tt ads

ไมเคิล แจ็คสัน (Michael Jackson) หรือแฟนเพลงหลาย ๆ คนมักจะเรียกย่อ ๆ ว่า MJ ผู้ที่ได้รับสมญานาม The King of Pop ราชาเพลงป๊อบ นักร้องผิวสีขวัญใจคนทั่วโลก ก่อนที่จะเป็นตำนานและกลายเป็นตัวตลกของคนบางกลุ่ม 

 

จำได้ว่าไมเคิล แจ็คสัน มาไทยตอนที่คนเขียนยังเป็นเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ ได้มีโอกาสร่วมเวทีกับบทเพลง Heal the World ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต แต่กลับเป็นความรู้สึกประทับใจและไม่เคยลืมมาจวบจนเข้าวัยกลางคน และนั่นทำให้ MJ เป็นศิลปินป๊อบสากลคนแรกที่ชื่นชมและไม่เคยเปลี่ยนข้าง แม้ว่าจะมีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ เกี่ยวกับเขามากมาย วันนี้จึงจะขอกล่าวถึงอดีตราชาเพลงป๊อบ ตำนานที่ใครก็กลบไม่ได้ 

ไมเคิล แจ็คสัน ประวัติที่น่าเศร้า 

ไมเคิล มีชื่อเต็มว่า ไมเคิล โจเซฟ แจ็คสัน (Michael Joseph Jackson) เรียกย่อ ๆ ว่า MJ หรือ Jacko (แจ็คโก้) เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1958 ที่อินเดียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเป็นบุตรชายของ โจเซฟ และ แคทเธอรีน โดย MJ เป็นลูกคนที่ 7 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน

 

ไมเคิล และพี่น้องของเขาเริ่มทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย อีกทั้งยังมีปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยไมเคิลมักจะถูก Joe Jackson หรือ โจเซฟ พ่อของเขาทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงเป็นประจำ เป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจของเขา จนทำให้ไมเคิลเกิดภาวะทางจิตที่เรียกว่า โรค BDD หรือ Body Dysmorphic Disorder คือ โรคคิดหมกมุ่น เป็นภาวะทางจิตที่ผู้ป่วยกังวลกับรูปลักษณ์ของตนเองมากเกินไป อาจคิดว่าตนเองมีหน้าตาหรือรูปร่างที่น่าเกลียด อ้วนเกินไป ดำเกินไป ฯลฯ จนไม่สามารถยอมรับตัวตนในปัจจุบันได้ จนทำให้เกิดความทุกข์ เครียด วิตกกังวล คิดวนซ้ำซาก จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้มีข้อจำกัดต่าง ๆ ในสังคม รวมถึงความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ทำให้ไมเคิลมีภาวะซึมเศร้าตั้งแต่เด็ก แอบร้องไห้คนเดียวบ่อย ๆ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จิตใจเปราะบาง อ่อนไหวง่าย เพียงแค่เขามีสิวขึ้นตอนช่วงเข้าสู่วัยรุ่น MJ ก็ร้องไห้และมีอาการจิตตกอย่างรุนแรง 

ไมเคิล แจ็คสัน ผู้เขย่าวงการเพลงให้สั่นสะเทือน ด้วยยอดขายอัลบัมสูงที่สุดในประวัติการณ์ 

MJ ได้เป็นนักร้องนำวง The Jackson 5 ในขณะที่มีอายุเพียง 7 ปีเท่านั้น และเมื่อไมเคิล แจ็คสัน อายุ 11 ปี เขาก็ได้ออกอัลบั้ม “Got to be There” เป็นอัลบัมเดี่ยวชิ้นแรก แต่กลับเป็นปรากฏการณ์ สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการเพลงเป็นอย่างมาก เพราะเพลงของไมเคิลสามารถไต่ทะยานขึ้นชาร์ตสู่อันดับ 1 ได้สำเร็จถึง 3 เพลงด้วยกัน ก่อนที่จะตามมาด้วยผลงานชุด “Off the Wall” ที่ทำยอดขายได้มากกว่า 20 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ตามมาด้วยอัลบัม “Thriller” ในปี พ.ศ.2525 ทุบสถิติของวงการเพลง ด้วยยอดจำหน่ายสูงถึง 60 ล้านชุด นับว่าเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงที่สุดในประวัติการณ์ และต่อมา ไมเคิลได้ออกอัลบัม “Bad” ในปี พ.ศ.2530 สร้างสถิติอัลบัมที่มีซิงเกิลขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในบิลบอร์ดมากที่สุด 

ไมเคิล แจ็คสัน ศัลยกรรมที่ไม่ต้องการ 

ไมเคิล แจ็คสัน เป็นบุคคลที่มีความอัจริยะทางด้านดนตรีสูง แถมยังมี Stage Performance เป็นเลิศ จนแฟนเพลงทั่วโลกยกให้เขาเป็น The King of Pop ผู้คนต่างชื่นชมและชื่นชอบในผลงานของเขา โดยเฉพาะความสามารถอันโดดเด่น ที่เป็นท่าเต้นประจำตัวของ ไมเคิล แจ็คสัน คือ ท่าลูบเป้า และ Moon Walk ท่า backslide เอกลักษณ์ของ MJ ราชาเพลงป๊อบ และอีกสิ่งที่กลายเป็นสิ่งทำให้เขาสะดุดตาและจดจำของแฟนเพลงมากขึ้น คือ ผิวขาวซีดจนแทบเป็นสีเผือก จมูกแหลม แก้มตอบ คางบุ๋ม ที่ต่างไปจากภาพอดีตนักร้องผิวสี กลายเป็นหนุ่มหน้าหวาน ที่มีสัดส่วนผิดรูปทรง ไม่สมดุล จนทำให้หลายคนเข้าใจเขาผิด กล่าวหาว่าเขาไม่ยอมรับในความเป็นคนผิวสีของตน เป็นเหตุให้ ไมเคิล แจ็คสัน ศัลยกรรม เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ จนรูปหน้าและสีผิวเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม 

 

หลังอัลบัม Thriller ในช่วงปี 1982 ที่สีผิวและอวัยวะบนใบหน้าของไมเคิลเริ่มมีการเปลี่ยนไป และเริ่มชัดเจนมากขึ้นตอนที่ออกอัลบัม Bad ในปี 1987 ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคยชื่นชมในตัวไมเคิล แจ็คสัน กลับมาโจมตีเขาด้วยคำครหา คำดูถูก ล้อเลียน และสารพัดเท่าที่จะสรรหาคำพูดมาเย้ยหยันเขาได้ ผลักดันให้เขากลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนทั่วโลก แม้ว่า MJ จะปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าเขาภาคภูมิใจในเชื้อชาติแอฟริกันของตนเอง แต่เหตุผลที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นหนุ่มผิวเผือก เกิดจากเพราะเขาป่วยด้วยโรคชนิดหนึ่ง แต่มันก็ไม่เป็นเหตุที่เพียงพอสำหรับกลุ่มคนที่โจมตีเขา จนกระทั่งเขาได้จากโลกนี้ไป และความจริงต่าง ๆ ได้ถูกเปิดเผย แต่มันก็สายเกินไป กับความโหดร้ายที่เขาได้รับอย่างไม่เป็นธรรม

ไมเคิล แจ็คสัน เป็นโรคอะไร 

สาเหตุของการศัลยกรรม จนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ ไมเคิล แจ็คสัน ป่วยด้วยโรคผิวหนัง เรียกว่า Vitiligo คือ โรคด่างขาว ซึ่งเขาป่วยและมีภาวะดังกล่าวตั้งแต่เริ่มมีอายุ 20 ปี ร่วมกับการมีภาวะ SLE (Lupus) เกิดจากระบบภูมิคุ้มร่างกายทำงานผิดปกติ จนส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของผิวหนัง ไวต่อแสงแดด จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมไมเคิลมักจะต้องกางร่ม สวมหมวก คลุมใบหน้า และสวมใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายมิดชิดเสมอเมื่อต้องออกในที่แจ้งหรือมีแสงแดด จนทำให้มีข่าวลือผิดเพี้ยนว่า ไมเคิล แจ็คสัน เป็นแวมไพร์ (Vampire) และคนบางกลุ่มก็ดันหลงเชื่อเสียด้วย 

 

โรคด่างขาวคืออะไร และมีสาเหตุจากอะไร 

โรคด่างขาว คือ โรคที่ร่างกายสร้างสารไปทำลายเซลล์ Melanocyte ที่เป็นเซลล์สร้างเม็ดสี Melanin ตัวที่ทำหน้าที่ในการกำหนดสีผิว สีผม และสีดวงตา และเมื่อเซลล์ Melanocyte ถูกทำลาย ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นรอยด่างขาว สลับสีผิวดั้งเดิม 

 

สาเหตุของโรคด่างขาว เกิดจากกรรมพันธุ์ และโรคแพ้ภูมิบางอย่าง เช่น โรค SLE (ภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคหนังแข็ง เป็นต้น ส่วนกรณีโรคด่างขาว ไมเคิล เกิดร่วมกับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จนทำให้สีผิวของเขามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเข้าสู่การทำศัลยกรรมโดยที่เขาไม่ได้ต้องการแต่แรก 

 

สาเหตุที่ทำให้ ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิตเพราะอะไร 

ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิตในวันที่ 25 มิถุนายน ปี 2009 ในวัย 50 ปี ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งจากผลชันสูตรพบว่า ไมเคิล แจ็คสัน เสียเพราะร่างกายได้รับยานอนหลับชนิด Propofol ยาฉีด มากเกินขนาด และได้มีการเปิดเผยเบื้องหลังชีวิตของราชาเพลงป๊อบ Michael Jackson หลังเสียชีวิต เริ่มจากที่มีผลชันสูตรยืนยันว่า ไมเคิล มีภาวะโรคด่างขาวจริง อีกทั้งเขายังมีภาวะการติดยาแก้ปวดอย่างรุนแรง เนื่องจากเขาเคยประสบอุบัติเหตุจากการถ่ายโฆษณา Pepsi ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะที่เกิดจากแผลไฟไหม้ระดับ 3 จากความผิดพลาดของระบบไฟฟ้าทำให้เขาต้องพึ่งยาระงับประสาท และยาแก้ปวดชนิดรุนแรง จนเสพติดยาแก้ปวดในที่สุด และช่วงที่เขาเริ่มมีโปรเจค We are the World ไมเคิล ก็ต้องเผชิญกับภาวะการนอนไม่หลับ (Insomnia Disorder) และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่วมกับภาวะซึมเศร้า จนเขาต้องพึ่งยาแก้ปวดแทบตลอดเวลา และเสพติดจนถอนตัวไม่ขึ้น 

 

เบื้องหน้าของ Michael Jackson คือ ราชาเพลงป๊อบ ผู้มีชื่อเสียงระดับโลก แต่เบื้องหลังและปมชีวิตของเขากลับเลวร้ายกว่าที่ใครจะคาดคิด สิ่งที่เขาต้องการสูงสุดในขณะที่ชีวิตกำลังก้าวสู่ความสำเร็จรุ่งโรจน์ หรือแม้แต่ช่วงที่ตกดิ่งลงเหว คือ การนอนหลับ แต่อนิจจา … เขาไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง จนกระทั่ง ไมเคิลก้าวสู่วัยที่ 50 ขวบปี ก็สามารถทำได้สำเร็จด้วยการนอนหลับไปตลอดกาล จากยาแก้ปวดที่เขาต้องพึ่งมันมาเกือบตลอดชีวิต น่าเศร้าที่ฉากหน้าเขาเป็นศิลปินระดับโลก แต่ชีวิตจริงเขากลับไม่มีใครคอยช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำ ในขณะที่เขาคอยมอบความสุข ความรื่นเริงให้กับแฟนเพลง แต่ในวันที่เขาพลาดล้ม และรู้สึกอ่อนแอ กลับมีแต่การเหยียบซ้ำ และรุมเยาะเย้ย กล่าวหาว่าเขาเป็นคนลวงโลก นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่ ไมเคิล แจ็คสัน ควรได้รับ 

 

ไมเคิล แจ็คสัน The King of Pop ตลอดกาล 

ไมเคิล แจ็คสัน ได้จากโลกนี้ไปพร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำและแตกสลาย จากความโหดร้ายของผู้คนที่เคยคลั่งไคล้เขา กลายเป็นความเกลียดชังและกล่าวร้ายป้ายสี ตลอดชีวิตของเขา ไม่เคยได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบคนมีความสุขจริง ๆ เลยสักครั้ง เด็กน้อยอัจริยะเจ้าของบทเพลงดังที่ยังคงเป็นตำนาน นับไม่ถ้วน และชายผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กหลายคนทั่วโลก (รวมถึงผู้เขียน) ด้วยบทเพลง “Heal the World” แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในด้านการได้รับความเข้าใจจากผู้คน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำสำเร็จในที่สุด คือ ได้นอนหลับ เสียที ต่อไปนี้ MJ ไม่ต้องถูกกดดัน ไม่ต้องแบกรับกับความอยุติธรรม ที่เขาไม่สมควรถูกกระทำอีกต่อไป ขอไว้อาลัยให้กับ Michael Jackson ผู้เป็น The King of Pop ตลอดกาล 

tt ads