหยุดแล้วเตรียมลากกระเป๋า ไปพักผ่อนชาร์จพลังใจ ให้มีแรงสู้กันต่อตลอดปี 2566 กันน๊าา 

 

“Follow your passion” วลีเด็ดที่มีอิทธิพลต่อการผลักดันให้ใครได้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่รักมาแล้วมากมาย แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลย ที่ต้องการเดินไปจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะหมด Passion  

Stressed Asian girl resting her head on a laptop

การหมด Passion คืออะไร 

ถ้าให้แปลตรงตัวเลย Passion แปลว่า ความหลงไหล ดังนั้น Passion ในการทำงาน จึงหมายถึง การมีความหลงไหล มีความรักและกระตืนรืนร้นในงานที่ทำ ในขณะที่การหมด Passion แปลว่า หมดความกระตือรือร้นในงานที่ทำ หรืองานมันน่าเบื่อจนไม่อยากทำอีกต่อไป 

 

การหมด Passion สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสิ่ง ทั้งการหมด Passion ในการทำงาน การเรียน ความรัก หรือหมด passion ในการใช้ชีวิต ซึ่งเคยมีคนกล่าวว่า การตามหา Passion นั้นยาก แต่การรักษา Passion ยากกว่า และจะยากมากยิ่งขึ้น หากเราต้องดูแลและรักษา Passion ให้กับคนอื่น โดยเฉพาะสำหรับผู้นำ หรือผู้ที่ต้องทำหน้าที่อย่าง HR หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล ที่ต้องคอยประคองในส่วนนี้ไว้ให้กับพนักงาน เพราะการหมด Passion ในการทำงาน ย่อมส่งผลกระทบต่อองค์กรอย่างแน่นอน 

Passion กับ Burnout แตกต่างกันยังไง 

การหมด Passion จะแตกต่างกับ Burnout ตรงที่ อาการของ Burnout คือ ความทุกข์ทรมานจากการเหนื่อยล้าทางจิตใจและอารมณ์ จนนำไปสู่การหมด Passion ได้ แต่ถ้าเริ่มจากที่ Passion หายไป ก็อาจไม่ได้ทำให้เกิดอาการ Burnout ตามมา แต่เป็นเพียงแค่ความชอบ ความตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันหมด และไม่สนใจในสิ่งนั้นอีกต่อไป 

ทำไมพนักงานจึงหมด Passion 

สาเหตุการหมด Passion ในการทำงานมีได้หลากหลายและแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเพราะว่างานน่าเบื่อ แต่เป็นเพราะ ตัวบุคคล ต่างหาก ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้พนักงานหมดความรู้สึกร่วมกับสิ่งที่ทำอยู่  

 

  1. นั่งทำงานไปวัน ๆ 

การที่สมองได้รับรู้เรื่องราวเดิม ๆ เจอกับสิ่งเดิม ๆ ซ้ำซาก จนกลายเป็นความน่าเบื่อ ที่เข้าสู่สภาวะ Auto pilot โดยคำนี้เป็นคำที่ใช้ในวงการนักบินอวกาศ ซึ่งเป็นการที่นักบินปล่อยให้ยานอวกาศเข้าสู่โหมดบินเองโดยอัตโนมัติ การนำมาเปรียบเทียบกับระบบการทำงาน หมายถึงการทำงานแบบไม่มีเป้าหมาย ไร้ passion เป็นการทำงานให้เสร็จ ๆ ไปเท่านั้น ในแต่ละวัน 

 

  1. รู้สึกว่าตนไร้คุณค่า 

ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทใดก็ตาม หากผู้บริหาร หรือ เจ้าของกิจการ ไม่มีการส่งเสริมให้พนักงานรู้สึกว่าตนมีคุณค่า หรือเสริมสร้างกำลังใจให้กับคนทำงาน ก็สามารถบั่นทอนจิตใจพนักงานให้หมดแพชชั่นในการสรรสร้างผลงาน ก็เหมือนกับที่คุณทำสิ่งดี ๆ ให้ใครสักคน แต่กลับไม่มี feedback หรือแม้แต่คำ ขอบคุณ กลับมา ถามว่า คุณจะยังอยากทำดีกับคนนั้นในครั้งต่อไปอีกไหม 

 

  1. ไม่มีการเติบโตของสายงาน 

การเติบโตในหน้าที่การงาน เป็นสิ่งจำเป็นมากในการรักษา Passion ของพนักงาน เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้แพชชั่นของคนทำงานหมดไป จนต้องลาออกหรือไปหางานใหม่ คือ การที่รู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสได้เติบโตในสายงานของตนแน่ ๆ หากยังคงอยู่ต่อไป จึงหมดกำลังใจและไม่มีแรงผลักดันที่จะพัฒนาตนให้กับสิ่งที่ทำไปก็เสียเวลา ดังนั้น การเติบโตในหน้าที่การงาน การได้รับเลื่อนตำแหน่งหรือเงินเดือน จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ความภูมิใจ แต่มันเป็นสิ่งกระตุ้นชั้นดีที่จะช่วยให้พนักงานเกิดแรงปรารถนาพัฒนาตัวเอง 

 

  1. ได้รับค่าจ้างต่ำเกินไป 

ค่าจ้างในที่นี้ไม่ได้หมายถึง จำนวนเงินที่ได้รับ แต่หมายถึง ค่าจ้างที่ได้รับต่ำกว่าความพยายามของพนักงานคนนั้น ความทุ่มเท ความคอยพัฒนาตนเอง ความให้การใส่ใจ แต่ผลตอบแทนที่ได้ ไม่เพียงแต่เฉพาะเม็ดเงินที่ได้ต่ำกว่าความเหนื่อยยากจนไม่มีความคุ้มค่าแล้ว แต่ยังเป็นการตอกย้ำให้พนักงานรู้สึกถึงการไม่มีคุณค่าในตนเอง จนรู้สึกได้ว่าตนนั้นไม่มีค่าพอต่อองค์กร จนทำให้รู้สึก Burnout และหมด Passrion ในการทำงานต่อไป 

 

  1. หมดพลังงานในการทำงาน 

จุดเริ่มต้นของ Burnout เพราะจากทุกข้อที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ สะสมจนกลายเป็นความทุกข์ทรมานทางความรู้สึกและจิตใจ ทำให้พลังงานในการทำงานลดลง และหมด Passion ที่จะอยู่ต่อ เพราะสมองเริ่มต่อต้าน ในขณะที่สภาพจิตใจก็ไร้สิ่งเยียวยา  

สังเกตได้อย่างไรว่าพนักงานหมด Passion 

  1. คิดอะไรใหม่ ๆ ไม่ออก เพราะสมองไม่ผ่อนคลาย อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกต่อต้าน หมดกำลังใจ ไม่เห็นโอกาสที่ดี ในขณะที่มีแต่อุปสรรคและการบีบคั้น ทำให้ไม่มีกำลังใจที่จะคิดอะไรใหม่ ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ 

 

  1. ทำงานสักแต่ให้เสร็จ พนักงานที่หมด Passion จะทำใส่ใจในการทำงานน้อยลง ความทุ่มเทที่เคยมีให้ก็น้อยลง ความคิดสร้างสรรค์ผลงานน้อยลง และไม่ใส่ใจหรือรู้สึกเดือดร้อน หากจะมีใครทำงานได้ดีกว่า แค่สักแต่ทำงานของตนให้เสร็จ ๆ ไปเท่านั้น 

 

  1. เหน็ดเหนื่อย หมดพลัง มีความเครียด คนที่หมด Passion จะหมดความรู้สึกสนุก ความตื่นเต้น ความต้องการสำเร็จในปลายทาง เพราะเบื่อหน่ายกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หมดพลัง รู้สึกเหนื่อยหน่าย จนกลายเป็นความเครียด 

 

หมด Passion ในการทำงาน ทำไงดี 

  1. ไม่ต้องตามหา Passion แค่หาคุณค่าในตนเองก็พอ 
  2. Passion ไม่จำเป็นต้องมีกับงานประจำ แต่ passion ที่ดีอาจอยู่ที่งานอดิเรกก็ได้ 
  3. ลองเปลี่ยนไปทำอะไรใหม่ ๆ อาจพบ Passion ที่ทำให้ภูมิใจในคุณค่าของตนเอง 
  4. หากหมด Passion จากการ Burnout อย่าทนจนหมดพลังในการหาแพชชั่นใหม่ ๆ 
  5. พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจให้มากพอ ชาร์จพลังให้เต็มที่ เพื่อจะได้พร้อมในการหา Passion ใหม่ ๆ 

เป้าหมาย คือ สิ่งที่ทำให้เรามุ่งตรงไปยังจุดหมาย โดยมี Passion ในการทำงาน เป็นแรงผลักดัน ส่งเสริมให้ผลงานออกมาดี และถึงปลายทางได้อย่างประสบความสำเร็จ องค์กรที่ประสบความสำเร็จ มักจะให้ความสำคัญในการสร้าง feedback แก่พนักงาน เพราะความสำเร็จของพนักงาน คือ ความสำเร็จขององค์กรเช่นกัน 

สิ้นสุดการรอคอย กับเทศกาลงานบุญประจำปี ประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ พระบาทพลวง จันทบุรี ประเพณีสำคัญของพุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาแสวงบุญ เราขอแจ้งข่าวดีว่า ทริปสายบุญของผู้มีจิตศรัทธากลับมาแล้ว โดยทางเขาคิชฌกูฏจะมีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงได้แล้วในปี 2566 เริ่มเข้าสู่ศักราชใหม่ ก็มีข่าวดีให้สายบุญได้เฮกันตั้งแต่ต้นปีแล้ว  

เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี 66 เปิดวันไหน 

ในปี 2566 นี้ ประชาชนสามารถขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม – 22 มีนาคม 2566 โดยจะมีพิธีปิดป่าและเปิดงาน ในวันที่ 20 มกราคม 2566 

ขอบคุณภาพจาก : https://en.wikipedia.org/

วิธีการเดินทางไปเขาคิชฌกูฏ 

  1. รถยนต์ส่วนตัว : สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลไปเขาคิชฌกูฏ เส้นทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) โดยเริ่มต้นที่สนนศรีนครินทร์ กรุงเทพ ผ่านอำเภอบ้านบึง มุ่งสูอำเภอแกลง เมื่อเจอสามแยกแกลงให้เลี้ยวซ้าย ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 จนถึงจันทรบุรี รวมระยะทางประมาณ 230-250 กิโลเมตร เมื่อถึงพระบาทพลวงต้องจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดด้านล่าง จากนั้นจะมีรถให้บริการขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏจันทบุรี ด้วยทางขึ้นลาดชันและเป็นถนนลูกนรังตลอดทาง เพื่อความปลอดภัยของผู้มาแสวงบุญ อีกทั้งเขาพระบาทเป็นพื้นที่อุทยานจึงไม่สามารถนำรถส่วนบุคคลขึ้นไปข้างบนได้
  2. รถโดยสาร : รถโดยสารที่ทาง ขสมก.จัดไว้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเขาคิชณกูฏโดยเฉพาะ ซึ่งเดินทางกรุงเทพ ถึง วัดกระทิง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี
  3. รถตู้รับส่ง บริษัทเอกชน
ขอบคุณภาพจาก : https://www.bangkokpost.com/

วิธีขึ้นไปบนยอดเขาพระบาท 

เนื่องจากไม่สามารถนำส่วนบุคคลขึ้นไปได้ ทำให้การขึ้นไปถึงยอดเขาพระบาท มี 2 วิธี ได้แก่ 

  1. ใช้บริการรถรับส่ง มี 2 จุดขึ้นรถ ได้แก่ วัดพลวง และ วัดกะทิง 
  2. การเดินเท้า 

 

ระยะเวลาในการเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏจันทบุรีกี่ชั่วโมง 

สำหรับใครที่มีจิตศรัทธาแรงกล้า ต้องการจะไปสักการะรอยพระพุทธบาทด้วยการเดินเท้าขึ้นไป จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง ซึ่งนับว่ามีคนจำนวนมากเลยทีเดียวที่เลือกจะเดินเท้าขึ้นไปถึงยอดเขา ซึ่งรวมไปถึงผู้ที่เคยมาทำการสักการะแล้วมีการบนบานไว้ จะกลับมาสักการะอีกครั้งด้วยการเดินเท้าขึ้นไปถึงยอดเขาพระบาท แต่สำหรับใครที่ต้องการใช้บริการรถรับส่ง จะมีคิวรถที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งใช้เวลานั่งรถประมาณ 15 นาที เท่านั้น 

 

 

การลงทะเบียนขึ้นเขาคิชฌกูฏจันบุรี 2566 

ตั้งแต่เกิดการระบาดโรคโควิด-19 ทำให้การขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ณ เขาคิชฌกูจต้องมีการลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ ที่แอป KCKQue เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดของผู้คน ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรค ซึ่งปีนี้ ทางแอปพลิเคชั่นก็ยังคงเปิดให้ทำการลงทะเบียน แต่สำหรับใครที่ไม่ได้จองคิวมาก่อนล้วงหน้า ก็สามารถไปลงทะเบียนที่หน้างานได้เช่นกัน 

 

ขั้นตอนการจองคิว เขาคิชฌกูฏ 

  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน KCKQue 
  2. กดเลือกเมนู ข้อมูลการจองคิว 
  3. เลือก เพิ่มข้อมูลการจอง 
  4. เลือกรูปแบบในการขึ้นเขา เดินเท้า หรือ จองคิวรถบริการตามจุดที่ต้องการ 
  5. เลือกวัน เวลาที่ต้องการขึ้นเขาคิชฌกูฏ 
  6. เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วน จะได้ QR Code ซึ่งเป็นบัตรจองคิวขึ้นเขาคิชฌกูฏ โดยให้นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในวันที่เดินทางขึ้นเขาพระบาท 

 

การจองคิวลงทะเบียนสามารถทำได้วันละไม่เกิน 5 ใบจอง และมีผู้ติดตามไม่เกิน 50 คน / ใบจอง ซึ่งจะต้องเดินทางในวันและเวลาตามที่ได้ทำการจองไว้ 

หลายคนรู้กันดีว่า การดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนในตอนเช้านั้นดีต่อสุขภาพ แล้วถ้าบีบน้ำมะนาวใส่ลงไปด้วยล่ะ การดื่มน้ำมะนาวตอนเช้า มีประโยชน์และส่งผลดีต่อร่างกายอย่างไร ใครที่รักสุขภาพ คงต้องรู้ข้อมูลต่อไปนี้ไว้บ้างแล้วค่ะ

 

  1. ระบบคุ้มกันและปรับค่า pH ในร่างกาย

มะนาวขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ป้องกันหวัดได้ดี และการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นเป็นประจำ จะช่วยปรับค่า pH ลดความเป็นกรดในเลือด โดยเฉพาะกรดยูริก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดและอักเสบ เพราะในมะนาวจะมี Alkaline Water ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง และยังช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน

 

  1. ระบบย่อยอาหาร

การดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้าช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้ดี แต่ถ้าเพิ่มน้ำมะนาวลงไปในน้ำอุ่น จะยิ่งไปช่วยเสริมทัพ เพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี แถมน้ำมะนาวยังช่วยกำจัดกรดและสารต่าง ๆ ที่ตกค้างในร่างกาย ทำให้ตับสะอาดอีกด้วย

  1. ระบบขับถ่าย 

น้ำมะนาวช่วยดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย และในเปลือกมะนาวมีคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยลดความอยากอาหารได้ เหมาะต่อการใช้เป็นสูตรลดความอ้วน โดยการบีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น 1 แก้ว และแช่เปลือกมะนาวลงไปด้วย แช่ไว้สักพักแล้วจึงนำมาดื่ม ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และส่งผลต่อการลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น 

  1. กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

เพราะคอลลาเจนเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่ควรขาด โดยเฉพาะเพศหญิง เพราะถ้าผิวขาดคอลลาเจนเมื่อไร ผิวแห้งเหี่ยว แลดูไม่สวยงาม แต่ถ้าอยากมีผิวเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย ไม่ควรพลาดกับการดื่มน้ำมะนาวอย่างสม่ำเสมอ โดยกินมะนาวให้ได้ 1 ถ้วยตวงทุกวัน จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น นอกจากผิวสวย อ่อนเยาว์  คอลลาเจนยังช่วยชะลอความเสื่อมของผนังเลือด กระดูกอ่อน และเอ็นข้อต่าง ๆ ด้วย

  1. เติมความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

สำหรับใครที่มีสภาพผิวแห้ง หรือช่วงไหนที่ผิวแห้งกร้าน การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น 1 แก้วหลังตื่นนอนเป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมามีความชุ่มชื้น เนื่องจากน้ำมะนาวจะเข้าไปเติมเต็มของเหลวในร่างกายที่ขาดให้กลับมามีสภาพปกติ 

 

  1. ช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น

แทบทุกคนเมื่อตื่นนอนตอนเช้ามักจะมีกลิ่นปาก การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นสักแก้วหลังตื่นนอน จะช่วยบรรเทากลิ่นปากให้ลดลง และดื่มน้ำมะนาวหลังแปรงฟันอีกรอบ จะช่วยให้ลมหายใจสดชื่น แถมน้ำมะนาวยังช่วยลดอาการปวดฟันได้ด้วย 

 

  1. บำรุงผิวพรรณจากภายใน

วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมะนาว ช่วยลดริ้วรอยสิว แก้ปัญหาผิวมัน ขจัดแบคทีเรียชนิดที่ก่อให้เกิดสิว และช่วยให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก หรือใช้มะนาวเพื่อให้แผลเป็นจางลง ด้วยการนำมะนาวมาใช้กับแผลเป็นโดยตรงก็ได้เช่นกัน

สำหรับใครที่ปลูกต้นไม้ไว้ที่บ้านหรือในคอนโด แล้วจำเป็นต้องทิ้งบ้านหลายวัน ไม่มีใครคอยรดนำและดูแลต้นไม้ให้ หรือแม้แต่ช่วงสัปดาห์ที่งานยุ่ง จนไม่มีเวลาปลีกตัวมาดูแลต้นไม้แสนรักได้ ทำอย่างไรให้ต้นไม้ไม่ยืนต้นตาย หรือแห้งเหี่ยวเพราะขาดการดูแล เรามีวิธีการดูแลต้นไม้แบบไม่รดน้ำต้นไม้ 2 อาทิตย์ ก็ยังอยู่รอดปลอดภัย สำหรับใครที่กำลังจะต้องทิ้งบ้านไปทำธุระ หรือเดินทางไปฉลองเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ ทำอย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ  

ต้นไม้ขนาดเล็ก / ต้นไม้กระถาง

ต้นไม้ขนาดเล็ก / ต้นไม้กระถาง

ไม้พันธุ์เล็ก หรือไม้กระถาง เช่น บอนไซ ไม้ดัด ไม้พุ่มเตี้ยต่าง ๆ หลังจากรดน้ำจนชุ่มแล้ว ให้นำถาดหรือจานรองมาวางใต้กระถาง แล้วใส่น้ำลงบนถาดให้เต็ม แล้วนำแก้วหรือภาชนะโปร่งแสงมาครอบไว้ เพื่อรักษาน้ำไว้ภายใน และนำไปวางไว้ในที่แสงแดดส่องถึง หรือใต้ร่มเงาที่แสงแดดส่องรำไร เช่น ข้างหน้าต่าง เป็นต้น 

ต้นไม้ขนาดใหญ่ / ไม้ในสวน 

ต้นไม้ขนาดใหญ่ / ไม้ในสวน 

สำหรับบ้านที่มีพื้นที่สวน หรือสนามหญ้า มีการปลูกต้นไม้ยืนต้น ไม้พุ่มต่าง ๆ ควรติดตั้งระบบให้น้ำอัตโนมัติ ที่สามารถตั้งเวลา และกำหนดปริมาณน้ำได้ หรือถ้ามีทุนทรัพย์มากพอ อาจเลือกระบบที่สามารถกดสั่งรีโมททางโทรศัพท์ได้ยิ่งดี การใช้วิธีนี้จ่วยให้การดูแลต้นในสวนของเราอยู่ได้นาน แม้จะไม่อยู่บ้านเป็นเดือน ๆ ก็ตาม 

กักเก็บน้ำด้วยขวดน้ำพลาสติก / กะละมัง 

นำขวดน้ำพลาสติกขนาดใหญ่กว่ากระถาง (ประมาณ 5 ลิตร) ตัดผ่าครึ่ง นำส่วนก้นใส่น้ำในปริมาณที่กะไว้ว่าน่าจะพอดีตามจำนวนวันที่เราไม่อยู่บ้าน แล้วนำกระถางต้นไม้ซ้อนลงข้างในขวดน้ำ หรือซ้อนลงในกะละมัง เพื่อให้รากต้นไม้สามารถดูดซึมน้ำได้ตลอดวัน แต่ต้องระวังอย่าใส่น้ำจนมากเกินไป หรือใสน้ำสูงเกินไปจนท่วมราก เพราะอาจทำให้เป็นเชื้อราหรือรากเน่าและตายได้ 

ใช้ขวดใส่น้ำปักกระถาง เป็นเครื่องให้น้ำต้นไม้อัตโนมัติ 

นำขวดพลาสติกเจาะรูที่ฝา หรือนำฝาขวดออกแล้วติดกรวยน้ำแบบหยด จากนั้นคว่ำปากขวดลงในกระถางไม่ให้ใกล้รากเกินไป ปักลงให้แน่นเพื่อป้องกันขวดน้ำหลุดและหล่นออกนอกกระถาง สังเกตให้น้ำค่อย ๆ ไหลออกจากขวดช้า ๆ อย่าให้น้ำไหลออกเร็วเกินไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการให้น้ำกับไม้กระถาง ทั้งที่ปลูกในอาคารและนอกอาคาร ส่วนการดูดซึมน้ำจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและปริมาณแดดที่ส่องถึง

ใช้เชือกคายน้ำ / ผ้าคายน้ำ

ใช้เชือกคายน้ำ ผ้าคายน้ำ

การใช้เชือกคายน้ำทำได้โดย วางขวดน้ำให้อยู่สูงกว่าระดับกระถางเล็กน้อย แล้วนำปลายเชือก หรือปลายผ้าด้านหนึ่งใส่ไว้ในขวดน้ำ ส่วนอีกด้านให้ฝังลงในกระถาง เมื่อดินเริ่มแห้ง น้ำในขวดจะค่อย ๆ ซึมผ่านเชือกหรือผ้าลงสู่ดิน และอย่าลืมคำนวณปริมาณให้พอเพียงต่อจำนวนวันที่ไม่อยู่บ้าน

ทริคในการช่วยให้น้ำในขวดไม่หมดเร็วก่อนวันที่จะกลับบ้านคือ รดน้ำในกระถางต้นไม้ให้ชุ่ม ก่อนวันออกเดินทาง จะช่วยประหยัดน้ำในขวด และรักษาระยะเวลาในการให้น้ำต้นไม้ได้ โดยไม่ขาดน้ำจนกว่าวันที่เรากลับมาบ้านค่ะ เพียงเท่านี้เราก็ไปธุระ หรือไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วงต้นไม้แสนรักยืนต้นตาย หรือเหี่ยวแห้งจากลาเราไปแล้วค่ะ

ลมหนาวมาเยือน อาจทำให้ใครหลายคนดีใจที่ไม่ต้องรู้สึกร้อน แต่อากาศหนาว ๆ แบบนี้อาจส่งผลให้บางคนป่วยได้ง่าย รวมไปถึงฝุ่นละอองที่อาจหนาแน่นกว่าปกติ จนต้องหายาหรือสมุนไพรบำรุงปอด แต่อีกสิ่งที่มักจะมาด้วยเสมอเมื่ออากาศเย็น คือ ปัญหาผิวหน้าหนาว หรือเมื่อต้องอยู่ที่มีอากาศแห้งสูง อย่างในห้องแอร์ ทำให้น้ำหล่อเลี้ยงผิวถูกดึงออกไป โดยเฉพาะหน้าหนาว ผิวแห้ง คัน แตกเป็นขุย ผิวอักเสบ และปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ง่าย เรามีวิธีทำให้หน้าชุ่มชื้น ไม่แห้ง และการดูแลผิวหน้าช่วงหน้าหนาวสำหรับผู้ชายและผู้หญิงมาฝากในบทความนี้แล้ว ทำตามได้ไม่ยาก ไปดูกันเลยค่ะ 

อาบน้ำด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม 

ควรอาบน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรอาบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นมากเกินไป เพราะน้ำอุ่นจะยิ่งดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว ทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และไม่ควรอาบน้ำนานเกิน 5-10 นาที เพราะการอาบน้ำนาน ๆ จะไปลดน้ำมันธรรมบนผิว ทำให้ผิวแห้ง กระด้าง และลอกเป็นขุยได้ อีกทั้งควรงดการสครับหรือขัดผิวช่วงอากาศหนาว หรืออาจสครับผิว 2 สัปดาห์ / ครั้ง หากต้องการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ไม่ควรทำบ่อยเพราะการขัดผิวจะดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากผิวด้วยเช่นกัน 

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว 

แม้ว่าน้ำจะยิ่งทำให้ผิวเราแห้งมากขึ้น แถมอากาศหนาว ๆ ก็ทำให้ไม่อยากโดนน้ำเลย แต่เพราะจำเป็นต้องอาบน้ำ ก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่จะไม่พรากน้ำหล่อเลี้ยงผิวไปมากกว่าเดิม และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย เช่น หากเป็นสบู่ก้อน ให้เลือกใช้เป็น สบู่กลีเซอรีน สบู่น้ำมันธรรมชาติ เพราะน้ำมันธรรมชาติและกลีเซอรีนมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นกับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน หรือใช้ครีมอาบน้ำ เลี่ยงการใช้สบู่เคมีอัดก้อนทั่ว เพราะมีสารทำความสะอาที่จะไปชะล้างเอาน้ำมันธรรมชาติบนผิวออกไปด้วย   

ทาครีมบำรุงหลังอาบน้ำทันที

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซับน้ำด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม ๆ พอหมาด ๆ เท่านั้น แล้วรีบลงครีมบำรุงที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้เคลือบผิวและกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวให้มากที่สุด โดยเลือกใช้เป็นครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอด น้ำมันละหุ่ง หรือ เชียร์บัตเตอร์ เป็นต้น เพราะน้ำมันสกัดจากธรรมชาติจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการทาบำรุงในช่วงเช้าและก่อนนอน 

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีมเท่านั้น 

โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีมเท่านั้น เนื่องจากเนื้อครีมจะมีมอยเจอร์ไรเซอร์มากกว่าเจลหรือเซรั่ม ที่จะช่วยเคลือบผิวทำให้น้ำหล่อเลี้ยงไม่ถูกดึงออกไปได้ง่าย ผิวจึงยังคงรักษาความชุ่มชื้นอยู่ได้ตลอดวัน และควรเลือกครีมที่ปราศจากน้ำหอม เพราะแอลกอฮอล์ในน้ำหอมอาจส่งผลให้ผิวเกิดอาการแพ้ และมีอาการอักเสบได้  

พกลิปบาล์มและแฮนด์ครีม 

ริมฝีปากและมือก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องดูแล เพราะเป็นส่วนอวัยวะที่ต้องเผชิญกับอากาศหนาว โดยเฉพาะส่วนบริเวณริมฝีปากที่ไม่มีสิ่งใดปกปิดตลอดเวลาเช่นร่างกาย ทำให้ริมฝีปากแตกแห้งได้ง่าย ทำให้ปากลอกเป็นขุย และอาจรุนแรงจนแสบและไม่สามารถกินอาหารได้ปกติ ดังนั้นจึงไม่ควรลืมใส่ใจดูแลริมฝีปากด้วยการหมั่นทาลิปบาล์มบ่อย ๆ ไม่ควรเลียริมฝีปาก เพราะจะยิ่งทำให้ริมฝีปากแห้งแตกมากขึ้น และการดูแลมือ ควรทาแฮนด์ครีมทันทีหลังล้างมือ เพื่อป้องกันริมฝีปากแตกและมือลอกเป็นขุย แนะนำให้พกลิปบาล์มและแฮนด์ครีมอยู่เสมอ 

เลือกทานอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว 

การเลือกทานอาหารบำรุงผิวก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ และช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ตลอดหน้าหนาว หรือเมื่อต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ควรเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ โดยเน้นทานผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แตงโม บลอกโคลี วอลนัท อโวคาโด้ รวมถึงอาหารที่มีไขมันดี เช่น เต้าหู้ น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน เป็นต้น เพราะเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันธรรมชาติชนิดดีต่อร่างกาย  

ไม่อยู่แต่ในห้องแอร์ 

หากจำเป็นต้องอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ หรือต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ เนื่องมาจากการทำงาน ให้หาโอกาสออกไปสัมผัสกับแสงแดดยามเช้า หรือแสงแดดยามสาย ๆ บ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับอากาศแห้งมากเกินไป และยังช่วยให้ได้รับวิตามินดีจากแสงแดดเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย แต่ถ้าหากเลี่ยงการอยู่ห้องแอร์นาน ๆ ไม่ได้ ควรพกครีมบำรุงที่อุดมไปด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารให้ความชุ่มชื้น เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ทาผิวบ่อย ๆ  

เลือกสวมเสื้อผ้าที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง 

ช่วงหน้าหนาวหรือมีอากาศหนาว จะมีความแห้งและเย็นอยู่ในมวลอากาศ การเลือกเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายเป็นสิ่งอันดับแรก ๆ ที่ทุกคนจะคำนึงเพื่อหามาใส่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย แต่ควรใส่ใจในการเลือกเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย หรือไม่ทำให้ผิวระคายเคือง โดยอาจเลือกใช้เนื้อผ้าจากธรรมชาติ หรือเนื้อผ้าที่ให้ความสัมผัสนุ่ม ไม่บาดผิว เช่น ผ้าคอตตอน