ในปัจจุบัน มีความนิยมใช้สบู่เหลวมากขึ้น เพราะข้อดีของสบู่เหลวที่สามารถพกพาได้สะดวก ไม่เลอะเทอะ ล้างออกง่าย และยังมีการผสมสารต่าง ๆ เพื่อบำรุงผิว แต่รู้ไหมว่า สบู่ก้อน เป็นได้มากกว่าการใช้ฟอกทำความสะอาด หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า สบู่ก้อน สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ดังนั้น เราจะมาพูดถึงประโยชน์ของสบู่อาบน้ำชนิดก้อนนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง 

ใช้ทำความสะอาด

แน่นอนข้อแรกก็ต้องพูดถึงคุณสมบัติของสบู่ ซึ่งการใช้ทำความสะอาด เป็นหน้าที่หลักสบู่ก้อนมาหลายยุคหลายสมัย ก่อนจะมีการพัฒนาและผลิตสบู่เหลวมาใช้จนได้รับความนิยมเป็นวงกว้างในปัจจุบัน เมื่อใช้สบู่ก้อนไปสักระยะหนึ่ง จะเหลือสบู่ก้อนเล็ก ๆ ที่อาจแข็งเกินไปจนอาจนำไปใช้ต่อได้ยาก ให้นำสบู่ก้อนเล็ก ๆ เหล่านั้นมาหลอมให้กลายเป็นสบู่ก้อนใหม่ เป็นสบู่ก้อนใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเก็บรวบรวมสบู่ก้อนเล็ก ๆ จิ๋ว ๆ ทั้งหลายไปต้มจนเนื้อสบู่หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเติมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพิ่มเข้าไป แล้วจึงนำไปเทใส่ภาชนะที่ต้องการ จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็น และเมื่อสบู่เซ็ตตัวดีแล้วค่อยนำออกมาแกะใช้งาน 

บรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อย

เมื่อมีอาการคันจากแมลงกัดหรือต่อย ให้นำสบู่ก้อนจุ่มน้ำ แล้วถูให้ทั่วบริเวณที่แมลงกัด หรือบริเวณที่คัน สบู่จะช่วยเคลือบบริเวณผิวหนังที่โดนแมลงกัดให้เป็นชั้นบาง ๆ ช่วยบรรเทาอาการคันได้ระดับหนึ่ง 

กำจัดกลิ่นรองเท้า 

กลิ่นเหม็นอับในรองเท้าที่เป็นปัญหาของใครหลายคน สามารถช่วยได้โดยการนำสบู่ก้อนเล็ก ๆ หรือเศษสบู่ใส่เข้าไปในรองเท้าที่มีกลิ่นอับ ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อจะนำมาสวมใส่ จะพบว่ากลิ่นอับรองเท้าหายไป 

เสื้อผ้ากลิ่นหอมสดชื่น 

สบู่ก้อนมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับความชื้นจากตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักต่าง ๆ ได้ดี นำสบู่ก้อนเล็ก ๆ เหลือใช้ห่อใส่ถุงผ้า หรือเศษผ้า แล้วนำไปใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือใส่ในลิ้นชัก จะช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมสดชื่น และยังช่วยไล่แมลงต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปหลบซ่อน หรือใช้ตู้เสื้อผ้าเป็นที่อยู่อาศัย 

เปลี่ยนงานเย็บให้ง่ายขึ้น 

ผ้าบางประเภทอาจยากต่อการเย็บ แม้จะใช้เข็มเล่มใหม่ก็ตาม หากเข็มไม่สามารถใช้งานได้ปกติ อันมีสาเหตุจากเนื้อผ้า ให้นำเข็มเย็บผ้าไปปักลงบนก้อนสบู่ ความลื่นของสบู่ก้อนจะช่วยใ้หเข็มทำงานได้สะดวกและง่ายขึ้น 

ปลดซิป

บ่อยครั้งที่เรามักจะเจอปัญหาของ ซิปเสื้อผ้า ซิปฝืด ซิปรูดไม่ขึ้น นำสบู่ก้อนมารูดซิปที่ฝืด ความลื่นของสบู่ก้อนจะช่วยให้ซิปกลับมาทำงานง่ายขึ้น 

 

ช่วยเก็บเศษแก้ว 

เมื่อทำวัสดุที่เป็นแก้วแตก เศษแก้วชิ้นใหญ่ ๆ มักจะไม่มีปัญหาในการเก็บ แต่สำหรับเศษแก้วเล็ก ๆ หากเก็บไม่ระวัง อาจได้แผล เลือดออกกันบ้างแน่ ๆ  ดังนั้น เมื่อต้องการจะเก็บเศษแก้วแตกชิ้นเล็ก ๆ ให้นำก้อนสบู่ไปจุ่มน้ำให้เปียก จากนั้นกดลงไปตามพื้นที่มีเศษแก้วแตก จะช่วยให้เก็บเศษแก้วเหล่านั้นได้อย่างปลอดภัยขึ้น 

แก้ปัญหาลิ้นชัก บานประตูฝืด 

 

เมื่อลิ้นชักฝืดจนดึงไม่ออก หรือบานประตูเลื่อนปิด – เปิด ลำบาก ให้นำสบู่ก้อนถูกตามขอบลิ้นชัก หรือตามขอบประตูในบริเวณที่มีความฝืดหรือติดขัด 

ซ่อนข้อบกพร่อง 

เวลาที่ต้องทำการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือเปลี่ยนที่ตั้งของภายในบ้าน ทำให้เราพบเจอกับรอย ตำหนิ  หรือหลุม บนพื้น หรือตามผนังบ้าน หากเป็นรอยหรือหลุมเล็ก ๆ เราสามารถปกปิดด้วยการถูสบู่ก้อนเติมรอยหรือหลุมนั้นให้เต็ม 

ช่วยทำความสะอาดเครื่องครัว 

นำสบู่ก้อนไปถูเคลือบด้านล่างของกระทะก่อนจะนำไปใช้งานปกติ จะช่วยให้สามารถทำความสะอาดกระทะได้ง่ายขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นจากการปรุงอาหาร 

ป้องกันฝ้าบนกระจก 

หลังอาบน้ำมักจะเกิดฝ้าบนกระจกในห้องน้ำ หรือประตูกระจก สามารถใช้สบู่ก้อนมาช่วยแก้ปัญหาฝ้าไอน้ำเหล่านี้ได้ ด้วยการรอหรือใช้ผ้าเช็ดกระจกให้แห้ง แล้วจึงนำสบู่ถูลงบนกระจก และใช้ผ้าเช็ดให้แห้งอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้วิธีนี้กับการเช็ดฝ้าบนแว่นตาได้ด้วย 

ปกป้องต้นไม้ 

ปกป้องต้นไม้จากแมลงที่ชอบมารบกวนให้น่ารำคาญใจ ด้วยการนำเศษสบู่ใส่ใว้ในกระถาง โดยการวางบนดิน เพียงเท่านี้แมลงก็จะไม่มารบกวนอีกต้นไม้แสนรักอีกนาน ตราบใดที่เศษสบู่ยังคงสภาพไว้ ไม่โดนแดดหรือน้ำละลายสบู่หมดไปเสียก่อน 

 

หลังจากที่โรคโควิด-19 ได้ถูกลดสถานะลงเป็นเพียงโรคประจำถิ่น แต่กลับมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก กำลังกลับมาระบาดระลอกใหม่อีกแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาดการณ์ว่าจะมีการระบาดเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการ และมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมกันมากขึ้น จึงเป็นการเอื้ออำนวยให้โรคโควิดกลับมาระรื่นได้อีกครั้ง จากข้อมูลผู้เสียชีวิตที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเดิมอยู่แล้ว โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการติดเชื้อ คือ การไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับวัคซีนไม่ครบ และ ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 3 เดือน 

สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ก็ยังคงต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะวัคซีนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ วันนี้เราจึงได้รวบรวมจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 เดือนธันวาคม 2565 ฟรีทุกเข็ม ทั้งแบบลงทะเบียน และ บริการแบบ Walk in 

 

ใครที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยสักเข็ม หรือฉีดกระตุ้นเข็มสุดท้ายนานเกิน 3 เดือนแล้ว สามารถไปรับวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วยรุนแรง อาการลองโควิด (Long Covid) และลดความเสี่ยงการเสียชีวิต โดยสามารถฉีดวัคซีนโควิดฟรีที่ไหนในกทม. เราได้มัดรวมมาไว้ที่นี่แล้ว ใกล้หรือสะดวกที่ไหน รีบไปให้ทันก่อนไปฉลองกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ (แต่ถึงจะรับวัคซีนแล้วก็ยังต้องรักษามาตรการดูแลตัวเองอยู่นะคะ จะได้เที่ยวอย่างสบายใจ ห่างไกลโควิดค่ะ) 

ศูนย์ฉีดวัคซีนกระทรวงสาธารณสุข 

เปิดให้บริการทุกวันอังคาร (9.00-14.00 น.) / เดือนธันวาคม 2565 

 

ชนิดวัคซีน : ไฟเซอร์    / ไม่มีโมเดอร์นา 

อายุผู้รับวัคซีน :  อายุ 12 ปีขึ้นไป 

 

กรุงเทพมหานคร 

ในส่วนของจังหวัดกรุงเทพมหานคร ให้บริการวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ฟรี! ที่โรงพยาบาลสังกัดกทม. ให้กับทุกสัญชาติ สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :  Hotline 1646 สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ (ให้บริการตลอด 24 ชม.)

รายชื่อโรงพยาบาลและสถานที่ให้บริการวัคซีนโควิด-19 เดือนธันวาคม 2565 ฟรี 

  1. โรงพยาบาลกลาง บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-15.00 น.) ชั้น 3 ห้องตรวจส่งเสริมสุขภาพ 
  2. โรงพยาบาลตากสิน บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-14.00 น.) ศูนย์การค้าแพลตฟอร์ม วงเวียนใหญ่ 
  3. โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ บริการ วันจันทร์ – พฤหัสบดี (08.00-14.00 น.) คลินิกวัคซีนโควิด ห้องหัตถการ ชั้น 2 อาคาร 72 พรรษา มหาราชินี  และ วันศุกร์ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-14.00 น.) คลินิกวัคซีนโควิด เรือนวัคซีน (อาคารจอดรถ) อาคารเวชศาสตร์ฟื้นฟู ชั้น 1 
  4. โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ บริการ วันจันทร์ (13.00-16.00น.) ชั้น 2 อาคารอเนกประสงค์ และ วันอังคาร (08.00-12.00 น.) ชั้น 1 อาคารอเนกประสงค์ 
  5. โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมี บริการวันจันทร์ ( ๅ3.00-16.00 น.) ชั้น 2 ห้องประกันสังคม 
  6. โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-15.00 น.) คลินิกวัคซีนผู้ใหญ่ อาคายุบวร 
  7. โรงพยาบาลลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-14.00 น.) ห้องฉีดยา 
  8. โรงพยาบาลสิรินธร บริการ วันศุกร์ 13.00-15.00 น. ชั้น 2 ห้องประชุมคุณหญิงหรั่ง กันการัติ 
  9. โรงพยาบาลคลองสามวา บริการ วันพุธ- ศุกร์ (13.00-14.00 น.) อาคารผู้ป่วยนอก 
  10. โรงพยาบาลบางนากรุงเทพมหานคร บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-11.00 น.)อาคารผู้ป่วยนอกชั้น1
  11. โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (08.00-15.00 น.) คลินิกวัคซีนโควิด ห้องตรวจ 1 แผนกผู้ป่วยอายุรกรรม อาคาร OPD ชั้น 2 
  12. สถาบันโรคผิวหนัง บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ (09.00-15.00 น.) และ วันเสาร์ 17 ธันวาคม 2565 (09.00-15.00 น.) ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง รับบริการวัคซีน ณ ชั้น 20 อาคารสถาบันโรคผิวหนัง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 

 

Young Asia lady nurse giving Covid-19 or flu antivirus vaccine shot to senior male patient wear face mask protection from virus disease at health clinic or hospital office. Vaccination concept.

ทำการจองคิวล่วงหน้าได้ที่ https://covid19.iod.go.th/vaccine  (ก่อนวันฉีด 1 วัน) 

ดาวน์โหลด ระบบ Android >> https://bit.ly/3wJYsiB 

ดาวน์โหลด ระบบ IOS >>  https://apple.co/31o9FmO 

 

และสามารถทำการตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “Vaccine บางซื่อ” 

สำหรับใครที่ไม่สะดวกจองคิวล่วงหน้า สามารถเข้ารับบริการแบบ Walk in ได้ตามวันเวลาทำการที่แจ้งไว้ 

“มะเร็งปอด” เป็นโรคอันตรายอันดับต้น ๆ ในกลุ่มมะเร็ง และผู้ป่วยมีอัตรเสียชีวิตมากกว่ารักษาได้หายขาด เนื่องจากมะเร็งปอดระยะแรก ๆ มันจะไม่แสดงอาการใด ๆ ให้ผู้ป่วยได้รู้ตัวหรือรู้สึกเอะใจสักนิดเลย แต่มันจะแสดงอาการออกมาเมื่อเซลล์มะเร็งได้ลุกลามเข้าสู่ระยะที่ 3-4 ไปแล้ว และมันเป็นสัญญาณเตือนเดดไลน์ ที่มักทำให้ผู้ป่วยไแทบไม่เหลือโอกาสรักษาได้ทัน 

จากการวิเคราะห์สาเหตุหลาย ๆ ปัจจัยจากวิชาชีพทางการแพทย์ มีความเห็นว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจเชื่อมโยงเป็นต้นตอของการป่วยโรคมะเร็งปอดนั้น คือ ละอองฝุ่นพิษ PM 2.5 เนื่องจากสภาพแวดล้อมในเมืองไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยมลพิษ ฝุ่นละออง และควันเขม่า สะสมอยู่ในอากาศทุกแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่มีจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่ทางภาคเหนือ อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งมีค่าฝุ่น PM 2.5 ติดอันดับต้น ๆ ของโลก 

ยิ่งไปกว่านั้น มะเร็งปอด คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้น ๆ ในการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่มีมานาน ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพโรคระบบทางเดินหายใจในระยะยาว ดังนั้นเราจึงต้องดูแลสุขภาพ ดูแลระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อรับมือและป้องกันตนเองจากภาวะเจ็บป่วยอันเกิดจาก PM 2.5 จากการศึกษาข้อมูลพบว่า สมุนไพรไทยใกล้ตัว ที่เราใช้เป็นอาหารและยามาตั้งแต่บรรพบุรุษ สามารถนำมาช่วยดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่นพิษได้ สมุนไพรช่วยบำรุงปอด ในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ระบาด ทั้ง 5 ชนิด มีดังนี้ 

  1. รางจืด

รางจืด

สมุนไพรที่โดดเด่นด้านล้างพิษได้หลายชนิด หมอสมุนไพรนิยมใช้แก้พิษสัตว์บางชนิด หรือแม้แต่พิษสารเคมีในยาเบื่อหนู และปัจจุบันก็ได้มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่า รางจืด ช่วยปกป้องอวัยวะจากสารพิษชนิดโลหะหนักได้ รวมไปถึงสารพิษที่พบได้ใน PM 2.5 โดยมีวิธีทานรางจืดล้างพิษ คือ ทานครั้งละ 2 แคปซูล 3 เวลา ก่อนอาหาร / วัน หรือ ชงผงรางจืดชนิดซอง 1-2 ซอง ในน้ำร้อน 120-200 มิลลิลิตร ดื่มวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร เนื่องจากรางจืดเป็นยาฤทธิ์เย็น จึงควรเว้นระยะในการทานให้ห่างจากยารักษาโรคประจำตัว และไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 1 เดือน โดยเฉพาะคนที่เป็นความดันต่ำ มือเย็น เท้าเย็น ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน 

  1. หญ้าดอกขาว หรือ หญ้าหมอน้อย 

หญ้าดอกขาว หรือ หญ้าหมอน้อย photo from samunpri.com

จากองค์ความรู้ของหมอพื้นบ้าน รวมกับผลการวิจัยในปัจจุบัน ที่รองรับว่า หญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่ถูกบรรจุให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2554 จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูงต่อการใช้หญ้าดอกขาวในทางยา และยังมีการแนะนำให้เลือกใช้หญ้าดอกขาวในกรณีที่มีความเสี่ยงหรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยในงานวิจัยได้พบว่า สารสกัดดอกหญ้าขาว มีฤทธิ์ลดการอักเสบในหนูที่ได้รับนิโคตินเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน และยังช่วยฟื้นฟูพยาธิสภาพของปอดให้กลับมาเป็นปกติได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ช่วยลดคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่สะสมในปอด แถมยังลดการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งปอดได้อีกด้วย จึงนับว่าหญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากในสถานการณ์ที่ต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะ PM 2.5 เช่นนี้ ซึ่งหญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่หาง่ายและมีความปลอดภัย 

  1. ขมิ้นชัน  

ขมิ้นชัน

สมุนไพรเด่นดีด้านการลดอักเสบ และเราก็ใช้ปรุงอาหารไทยหลายเมนู จึงเป็นสมุนไพรที่คุ้นเคยกันดีสำหรับคนไทย ขมิ้นชันมีผลวิจัยยืนยันมานานแล้วในเรื่องช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ ปกป้องระบบหัวใจ หลอดเลือด และ ปอด โดยขมิ้นชันนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอี 80 เท่า ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง ผู้ที่นิยมกินอาหารที่มีส่วนผสมของขมิ้นชัน ช่วยบำรุงปอดได้ดีในคนทั่วไป  รวมถึงปกป้องไม่ให้ระบบการทำงานของปอดลดลงในผู้สูบบุหรี่ เรียกได้ว่า ขมิ้นชัน สมุนไพรบำรุงปอดอย่างดี และปอดก็เป็นเป้าหมายของฝุ่น PM 2.5 ดังนั้น การทานอาหารที่มีขมิ้นชัน จึงเป็นการดูแลปอดที่ง่ายและควรทำอย่างยิ่งในยุคนี้ 

  1. มะขามป้อม 

มะขามป้อม

มะขามป้อม สมุนไพรทางยาช่วยละลายเสมหะและบำรุงเสียง ในด้านอายุรเวทใช้มะขามป้อมเป็นยาแก้ไอ แก้หอบ รักษาระบบหลอดลมไม่ให้อักเสบหรือถูกทำลาย แต่จากงานวิจัยค้นพบว่า มะขามป้อม มีฤทธิ์ช่วยลดภาวะความเป็นพิษจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 หากกินมะขามป้อมเป็นประจำ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ปกป้องระบบทางเดินหายใจช่วงบน ลดการเกิดอนุมูลอิสระ ด้วยมะขามป้อมนั้นประกอบไปด้วยวิตามินซีสูง แทนนิน โพลีฟีนอล และอันคาลอยด์ โดยเฉพาะมะขามป้อมพันธุ์ไทย ที่ประกอบไปด้วยสารโพลีฟีนอลสุงมาก ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี โดยอาจทานมะขามป้อมโดยตรง หรือดื่มน้ำมะขามป้อมสกัดวันละ 250 – 500 มิลลิกรัม / วัน ก็ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี 

  1. ฟ้าทะลายโจร 

ฟ้าทะลายโจร 

สมุนไพรไพรลดไข้ แก้หวัด และได้รับความนิยมในการใช้เป็นยารักษาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทีผ่านมา เพราะฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ช่วยแก้ไข้ แก้ไอ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังช่วยในเรื่องไซนัสอักเสบชนิดไม่รุนแรง คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ และยังใช้กินเพื่อเสริมภูฒิคุ้มกันได้อีกด้วย โดยวิธีการทานฟ้าทะลายโจรจะต้องอยู่ในความระมัดระวัง โดยทานวันละ 1 แคปซูล ใน 5 วัน / สัปดาห์ ไม่ควรกินฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเกิน 3 เดือน หากกินฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดทานและปรึกษาแพทย์ 

บุคคลที่ไม่ควรกินฟ้าทะลายโจร : สตรีมีครรภ์ และ สตรีที่กำลังให้นมบุตร

สายมูไม่ควรพลาดกับปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง เหนือฟ้าเมืองไทย ลอยกระทงแล้วยังได้ชมความสวยงามจันทรุปราคาที่ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันลอยกระทงพอดิบพอดี โดยที่คนไทยทั้งประเทศจะได้ชมดวงจันร์เต็มดวงสีแดงอิฐด้วยตาเปล่า และถ้าได้แต่งชุดไทยไปร่วมลอยกระทง และถ่ายรูปท่ามกลางจันทร์สีแดงอิฐ รูปจะออกมาสวยเก๋แค่ไหน โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ บอกเลย โดยโดยจันทรุปราคาวันนี้จะเริ่มให้เราได้เห็นตั้งแต่เวลาที่เกิดคราสเต็มดวง ซึ่งตรงกับเวลาในประเทศไทยช่วงประมาณ 17.44 – 18.41 น. จากนั้นดวงจันทร์จะเคลื่อนออกจากเงามืดเข้าสู่เงามัวของโลก และเมื่อสิ้นสุดคืนนี้แล้ว ก็จะสามารถชมได้อีกครั้งอีก 3 ปีข้างหน้า ช่วงวันที่ 8 กันยายน 2568 เพราะฉะนั้นเราจะมากล่าวถึงเรื่อง จันทรุปราคา กันในบทความนี้กันหน่อย 

จันทรุปราคาเกิดตอนไหน 

จันทรุปราคาเกิดตอนไหน

การเกิดจันทรุปราคา เกิดจากที่ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และ โลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลาง ระหว่างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงาของโลก ทำให้เราเห็นดวงจันทร์ค่อย ๆ แหว่งมากขึ้น จนกระทั่งหมดดวงและโผล่กลับขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเหตุผลที่ทำให้คนโบราณเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ราหูอมจันทร์  ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ หรือคืนวันพระจันทร์เต็มดวง และจะมีเพียงประมาณปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น หรืออาจห่างกัน 2-3 ปี จึงจะสามารถเห็นได้อีก

ขณะที่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์จะไม่ได้หายหรือมืดทั้งดวง แต่เราจะเห็นเป็นสีแดงอิฐแทน เนื่องมาจากการหักเหของแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านชั้นบรรยากาศโลก และสีของดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาอาจมีความแตกต่างกันไป โดยจะไม่เหมือนเดิมทุกครั้ง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 5 ระดับด้วยกัน 

  • ระดับ 0 คือ ดวงจันทร์มืดจนแทยมองไม่เห็นเลย 
  • ระดับ 1 คือ ดวงจันทร์มืดแต่ยังคงเห็นเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาล แต่ไม่สามารถมองเห็นลักษณะของดวงจันทร์ได้อย่างละเอียด 
  • ระดับ 2 คือ ด้านในดวงจันทร์บริเวณเงามืดจะมีสีแดงเข้ม แต่จะมีสีเหลืองสว่างด้านนอกของเงามืด 
  • ระดับ 3 คือ ดวงจันทร์จะมีสีแดงอิฐและมีสีเหลืองสว่างบริเวณขอบเงามืด 
  • ระดับ 4 คือ ด้านของของเงาดวงจันทร์จะสว่างมากมองเห็นเป็นสีทองแดงหรือสีส้ม 

จันทรุปราคากับความเชื่อ 

จันทรุปราคากับความเชื่อ

คนโบราณมักจะมีความเชื่อว่า ในช่วงที่เกิดจันทรุปราคา เป็นช่วงเวลาแห่งอาเพศ จะมีสิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้น และมีความอาถรรพณ์ ห้ามอยู่ในที่แจ้งขณะที่ ราหูอมจันทร์ และผู้ที่มีวิชาอาคมจะหลีกเลี่ยงการโดนแสงจันทร์ในช่วงเวลานั้น เพราะเชื่อว่าจะมีผลต่อวิชาอาคมที่มี ทำให้ของเสื่อม ของหายขลัง มนต์อาคมเสื่อม หรือวิชาอาคมที่มีจะย้อนทำร้ายตนเอง เป็นต้น  

นอกจากนี้ยังมีความเชื้อในด้านการเสี่ยงโชค สายมูเตลู นักเสี่ยงโชคต่าง ๆ จะต่างออกไปตรงที่ สายมูทั้งหลายเชื่อว่าราหูคือเทพ ดังนั้นจะหาวิธีขอโชคลาภจากพระราหูหลากหลายกันไป แต่ที่เห็นกันได้บ่อยในปัจจุบัน คือ การเรียกทรัพย์เข้ากระเป๋าสตางค์ โดยเริ่มจากการจุดธูปดำ 8 ดอก จากนั้นหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ใช้ประจำขึ้นมา พร้อมกับพูดว่า “ข้าพเจ้า (ชื่อ – นามสกุล และ วัน-เดือน-ปี เกิด) ขอสักการะแด่องค์เทพราหู ผู้ได้ดื่มน้ำอมฤต ขอนอบน้อมสักการะต่อองค์ท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีทรัพย์ มีสิน มีกิน มีโชค” แล้วลูบกระเป๋าสตางค์เข้าหาตัว โดยไม่ต้องท่องคาถาใด ๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นเสร็จสรรพสำหรับการขอโชคลาภจากพระราหูของชาวมูเตลู 

บอกเลยว่า หากพลาดการชมจันทรุปราคาครั้งนี้ จะได้ชมอีกทีรอไปอีก 3 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว 

จันทรุปราคา

แม้ว่าจะใกล้สิ้นปี 2565 แล้ว แต่ยังเหลืออีกหลายวันให้ใส่เสื้อสีมงคล โดยเราได้นำตารางสีเสื้อมงคลมาจากหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา เพื่อเสริมดวงเพิ่มอำนาจ รวยทรัพย์ รับโชค ให้เฮง ๆ ปัง ๆ ทิ้งท้ายปีกันถ้วนหน้า วันนี้วันอะไร ใส่เสื้อสีไหนดีไปเช็คกันเล๊ยย 

วันจันทร์ 

  • งานเด่น : สีเขียว (ทุกโทน) 
  • เงินไหลมา : สีส้ม สีน้ำตาลอ่อน 
  • สิริมงคล : สีดำ 
  • อำนาจ บารมี : สีเขียว 
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีฟ้า สีน้ำเงิน 
  • กาลกิณี : สีส้ม 

วันอังคาร 

  • งานเด่น : สีม่วง สีเทาดำ สีดำ 
  • เงินไหลมา : สีเทา สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง
  • สิริมงคล : สีเทา สีเหลือง 
  • อำนาจ บารมี : สีดำ
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีส้ม
  • กาลกิณี : สีขาว สีครีม 

วันพุธ 

  • งานเด่น : สีส้ม สีน้ำตาลอ่อน
  • เงินไหลมา : สีคราม สีฟ้า สีน้ำเงิน
  • สิริมงคล : สีม่วง สีดำ 
  • อำนาจ บารมี : สีเทา สีเหลือง 
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีขาว สีครีม
  • กาลกิณี : สีชมพู สีแดง 

วันพฤหัสบดี 

  • งานเด่น : สีคราม สีฟ้า สีน้ำเงิน 
  • เงินไหลมา : สีเหลือง สีครีม
  • สิริมงคล : สีส้ม
  • อำนาจ บารมี : สีฟ้า สีน้ำเงิน 
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีเขียว
  • กาลกิณี : สีดำ 

วันศุกร์ 

  • งานเด่น : สีขาว สีครีม สีเหลือง  
  • เงินไหลมา : สีเขียว (ทุกโทน)
  • สิริมงคล : สีชมพู สีแดง 
  • อำนาจ บารมี : สีขาว สีครีม 
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีเทา สีเหลือง 
  • กาลกิณี : สีม่วง สีดำ 

วันเสาร์ 

  • งานเด่น : สีเทา สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง 
  • เงินไหลมา : สีแดง 
  • สิริมงคล : สีแดง 
  • อำนาจ บารมี : สีม่วง สีดำ 
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีชมพู สีแดง 
  • กาลกิณี : สีเขียว 

วันอาทิตย์ 

  • งานเด่น : สีชมพู 
  • เงินไหลมา : สีม่วง สีเทาดำ สีดำ 
  • สิริมงคล : สีเขียว
  • อำนาจ บารมี : สีชมพู สีแดง  
  • อุปถัมภ์ มีคนช่วยเหลือ : สีม่วง สีดำ 
  • กาลกิณี : สีฟ้า สีน้ำเงิน 

ลิ้น คือ มัดกล้ามเนื้อที่โครงร่างขนาดใหญ่ อยู่บริเวณฐานของช่องปาก มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมากเพื่อช่วยในการทำงานและเคลื่อนไหว ปกคลุมด้วยชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) หนาแน่น มีเยื่อเมือกสีชมพู มิวโคซา (Mucosa) ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้น  มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเคลื่อนไหวได้ดีและหลายทิศทาง นอกจากนี้ ลิ้นหน้าที่คือรับรสต่าง ๆ รวมไปถึงการออกเสียงในการพูดอีกด้วย 

แต่รู้ไหมว่า เราสามารถเช็คสุขภาพเบื้องต้นจาก ลิ้น (Tongue) ได้เช่นกัน ซึ่งเราได้นำข้อมูลจาก รศ.นพ. ณปฎล ตั้งจาตุรนต์รัศมี ภาควิชาโสต คอ นาสิกวิทยา ประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาฝาก ลองหยิบกระจกขึ้นมาส่องลิ้นเราดูสิว่า จะมีลักษณะหรือตรงกับข้อต่อไปนี้บ้างหรือเปล่า จะได้รีบไปตรวจสุขภาพและพบแพทย์กันเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะลุกลามเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

ผิวลิ้นเรียบมัน ลิ้นมีสีชมพูหรือแดง 

การที่ผิวลิ้นเรียบมัน และมีสีชมพู หรือสีแดงนั้น เกิดจากตุ่มรับรสของลิ้นมีการฝ่อลงไป ซึ่งอาจเพราะติดเชื้อที่ลิ้น หรือขาดวิตามินซีบางชนิด ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรักษาได้อย่างเหมาะสม 

 

ลิ้นเป็นฝ้าสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลเข้มค่อนไปดำ

คราบสีน้ำตาลหรืออาจคราบดำบนลิ้น อาจเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ การไม่ดูแลความสะอาด หรือไม่ใส่ใจในสุขภาพช่องปากเท่าที่ควร ควรเลิกสูบบุหรี่ และหมั่นทำความสะอาดช่องปากสม่ำเสมอ 

 

ลิ้นเป็นฝ้าขาวจากเชื้อราหรือแบคทีเรีย 

หากพบว่าลิ้นมีฝ้าขาว ๆ อาจมีอาการแสบร้อนร่วมด้วย หรือไม่มีก็ได้ ลิ้นเป็นขนสีขาวซึ่งอาจเกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย หรือเชื้อราที่รวมกับเซลล์ที่ตายแล้วบนตุ่มเล็ก ๆ ที่เนื้อลิ้น ไม่ได้มีอาการร้ายแรงอะไร โดยลิ้นขาวรักษาได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อรา ที่มีทั้งชนิดยาทานและยาทา มักใช้เวลารักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการลิ้นขาวจากเชื้อราก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น หรือลิ้นเป็นฝ้าขาวจากผลข้างเคียงของการใช้ยาปฏิชีวนะ โรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคภูมิคุ้มกัน โรคเบาหวาน แต่ถ้าหากอาการฝ้าบนลิ้นดังกล่าวเป็นมากกว่า 2 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณเตือนอันตราย ควรรีบไปพบแพทย์

ลิ้นมีรอยแตก เป็นร่อง หรือลักษณะคล้ายกับแผนที่ (Geographic Tongue) 

หากผิวลิ้นเป็นร่อง มีรอยแตก คล้ายกับแผนที่ และไม่มีอาการเจ็บหรือแสบร่วมด้วย ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ไม่ใช่อาการรุนแรงต่อร่างกาย และอาจหายได้เอง แต่ก็ต้องคอยหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติที่อาจมีตามมาได้เช่นกัน 

 

ลิ้นมีรอยขาว หรือ ลิ้นมีรอยแดง 

หากลิ้นขาวจากการสะสมเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา สามารถขจัดออกได้ด้วยการใช้แปรงขัด ดื่มน้ำมาก ๆ และหายไปในไม่กี่วัน แต่ถ้าทำอย่างไรอาการลิ้นขาวก็ไม่หายไป อาจเสี่ยงต่อโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง ได้ ควรรีบไปพบแพทย์ 

 

ลิ้นเป็นแผล 

ลิ้นที่มีแผลอาจจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่ถ้าหากรักษาแล้วไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ อาจมีความเสี่ยงว่าจะเป็นมะเร็งที่ลิ้นได้ ควรรีบไปพบแพทย์จะดีที่สุด 

รู้สึกแสบร้อนที่ลิ้น 

ส่วนใหญ่มักจะพบอาการแสบร้อนที่ลิ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเกิดจากการขาดวิตามินบางชนิด ไม่ได้อันตรายร้ายแรงอะไร แต่ถ้าหากอาการดังกล่าวรบกวนคุณภาพชีวิต หรือส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ เช่น ทานอาหารบางชนิดไม่ได้ ทานอาหารไม่อร่อยทำให้ไม่เจริญอาหาร หรือ รู้สึกเจ็บปวด หงุดหงิดรำคาญง่ายขึ้น เป็นต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและรักษาอย่างถูกวิธี

ส่องกระจกดูลิ้นแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ มีเข้าข่ายหรือน่าสงสัยบ้างหรือเปล่าเอ่ย เพราะเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรหมั่นสังเกตเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะมีอาการรุนแรง จะได้ไม่สายเกินแก้ สุขภายแย่แล้วจะแก้ไม่ทัน 

 

เชื่อว่าทั่วประเทศไทยในขณะนี้ต่างโศกเศร้าและเสียขวัญกับเหตุการณ์กราดยิงในศูนย์เด็กเล็ก ที่หนองบัวลำภู ไม่เพียงแต่คนในประเทศไทยเท่านั้นที่รู้สะเทือนใจกับโศกนาฏกรรมที่ต้องสูญเสียอนาคตของชาติกว่า 30 ชีวิตในครั้งนี้ ชาวต่างชาติหลายประเทศต่างก็ร่วมไว้อาลัยและมีสำนักข่าวของสื่อต่าง ๆ ได้มีการเผยแพร่ไปทั่วโลกเช่นกัน  

จากเหตุการณ์กราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกหลายราย ซึ่งเหยื่อที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กที่อยู่ในช่วงวัยอนุบาล โดยมี ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อายุ 34 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาวัง หนองบัวลำภู ที่ถูกไล่ออกจากราชการในคดียาเสพติด เป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา 

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 โดยมี ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อายุ 34 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.นาวัง หนองบัวลำภู ที่ถูกไล่ออกจากราชการในคดียาเสพติด เป็นผู้ก่อเหตุบุกเข้าไปกราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง หนองบัวลำภู จนทำให้ผู้เสียชีวิตกว่า 33 ราย และผู้บาดเจ็บอีกหลายคน ซึ่งเหยื่อที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กที่อยู่ในช่วงวัยอนุบาล นอกจากนี้ยังมีผู้ปกครองได้รับบาดเจ็บ และครูที่กำลังตั้งครรภ์ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเนื่องจากหลบหนีไม่ทัน ก่อนที่ฆาตกรจะขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน กธ 6499 หลบหนี และยังมีการไล่ยิงผู้คนตามเส้นทางที่ขับรถผ่าน ก่อนจะกลับไปเผารถที่ใช้ในการก่อเหตุ และยิงลูก-เมีย ตามด้วยการยิงตัวเองตายหนีความผิด ทั้งที่ ส.ต.อ.ปัญญา จะต้องขึ้นศาลในวันที่ 7 ตุลาคม (วันนี้) ในคดียาเสพติด ที่เป็นเหตุให้ต้องถูกออกจากราชการนั่นเอง 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกเหมือนเหตุการณ์วนลูปกลับมาในรูปแบบเดิมอีกครั้ง หากใครจำข่าวใหญ่เมื่อ 2 ปีทีแล้วได้ ที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้เกิดคลุ้มคลั่งบุกปล้นปืนสงคราม นำไปใช้กราดยิงคนในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 ศพ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่มีความคล้ายคลึงกัน ทั้งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินข่าวในลักษณะนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศเสียมากกว่า  

ความรุนแรงในสังคมไทย 

เครียด

รู้สึกไหมว่าคนไทยมีความเครียดมากขึ้น มีการใช้ความรุนแรงมากขึ้น?

ความรุนแรง หมายถึง พฤติกรรมหรือการกระทำใด ๆ ก็ตามที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทั้งทางร่างกาย วาจา จิตใจ หรือทางเพศ นำมาซึ่งอันตรายหรือความทุกข์ทรมานต่อผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือจิตใจ 

หากลองพิจารณา ผล ที่เกิด มี เหตุ มาจากอะไร? 

สาเหตุของการใช้ความรุนแรงมีด้วยกันหลายปัจจัย ดังนี้ 

  1. ลักษณะส่วนตัวของผู้ใช้ความรุนแรง 
  • นิสัยที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก 
  • การเลียนแบบผู้ปกครอง คนในครอบครัว ที่มีการใช้ความรุนแรงเป็นประจำ 
  • เลียนแบบจากภาพยนต์ โทรทัศน์ สื่อ หนังสือ ที่มีเนื้อหาการใช้ความรุนแรง 
  • ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนในทางที่ถูกต้อง 
  • เติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีแต่การใช้ความรุนแรง
  • ไม่ได้รับความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัวหรือคนรอบข้าง
  • เจ็บป่วยด้วยโรคบางชนิด ที่มีผลต่อการควบคุมตนเอง เช่น โรคจิต โรคประสาท เป็นต้น 
  1. ทัศนคติ ค่านิยม และความหลงผิดของผู้กระทำความรุนแรง ที่นำมาสนับสนุนให้กระทำ เพราะเชื่อว่าตนทำได้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น และไม่ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา 
  1. สังคมและสิ่งแวดล้อมเอื้ออำนวย เช่น 
  • สภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย 
  • สื่อต่าง ๆ 
  • ได้รับแรงกดดันจากสังคม

แนวโน้มการใช้ความรุนแรงที่ดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะในรูปของเด็กถูกทำร้ายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ การล่วงเกินทางเพศ เด็กถูกทอดทิ้ง การก่ออาชญากรรม การใช้ความรุนแรงระหว่างสามี-ภรรยา ทั้งด้านร่างกาย คำพูด และจิตใจ จนเป็นเหตุให้เกิดการหย่าร้าง การทำร้ายผู้สูงอายุ และทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เป็นเหตุให้มีการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่เราได้ยินข่าวมากขึ้นทุกวัน จนต้องกลับมาย้อนถามกันเองว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ที่ถูกขนานนามว่า สยามเมืองยิ้ม ประเทศแห่งเมืองพุทธ 

การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคม 

ก่อนจะไปถึงการแก้ไขที่ปลายเหตุ เราควรป้องกันก่อนจะเกิด เหตุ เพื่อไม่ให้มี ผล ตามมา โดยเริ่มจากสถาบันครอบครัวเป็นอันดับแรก โรงเรียน และชุมชน เพื่อเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรม 

  • พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรเป็นตัวอย่างของการไม่ใช้อารมณ์และความรุนแรงแก้ปัญหา เพราะครอบครัวคือจุดเริ่มต้นของการซึบซับตัวอย่างในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน การกระทำของคนในครอบครัวจะเป็นแบบอย่างที่ถูกดูดเข้าไปในเมมโมรี่และนิสัยของเด็ก ที่ต่อให้ถูกสอนด้วยคำพูดที่ดีมีเหตุผล แต่ถ้ายังคงเห็นการกระทำที่รุนแรง คำสอนเหล่านั้นก็ไม่เป็นผล เช่น เด็กที่มีพ่อเป็นคนใจร้อน และมักจะทำร้ายร่างกายภรรยาหรือคนรอบข้างเป็นประจำ แต่สอนให้ลูกเป็นคนใจเย็น คิดว่าระหว่างคำพูดกับการกระทำของพ่อ เด็กเลือกที่จะเชื่อและทำตามแบบใด? เพราะเด็กจะเรียนรู้จรกสิ่งที่เห็นมากกว่าคำพูดที่ได้ยิน เป็นปกติของเด็กทุกคน จนกว่าจะเติบโตขึ้นและอาจมีความคิดที่ถูกต้องกว่า
  • ให้เด็กได้สัมผัสธรรมชาติตั้งแต่เล็ก เพื่อให้เขาได้รับรู้ถึงการมีสิ่งอื่นอีกมากมายในโลกนี้ เป็นการเชื่อมโยงให้เด็กได้เรียนรู้ว่าไม่ได้มีเพียงตัวเขาให้ยึดถือเอาฝ่ายเดียว และเขาจะสามารถเรียนรู้ในการจัดการอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น   
  • ไม่ควรให้เด็กอยู่แต่กับอุปกรณ์สื่อสาร เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสื่อต่าง ๆ มักจะมีความรุนแรงมที่แฝงมาในรูปแบบต่าง ๆ ที่เด็กยังไม่สามารถแยกแยะเองได้ จึงต้องมีผู้ปกครองคอยอยู่ข้าง ๆ ระหว่างใช้งานเครื่องมือสื่อสารเหล่านั้น เพื่อคอยให้คำแนะนำและสอดแทรกเหตุผล หรือควบคุมในการรับสื่อที่เหมาะสม และถ้าจะให้ดีที่สุดคือ หากิจกรรมที่สร้างสรรค์ ได้เรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ได้อย่างเหมาะสมกับวัย 
  • ผู้ปกครองควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็ก ให้เด็กได้รู้สึกว่าเขาสามารถคุยและปรึกษากับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง พวกเขาจะได้ไม่ต้องเก็บไว้เพียงลำพัง จนเกิดความเครียดและไม่สามารถหาทางออกได้ จนอาจกลายเป็นปัญหาที่ลุกลามและสร้างความเสียหายหรืออันตรายแก่ตนเองและผู้อื่น
  • สอนให้เด็กรู้จักและทำความเข้าใจของอารมณ์ต่าง ๆ และรู้วิธีในการรับมือกับอารมณ์เหล่านั้น ทั้งที่เกิดกับตนเองหรือเกิดกับผู้อื่น เมื่อเด็กเริ่มอารมณ์ไม่ดีหรือโกรธ ผู้ใหญ่ควรบอกให้เด็กรู้ว่าเราเข้าใจการโกรธของเขา อย่าเพิ่งดุด่าหรือทำโทษ เช่น “แม่รู้วาหนูโกรธที่น้องเอาตุ๊กตาของหนูไปเล่น” จะทำให้เด็กรู้สึกว่ามีคนเข้าใจเขา ช่วยให้เขารับรู้และเข้าใจในอารมณ์ของตนเอง และจะเป็นจุดที่ทำให้เขารู้จักเห็นใจผู้อื่นในเวลาต่อมา 
  • ผู้ใหญ่ควรค่อย ๆ สอนการจัดการอารมณ์ทางลบกับเด็กในเวลาที่เหมาะสม อย่าเพิ่งไปพร่ำบ่นหรือสอนในเวลาที่เด็กมีอารมณ์ เด็กจะไม่ฟัง แต่ให้สังเกตอารมณ์ของเขา แล้วปล่อยให้เขาหายโกรธหรือหายเศร้าก่อน แล้วค่อยเข้าไปชวนพูดคุย ไถ่ถามความรู้สึก ให้เขาเล่าถึงความรู้สึกของตนเอง จากนั้นค่อยพูดคุยถึงการจัดการกับอารมณ์ของเขา หากกรณีที่เด็กแสดงอารมณ์รุนแรง ปาหรือทำลายสิ่งของพัง อย่าไปดุด่า แต่สอนให้เขารู้จักการรับผิดชอบ เช่น หักค่าขนมเพื่อชดใช้กับของที่เขาทำพัง และแนะนำให้เขาหาวิธีที่สร้างสรรค์เมื่อรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดในครั้งต่อไป โดยเด็กบางคนเมื่อโกรธแล้วจะไปเตะฟุตบอลกับเพื่อน ไปเล่นกับสัตว์เลี้ยง ฯลฯ อารมณ์โกรธพวกเขาจะลดลง เมื่อพวกเขาจัดการกับอารมณ์ได้ดี ก็ให้ชื่นชมและให้กำลังใจ 

การมีอารมณ์และความรู้สึกทางลบนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนมีได้กันทั้งนั้น เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยรู้สึกผิดหวัง โกรธ เศร้า หรือเสียใจ แต่วิธีการรับมือและจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นต่างหากที่สำคัญ 

ทำไมปัญหาการใช้ความรุนแรงจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ 

การใช้ความรุนแรงในประเทศไทย

  • ความไม่ใส่ใจปัญหาความรุนแรง ตั้งแต่ปัญหาการใช้กำลังในครอบครัว ที่คนภายนอกคิดว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง และไม่มีใครเข้าไปให้การช่วยเหลือ
  • ธรรมเนียมความเชื่อที่มักจะมองว่าการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ 
  • มีทัศนคติ ความเชื่อ และความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิของบุคคล 
  • ไม่ได้รับความใส่ใจและแก้ไขอย่างจริงจังจากผู้มีอำนาจในระดับประเทศ
  • ช่องโหว่ของกฏหมาย และการพลิกแพลงของผู้ถืออำนาจทางกฏหมาย 
  • การไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งที่มีนโยบายระดับประเทศรองรับ 

หรือจะกล่าวสรุปได้ว่า อุปสรรคของการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในประเทศไทย คือ “คน” ทำให้ กฏหมาย ไม่ศักดิ์สิทธิ์ มันจึงเป็นได้แค่ ตัวหมึกที่เป็นอักษรบนกระดาษ เท่านั้นเอง 

 

ผลจากการประชุมหารือของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ (คกก.) เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา ได้พิจารณาเห็นชอบปรับระดับ “โรคโควิด-19” จาก “โรคติดต่อร้ายแรง” ให้เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” และมีผลบังคับในวันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่จะถึงนี้ แล้วรู้หรือไม่ว่า ระหว่าง 2 ระดับนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจทั้งในแง่ของกฏหมายและการป้องกัน เพื่อจะได้เตรียมรับมือและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์

Details

เรื่องของโครงสร้างเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการสร้างบ้านและอาคาร นับตั้งแต่หลังคา ผนัง ตัวบ้าน ตลอดจนถึงการปูกระเบื้องพื้นบ้าน และยังมีสิ่งเล็ก ๆ อีกอย่างหนึ่งที่เจ้าของบ้านไม่ควรมองข้าม คือ การยาแนว ที่ช่างจะต้องใช้เมื่อทำการปูกระเบื้อง เพราะนอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นบ้านและยังเป็นการป้องกันปัญหาจุดรั่วซึมที่เจอได้บ่อยในหน้าฝนอีกด้วย 

แต่ยังมีหลายคนที่อาจไม่รู้ว่ายาแนวคืออะไร ยาแนวมีกี่ประเภท ใช้ยาแนวแบบไหนถึงจะเหมาะกับพื้นกระเบื้องที่บ้าน 

อะไรคือยาแนว? 

ยาแนวหรือกาวยาแนว คือวัสดุลักษณะกาว ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำหน้าที่เชื่อมรอยต่อของกระเบื้องแต่ละแผ่นเข้าด้วยกัน ให้ดูเรียบร้อย สวยงาม สะอาดตา โดยการใช้ยาแนวนั้นจะใช้ควบคู่ไปกับปูนกาว หรือ กาวซีเมนต์สำหรับปูกระเบื้อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น 

ยาแนวมีกี่แบบ?

ยาแนวที่ใช้ปิดรอยต่อระหว่างวัสดุต่าง ๆ ในแบบ Sealant นั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 

  1. อะคริลิค ยาแนวที่ทำมาจากวัสดุไฮโดรคาร์บอน ที่มีน้ำเป็นตัวทำละลาย มีความยืดหยุ่น 5% แต่เมื่อแข็งตัวแล้วจะไม่ละลายน้ำ สามารถปิดรอยแล้วทาสีทับได้เลย ราคาถูก แต่ข้อเสียคือ รับแรงได้น้อย เพราะยืดหยุ่นได้เพียง 5% อีกทั้งยังมีน้ำเป็นตัวทำละลาย จึงไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานในพื้นที่ต้องเปียกน้ำตลอดเวลา เช่น ห้องน้ำ ห้องซักล้าง เป็นต้น
  2. โพลียูริเทน หรือที่มักจะเรียกว่า พียู ยาแนวประเภทนี้จะมีความยืดหยุ่นถึง 35% มีความแข็งแรง ทนทาน แห้งแล้วจะไม่หดตัว ทนแสงยูวี ลงแล้วทาสีทับได้ สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยใช้ยาแนวรอยต่อได้ทั้งเมทัลชีท เหล็ก กระจก อะลูมิเนียม โพลีคาร์บอเนต
  3. ซิลิโคน สารประกอบอนินทรีย์ มีความยืดหยุ่น 25% มีแรงยึดเกาะสูง ทนรังสียูวีได้ดี ใช้งานได้หลากหลาย ซิลิโคนแบบมีกรดจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว แห้งเร็ว แต่ใช้ยาแนวโลหะไม่ได้ ต้องเลือกใช้ซิลิโคนแบบไม่มีกรด ที่มีความยืดหยุ่นกว่า แถมไม่มีกลิ่นรบกวน แต่ข้อเสียคือแห้งช้า ทาสีทับไม่ได้ และมีราคาแพงกว่ายาแนวประเภทอื่น 
  4. ไฮบริด หรือ โมดิฟายซิลิโคน เป็นการผสมผสานระหว่างซิลิโคนกับพียูเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้หลากหลายขึ้น เพราะนำข้อดีของวัสดุยาแนวทั้ง 2 ชนิดมาไว้ในวัสดุเดียว นั่นคือ การยืดหยุ่นสูง ป้องกันรังสียู ยึดเกาะดี ใช้กับพื้นที่เปียกน้ำได้ และใช้กับวัสดุได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น พีวีซี ไม้ ปูน คอนกรีต ไฟเบอร์ซีเมนต์ โพลีสไตรีน หินธรรมชาติ โลหะ และ สเตนเลส อีกทั้งยังไม่มีกรดและสารอันตราย เช่น ไอโซไซยาเนต ที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยากับโลหะและวัสดุต่าง ๆ จึงปลอดภัยกับผู้ใช้งาน ข้อดีที่มีมากขึ้น ทำให้ราคายาแนวประเภทนี้สูงกว่าชนิดอื่น ๆ 

เลือกยาแนวแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน 

  1. ยาแนวธรรมดา คือ ยาแนวที่ใช้งานทั่วไป เป็นยาแนวราคาไม่แพง แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อราดำได้ จึงไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น แต่เหมาะกับการใช้งานพื้นภายในตัวอาคารทั่วไปมากกว่า 
  2. ยาแนวกันเชื้อรา คือ กาวยาแนวที่ป้องกันเชื้อราดำได้ เพราะมีการใส่สารยับยั้งการเกิดเชื้อรา จึงเป็นยาแนวที่นิยมใช้มากที่สุด สามารถใช้กับพื้นที่มีความเปียกชื้นได้ เช่น ห้องน้ำ พื้นที่ภายนอกอาคาร เป็นต้น 
  3. ยาแนวอีพ็อกซี่ คือ กาวยาแนวที่ดีที่สุด ทนต่อสารเคมี เหมาะในการใช้งานกับพื้นที่ต้องการความทนทาน และความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น พื้นโรงงาน สระว่ายน้ำ แต่ด้วยเป็นกาวที่ค่อนข้างมีส่วนผสมที่หลากหลาย มีราคาแพง การนำมาใช้งานจึงต้องเป็นคนที่มีความชำนาญหรือมีประสบการณ์
  4. ยาแนวกระเบื้องร่องเล็ก คือ กาวยาแนวที่มีความเหลวมากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยในการไหลตัวเข้าไปตามร่องกระเบื้อง แต่แห้งตัวเร็วเป็นพิเศษ จึงไม่ควรผสมรอไว้ และเมื่อยาแนวแห้งตัวแล้วไม่ควรใส่น้ำเข้าไปผสมอีก เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของยาแนวลดลง เหมาะกับการใช้งานปูกระเบื้องที่ต้องปูชิดกัน เช่น กระเบื้องแกรนิโต้ 
  5. ยาแนวสระว่ายน้ำ เป็นกาวยาแนวใช้ปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ ซาวน่า สปา เพราะเป็นยาแนวที่ทนต่อคลอรีน และรองรับแรงอัดได้ดี 

 

หากเลือกใช้ยาแนวไม่ถูกกับประเภทของงานและชนิดของกระเบื้อง อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ เช่น อาจทำให้กระเบื้องหลุดร่อน หรือกระเบื้องหดตัวเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้น้ำรั่ว น้ำซึม หรือสุดท้ายยาแนวก็ร่อนออก ทำให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์และค่าจ้างในการซ่อมแซมพื้นกระเบื้อง 

อีกปัญหาหนึ่งของบ้านที่มักพบได้บ่อยในหน้าฝน คือ ปัญหาน้ำรั่ว น้ำซึม และส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดขึ้นกับพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหานั้นในจุด ๆ เดิม การที่รู้ก่อน จะได้รับมือและป้องกันได้ทัน ก่อนปัญหาจะลุกลามจนสร้างความเสียหายให้กับบ้านมากกว่าที่คิด ซึ่งจุดใหญ่ ๆ ที่มักจะเกิดปัญหาเหล่านั้นได้แก่พื้นที่ต่อไปนี้ 

Details