tt ads

หลายคนรู้ว่ากระเทียมมีสรรพคุณทางยามากมาย และได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพออกมาเผยว่าการกินกระเทียมสดดีต่อสุขภาพและช่วยต่อต้านโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วยได้หลายโรค ทั้งเชื่อว่ากินกระเทียมลดไขมันในเลือดได้ หรือกินกระเทียมสดลดความอ้วน ลดความดัน และอีกมากมาย แต่ถึงแม้ว่ากระเทียมมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินกระเทียมมากเกินไปเกิดโทษได้ อีกทั้งผู้ป่วยโรคบางชนิดห้ามกินกระเทียม เพราะอาจกระตุ้นโรคที่เป็นอยู่ให้กำเริบได้ แล้วโรคอะไรบ้างที่ห้ามกินกระเทียม และกินกระเทียมมากเกินไปมีโทษอย่างไร 

สรรพคุณของกระเทียมมีอะไรบ้าง 

ก่อนอื่นเรามาดูสรรพคุณของกระเทียมกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง 

  • ขับลม 
  • ขับเหงื่อ
  • ขับเสมหะ
  • ขับปัสสาวะ
  • ขับระดู
  • แก้จุกเสียด 
  • แก้ท้องอืด 
  • แก้อาหารไม่ย่อย
  • แก้หวัด คัดจมูก 
  • กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต 
  • ต้านอนุมูลอิสระ 
  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย
  • ต้านการอักเสบ
  • บำรุงธาตุ 
  • รักษาแผล แก้ปัญหาโรคผิวหนัง 
  • รักษาโรคกลากเกลื้อน 
  • แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย 
  • ลดความดันโลหิต 
  • ลดไขมันในเลือด 

 

โทษของกระเทียมเมื่อกินมากเกินไป 

แม้ว่ากระเทียมจะมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ากินกระเทียมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน เนื่องจากสารในกระเทียมจะไปยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด อาจส่งผลให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวช้า ทำให้เลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล

ใครบ้างที่ต้องระมัดระวังในการกินกระเทียม 

  • ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียม รวมถึงคนที่แพ้สารในกระเทียม 
  • ผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำ และผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เพราะกระเทียมมีสรรพคุณช่วยลดความดัน หากกินกระเทียมร่วมกับยาลดความดัน หรือกินกระเทียมมากเกินไป อาจยิ่งกระตุ้นให้ความดันต่ำมากกว่าเดิม 
  • ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ ควรระมัดระวังในการกินกระเทียม เพื่อไม่เพิ่มกรดแก๊สในกระเพาะอาหารจากการกินกระเทียมมากเกินไป จนก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร หรือมีอาการแสบท้อง 
  • ผู้มีอาการโรคกรดไหลย้อน เพราะกรดแก๊สในกระเทียมจะกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกกำเริบได้ 
  • ผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ทานยาลดน้ำตาลในเลือด ควรงดการกินยาร่วมกับสารสกัดกระเทียม เพราะจะยิ่งไปลดระดับน้ำตาลให้ต่ำลงมากเกินไป 
  • ผู้ที่เตรียมตัวจะผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะสารในกระเทียมมีส่วนในการทำให้เลือดแข็งตัวช้า จึงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดไหลไม่หยุดหลังผ่าตัด 
  • ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAIDs บางชนิด เพราะยาในกลุ่มโรคนี้มักมีฤทธิ์ต่อการแข็งตัวของเลือด 
  • ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวาร์ฟาริน เนื่องจากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด จะยิ่งทำให้เลือดออกมากขึ้น 
  • ผู้ที่มีภาวะตาแดง เพราะฤทธิ์ร้อนของกระเทียม จะยิ่งกระตุ้นให้มีอาการมากขึ้น 
  • หญิงตั้งครรภ์ มารดาให้นมบุตร สามารถกินกระเทียมที่เป็นอาหารได้ แต่ไม่ควรกินสารสกัดจากกระเทียมมากเกินไป เพราะจะส่งผลข้างเคียงต่อเด็กได้  
tt ads