เริ่มนับวันถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่อีกไม่กี่วันข้างหน้านี่แล้ว เชื่อว่าหลายๆคนนอกจากจะฉลองปีใหม่กับครอบครัว ฉลองกับเพื่อน แต่อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การส่งข้อความคำอวยพรออนไลน์ให้กับเพื่อนๆหรือคนรู้จักรอบข้าง แต่การจะส่งแค่ “สวัสดีปีใหม่” หรืออยากจะเก๋ด้วยภาษาอังกฤษ เพียงแค่คำว่า “Happy New Year” มันก็คงจะธรรมดาไปเสียแล้ว บทความนี้เราจึงรวบรวมคำอวยพรภาษาอังกฤษความหมายดีๆมาให้เพียบเลย เพื่อได้นำไปใช้ส่งข้อความให้คนรอบข้างได้ไม่ซ้ำ ทั้งความหมายดี ทั้งเก๋และชิคต้อนรับปีใหม่กันไปเลยค่าา

  • I wish you and your beautiful family a very happy and prosperous new year. Stay safe and beat the Pandemic with new energy.

(ขอให้คุณและครอบครัวที่น่ารัก มีแต่ความสุขและความเจริญรุ่งเรืองในวันปีใหม่ ขอให้ปลอดภัยและมีพลังใหม่ๆ ต่อสู้กับสถานการณ์โรคระบาด)

 

  • Wishing you a blessed and prosperous New Year! 

(ขอให้คุณมีความสุขและความเจริญรุ่งเรืองในปีใหม่)

 

  • I hope this year turns out to be the best year of your life and your family too. Happy new year!

(ฉันขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตสำหรับคุณและครอบครัว สุขสันต์วันปีใหม่)

 

  • It’s time to shine bright like a diamond , Happy New Year! 

(ถึงเวลาเปล่งประกายเจิดจรัสดุจดั่งเพชรแล้ว สุขสันต์วันปีใหม่)

 

  • Happy New Year to you and your family! Wishing you 365 days of good luck!

(สวัสดีปีใหม่กับคุณและครอบครัว ขอให้โชคดีตลอดทั้ง 365 วัน)

 

  • May your most used attire in the New Year be a smile. 

(ขอให้คุณมีแต่รอยยิ้มในช่วงเวลาปีใหม่นี้) 

  • HNY! May all the success embrace you this year 

(สวัสดีปีใหม่ ขอให้คุณถูกโอบกอดด้วยความสำเร็จตลอดปีใหม่นี้) 

 

  • I hope that the new year will be the best year of your life. May all your dreams come true and all your hopes be fulfilled!

(ฉันขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของคุณ ขอให้ความฝันทั้งหมดของคุณจงกลายเป็นจริง และทุกสิ่งที่มุ่งหวังถูกเติมเต็ม)

 

  • Happy New Year. Enjoy every bit of it. 

(สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสนุกในชีวิตอย่างคุ้มค่า) 

 

  • Wishing you a happy , healthy New Year.

(ขอให้คุณมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงในปีใหม่นี้นะ)

  • Happy New  Year now and always! 

(สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขทั้งในปัจจุบันและตลอดไป)

 

  • Have a sparkling New Year! 

(ขอให้เป็นปีใหม่ที่สดใส)

 

  • Out with the old, in with the new. Happy New Year! 

(ก้าวออกจากสิ่งเก่าๆ ก้าวเข้าสู่ในสิ่งใหม่ๆ สุขสันต์วันปีใหม่)

 

  • May the New Year bring you peace , joy and happiness.

(ขอให้ปีใหม่นำพาความสงบสุข ความสดชื่น และความสุข มาให้คุณ)

 

  • A new year means 365 new opportunities. Make sure to make the best use of it! Happy new year.

(ปีใหม่หมายถึง โอกาสใหม่ๆ ถึง 365 โอกาส ใช้ทุกโอกาสที่มีให้ดีที่สุด สวัสดีปีใหม่)

 

  • May the 12 months of the new year be full of new achievements for you. May the days be filled with eternal happiness for you and your family!

(ขอให้มีแต่ความสำเร็จใหม่ๆ ตลอดระยะ 12 เดือนของปีใหม่ ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุขในทุกๆ วันตลอดไป)

  • It is time to forget the past and celebrate a new start. Happy New Year! 

(ถึงเวลาแห่งการลืมอดีต และเฉลิมฉลองกับการเริ่มต้นใหม่ สุขสันต์วันปีใหม่)

 

  • May this new year bring new hope, new opportunities, and success for you. Happy new year.

(ขอให้ปีใหม่นำพาความหวังใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ และความสำเร็จมาให้คุณ สุขสันต์วันปีใหม่)

 

ความปรารถนาดีสามารถมอบให้ต่อคนรอบข้างได้ทุกโอกาส ไม่เฉพาะปีใหม่หรือช่วงเทศกาล แต่ที่เรานำมาฝากนี้ เป็นเพียงตัวอย่างคำอวยพรภาษาอังกฤษที่มีความหมายดีๆ ควรค่าที่จะมอบให้แก่กัน สามารถนำไปใช้ได้ทั้งประโยค หรือจะปรับคำประยุกต์ก็ได้ จะส่งเป็นข้อความออนไลน์ หรือจะเขียนการ์ดปีใหม่แนบของขวัญก็เก๋ไม่หยอก หลุดกรอบจากคำเดิมๆ และท้ายนี้ Wish you happiness in the year to come! ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขในปีที่จะมาถึงนี้ค่ะ

 

 

 

งูปากบุก หรือ งูกะปะ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Malayan pit viper และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Calloselasma rhodostoma งูกะปะจะมีลักษณะตัวป้อมสั้น หัวเป็นทรงสามเหลี่ยมชัดเจน หัวคล้ายลูกศร มีลายเป็นสามเหลี่ยมปลายชนเข้าหากัน จะต่างจากลายของงูปี่แก้ว มีในทุกภาค แต่ที่ชุกชุมคือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งคนไทยก็ถูกงูกะปะกัดได้บ่อย เพราะเป็นสายพันธ์ที่มีจำนวนมากในไทย ชอบนอนขดเป็นวงกลม วางหัวบนสุด พร้อมจะฉกได้ตลอดเวลา แม้จะเป็นงูที่ไม่ปราดเปรียว แต่มีการโจมตีที่รวดเร็ว หากมีความกังวล โกรธ จะสั่นหางคล้ายกับงูหางกระดิ่ง 

 

งูกะปะเป็นงูพิษที่มีอันตรายต่อมนุษย์มาก งูกะปะกับงูแมวเซาอยู่ในวงศ์เดียวกัน หรือเป็นงูตระกูลไวเปอร์ (Viperidae) งูกะปะมีหลายสายพันธุ์ ทั้ง งูกะปะสามเหลี่ยม งูกะปะลายพรม งูกะปะคอแดง งูกะปะปากเหม็น ที่เรียกว่างูกะปะปากเหม็น เพราะเมื่อกัดแล้วเนื้อบริเวณที่โดนกัดจะเน่าเหม็นหรือเนื้อตาย และกะปะในภาษาใต้ก็ยังแปลว่า ปากเหม็น ซึ่งจะพบได้มากที่ภาคใต้ นอกจากนี้ งูกะปะยังเป็น 1 ใน 7 งูพิษ ที่มีความสำคัญต่อวงการพิษวิทยาและทางการแพทย์

 

งูกะปะเป็นงูออกหากินเวลาพลบค่ำและกลางคืน โดยเฉพาะเวลาที่อากาศมีความชื้น อย่างเช่น หลังฝนตก เมื่อจะออกหาเหยื่อ งูกะปะจะเลื้อยไปยังจุดที่คิดว่าจะมีเหยื่อ แล้วนอนขดอยู่นิ่งๆ เป็นงูนักพรางตัว ชอบอาศัยอยู่ตามดินปนทราย หรือที่มีใบไม้ทับถามกันเยอะๆ ด้วยสีลำตัวงูจะมีสีออกคล้ายใบไม้แห้ง ทำให้มีความกลมกลืนเมื่อไปอยู่ปะปนกับใบไม้แห้ง หรือสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับสีตัวงู  ซึ่งเราอาจจะไม่สามารถมองเห็นตัวงูได้เด่นชัด และด้วยที่มักจะพบในพื้นที่การเกษตรกรรม อย่างสวนปาล์ม สวยยางพารา ฯลฯ ทำให้มีผู้ถูกงูกะปะกัดอยู่บ่อยๆ จนได้รับฉายาว่า “งูกับระเบิด” หรือ  “งูนักเลงสวนยาง” 

งูกับระเบิด งูนักเลงสวนยาง 

“กับระเบิดชีวภาพ” ด้วยที่ถ้าเหยื่อหรือศัตรูเข้าใกล้ งูกะปะจะนอนขดตัวนิ่ง ไม่ส่งเสียงใดๆ เพื่อรอจังหวะ และสีที่กลมกลืนกับดินและใบไม้ ทำให้คนโดนกัดได้ง่าย เพราะไม่มีเสียงขู่เตือน และสีที่กลมกลืนกับกองใบไม้แห้ง เหมือนกับระเบิดที่ถูกกลบไว้ล่อให้ศัตรูมาเหยียบ และบางครั้งแผลผู้ที่ถูกกัดจะเหวอะหวะคล้ายกับไปโดนกับระเบิดมา อีกทั้งยังพบได้บ่อยมากในสวนยาง ชาวสวนยางที่ต้องไปกรีดยางช่วงเช้ามืด มักจะมองไม่ค่อยเห็น ก็จะโดนกัดได้บ่อยครั้ง หรือแม้แต่บ้านเรือนที่ปลูกใกล้บริเวณสวนยาง ก็ยังสามารถเจองูที่เข้าบ้านหรือมาใกล้บริเวณบ้านได้บ่อยเช่นกัน 

งูกะปะออกลูกเป็นไข่หรือเป็นตัว? 

งูกะปะออกลูกเป็นไข่ สามารถออกไข่ได้คราวละ 10-20 ฟอง และไข่งูกะปะจะเป็นแพยาวติดกัน อาจเป็นแพก้อนกลมติดกัน เหมือนเป็นแพไข่ดาว ไม่ได้แยกเดี่ยวแบบไข่งูจงอาง 

 

พฤติกรรมในการฟักไข่ของงูกะปะ จะนอนเฝ้าไข่เฉยๆ เป็นการเฝ้าด้วยความหวงแหน และป้องกันอันตรายที่จะมาทำร้ายไข่เสียมากกว่า ไม่มีการใช้ตัวกกไข่ แตกต่างจากงูเหลือมหรืองูหลามที่ใช้อุณหภูมิในร่างกายทำการกกและฟักไข่ นอกจากนี้ยังมีการผสมพันธุ์และวางไข่ได้ทุกฤดูกาลอีกด้วย ด้วยการแพร่พันธุ์อย่างไม่จำกัดฤดูนี่เอง ทำให้มีงูกะปะเป็นจำนวนมากในประเทศไทย 

 

โดยปกติแล้วงูออกลูกเป็นไข่ แต่จะมีงูบางชนิดที่จะออกลูกเป็นตัว แต่แม่งูจะต้องตั้งท้องนานกว่าการออกลูกเป็นไข่ และข้อดีของการออกลูกเป็นตัวคือ เมื่อลูกงูออกมาแล้ว หากมีภัยมาใกล้ ลุกงูสามารถหลบภัยได้ ในขณะที่ถ้าออกลูกเป็นไข่ แม่งูจะใช้เวลาในการตั้งท้องสั้นกว่า แต่ข้อเสียคือ ถ้ามีภัยธรรมชาติมา ไข่อาจจะเสียทั้งหมด ด้วยไข่งูกะปะเป็นแพติดกันหมด หรือถ้ามีผู้ล่า ไข่ไม่สามารถหนีได้ ลูกงูกะปะก็จะไม่มีโอกาสได้ฟักออกมา 

 

credit : https://www.pinterest.com/pin/447615650435294761/

พิษงูกะปะส่งผลต่อระบบใด 

pit organs หรือหลุมที่คอยจับรังสีอินฟาเรดจะอยู่ใต้บริเวณใต้ตา และเหนือปาก คอยจับความร้อนหรืออุณหภูมิของเหยื่อ แต่ก็ยังอาศัยใช้ดวงตาและลิ้นในการทำงานร่วมกัน ยิ่งสัมผัสถึงระยะของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ  

 

เขี้ยวงูกะปะเป็นบานพับ สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ได้ใช้ และจะแผ่ออกมายาวเมื่อต้องการจะกัดเหยื่อหรือศัตรู การกัดของงูกะปะ จะมีการเดินเขี้ยว คือการขยับเขี้ยวไปซ้าย-ขวา ทำให้เกิดบาดแผลได้มากกว่า 2 เขี้ยว และอาจสร้างความสับสนได้ เมื่อทำการตรวจสอบแผลเพื่อเช็คชนิดงูที่กัด ในการให้การรักษาที่เหมาะสม บางคนอาจสงสัยว่าแล้วเขี้ยวยาวขนาดนั้นจะไม่เผลอโดนลิ้นหรือแทงในปากงูเองบ้างเปล่า ด้วยอย่างที่บอกว่าเขี้ยวของงูกะปะเป็นบานพับ เวลาปกติปากของเขาจะหุบ ไม่มีการยืดออก เขี้ยวก็จะไม่มีการยืดออกมาใช้ และเหงือกสีขาวๆบางๆที่หุ้มอยู่ จะช่วยรักษาเขี้ยวของเขาไม่ให้กระทบภายในปาก 

 

หลายๆคนที่คิดว่าใส่รองเท้าบูทแล้วน่าจะป้องกันได้ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่สามารถป้องกันได้เสมอไป เนื่องจากเขี้ยวงูกะปะยาวและแหลมคมมาก สามารถกัดทะลุเนื้อรองเท้าบูทได้ หลายเคสที่เป็นคนถูกงูกะปะกัดทั้งที่ใส่รองเท้าบูทหรือรองเท้ายางเพื่อกันสัตว์มีพิษกัด 

 

พิษของงูกะปะมีผลต่อระบบเลือดขั้นรุนแรง เกิดภาวะ compartment syndrome คิอการเกิดความดันของเนื้อเยื่ีอสูงขึ้นจนหลอดเลือดถูกกดทับ จนเลือดไหลเวียนไม่ได้ มีอาการบวม อวัยวะที่ถูกกัดก็จะเน่าและตาย ทำให้คนที่กัดหลายคนที่ต้องเสียอวัยวะไป ต้องตัดนิ้ว ตัดแขน ตัดขา เพราะถูกงูกะปะกัด แล้วเนื้อตาย ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ก็ต้องตัดส่วนนั้นออกไป หรือหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ที่โดนกัดอาจจะเสียชีวิตได้ จากความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเกิดจากการเสียเลือด 

 

งูกะปะกัด อาการจะมีดังนี้ 

บริเวณที่ถูกกัดจะบวมภายใน 2-3 ชั่วโมง และบวมขึ้นเรื่อยๆ ใน 24 – 72 ชั่วโมง โดยแผลและบริเวณใกล้เคียงที่ถูกกัดจะมีสีคลํ้าขึ้น ห้อเลือด มีตุ่มใส และมีรอยพอง ถ้ามีรอยพองขนาดใหญ่หลายแห่ง หรือเกิดห่างจากที่กัดแสดงว่าได้รับพิษเข้าไปมาก และรอยพองจะมีการแตกออก

 

จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และเข้มขึ้นจนคล้ำ และเมื่อแห้งลง ก็จะกลายเป็นเนื้อตาย แผลเนื้อตายค่อย ๆ เปื่อยเน่าหลุดออกไปเรื่อย ๆ กว่าแผลจะหายกินเวลานานเป็นเดือน

 

สมุนไพรแก้งูกะปะกัด

ต้นโลดทะนงแดง หมาก และ มะนาว  อ้างอิงมาจากหลักการของแพทย์พื้นบ้าน “หมอเอี๊ยะ สายกระสุน” หมอพื้นบ้านที่เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพรรักษาพิษงู และเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน จนมีการทำงานร่วมกันระหว่างหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนปัจจุบันได้อย่างลงตัว 

 

โดย นพ.อภิสรรค์ ได้เล่าว่า เมื่อมีคนถูกงูกัดถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล หลังจากแพทย์วินิจฉัยว่าคนไข้ถูกงูพิษกัด หมอเอี๊ยะจะเป็นผู้ทำการรักษาด้วยสมุนไพรรักษาพิษงูซึ่งประกอบด้วยสมุนไพร 3 ชนิดคือ รากต้นโลดทะนงแดง หมาก และมะนาว 

 

วิธีการรักษาด้วยสมุนไพรของหมอเอี๊ยะ

นำรากต้นโลดทะนงแดงและหมากนำมาฝนผสมกับน้ำประมาณครึ่งแก้วให้คนที่ถูกงูกะปะกัดได้ดื่ม แล้วนำรากต้นโลดทะนงแดงและหมากนำมาฝน โดยใช้น้ำมะนาวเป็นตัวประสานยา จากนั้นใช้ทาบริเวณแผลที่ถูกกัด จากนั้นหมอเอี๊ยะจะติดตามอาการเช้า-เย็น จนกว่าจะมีอาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาล เป็นการดูแลรักษาแบบผสมผสาน ระหว่างแพทย์แผนปัจจุบัน และหมอเอี๊ยะ หมอพื้นบ้าน

 

ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและฟอกสบู่หรือน้ำด่างทับทิม ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง เช็ดแผล

วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด

เมื่อถูกงูกัด ไม่ต้องเน้นเรื่องการขันชะเนาะ แต่ให้เน้นเรื่องการเคลื่อไหว พยายามอย่าเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ และถ้าให้ดีก็ฟอกด้วยสบู่ แล้วล้างให้สะอาด ก่อนซับให้แห้ง ปลดพันธนาการบริเวณที่ถูกงูกัดออกให้หมด เช่น รองเท้า ถุงเท้า ถอดนาฬิกา แหวน เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดการกดทับ และขวางทางเดินของเลือด แล้วผ้าอีลาสเทนหรือผ้ายืดพันแผล จากนั้นใช้ไม้หรือเฝือกดามล็อคข้อบริเวณที่ถูกกัด เพื่อลดการเคลื่อนไหวของอวัยวะ เพราะพิษไม่ได้กระจายเข้าสู่หัวใจ แต่พิษจะกระจายสู่อวัยวะ หากอวัยวะส่วนที่ถูกกัดมีการเคลื่อนไหวมากเท่าไร พิษก็จะกระจายได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่อย่ารัดให้แน่นหรือหลวมเกินไป แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด 

 

กรณีที่ถูกงูกะปะกัด การรัดบริเวณเหนือบาดแผลที่ทุกคนเข้าใจนั้น จะไม่เป็นผลดีหากเป็นงูกะปะกัด เนื่องจากว่างูกะปะพิษต่อระบบเลือด ยิ่งไปรัดก็ยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก เป็นการให้พิษค้างอยู่แค่บริเวณอวัยวะที่ถูกกัด ทำให้พิษทำลายแต่ส่วนเนื้อบริเวณที่ถูกรัด จนส่งผลรุนแรงให้เนื้อตาย แต่ถ้าปล่อยให้พิษกระจายไปกับกระแสเลือดช้าๆ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของพิษ ปฐมพยาบาลให้ถูกต้อง และรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด 

 

ถึงแม้ไม่รู้ว่าถูกงูชนิดใดกัด ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน แม้ว่าการรัดเหนือบริเวณแผลที่ถูกกัดจะเป็นวิธีที่ใช้กันมาแต่โบราณ ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีที่ผิด เพียงแต่หากยิ่งทำการรัด ต่อให้รัดไม่แน่น แต่การรัดจะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงบริเวณที่ถูกรัดไม่ได้ เช่น ถูกกัดที่เท้าและรัดเหนือเข่า ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเนื้อส่วนขาไม่ได้ เนื้อบริเวณนั้นจะตายและต้องตัดขาทิ้ง และหลายเคสที่ถูกงูกะปะกัดแล้วต้องเสียอวัยวะไปเพราะการปฐมพยาบาลจากความไม่รู้ ปัจจุบันมีวีธีที่

 

ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องนำงูไปโรงพยาบาล แต่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปงูไว้ ส่วนที่เคยรู้หรือเรียนมาเรื่องการใช้เชือกมัดเหนือปากแผล จะใช้ไม่ได้ผลและส่งผลร้ายแรง หากงูที่กัดเป็นงูมีพิษต่อระบบเลือด 

 

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อโดนงูกัด

 

  • อย่าขันชะเนาะ แต่ให้ใช้วิธีดามเหมือนเข้าเฝือกแทน เพื่อลดการเคลื่อนไหวอวัยวะ
  • ห้ามใช้มีดกรีดบาดแผล ก็ไม่ได้ช่วยอะไร จะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค 
  • ห้ามใช้ไฟหรือไฟแช็คลนบาดแผล เพราะไฟจะยิ่งทำให้แผลพุพองและรักษายากมากขึ้น 
  • ห้ามใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสิ่งอื่นๆ ทาแผล พอกแผล เนื่องจากอาจทำให้แผลติดเชื้อ
  • ไม่ควรใช้ปากดูดเลือดจากแผลงูกัด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้ดูดได้
  • ห้ามให้ผู้ถูกงูกัดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน

 

การป้องกัน พยายามคอยสังเกตเสมอหากเดินไปบริเวณแถวพงหญ้า หรือที่มีใบไม้แห้งกองสุม เมื่อต้องเข้าไปในบริเวณที่สุ่มเสี่ยง เช่น เข้าสวนยาง สวนปาล์ม ฯลฯ ก็ให้ใส่รองเท้าบูทเนื้อหนาๆ รองเท้าบูทคุณภาพดี ใช้ไม้คอยแกว่งๆไปตามพื้น เพื่อจะได้สังเกตความเคลื่อนไหวได้ หากมีงูพรางตัวอยู่ใต้พุ่มหญ้า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปเดินที่ไหนตอนกลางคืน และถ้าหากมีงูเข้าบ้าน อย่าพยายามจับงูด้วยตนเอง แต่ให้โทรแจ้ง 199 / 1677 เจ้าหน้าที่กู้ภัย หน่วยอาสา หรือผู้เชี่ยวชาญ และระหว่างรอเจ้าหน้าที่ ให้คอยสังเกตและเฝ้าดูงูไว้อย่าให้คลาดสายตา ยิ่งช่วงฤดูฝนต้องยิ่งคอยสังเกตบ้านเรือนให้ดี อย่าปล่อยให้รกดึงดูดหนูเข้าบ้าน และอาจเป็นการเชื้อเชิญงูมาล่าเหยื่อถึงในบ้านเราได้

เข้าเดือนธันวาคม อีกไม่นานก็จะถึงวันคริสต์มาสและวันปีใหม่กันอีกแล้ว กล่าวได้ว่าเดือนธันวาคม เป็นเดือนแห่งเทศกาลความสุขที่ใครหลายๆคนชื่นชอบและรอคอย เพราะเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง มีการตกแต่งสถานที่สวยงาม เสียงเพลงแห่งความสุข และแสงสีของไฟประดับ รวมไปถึงการจัดปาร์ตี้สังสรรค์ต่างๆ โดยเฉพาะการจับของขวัญที่เป็นไฮไลท์ของงานและแทบจะขาดไม่ได้เลย 

 

ไม่ว่าจะเป็นงานคริสต์มาสหรือปีใหม่ เมื่อมีการจับฉลากของขวัญ ไม่ว่าจะเป็นการจับฉลากของขวัญในกลุ่มเล็กๆ หรือจำนวนคนกลุ่มใหญ่ แต่..เบื่อไหม กับการจับฉลากของขวัญปีใหม่แบบเดิมๆ หลีกหนีความจำเจ มาดูไอเดียเก๋ๆในการเล่นจับฉลาก เพื่อนำไปใช้เทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ที่จะถึงนี้กันดีกว่า 

1.ตีมของขวัญจับฉลากแบบกล่องสุ่ม 

ช่วงที่ผ่านมา “กล่องสุ่ม” ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง ทั้งกล่องสุ่มของกิน กล่องสุ่มเครื่องสำอาง กล่องสุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ฮอตฮิตติดชาร์จจนเป็นที่พูดถึง เราเลยโหนกระแสกล่องสุ่ม และนำมาใช้เป็นไอเดียการจับของขวัญเสียเลย ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในการทำเป็นของขวัญจับฉลากครอบครัว ของขวัญจับฉลากออฟฟิศ โดยมีการกำหนดเรทราคาขึ้นมา อาจกำหนดของขวัญจับฉลาก 300 บาท ของขวัญจับฉลากงบ 500 บาท จากนั้นเราก็ไปช็อปและรวบรวมลงกล่องใส่ของขวัญ เหมือนกล่องสุ่มที่กำลังฮิต ไอเดียนี้จะทำให้เราสนุกที่จะหาของขวัญจับฉลากมากขึ้น ส่วนคนจับได้ของเราก็ได้ลุ้นและสนุกขำขัน เมื่อเปิดกล่องแล้วเจอของขวัญแบบจุใจ

2. จับของขวัญตามตัวอักษร

น่าจะมีใครหลายคนเคยเล่นกันมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจยังไม่เคยเล่นการจับฉลากแบบนี้มาก่อน วิธีนี้เป็นการจับฉลากโดยการเสนอตัวอักษร จะเป็นตัวอักษร ก-ฮ หรือ ตัวอักษร A-Z แล้วทำเป็นฉลากจับของขวัญด้วยการเขียนตัวอักษรอย่างละ 1 ตัวลงไปในกระดาษ เช่น เขียน ก , ข , …จนถึง ฮ แล้วม้วนหรือพับกระดาษ จากนั้นใส่ภาชนะอะไรก็ได้เพื่อให้ทุกคนจับ หากคุณจับได้อักษร น หนู คุณก็ต้องหาของขวัญจับฉลาก น หนู ขึ้นต้น เช่น นาฬิกา น้ำหอม หรือจับได้ของขวัญอักษร อ อ่าง  เช่น ไอแพด  (ตุ๊กตา)แอลโล่  เป็นต้น ไอเดียนี้จะทำให้ของขวัญมีความหลากหลาย อีกทั้งยังสโคปให้แคบลงสำหรับคนที่ไม่รู้จะจับของขวัญอะไรดี 

3.จับฉลากจากการแจ้งเตือน 

โดยวางมือถือของทุกคนวางไว้บนโต๊ะ หากเครื่องใครมีการแจ้งเตือนเข้ามาก่อนคนแรก คนนั้นจะเลือกของขวัญเป็นคนสุดท้าย และมือถือใครที่มีข้อความหรือการแจ้งเตือนเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ก็จะได้เลือกของขวัญที่อยากได้เป็นคนแรก 

4.จับฉลากตามธีมสี

กำหนดสีแบบคุมโทนเลย ว่าให้เลือกของขวัญจับฉลากสีอะไร แล้วก็นำของขวัญที่มาจับต้องเป็นสีตามธีม เช่น กำหนดให้ใช้กล่องของขวัญสีขาว ก็ต้องสีขาวทั้งหมด อาจคุมโทนสีทั้งการจัดงาน สีของตกแต่ง สีการแต่งตัว สีของขวัญ ภาพรวมออกมาก็จะดูดี เพราะเป็นโทนเดียวกัน ดูเป็นการวางแพลนมาแล้วอย่างดี      

5.จับของขวัญสุดฮา

อาจกำหนดให้ห่อของขวัญจับฉลากตลกๆ ดูเป็นภาพลวงตา ให้เข้าใจผิดจากรูปร่างหีบห่อข้างนอก เช่น นำของขวัญประกอบกันเป็นรูปร่าง ที่เมื่อห่อแล้วมองเห็นเป็นรูปพัดลม แต่เมื่อแกะออก ของข้างในกลับเป็น ไม้กวาด ที่ตักขยะ และแปรงขัดห้องน้ำ ที่ประกอบกันให้ออกมาเป็นภาพลวงตาดูผิดเพี้ยนไป เป็นต้น ทำให้การจับฉลากได้ทั้งลุ้นทั้งฮา 

6.กำหนดธีมของขวัญราคาเดียวกัน 

การกำหนดราคาของขวัญจับฉลาก เป็นการลดความเหลื่อมล้ำและแฟร์ต่อทุกคน เพราะบางคนนำของราคาถูกมาจับ ในขณะที่บางคนนำของขวัญแบรนด์เนมมาจับ ดังนั้นกำหนดราคาไปเลยจะดีกว่า อาจกำหนดราคาของขวัญจับฉลาก 200 บาท ขึ้นไป หรือเรทราคาของขวัญจับฉลาก 500 บาท เป็นต้น 

7.จับฉลากเบอร์โทร 

นำเบอร์โทรของทุกคนมาจับฉลาก ใครได้เบอร์ไหน ก็โทรไปหาเบอร์นั้น เมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์โทร ก็ต้องนำของขวัญไปให้คนนั้น ได้ทั้งของขวัญ ได้ทั้งแลกเบอร์โทรกัน ดีไม่ดี อาจได้แฟนในอนาคตด้วย 

8.จับฉลากปาโป่ง 

เกมงานวัดก็มา…เขียนชื่อทุกคนลงในฉลาก แล้วใส่ในลูกโป่ง ให้ทุกคนปาโป่งเหมือนงานวัด ใครปาลูกไหนแตก ก็ให้ของขวัญกับคนที่มีชื่อในลูกโป่งที่ปาแตก 

9.ของขวัญธีม Together

“Together” แน่นอนว่าต้องมากกว่า 1 ชิ้น โดยจะมีกี่ชิ้นก็ได้ แต่ต้องอยู่ในเซ็ตการใช้งานด้วยกัน หรือของที่ต้องทำงานร่วมกัน เช่น จอยเกมส์ หูฟังเกมส์ ถุงมือเกมส์  / ไอแพด เคส หูฟัง / หม้อต้มกาแฟ เครื่องบดกาแฟมือหมุน แก้วกาแฟ  / รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า น้ำยาซักแห้งสำหรับรองเท้า  เป็นต้น ทำให้ของขวัญดูเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และการเลือกซื้อก็ง่าย เพียงแค่คิดว่าจะซื้ออะไรเป็นตัวหลัก 

10.ธีมของขวัญ เดลิเวอรี่

เริ่มจากการเขียนชื่อพร้อมที่อยู่เป็นฉลาก ใครจับฉลากได้ใคร ก็หาซื้อและจัดส่งไปให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในฉลาก เป็นการส่งของขวัญแบบใช้ ขนส่งเป็นซานต้าคลอส ส่งของขวัญแบบ เดลิเวอรี่ ไอเดียการเล่นแบบนี้ก็เหมาะกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสามารถเล่นแลกของขวัญกันได้ตามมาตรการ social distance 

 

11.จับฉลากแบบ Secret Santa 

การเล่น Secret Santa มีหลากหลายแบบ แล้วแต่ใครจะนำไปปรับใช้ โดยเราจะนำที่เคยเล่นมายกตัวอย่าง 

 

  • Secret Santa แบบฉบับทางยุโรป จะเล่นโดยกำหนดวันที่จะเล่นขึ้นมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาส แต่บางแห่งก็อาจกำหนดวันอื่นตามสะดวก แต่ภายในเดือนธันวาคม เมื่อกำหนดวันได้แล้ว ก็จะเขียนชื่อทุกคนทำเป็นฉลาก แล้วให้จับฉลากรายชื่อ ใครจับได้ชื่อคนไหน ก็ต้องไปเลือกหาซื้อของขวัญที่คิดว่าน่าจะถูกใจ หรือเป็นของที่คนนั้นอยากได้ แล้วนำมาให้ในวันที่กำหนดเล่นเกมพร้อมกัน (ปัจจุบันมีแอปซีเคร็ทซานต้าหลายเวอร์ชั่นให้เลือกโหลด เพื่อจับฉลากแล้ว โดยให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ใช้แอปแทนการจับฉลาก ทำให้สะดวกหากอยู่กันคนละสถานที่ หรือช่วงโรคระบาดแล้วต้องทำ social distance หรือ work from home)  

 

  • Secret Buddy จะเล่นเหมือนกับ Secret Santa เพียงแต่หลายๆคนอาจเรียกว่าการเล่นบัดดี้ นิยมเล่นในวันคริสต์มาสเช่นกัน แต่ก็มีการนำไปเล่นในกิจกรรมอื่นๆด้วย เช่น การเล่นบัดดี้ในโรงเรียนเพื่อเพิ่มความสามัคคีของนักเรียน การเล่นบัดดี้ในรั้วมหาวิทยาลัยในช่วงรับน้องใหม่ ซึ่งจะเป็นการจับฉลากรายชื่อระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง 

 

  • Secret Santa บอกใบ้ วิธีการจับฉลากรายชื่อเหมือนกัน เพียงแต่นำของขวัญไปซ่อนในจุดที่ห้ามบอกใคร แล้วเขียนคำบอกใบ้สถานที่ซ่อนของขวัญให้กับคนที่เราจับได้ ให้เขาแก้ปริศนาคำใบ้ให้ได้ เพื่อจะได้เจอของขวัญที่เรานำไปซ่อนไว้ 

 

  • Secret Santa ของขวัญซ่อนเงิน ซึ่งไอเดียนี้นำมาจากการกำเนิดประเพณีนำถุงเท้าแขวนหน้าเตาผิง ที่เซนต์นิโคลัส นักบุญเมืองไมรา ปีนปล่องไฟเพื่อนำเงินไปให้เด็กหญิงยากจนที่บ้านหลังหนึ่ง แล้วถุงเงินกลับกระเด็นไปตกลงในถุงเท้า เมื่อเด็กหญิงตื่นมาแล้วจะใส่ถุงเท้าแล้วพบถุงเงิน ก็ได้แพร่ข่าวนี้ออกไป ทำให้ทุกคนที่ได้ข่าวก็นำถุงเท้าไปแขวนหน้าเตาผิง เพื่อจะได้ของขวัญแบบเด็กหญิงบ้าง เกม Secret Santa ของขวัญซ่อนเงิน จึงเป็นการเล่นเลียนแบบ โดยเล่นจับฉลากรายชื่อเหมือนกัน แต่ทุกคนจะต้องนำถุงเท้า(หรืออุปกรณ์อื่นๆ เช่น กระเป๋า / เป้ ฯลฯ ที่สามารถใส่ของได้) ที่ติดชื่อตนเอง แขวนไว้ตรงไหนก็ได้ภายในบริเวณที่จัดเล่นเกมส์ ส่วนคนที่จับได้ชื่อใคร ก็นำของขวัญไปใส่หรือวางตรงกับถุงเท้า(อุปกรณ์ที่แขวนไว้)ของคนนั้น โดยห้ามให้เจ้าของถุงเท้าเห็นเด็ดขาด แต่จะเฉลยหลังจากคนนั้นแกะของขวัญแล้ว 

ทั้ง 11 ไอเดียนี้ มีทั้งการเล่นแบบเก่าและใหม่ รับรองว่าเล่นได้สนุกและไม่ตกเทรนด์ ใครถูกใจแบบไหนก็สามารถนำไปเล่นตามได้เลย หรือจะนำไปปรับ นำไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับกลุ่ม เพื่อฉีกการจับฉลากของขวัญแบบเดิมๆ และเพิ่มสีสันไม่ให้ปีใหม่นี้เงียบเหงา จะเห็นได้ว่า สามารถสนุกได้แม้จะไร้ของมึนเมา ขอให้ทุกคนสนุกกับไอเดียที่เรานำมาฝาก และได้ของขวัญถูกใจกันถ้วนหน้าค่ะ

 

เทศกาลของขวัญมาถึงอีกแล้ว..ใครบ้างที่ยังไม่รู้จะให้ของขวัญอะไรดีน๊อออ?

ก็หันไปทางไหนมีแต่ของน่าซื้อ กล่องของขวัญสำเร็จรูปมากมายถูกเซ็ตอย่างสวยงาม โปรโมชั่นลดกระหน่ำ เซลล์แล้วเซลล์อีกเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการให้..ของขวัญคริสต์มาส ของขวัญปีใหม่ ของแจกปีใหม่ หรือกระเช้าของขวัญ บางคนก็เลือกที่จะทำของขวัญเอง เพื่อเป็นของขวัญแฮนด์เมดให้แฟน แต่สำหรับหลายๆคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อของขวัญอะไรดี ในการให้ของขวัญสำหรับแต่ละบุคคล เรามีไกด์ไลน์ในการเลือกซื้อประเภทของขวัญให้เหมาะกับผู้รับมาฝากในบทความนี้ เราไปดูกันเลยดีกว่า 

ของขวัญปีใหม่ให้พ่อแม่ 

พ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา การจะเลือกของขวัญให้พวกท่าน เราต้องรู้จักท่านดีว่าชอบและไม่ชอบอะไร ลูกหลายๆคนจึงมักจะให้ท่านด้วยของขวัญทำเอง โดยเฉพาะเด็กๆที่มักจะถูกปลูกฝังให้มีการทำการ์ดเองเพื่อเป็นของขวัญ diy จากทางโรงเรียน ก็มักจะสรรสร้างไอเดีย แม้จะวาดเองเขียนเอง แต่นั่นก็เป็นของขวัญที่สวยและล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่ที่สุด แต่สำหรับลูกวัยโตทำงานแล้วอย่างเราๆบางคนอาจจะเขิลหากต้องมานั่งทำอะไรแบบนั้น หรือรู้สึกว่าไม่ถนัด การเลือกหาซื้อของขวัญให้พวกท่านดูน่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่จะให้ของขวัญอะไรดีล่ะ ปีก่อนๆก็ให้สิ่งที่ท่านต้องการไปครบแล้ว ลองหาไอเดียใหม่ๆกันสักหน่อย 

สำหรับท่านที่มองหาของขวัญให้พ่อ ลองดูกิจกรรมที่ท่านโปรดปรานหรือให้ความสนใจพิเศษช่วงนี้เป็นอะไร เกี่ยวกับต้นไม้ ร้องเพลง เล่นกอล์ฟ ฯลฯ 

สำหรับของขวัญให้แม่ ที่ต้องการให้ท่านถูกใจและได้ใช้งานจริง ก็ต้องดูกิจกรรมโปรดที่หรือที่ท่านสนใจพิเศษช่วงนี้ แล้วก็เลือกซื้อให้เข้ากับกิจกรรมโปรดของท่าน ถ้าชอบเข้าครัวพิเศษ ก็อาจดูชุดเครื่องครัว หรือชุด skin care หากท่านดูแลตัวเองอยู่เสมอ ฯลฯ 

แต่ถ้าท่านไม่มีกิจกรรมพิเศษ หรืออาจซื้อให้ครบหมดแล้ว ก็ยังมีของขวัญที่น่าประทับใจดังนี้

  • บัตรของขวัญ netflix เหมาะมากสำหรับพ่อแม่ที่มักจะต้องอยู่บ้าน การได้ดูหนังหรือรายการโปรด ทำให้ไม่เหงาแม้จะต้องอยู่บ้านทั้งวัน 
  • คอร์สดูแลสุขภาพ นวด สปา ให้พวกท่านได้ผ่อนคลายจากคอร์สดูแลสุขภาพ การได้นวดแผนไทย ทำสปา ดูแลผิวเต็มรูปแบบ เพื่อลดการปวดเมื่อย หรือเหนื่อยล้าจากกิจกรรมต่างๆ 
  • มื้ออาหารสุดหรู อาจเป็นการจองโต๊ะร้านอาหารหรูให้พวกท่านได้ไปกันสองคน หรืออาจไปทานด้วยกันพร้อมหน้า เป็นมื้อหรูที่อาจไม่ได้ทานกันบ่อยๆ เพื่อให้รู้สึกเป็นมื้อพิเศษ 
  • บัตรกำนัลของขวัญ Gift voucher เพื่อให้ท่านได้ไปช้อปปิ้งและเลือกของที่ต้องการด้วยตัวเอง 
  • บัตรคอนเสิร์ต ของศิลปินสุดโปรด หรือบัตรดูหนังที่พวกท่านชื่นชอบ โดยเลือกเป็นที่นั่งพิเศษสุด 
  • แพ็กเก็จท่องเที่ยว พร้อมที่พักสุดหรู ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ เป็นของขวัญให้พวกท่านได้ออกเดินทางท่องเที่ยวสองคน เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาสวีท ก่อนที่จะต้องเสียสละเวลามาทุ่มให้กับการเลี้ยงลูก
  • บัตรสมาชิกคลับกิจกรรมต่างๆ ที่ท่านสนใจ เพื่อให้ท่านได้ไปใช้เวลาทำกิจกรรมสุดโปรด ตามที่ท่านต้องการ ได้เพื่อนและสังคมใหม่ๆ 
  • กระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่แนบซองใส่เงินสดหรือเช็คขึ้นเงิน เพื่อเซอร์ไพรส์เมื่อท่านแกะกระเช้าที่ดูเหมือนจะเป็นกระเช้าของขวัญธรรมดาๆ 
  • กระเช้าของขวัญเพื่อสุขภาพ ที่อาจแนบแพ็กเก็จตรวจสุขภาพฟรี หรือบัตรสมาชิกคลาสออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ 

ของขวัญให้ผู้ใหญ่ 

เมื่อจะให้ของขวัญผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นญาติหรือบุคคลที่ให้ความเคารพ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกเป็นกระเช้าของขวัญให้ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกระเช้าผลไม้ หรือกระเช้าเพื่อสุขภาพ และกระเช้าของขวัญสำหรับผู้ใหญ่ยอดฮิตแถมยังหาซื้อได้ง่าย ก็จะมีกระเช้ารังนกแบรนด์ กระเช้าของขวัญโครงการหลวง กระเช้าของขวัญแบรนด์ซุปไก่ กระเช้าน้ำผลไม้ต่างๆ แต่เรามีตัวอย่างของขวัญสำหรับผู้ใหญ่ให้เก๋กว่าเดิม 

  • ญาติผู้ใหญ่ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนม : แพ็กเก็จตรวจสุขภาพ เครื่องนวดเท้า ชุดถ้วยชามลายไทย ทริปท่องเที่ยว มื้ออาหารสุดหรู ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ผ้าพันคอสวยๆ แว่นตากันแดดสวยๆ กระเป๋าเดินทางน้ำหนักเบา ชุดชาสวยๆ แก้วใส่ไวน์สวยๆ ไวน์ดีๆสักขวด นาฬิกาตรวจการเต้นหัวใจ ครีมบำรุง Anti aging แบรนด์เคาน์เตอร์ ต้นไม้มงคล น้ำหอม เซ็ตพระมงคลประจำเมือง 
  • ของขวัญผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพแต่ไม่ได้สนิทกันมาก : เซ็ตชุดเครื่องแก้ว เซ็ตจานชาม เซ็ตอุปกรณ์อาบน้ำพกพา ชุดชงชา เซ็ตชุดเครื่องหอมเทียนหอม  กระเป๋าจัดระเบียบสำหรับเดินทาง ต้นไม้มงคล 
  • ของขวัญให้เจ้านายระดับผู้ใหญ่ หรือลูกค้าที่อาวุโส : ชุดแก้วไวน์ ไวน์รสเยี่ยม เซ็ตสมุดโน๊ต+ปากกา อุปกรณ์การพรีเซนต์งานขนาดพกพา กระเป๋าหนัง เซ็ตน้ำหอมพรีเมี่ยม เซ็ตโกนหนวดพกพา หมอนรองคอดีๆ (หากเจ้านายหรือลูกค้าที่ต้องเดินทางบ่อยๆ) หมอนรองเอวสำหรับรถยนต์  

ของขวัญให้แฟน 

การเลือกของขวัญปีใหม่หรือของขวัญคริสต์มาสให้แฟนผู้หญิง ก็อาจต้องเลือกกล่องของขวัญคริสต์มาสที่แปลกๆเก๋ๆสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ซ้ำและจำเจ หากทำเองได้ก็ยิ่งสร้างคุณค่าทางใจ ไม่ว่าจะทำเป็นการ์ดปีใหม่ 

  • ทำของขวัญปีใหม่ DIY 
  • แก้วสกรีนรูปคู่ เสื้อสกรีนรูปคู่ 
  • สร้อยคู่ แหวนคู่ จี้สลักชื่อคู่ 
  • เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ 
  • น้ำหอมกลิ่นโปรด 
  • มื้ออาหารสุดหรู 
  • Scrapbook รวมเรื่องราวของทั้งคู่ หากคุณแฟนได้ รับรองว่าระทวยกับความใส่ใจและโรแมนติกแน่ๆ 

หรือการซื้อของขวัญให้ในสิ่งที่คุณแฟนต้องการ โดยอาจมีการโยนหินถามทาง การสังเกตว่าแฟนชอบไปหยุดดูสินค้าใด หรือแฟนชอบเข้าไปกดไลค์อะไรเป็นพิเศษในออนไลน์ เมื่อคุณแฟนได้รับของขวัญชิ้นนั้น ก็จะประทับใจสุดๆ ว่าคุณรู้ได้อย่างไร ช่างรู้ใจและคอยเอาใจใส่เสียเหลือเกิน   

ส่วนการเลือกของขวัญให้แฟนผู้ชาย ก็เลือกให้ตามที่แฟนชอบหรือต้องการไปเลย หรือไม่ก็อาจแหวกแนวเพื่อให้ได้เป็นการจดจำในเมมโมรี่ อย่างเช่น 

  • นาฬิกาคู่ที่สั่งทำพิเศษ 
  • บ็อกเซอร์แบรนด์เนม 
  • เติมเงินสตีมเกมส์หรือซื้ออุปกรณ์ในเกมส์(หากแฟนเป็นเกมส์เมอร์หรือชอบเล่นเกมส์) 
  • ตั๋วทริปการเดินทางแบบแอดเวนเจอร์ 
  • แหวนทอง พร้อมสลักชื่อ
  • ตั๋วคอนเสิร์ตศิลปินคนโปรด 
  • ตั๋วเข้าชมกีฬาสุดโปรด 
  • กล่องคูปองตามใจ (เป็นคูปองที่แฟนหยิบใบไหนได้ก็ service ตามในคูปองที่แฟนหยิบได้ เช่น คูปองนวดหลังให้ คูปองสระผมให้ คูปองจ่ายค่าตั๋วหนัง ฯลฯ) เป็นของขวัญปีใหม่ให้แฟนที่ทำได้ง่ายและประหยัดด้วย 

ของขวัญปีใหม่ให้เพื่อน

ของขวัญให้เพื่อนจะค่อนข้างมีตัวเลือกหลากหลาย และหาซื้อได้ง่าย เพียงแต่รู้ว่าเพื่อนชอบอะไรเป็นพิเศษก็จะยิ่งง่าย แยกประเภทเพื่อนก่อน ว่าแนวไหนสายไหน 

  • เพื่อนสายกิน : สารพัดช็อกโกแลตช่อโตแทนช่อดอกไม้ กล่องไม้ที่เต็มไปด้วยสารพัดขนมสุดโปรดของเพื่อน คูปองบุฟเฟ่ต์ร้านโปรด 
  • เพื่อนสายเฮลตี้ : อาหารเสริม เมมเบอร์ฟิตเนส คอร์สฟิตเนส ผ้าซับเหงื่อ ถุงเท้าระบายอากาศ กระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬา  
  • เพื่อนสายเกมส์ : โมเดลเกมส์สุดโปรด คอสเพลย์เกมส์ 

ของขวัญปีใหม่ให้เพื่อนร่วมงาน

จะต่างจากการเลือกของขวัญให้เพื่อน เพราะเพื่อนร่วมงานที่อาจไม่ได้สนิทเหมือนเพื่อนที่เราคบหาปกติ อาจให้ของขวัญวันปีใหม่ด้วยมารยาทหรือธรรมเนียม ก็อาจเลือกที่ดูเป็นกลางๆหน่อย ไม่จำเป็นต้องเป็นของแพง ยิ่งทำงานองค์กรณ์ใหญ่ๆ อาจมีพนักงานเยอะ อาจลำบากตัวเองเกินไปหากต้องซื้อของแพงๆให้เพื่อนร่วมงานทุกคน ซึ่งของขวัญอาจเป็นของเล็กๆน้อยๆเพื่อแสดงน้ำใจ หรือของที่สามารถใช้ในการทำงานได้ เช่น ปากกา สมุดโน๊ต หมอนรองเอว เครื่องตกแต่งไว้บนโต๊ะทำงาน ลิ้นชักเก็บของกระจุกกระจิกสำหรับวางไว้บนโต๊ะ ต้นไม้ฟอกอากาศกระถางเล็กๆ แก้วน้ำเก็บอุณหภูมิ แผ่นรองเม้าส์ 

 ของขวัญจับฉลากปีใหม่

ช่วงเทศกาลทุกปีก็จะต้องมีจับฉลากของขวัญ หรือ แลกของขวัญปีใหม่ เป็นที่สนุกสนานและสร้างความตื่นเต้นให้ได้ลุ้นว่าจะจับได้อะไรและของใครคนไหนกันนะ ซึ่งการจับของขวัญปีใหม่ไม่ได้จำกัดวัยและสถานที่ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นได้ทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน บางแห่งก็จะมีของขวัญแจกปีใหม่ หรือจับฉลากปีใหม่โดยกำหนดราคาขึ้นมาเพื่อให้เท่าเทียมกัน แต่ราคาของขวัญจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของกลุ่ม ส่วนใหญ่จะตั้งงบของขวัญจับฉลาก 100 บาท 200 บาท 300 บาท หรือ ของขวัญจับฉลาก 500 บาท โดยไม่ได้กำหนดกล่องของขวัญ แต่ของที่จับจะต้องมีมูลค่าเท่ากับหรือมากกว่างบที่ตั้งไว้ พยายามอย่าเมคราคา ทั้งที่ราคาไม่ถึง เพราะผู้ที่ได้จะเสียความรู้สึกมากๆ เรามีตัวอย่างของขวัญจับฉลากปีใหม่ที่คนไม่อยากได้ที่สุด จะได้รู้และเลี่ยงกันดีกว่า

ของขวัญจับฉลากที่คนไม่อยากได้ที่สุด 

1.คุ้กกี้หรือขนมต่างๆ เป็นอะไรที่มักจะนำไปจับของขวัญกันตั้งแต่สมัยเรียน เคยจับกันได้บ้างไหม? แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? คนที่จะจับได้ของคุณก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะคุกกี้เป็นที่นิยมในการให้เป็นของขวัญแจกปีใหม่ หรือแม้แต่เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ได้แจกมาแล้วหลายกล่อง แล้วยังมาจับฉลากได้อีก และหลายๆคนก็ไม่ได้ชอบกินขนมที่จับได้ อยากกินอะไร ซื้อเองดีกว่า ดังนั้นคุ้กกี้และขนมทุกชนิดเรียกได้ว่าเป็นของกินที่ไม่ควรนำมาจับฉลากที่สุด

2.ตุ๊กตา หากเป็นเด็กเล็กๆ จับได้สิ่งนี้อาจจะดีใจ แต่ถ้าเลยวัยประถมมาแล้ว ก็คงไม่มีใครอยากจะจับได้ตุ๊กตา เพราะคงไม่มีใครมานั่งเล่นตุ๊กตา มันจึงเป็นของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง นอกจากว่าคนๆนั้นจะเป็นคนชอบตุ๊กตามากๆ หรือเป็นนักสะสม แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นของจับฉลาก ที่มีการสุ่มและไม่มีความแน่นอน หาอะไรที่เป็นของใช้ประโยชน์ได้และเหมาะสมกับวัยจะดีกว่า  

3.ชุดถ้วยชาม เซ็ตแก้วครบชุด อีกรายการที่คนชอบนำมาจับฉลากของขวัญ นึกอะไรไม่ออก ก็ชุดแก้วกาแฟ ชุดจานชาม แม้ว่าจะเป็นของใช้ได้จริง แต่ของเหล่านี้ก็เป็นอีกสิ่งที่มักจะมีคนมอบให้เป็นของขวัญ อาจได้มาเยอะแล้ว ทั้งในกล่องของขวัญวันคริสต์มาส ของขวัญขึ้นบ้านใหม่ บลาๆๆ อาจมีเยอะจนยังเก็บไว้ในตู้ ที่ไม่ได้ถูกนำออกมาใช้ เพราะฉะนั้น หากคิดจะนำชุดถ้วยชาม หรือแก้วกาแฟเป็นของจับฉลาก ก็…พักก่อน

4.ผ้าขนหนู / ผ้าเช็ดตัว ของแจกปีใหม่ ของแจกชำร่วยทุกเทศกาล ที่ได้มาทุกงานๆ ยังไม่ได้ใช้ เก็บจนหนูแทะ ราขึ้นอยู่หลายผืน ของบางอย่างได้ใช้ประโยชน์แน่ๆ แต่ถ้าได้เป็นของแจกของชำร่วยทุกกิจกรรม ก็คงไม่มีใครอยากได้และหมดสนุกกับการจับฉลากไปเลย ผ้าขนหนูจึงควรนำไปมอบให้ได้ แต่ไม่ควรนำมาจับฉลากของขวัญ

5.ของใช้ส่วนตัว ของใช้ส่วนตัว เช่น เซ็ตสบู่ สกินแคร์ น้ำหอม แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ คนชอบใช้ต่างกัน คนที่จับได้อาจไม่ได้ชอบในแบรนด์ หรือกลิ่นในของเหล่านั้น แม้ว่าจะเป็นของเคาน์เตอร์แบรนด์ก็ตาม และของใช้ส่วนตัวเหล่านี้ ใครชอบแบบไหนซื้อใช้เองดีกว่า ของใช้ส่วนตัวต่างๆ จึงเป็นอีกรายการที่ไม่ควรนำมาจับฉลากเช่นกัน 

6.เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก เป็นของใช้ประโยชน์ได้จริง แต่ถ้าเป็นเครื่องราคาถูกเกินเบอร์ ใช้ไปไม่กี่ครั้ง อาจชำรุดหรือพัง ต้องมาเสียเวลาซ่อม หากโชคร้ายเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ความเสียหายที่เกิดขึ้น…นึกออกไหม? เพราะฉะนั้นเปลี่ยนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าดีๆไปเลยดีกว่า ดีต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ที่จับฉลากได้ 

7.ของที่ราคาต่ำกว่ากำหนด แต่เมคว่าอยู่ในเกณฑ์ คิดดูว่า ถ้าคุณไม่ได้มีทุนมากมาย แต่ต้องทำตามเงื่อนไข ยอมจ่ายเพื่อให้ตรงตามราคาที่กำหนด ใช้เวลาคิดและตามหาเพื่อจะหาของที่ดีที่สุด แต่เมื่อคุณจับฉลากได้ของคนอื่นที่คุณเห็นแล้วก็รู้ว่า ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ … มันไม่แฟร์เลยใช่ไหม? เชื่อว่าเข้าใจความรู้สึกนี้กันทุกคน 

8.สมุดโน๊ต อืมม ขอเถอะ พอก่อนนน ที่ได้แจกมาทุกปีๆ ยังเขียนไม่ทันเลย แม้ว่าจะต้องใช้ในการเรียนการทำงานก็เถอะนะ เอาง่ายๆ ถ้าคุณจับได้เป็นสมุดโน๊ต…ชอบไหม? ใจเขาใจเราเนอะ 

9.ระบุเพศ ของขวัญที่เหมาะกับเพศเฉพาะ เช่น ลิปสติก กระโปรง รองเท้าส้นสูง ชุดโกนหนวด ฯลฯ ถ้าคุณเป็นผู้ชายแล้วจับฉลากได้เป็นรองเท้าส้นสูง คุณก็คงไม่ได้ใช้ นอกจากว่าจะมีแฟนและใส่ไซส์นั้นพอดี แต่จะมีสักกี่คนที่จะเป็นเช่นนั้น และถ้าเป็นไปได้ เมื่อจับฉลากแล้วได้ใช้เองจะดีกว่าหรือเปล่า? หรือจับได้สีชมพูจ๋าา ทั้งที่คุณเป็นผู้ชายแมนๆ กล้ามโต เพราะฉะนั้น ของที่นำไปจับฉลาก ควรเป็น unisex กลางๆ สีกลางๆ ที่ใช้ได้ทุกเพศดีกว่าเนอะ

ทั้ง 9 ประเภทของขวัญจับฉลากปีใหม่ที่คนไม่อยากได้ที่สุด ที่เราได้ยกตัวอย่างมา เพื่อเป็นไกด์ไลน์ว่าควรจะเลี่ยง จะได้ไม่ต้องนำมาเป็นลิสในการเลือกซื้อ คนจับฉลากได้ของคุณจะได้ไม่นอยด์เมื่อแกะของขวัญ ส่วนอะไรที่ควรซื้ออะไรที่ควรเลี่ยง ง่ายๆเลย คือยึดหลักใจเขาใจเรา ลองนึกว่าถ้าเป็นคุณแกะห่อของขวัญออกมา สิ่งที่คุณไม่อยากได้ สิ่งที่คุณอยากได้ สิ่งที่คุณพอโอเคหรือจะไม่เฟลมาก น่าจะเป็นอะไร เท่านี้ก็น่าจะสโคปลงมาให้คุณได้ และไม่ต้องปวดหัวว่าจะซื้อของขวัญจับฉลากอะไรดี 

สำหรับการให้ของขวัญ อย่าได้คาดหวังว่าคนรับจะต้องดีใจหรือแสดงความตื่นเต้นที่ได้ เพราะการคาดหวังอาจทำให้ผิดหวัง และไม่ว่าของขวัญจะถูกใจผู้รับมากน้อยเพียงไหนก็ตาม ของขวัญที่มาจากความใส่ใจ การสังเกต นั่นคือมาจากใจ และย่อมเป็นของขวัญที่ดีที่สุดเสมอ … ขอให้สุขภาพดี ชีวิตแจ่มใส มีรอยยิ้มในทุกวัน เป็นของขวัญปีใหม่กับทุกคน

กางเกงยีนส์ ที่มีกันแทบทุกบ้าน ใส่กันแทบทุกวัย นึกอะไรไม่ออก ก็หยิบยีนส์มาใส่ ทำไมกางเกงยีนส์ถึงได้มีแทบทุกตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าแฟชั่นจะเปลี่ยนไปแนวไหน ยีนส์ก็ไม่เคยเอ้าท์ เพราะอะไร?

นั่นก็เพราะว่ายีนส์แมตช์ได้ทุกลุค และใส่ได้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เวลาเร่งรีบหรือไม่ได้จัดเตรียมชุดไว้ เพียงหยิบยีนส์และเสื้อสักตัวมาใส่ ไม่ว่าจะใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อสีขาวก็ดูคูล หรือแค่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ให้ดูแพงแล้วทับด้วยสูท ก็พร้อมลุยงานกึ่งพิธีการได้สบายๆ

ยิ่งเดี๋ยวนี้กางเกงยีนส์ก็มีให้เลือกหลากหลายทรงมากขึ้น ทั้งกางเกงdenim กางเกงยีนส์ทรงกระบอก กางเกงทรงบอย กางเกงยีนส์เอวสูง กางเกงเอวสูงขากระบอก กางเกงยีนส์สกินนี่ กางเกงยีนส์ขาสั้น ยีนส์เกาหลี ฯลฯ ถ้าหากเป็นคนชอบใส่ยีนส์ แต่ห่วงว่าจะใส่กางเกงยีนส์ไม่สวย เพราะทรงกางเกงยีนส์แต่ละแบบก็ไม่ได้เหมาะกับทุกรูปร่างและสัดส่วน ดังนั้นเราจึงมีเทคนิคการเลือกใส่กางเกงให้เหมาะกับรูปร่าง เพื่อใส่ยีนส์ให้สวยมาฝากในบทความนี้ ไปดูกันเลย      

ก่อนอื่นทำความรู้จักกับกางเกงยีนส์แต่ละประเภทกันก่อน 

ยีนส์ผู้หญิงทรง Straight

กางเกงยีนส์ทรง Straight หรือที่เรารู้จักกัน กางเกงยีนส์ขากระบอก เป็นกางเกงทรงตรงและทื่อไม่มีการเย็บเข้ารูป ไม่ใหญ่หรือรัดรูปเกินไป ปลายขาเท่ากับต้นขา ยีนส์ทรงคลาสสิค ที่ไม่ว่ากี่ยุคสมัย ก็นิยมใส่ ไม่มีเอ้าท์ เพราะใส่มิกซ์แอนด์แมตช์กับอะไรก็เข้ากันดี๊ดี มีทั้งกางเกงยีนส์กระบอกเล็ก กางเกงยีนส์กระบอกใหญ่ ใส่แล้วดูขายาว นิยมใส่ยาวปิดเท้า หรือเลยตาตุ่มขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งทรงนี้จะเป็นกางเกงยีนส์นิยม เพราะสามารถใส่ได้ทุกวัย และหยิบมาใส่ได้ทุกโอกาส กางเกงยีนส์ทรงกระบอกเอวสูง ที่ช่วยพรางหุ่น เก็บพุงให้ดูผอมเพรียว ถูกใจสาวๆยิ่งนัก

กางเกงทรง Slim  

กางเกงทรงสลิมจะมีความคล้ายกับทรงสกินนี่ แต่ช่วงบนจะมีความปล่อยหลวม และไปรัดรูปตั้งแต่หัวเข่าลงไป ทำให้มีความเข้ารูปทรง อวดหุ่นสวยๆ แต่สวมใส่สบายกว่าแบบสกินนี่ มีทั้งแบบเอวสูงและเอวต่ำ สามารถหยิบมาใส่ได้ทุกโอกาส จะใส่ทำงาน ใส่เที่ยว หรือลำลองสบายๆ จึงเป็นไอเท็มที่ควรจะมีติดตู้เป็นอย่างยิ่ง

กางเกงยีนส์ทรง Skinny    

สกินนี่ยีนส์ หรือ กางเกงยีนส์ขาเดฟผู้หญิง แต่เนื้อผ้าจะมีความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวได้สะดวก ต้นขาจรดปลายขากางเกงจะแคบลงเรื่อยๆ จะฟิตไปทุกสัดส่วนตั้งแต่บั้นท้ายจรดข้อเท้า ไม่ว่าจะเป็นยีนส์ยืดสกินนี่เอวสูง กางเกงยีนส์สายฝอ กางเกงยีนส์ใส่แล้วผอม กางเกงทรงยอดฮิตของสาวๆ เพราะเป็นกางเกงยีนส์ทรงสวย ใส่แล้วขาเรียวเพรียวสูง มีความรัดรูป เน้นทรวดทรงให้ดูเด่นชัด สวยหุ่นดีเพรียวลมกันเลยทีเดียว ยิ่งสกินนี่ขาดๆยิ่งเท่ห์ สาวสายแฟต้องไม่พลาด ซึ่งสกินนี่ยีนส์ของผู้หญิงก็คือกางเกงขาเดฟชาย 

กางเกงยีนส์ทรงบอย    

กางเกงทรง boyfriend หรือ กางเกงทรงบอยคือ กางเกงตัวโคร่งหน่อยๆสำหรับผู้หญิง ใส่สบายหรือกางเกงยีนส์ทรงที่ผู้ชายใส่กันทั่วไป แรกเริ่มจากสาวๆที่ยืมกางเกงยีนส์แฟนใส่ ก็จะมีความหลวมหน่อยๆตรงเอว ช่วงน่อง ขา และอาจต้องมีการคาดเข็มขัดสุดฤทธิ์ และพับขาขึ้นหากมีแฟนเป็นคนตัวสูง แต่นั่นทำให้สาวๆใส่ออกมาแล้วดูเก๋และสวยไปอีกแบบ จึงมีการผลิตกางเกงยีนส์ทรงบอยขึ้นมาเพื่อสาวๆโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความคล้ายกับทรงกระบอก แต่ช่วงสะโพกและต้นขาจะมีความพองออกมาเล็กน้อย มิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย จะใส่กับรองเท้าผ้าใบก็คูล ใส่กับรองเท้าส้นสูงก็สวยเฉี่ยว ถ้าอยากรู้ว่ากางเกงยีนส์ทรงบอยเหมาะกับหุ่นแบบไหน เลื่อนไปอ่านหัวข้อใส่กางเกงยีนส์ให้สวยตามรูปร่างได้เลย

กางเกงยีนส์ทรงบอยสลิม 

กางเกงทรงบอยสลิมคือ กางเกงทรงบอยเฟรนด์ แต่จะมีทรงที่ขาเล็ก เข้ารูป พอดีตัว ปลายขาเล็กกว่าต้นขา จะมีความฟิตมากกว่าทรงบอยปกติ 

กางเกงยีนส์ทรง Boot Cut หรือ กางเกงยีนส์ขาบาน 

กางเกงที่ทรงมองดูคล้ายทรงกระบอกแต่จะมีความโคร่ง ขากว้าง ไม่เน้นรัดรึงตึงขาส่วนไหน ดูเหมือนกางเกงยีนส์หลวม ที่ใส่สบายสุดๆ ให้ลุควินเทจ เหมือนย้อนกลับไปยุค 90  แลดูเปรี้ยวแซ่บ แมตช์เสื้อได้หลายแนว 

กางเกงทรง Flared หรือ กางเกงยีนส์ขาม้า 

ยีนส์ขาม้าจะมีทรงคล้ายกับกางเกงยีนส์ขาบาน แต่ขาม้าจะมีการเน้นรูปทรงตรงสะโพกและช่วงขามากกว่า แล้วค่อยมาปล่อยทิ้งบานตรงปลายขา กางเกงทรงนี้สามารถใส่ได้ทุกรูปร่าง ให้กลิ่นอายกลิ่นอายเป็นกางเกงยีนส์สไตล์วินเทจเรโทร

กางเกงยีนส์ทรง Oversize & Loose

กางเกงทรงนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างมาก โดยจะเลือกไซส์ใหญ่กว่าที่ใส่จริงประมาณ 1-2 ไซส์ จะเป็นแฟชั่นก็ได้ หรือจะเป็นทริคในการใส่พรางหุ่นสำหรับคนอวบ และ

กางเกงยีนส์ขาสั้น

ด้วยอากาศที่ร้อนของเมืองไทย ทำให้มีไม่น้อยเลยที่ ผู้หญิงใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น หรือ กางเกงยีนส์สามส่วน เป็นลุคสบายๆ ใสชิวล์ๆ แต่แฟชั่นเดี๋ยวนี้ การใส่ยีนส์ขาสั้นก็ไม่จำกัดว่าจะต้องใส่อยู่บ้านเท่านั้น แต่สามารถใส่เป็นแฟชั่น ใส่เที่ยว และใส่ทำงานได้ หากรู้จักมิกซ์ แอนด์ แมตช์ให้เป็น และให้ถูกกาลเทศะ อย่างใส่ยีนส์ขาสั้นที่ผ้าเรียบ สียีนส์สุภาพ ใส่กับเสื้อกล้ามแล้วทับด้วยสูท ก็สามารถใส่ทำงานที่ไม่ได้เป็นพิธีการมากนัก หรือจะใส่ขายีนส์สั้นแต่ใส่เลกกิ้งไว้ข้างใน ก็สุภาพขึ้นและยังเป็นแฟชั่นด้วย  

ใส่กางเกงยีนส์ให้สวยตามรูปร่างและสัดส่วน

คนที่มีรูปร่างมาตรฐาน 

คือคนที่มีรูปร่างสามเหลี่ยมชี้บน มี ไหล่ อก ที่เล็ก แล้วมาบานช่วงเอวกับสะโพก เหมาะกับการใส่กางเกงยีนส์ขากระบอก  เพื่ออำพรางความอวบอั๋นของสะโพก 

ผู้ที่มีลำตัวยาว แต่ช่วงขาสั้น เหมาะอย่างยิ่งกับยีนส์เอวสูง เพราะเป็นทรงที่ใส่กางเกงยีนส์เอวสูงให้สวยและดูขายาวเป็นนางแบบ แถมดูสง่า บอกได้สั้นๆว่า เริชชช!

ผู้ที่มีสะโพกผายหรือหุ่นลูกแพร์ หากคุณเป็นสาวสายแฟตัวจริง กางเกงยีนส์ทรงบอย ทรงสกินนี่ และกางเกงขาบาน แบบ Boot cut ตอบโจทย์สุดๆ เพราะให้ลุคทั้งคูล เท่ห์ และแฟจ๋า แมตช์กับเสื้อแฟชั่นก็ง่าย หรือแค่เสื้อยืดก็เก๋ไม่เบา 

ผู้ที่มีช่วงตัวยาว และมีสะโพกเล็ก ควรใส่กางเกงทรงกระบอก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเน้นความเล็กของสะโพกจนเกินไป ทำให้ช่วยดูมีทรงและดูดียิ่งขึ้น 

คนตัวเล็ก คนตัวเตี้ยไม่ควรหาทำเลยคือ กางเกงทรงบอย และกางเกงยีนส์เอวต่ำ เพราะจะยิ่งทำให้ดูตัวเล็กและเตี้ยเข้าไปอีก และยิ่งเอวต่ำกับเข็มขัด จะยิ่งทำให้ขาดูสั้น ถ้าอย่างนั้นคนตัวเตี้ยใส่กางเกงยีนส์แบบไหนล่ะ..ทรงที่จะเสริมให้คนตัวเล็กใส่ยีนส์ให้สวยได้นั้น ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์เอวสูง หรือเอวระดับกลางๆจะดีกว่า จะช่วยให้ใส่ยีนส์ดูดีขึ้น และหากเลือกใส่เอวสูงสีเข้มก็ยิ่งทำให้ดูสูงและผอมเพรียวมากขึ้น ส่วนสีอ่อนก็ใส่ได้และเหมาะกับสาวตัวเตี้ยและผอม ส่วนสาวตัวเล็กและมีรูปร่างกระทัดรัด เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกเล็ก

คนรูปร่างผอมบาง เอว สะโพก เท่ากันหมด ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์ทรงสลิม ที่มีความหลวมช่วงบน หรือขากระบอก จะช่วยให้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมา หรือถ้าผอมมากและหาไซส์ใส่ยาก ควรเลือก  กางเกงยีนส์เอวยืดแบบที่มีผูกเอวได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีผลิตออกมาจำหน่ายเพื่อคนผอมได้มีตัวเลือกมากขึ้น 

คนมีพุงใส่กางเกงยีนส์แบบไหน..ไม่ว่าจะคนผอมหรืออ้วน แต่มีปัญหาพุงใหญ่ ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์เอวสูง เพื่ออำพรางและปกปิดพุง อย่าพยายามใส่เอวต่ำ เพราะจะทำให้เห็นพุงยื่นออกมาได้ชัด ยกเว้นว่าคุณจะไม่แคร์ และไม่ได้ห่วงกับมันมากนัก 

คนรูปร่างสามเหลี่ยมกลับด้าน หรือคนที่มีกล้าม มี ไหล่ อก ปีก หลัง แผ่กว้าง แล้วมาคอดตรงเอง คนที่มีรูปร่างแบบนี้ทำให้เลือกทรงใส่ยากสักหน่อย แต่ก็สามารถเลือกใส่กางเกงยีนส์ทรงกระบอกไซส์พอดีตัว 

สาวๆที่ชอบแต่งลุคคุณหนู แต่อยากสลัดคราบมาใส่ยีนส์ ยีนส์ขาบานจะทำให้ไม่หลุดคอนเซ็ปต์ เพียงแค่แมตช์กับเสื้อเรียบๆ หรือเสื้อที่ไม่มีดีเทลมากไป เพื่อไม่ให้แย่งซีนความบานของกางเกง เท่านี้ก็สวยหรูสไตล์ลูกคุณแล้ว 

สาวหุ่นนาฬิกาทราย เหมาะมากๆที่จะใส่กางเกงสกินนี่ หรือกางเกงขาเดฟ ที่มีการเน้นรูปทรงเพราะใส่อวดสัดส่วนได้สวย เสริมให้ดูดี

คนที่มีต้นขาใหญ่ ไม่ว่าจะคนอวบหรือคนตัวเล็ก แต่มีขาใหญ่ ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์ขาบาน หรือกางเกงยีนส์ขากว้างทุกทรง กางเกงทรงบอย ที่มีความกว้างของปลายเล็กน้อย และควรเป็นสีเข้ม เพื่อพรางความใหญ่ของขาให้ดูเพรียวและเล็กลง แต่ถ้าไม่ชอบแนวแฟชั่น หรือไม่ชอบทรงขาใหญ่ๆ ก็เลือกเป็นยีนส์ทรงตรง ที่ผ้าไม่ยืด ปล่อยตรงสบายๆ จะได้ไม่เน้นช่วงขา แต่ถ้าอยากใส่ยีนส์ขาสั้นก็ให้เลือกขากว้าง หรือที่บานออกเป็นทรงเอ และให้ความยาวประมาณคึ่งต้นขา จะช่วยบังตา ไม่เน้นต้นขา ใส่สั้นได้อย่างมั่นใจ 

คนอวบใส่กางเกงยีนส์แบบไหน

เดี๋ยวนี้มีกางเกงยีนส์คนอ้วนมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น กางเกงขากระบอกคนอ้วน (แต่ไม่ควรใส่กางเกงยีนส์ขากระบอกใหญ่ จะยิ่งทำให้ขาตันและดูใหญ่มากขึ้นไปอีก) กางเกงยีนส์ทรงบอยคนอ้วน กางเกงยีนส์เอวสูง แต่ถ้าต้องการใส่ทรงสกินนี่ก็ใส่ได้ เพียงแต่ต้องใส่บอดี้สูทไว้ข้างในก่อน แล้วใส่กางเกงทับอีกที จะทำให้ดูดีกว่า

ผวากันทั่วโลกเมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจน่ากลัวกว่าสายพันธุ์เดลต้า 

 

ด้วยขณะนี้ทั่วโลกได้มีการผวา เมื่อพบว่ามีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่แล้วทั่วโลก ใน 13 ประเทศ และมีการยืนยันแล้วถึง 115 คนด้วยกัน 

 

อิสราเอล เตรียมปิดประเทศชาติแรกของโลก หลังจากพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน แล้ว 2 ราย หลังเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และได้มีการระบาดโผล่หลายประเทศแล้ว โดยจะเริ่มทำการปิดประเทศเที่ยงคืนของวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งเชื่อมต่อวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ในขณะที่อีกหลายประเทศก็เริ่มมีการห้ามผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงในแอฟริกาใต้เข้าประเทศแล้ว ซึ่งประเทศไทยเองแม้จะไม่ได้ปิดประเทศ แต่ก็ได้มีมาตรการห้ามกลุ่มประเทศเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ ชนิด B.1.1.529 หรือที่เรียกว่า โอไมครอน ซึ่งทางกรมฯเองได้มีการติดตามเฝ้าระวัง และมีกำหนดการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยประเทศที่พบและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ B.1.1.529 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศ เซาท์แอฟริกา บอตสวานา เอสวาตินี มาลาวี นามิเบีย เลโซโท ซิมบับเว และ โมซัมบิก 

 

ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากทั้ง 8 ประเทศนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทย รวมไปถึงไม่อนุญาตการลงทะเบียนเพื่อเข้สู่ประเทศไทยในระบบต่างๆแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน เป็นต้นไป  ส่วนผู้ที่เดินทางมาก่อนหน้านี้นั้น ถือว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง จะต้องมีการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน นี้ โดยจะต้องมีการตรวจคัดกรอง 3 ครั้ง ในช่วงวันที่ 1 วันที่ 5 และวันที่ 13 ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย

ไวรัสโอไมครอนถูกพบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ตามด้วยประเทศบอตสวานา และอีกหลายประเทศในแอฟริกาใต้ แต่ขณะนี้ก็ได้มีการแพร่ระบาดไปนอกทวีปแอฟริกาใต้แล้ว ได้แก่ ประเทศ อังกฤษ เบลเยี่ยม อิตาลี เยอรมนี อิสราเอล และ ฮ่องกง รวมถึงอาจมีผู้ติดเชื้อในสาธารณรัฐเช็ก และ เนเธอร์แลนด์ โดยส่วนใหญ่จะมาจากผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ และประเทศกลุ่มเสี่ยง แล้วมีการติดเชื้อระหว่างการกักตัว ก่อนจะลุกลามขยายเป็นวงกว้างขึ้น

 

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการตั้งชื่อสายพันธุ์โควิดกลายพันธุ์ B.1.1.529 ว่า “โอไมครอน”เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 โดยมาจากการเรียกชื่อตามลำดับอักษรกรีก พร้อมให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ด้วยจากการแพร่กระจายตัวได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่ผ่านมา 

ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายเชื้อไวร้สโควิดกลายพันธุ์ โอไมครอน ที่เป็นภาพแรกของโลก จากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากโรงพยาบาลเด็กแบมบิโนจีซู ในกรุงโรม จากอิตาลี (27พ.ย.64) ภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหนามโปรตีน มากถึง 32 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า ถึง 3.5 เท่า ในขณะที่สายพันธุ์เดลต้ากลายพันธุ์ที่ส่วนหนามเพียง 9 ตำแหน่ง ทำให้องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ โอไมครอน อยู่ในกลุ่มรุนแรงสูงสุดหรือกลุ่มที่น่ากังวล (VOC : Variant of Concern) ณ ขณะนี้

 

ที่ผ่านมาได้มีการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 มาตลอด โดยจะมีไวรัสที่ต้องให้ความสนใจ (VOI : Variant of Interest) มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์แลมป์ด้า และ สายพันธุ์มิว ส่วนไวรัสที่ควรติดตาม (VUM : Variant of Under Monitoring) จะมีทั้งหมด 7 ตัว แต่หากจัดเรียงความรุนแรงไวรัสที่น่ากังวล (VOC) ประกอบด้วย 

  • สายพันธุ์อัลฟ่า (สายพันธุ์อังกฤษ) 
  • สายพันธุ์เบลต้า (สายพันธุ์แอฟริก)
  • สายพันธุ์แกมมา (สายพันธุ์บราซิล) 
  • สายพันธุ์เดลต้า (สายพันธุ์อินเดีย) 
  • สายพันธุ์โอไมครอน (สายพันธุ์แอฟริกาใต้) 

โดยการจัดกลุ่มไวรัสดังกล่าวจะใช้องค์ประกอบดังนี้ 

  • การเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม ที่ทำให้มีการแพร่ระบาดกว้างขวางมากขั้น ความรุนแรงของโรค และความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันหรือวัคซีน
  • การแพร่ระบาดในชุมชน และคลัสเตอร์ในหลายประเทศ 

 

จากการกลายพันธุ์ทั้งหมดที่ผ่านมา พบว่าสายพันธุ์โอไมครอนมีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมมากที่สุด โดยมีมากกว่า 50 ตำแหน่ง และมีการเปลี่ยนแปลงตรงส่วนหนามที่ใช้ก่อโรคในมนุษย์ มากถึง 32 ตำแหน่งด้วย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังระบาดอยู่ ณ ขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของหนามเพียง 9 ตำแหน่ง ส่งผลให้เชื้อโอไมครอนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าเดิม แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลและควรติดตามในสายพันธุ์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่เคยมีการกลายพันธุ์ที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะกลายพันธุ์โปรตีนส่วนหนาม

ด้วยความสามารถของโอไมครอนที่สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า รวมไปถึงเมื่อติดเชื้อแล้วก็ไม่แสดงอาการ ทำให้มีการแพร่กระจายโดยไม่รู้ตัว และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

จึงต้องมีการเฝ้าระวังและจับตามองอย่างใกล้ชิด ความรุนแรงอาการของโรค และอัตราการเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้จะมีมากน้อยเพียงใด ประเด็นที่สำคัญคือ จะมีการดื้อหรือต้านวัคซีนหรือไม่ 

 

ดูได้จาก ออสเตรเลียที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้แล้ว 2 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งทั้ง 2 คน ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 เข็ม แต่การติดเชื้อรอบนี้เป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ รวมไปถึง ผู้โดยสารจากแอฟริกาใต้ จำนวน 61 คน จาก 2 เที่ยวบิน ที่เดินทางสู่เนเธอร์แลนด์ มีเชื้อโควิด-19 เป็นบวก ที่อยู่ระหว่างการกักตัวใกล้อากาศยานสคิปโฮล อัมสเตอร์ดัม ทั้งที่มีการเอกสารการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ และได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง ทำให้เป็นที่น่ากังวลว่าจะมีเชื้อสายพันธ์ุใหม่นี้ด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจจะขยายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ ซึ่งจะเป็นพาหะของเชื้อได้อย่างดี 

อาการของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 แพทย์หญิง แแองเจลิเก้ โคเอตซี ประธานแพทยสภาแอฟริกาใต้ ผู้ที่ออกมาเตือนเรื่องเชื้อไวรัสโอไมครอนเป็นคนแรก ได้กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้พบโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ จากผู้ติดเชื้อที่คลินิกในกรุงพริทอเรีย พบผู้ที่มีอาการผิดแปลกไปจากผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ ในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ 24 ราย โดยส่วนหนึ่งจะเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และมีสุขภาพแข็งแรงดี จะมีลักษณะอาการที่ไม่ปกติแต่ไม่รุนแรง ในกลุ่มผู้ที่มีสุขภาพดีและแข็งแรง จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกายและกล้ามเนื้อ แต่ในจำนวนทั้งหมดนี้ไม่มีการสูญเสียการรับรสและการได้กลิ่น และอีกเคสที่น่าสนใจคือ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่มีอาการตัวร้อน อัตราการเต้นหัวใจสูง และอาจจะต้องทำการแอดมิต แต่หลังผ่านไป 2 วัน ก็มีอาการดีขึ้น ซึ่งลักษณะอาการเหล่านี้ยังถือว่าเป็นอาการเบื้องต้นที่พบได้ในขณะนี้ ยังต้องทำการศึกษาความรุนแรงของอาการต่อไป เพราะในขณะเดียวกันก็พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนที่อิตาลี เป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม และสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ก็ยังได้รับการติดเชื้อเช่นกัน 

ระวังการใช้ชุดตรวจบางยี่ห้ออาจให้ผลตรวจเป็นลบปลอม 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ดาวน์โหลดรหันพันธุกรรมทั้งจีโนมของ โอไมครอน ทั้ง 115 ตัวอย่าง ทดสอบด้วยวิธีชีวสารสนเทศกับตัวตรวจ ของชุดตรวจ PCR ที่ทาง WHO ให้การรับรอง ปรากฏว่าการวิเคราะห์ผลบนคอมพิวเตอร์ทั้ง 115 ตัวอย่าง อาจมีปัญหากับชุดตตรวจ PCR บางยี่ห้อ ทำให้อาจตรวจจับจีโนมสายพันธุ์โอไมครอนได้ไม่ดีหรือไม่ได้เลย ทำให้ผลบวกที่อ่อนลง หรือได้ผลลบปลอมได้  

5 ยักษ์ใหญ่วัคซีนเร่งพัฒนาวัคซีนต้านโอไมครอน  

 

บริษัท Moderna ผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์น่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการเพิ่มปริมาณวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิจาก 50 ไมโครกรัม เป็น 100 ไมโครกรัม โดยศึกษาเข็มกระตุ้นเข็ม 2 เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ และจะเร่งพัฒนาเข็มที่ช่วยกระตุ้นภูมิเพื่อป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะ ในขณะที่ Johnson & Johnson ของสหรัฐฯเช่นเดียวกัน ได้เริ่มการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับไวรัสโอไมครอนแล้ว 

 

ในส่วน BioNTech ของเยอรมนี และ บริษัท Pfizer ของสหรัฐอเมริกา ได้คาดว่าจะสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโอไมครอนได้ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อทำการวิเคราะห์ว่าควรมีการปรับปรุงวัคซีนที่ใช้อยู่ปัจจุบันหรือไม่ หากต้องปรับปรุง ก็จะสามารถดำเนินการเพื่อต้านสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะได้ภายในเวลาประมาณ 100 วัน 

 

ในขณะที่วัคซีนของโนวาแวกซ์ ระบุว่าได้มีการพัฒนาหนามโปรตีนที่มีพื้นฐาน เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ โอไมครอน โดยเฉพาะแล้ว 

 

ซึ่งจะมีการพัฒนาวัคซีนไปในรูปแบบไหน และความรุนแรงของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอเมครอนจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็ต้องเฝ้าจับตาระวังอย่างใกล้ชิด และจะต้องไม่อยู่ในความประมาท แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม ยังคงต้องใช้มาตรการเดิม ใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้านหรือต้องพบเจอผู้คน เว้นระยะห่าง ล้างมือ พกเจลแอลกอฮอล์ไว้ทำความสะอาดบ่อยๆ ไม่ว่าอย่างไร การไม่ประมาท และตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ยังคงใช้ได้เสมอมา 

โลกของการทำงาน ไม่ว่าใครก็ต้องการความสำเร็จ ไม่ว่าจะสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่ สำเร็จในงานที่ได้รับมอบหมาย สำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ซึ่งทฤษฎีความสำเร็จนั่นมีมากมายหลายสูตร ในการนำมาใช้แก้ปัญหา เพื่อให้สมปรารถนาที่มุ่งหวังและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จทุกคน ถ้าอย่างนั้นเรามาดูธรรมะที่ใช้ในการทำงาน ดังที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ นั่นคือ อิทธิบาท 4  

อิทธิบาท 4 คือ เครื่องมือแห่งความสำเร็จ เป็นข้อธรรมะสำหรับไว้ใช้ในการงาน และสามารถนำไปปรับใช้ได้ในทุกกิจกรรม เพื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยมีหัวข้อธรรม 4 ประการที่ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา และอิทธิบาท 4 ภาษาอังกฤษที่จะให้มีความหมายใกล้เคียงที่สุดก็จะเป็นคำ Basis for success หรือ Basis of Power and Potency

ข้อธรรมอิทธิบาทนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศไทยหรือเพียงแค่ผู้นับถือศาสนาพุทธเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับการนำไปยึดถือปฏิบัติได้ทุกเชื้อชาติและทุกศาสนาทั่วโลก เพราะเป็นข้อธรรมที่ไม่จำกัด แต่ไว้เป็นหลักในการปฏิบัติกับทุกกิจการงาน ดังนั้นเราอาจจะมีคำภาษาอังกฤษประกอบไว้เล็กน้อยสำหรับใครที่ต้องการจะแนะนำเพื่อนต่างชาติได้รู้จักและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 

หลักธรรมอิทธิบาท 4 (Effective means to attain successes)

1.ฉันทะ (Passion / Aspiration) มีใจรัก ศรัทธา และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ 

ฉันทะ แปลว่า ความรัก ความรักความพอใจในงานที่ทำ ซึ่งสิ่งแรกที่เราควรจะมีในการทำสิ่งใดก็ตาม นั่นคือความรักในสิ่งนั้น หากลองสำรวจตัวเองและตั้งคำถามง่ายๆว่ารักในงานที่กำลังทำอยู่หรือไม่  มีความพอใจในสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าหรือเปล่า มาทำงานเพื่ออะไร มีความสุขกับสถานการณ์ของงานแค่ไหน หากไม่มีความสุขกับงานที่ทำ อาจลองปรับศรัทธาของตนให้เข้ากับงานที่ทำ หรืออาจปรับเปลี่ยนหนทางในสิ่งที่ตนรักหรือมีความชำนาญ  

แต่เชื่อเถอะว่างานทุกอย่างไม่มีใครชื่นชอบไปหมดทุกคน อาจทำด้วยต้องเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว หรือทำเพื่อให้รู้สึกตัวเองมีคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ หรืออาจทำเพื่อรับรองสถานะบางประการ แต่อาจมีหลายคนโชคดีที่ได้ทำงานที่รักที่สนใจอยู่แล้ว ทำให้งานออกมาดีเป็นที่น่าพอใจ  แต่ผู้คนอีกไม่น้อยที่ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานที่รัก แต่ก็พยายามที่จะปรับมุมความคิด สร้างความพอใจให้กับตัวเองในการทำงานได้ อาจด้วยวิธีต่างๆ อาทิเช่น การมีงานทำย่อมดีกว่าไร้งาน ไร้เงินเลี้ยงชีพและจุนเจือครอบครัว ยังมีคนอีกมากมายที่ดิ้นรนเพื่อให้มีงานทำ ฯลฯ หากตอนแรกยังคงไม่มีความพอใจงาน แต่การหมั่นคิดดีและสร้างความพอใจให้ตนเองสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ก้าวข้ามความไม่ชอบ และอาจพึงพอใจและรักในงานตรงหน้าได้สักวัน เพราะการทำงานด้วยความพอใจในสิ่งที่ทำ ผลงานย่อมออกมาดีเสมอ 

2.วิริยะ (Diligence / Effort) ความอดทนอดกลั้น พยายามทุ่มเท 

วิริยะ คือ ความเพียร ความขยันหมั่นเพียรกับงานหรือสิ่งที่ทำ เพราะทุกอย่างจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความขยัน ความเพียรพยายามในงานที่ทำอยู่ เพื่อให้บรรลุไปสู่ปลายทางแห่งความสำเร็จ ยิ่งมีความขยันเท่าไร งานก็จะสำเร็จได้เร็วขึ้น ซึ่งข้อนี้จะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมาก ในการที่จะไม่ละทิ้งความพยายาม แม้จะเจออุปสรรคใดๆ ดังนั้นวิริยะจึงเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่จะพาคุณไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ แต่ความเพียรนี้ก็ต้องอาศัยข้อฉันทะ ความรักเข้ามาเป็นที่ตั้งด้วยจึงจะเกิดความเพียรนี้ได้เต็มร้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความขยันไม่ใช่การทำงานแบบเอาเป็นเอาตาย ทำงานแบบไม่คำนึงถึงสุขภาพตนเอง ทำงานจนไม่พักผ่อน แบบนั้นไม่ได้เข้าในข้อวิริยะ เพราะความเพียรนี้คือการฝึกฝนตนเอง และสร้างความกระตือรืนร้นให้ตนเองแบบมีสติ เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น 

เฉกเช่นพระมหาชนก หนึ่งในงานพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ในหลวง” รัชกาลที่ 9 ทรงสอนเรื่องของความเพียรพยายาม จาก “มหาชนกชาดก”  ในพระไตรปิฎก โดยมีการปรับแต่งให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น โดยในเรื่องเน้นถึงความเพียรของผู้เป็นหลานของกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา แคว้นวิเทหะ และมีพระนามเดียวกับผู้เป็นอัยกา(ปู่)ว่า “พระมหาชนก”  ซึ่งในเรื่องได้กล่าวถึงความวิริยะอุตสาหะของพระมหาชกที่พากเพียรในการว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร 7 วัน หลังจากที่กำลังล่องเรือพาณิชย์อยู่ในมหาสมุทรแล้วต้องเจอกับคลื่นยักษ์จนเรืออับปาง ระหว่างที่มหาชนกทรงว่ายน้ำในมหาสมุทรก็มี “มณีเมขลา” เทพธิดาได้ทำการทดสอบความเพียรของพระองค์ต่างๆนาๆ และถามพระองค์ว่า 

  • มณีเมขลา : เมื่อมองไม่เห็นฝั่ง แล้วจะยังพยายามว่ายทำไม?
  • มหาชนก  : เราตรองจากปฏิปทาแห่งโลก และอานิสงส์แห่งความเพียร ต่อให้มองไม่เห็นฝั่ง เราก็จักพยายามให้สุดกำลัง แม้นว่าเราจักตายลง เราก็ตายด้วยความพยายามแล้ว บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จักตายลงก็จะไม่เป็นหนี้ครหาของบิดามารดา หมู่ญาติ และเทวดา อนึ่งบุคคลที่กระทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง 

และเมื่อมณีเมขลาทดสอบพระมหาชนกจนประจักษ์ถึงความเพียรของพระองค์ จึงได้ทำการอุ้มพระองค์และพาเหาะไปส่งยังเมืองมิถิลา…ซึ่งในเรื่องมหาชนก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรฯทรงพระราชนิพนธ์อย่างปราณีต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจ และเสริมสร้างแรงศรัทธาให้กับพสกนิกรให้มีความเพียรเป็นที่ตั้ง เพื่อใช้ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลาย ในทุกกิจกรรมและหน้าที่ และได้มีการนำเข้าสู่กระบวนการศึกษา เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้หลักธรรมอิทธิบาท 4 กับการเรียน 

3.จิตตะ (Mind or Consciousness / Focus) ตั้งใจ เอาใจใส่ จดจ่อ และมุ่งมั่น 

จิตตะ คือ ความเอาใจจดใจจ่อ และรับผิดชอบในงานหรือสิ่งที่ทำให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ด้วยความซับซ้อนของสังคมในปัจจุบัน ที่มีความหลากหลายแตกแขนงไปมากจนบางทีทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย ทำให้หลงทางไม่รู้จะทำอะไรก่อน-หลัง หรือการเป็นคนจับจด เอาแน่เอานอนไม่ได้ เบื่อง่าย ทำอะไรครึ่งๆกลางๆ จึงทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที ดังนั้น ควรใช้หลักข้อธรรมจิตตะ การมีใจจดจ่อเอาใจใส่ มีสมาธิ และมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำตรงหน้า ถ้าพูดกันง่ายๆคือ ล็อคเป้าหมายแล้วจดจ่อพุ่งตรงในงานตรงหน้า โดยไม่วอกแวกละทิ้งกลางทาง และรับผิดชอบดำเนินการให้สำเร็จ  ซึ่งข้อนี้ก็เหมาะมากสำหรับคนที่มีสมาธิสั้น ในการนำไปฝึกฝนตนเอง เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิต

4.วิมังสา (Investigation / retrospect) ไตร่ตรอง ทบทวน และทำความเข้าใจในสิ่งที่ทำ 

วิมังสา คือ การไตร่ตรอง วิเคราะห์ ตรวจสอบ ทบทวน และทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะทำหรือการงานตรงหน้า ด้วยการคิด วิเคราะห์ และใช้ปัญญา เพื่อให้รู้แนวทางในการทำงานได้อย่างถูกต้อง และทบทวนในสิ่งที่ทำว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน ตรวจสอบว่าควรแก้ไข ปรับปรุงจุดด้อยตรงไหน เพื่อให้มีการพัฒนาในครั้งต่อไป   

ซึ่งวิมังสานี้ยังเป็นการนำการกระทำและคำพูด มาพิจารณาหรือไตร่ตรองในการที่พัฒนาต่อไป การศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาความรู้ที่มีอยู่เดิมให้แตกฉานหรือมีความชำนาญยิ่งขึ้น และข้อธรรมวิมังสานี้จะต้องใช้ปัญญาเป็นองค์ประกอบ เพื่อทำการพินิจพิเคราะห์ จึงจะต้องใช้ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ หรือเป็นความคิดในทางที่ถุกต้อง ถ้าเรียกง่ายๆตามยุคปัจจุบันคือการคิดในทางเชิงบวก เพราะถ้ามีความเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นความคิดในทางเชิงลบ เช่น หากมีความเบื่อหน่ายในงานตรงหน้าที่ทำ และก็ใช้ความคิดทางลบมาส่งเสริมว่านอนก่อน แล้วค่อยทำเมื่อไรก็ได้ นั่นจะทำให้งานตรงหน้ามีความล่าช้าหรือไม่สำเร็จได้ เป็นต้น 

หลักอิทธิบาท 4 นี้ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะในด้านการเรียน แต่ยังใช้เป็นอิทธิบาท 4 ในการทํางาน หรือการใช้อิทธิบาท 4 กับการบริหารประเทศได้เช่นกัน เพราะในการทำสิ่งใดและในบทบาทใดก็ตาม หากขาดหลักอิทธิบาทธรรมข้อใดข้อหนึ่งไป ก็อาจทำให้งานไม่สำเร็จได้ 

ดังที่ท่านพุทธทาสภิกขุเคยให้ข้อคติเตือนใจไว้ว่า “เพราะมีอิทธิบาท ๔ ไม่ครบ การงานจึงขาดๆวิ่นๆ” และท่านก็ยังได้แต่งกลอนสอนใจให้กับลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนดังนี้

อันที่จริง การงาน นั้นน่ารัก 

เมื่อยังไม่ รู้จัก ก็อางขนาง (ไม่ชอบ) 

ไม่รู้จัก ก็ปล่อยปละ แล้วละวาง 

บ้างร้องคราง เมื่อรอหน้า ว่าเบื่อจริง 

แต่ที่จริง การงาน นั้นน่ารัก 

สอนให้คน รู้จัก ไปทุกสิ่ง 

ถ้ายิ่งทำ ยิ่งฉลาด ไม่พลาดยิ่ง 

ได้ตรงดิ่ง สิ่งอุกฤษฏ์ คือจิตเจริญ

การงานนี้ ดูให้ดี มันน่ารัก 

เป็นการชัก ธรรมะมา น่าสรรเสริญ 

คือมีสติ ฉันทะ ทมะเกิน 

ครั้นหยุดเพลิน จิตก็วาง ทางนิพพาน .  (พุทธทาสภิกขุ) 

และไม่ว่าคุณจะต้องทำงานด้วยเหตุผลใดเป็นที่ตั้ง แต่ถ้าต้องทำการสิ่งนั้นให้สำเร็จ ก็ต้องอย่าลืมเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการสิ่งนั้นที่เรียกว่า “อิทธิบาท4

ขยะที่เกิดจากอาหารทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันเรามีการผลิตขยะอาหาร 30% ของอาหารทั้งหมด ซึ่งคนในยุโรปและอเมริการเหนือ เพียง 1 คน สามารถสร้างขยะอาหารเฉลี่ย 95 115 กิโลกรัม / ปี ส่วนชาวเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1 คน สามารถสร้างขยะอาหารเฉลี่ย 611 กิโลกรัม / ปี  และถ้ามองย้อนกลับมาที่ประเทศไทยก็มีขยะจากอาหารถึง 64% หรือ 17 ล้านตัน / ปี มีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 8% หรือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) 3,300 ล้านตัน / ปี ที่สามารถคงอยู่ในชั้นบรรยากาศได้ยาวนานกว่า 100 ปี และ ก๊าซมีเทน (methane) ที่มีคุณสมบัติทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าตัว!

มีเทน ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติคิดเป็น 30 % ไม่ว่าจะเป็นการระเบิดจากภูเขาไฟ ไฟป่า พื้นที่ชุ่มน้ำ มหาสมุทร ใต้ธารน้ำแข็ง แต่… 60% เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งจากการเผาเชื้อเพลิง อุตสาหกรรม การเกษตรและปศุสัตว์ การเผากำจัดขยะ หรือแม้แต่การย่อยสลายของกองภูเขาเศษอาหารเหลือทิ้งจากมนุษย์

ส่วนใหญ่เมื่ออาหารถูกทิ้งจากครัวเรือนหรือร้านอาหารต่างๆ จะถูกนำไปลงหลุมฝังกลบในดินเพื่อรอวันย่อยสลาย แต่ทว่ากระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ จะก่อให้เกิดก๊าซมีเทนเป็นจำนวนมาก และเมื่อก๊าซเหล่านี้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ จะส่งผลให้อุณภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนตกไม่ตรงฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และย้อนกลับมาส่งผลต่อทุกชีวิตในโลก

ได้มีการทำแบบสำรวจและวิจัย จากข้อมูลพบว่า ในปี 2533 มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากระบบอาหารทั่วโลกลดน้อยลงจาก 44% เหลือ 34% หรือประมาณ 18 พันล้านตันในปี 2558 และประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศอุตสาหกรรมมีปริมาณการปล่อยก๊าซทรงตัวที่ 24% ส่วนประเทศกำลังพัฒนามีการปล่อยก๊าซในปริมาณลดลงในปี 2558 คิดเป็น 39% จาก 68% ในปี 2533 ส่วนประเทศที่มีการปล่อยก๊าซจากระบบอาหารมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป บราซิล จีน อินโดนีเซีย และ อินเดีย 

ดังนั้นการกินอาหารแต่พอดีและกินให้หมด เพื่อไม่ให้เกิดขยะจากอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าการเลิกใช้พลาสติก แต่ถ้าไม่สามารถทานอาหารได้หมดจริงๆในแต่ละมื้อ การหาวิธีที่จะนำเศษอาหารที่เหลือเหล่านั้นกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก ย่อมดีกว่าเพียงแค่ทิ้งลงเพื่อรอเวลาให้มันย่อยสลายเองตามธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม  

แน่นอนว่ามีหลายภาคส่วนที่ให้ความสนใจสำหรับการกำจัดกับขยะเศษอาหารที่เป็นปัญหาใหญ่ในหลายๆประเทศ และการที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ดีที่สุดคือการนําเศษอาหารมาทําปุ๋ย

ปุ๋ยจากเศษผักนับว่าเป็นอาหารชั้นยอดสำหรับการปรุงดิน เพราะการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารจะได้คุณค่า NPK ตามมาตรฐาน ได้อย่างครบถ้วน เพราะเมื่อดินมีสารอาหารตามที่พืชต้องการ หรือจะใส่ให้พืชผลโดยตรงเลย ก็จะเจริญเติบโตรวดเร็วและได้ผลผลิตดี ที่สำคัญคือเป็นปุ๋ยออแกนิค ไร้สารเคมี พืชผักที่ได้ก็ปลอดสารพิษ และเมื่อเราทานผักออแกนิค สุขภาพก็ย่อมดีกว่าการทานผักจากปุ๋ยเคมีและมีสารพิษเจือปน

ในทางภาคการเกษตรได้มีการจัดทำถังหมักปุ๋ยจากเศษอาหาร ทําปุ๋ยหมักจากเศษผัก ส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในรูปแบบการดัดแปลงจากอุปกรณ์ที่มี หรือเป็นแบบประยุกต์ ดี ไอ วาย ทั้งการทำน้ำหมักปุ๋ยเศษอาหารชีวภาพ ทำปุ๋ยหมักจากเศษผักในเข่ง ทําปุ๋ยจากเศษอาหารแบบล้อมรั้ว ทําปุ๋ยหมักเศษอาหารในกระสอบ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับไม่น้อยสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ในการหมักเศษอาหารทําปุ๋ย แต่นั่นก็ต้องมีพื้นที่ในการจัดวางอุปรกรณ์ หรืออาจต้องมีการขุดหลุม เช่น พื้นที่ทำการเกษตร หรือบ้านที่มีสวน และต้องมีพื้นที่ห่างไกลจากตัวบ้านที่อยู่อาศัย เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากกรรมวิธีการหมัก 

แน่นอนว่าในหลายๆวิธีที่กล่าวมาจะต้องมีพื้นที่ในการจัดทำ ทำให้มีข้อจำกัดของเรื่องพื้นที่ กลิ่นที่อาจส่งรบกวนเพื่อน รวมถึงเวลาในการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการพลิกกอง กลับกองเพื่อให้ออกซิเจนเข้าทั่วถึงในการย่อยสลาย ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้จึงไม่สามารถตอบโจทย์กับผู้อยู่อาศัยในแหล่งชุมชน เช่น หมู่บ้านจัดสรร ทาวเฮ้าส์ ทาวน์โฮม บ้านแฝด ห้องชุดคอนโด 

หากติดตามข่าวสารจะเห็นได้ว่าหลายๆประเทศที่ประสบปัญหาขยะเศษอาหาร ได้มีการคิดค้นและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแปรรูปเศษอาหารทําปุ๋ยหมักอัตโนมัติเพื่อให้สะดวกกับวิถีชุมชนคนเมืองมากขึ้น เพิ่มความสะดวกในการจัดวางโดยไม่ต้องมีพื้นที่มาก ไร้กลิ่นรบกวน และไม่มีเหล่ามด หนูแมลงสาบมารบกวนเพราะเศษอาหารอีกต่อไป ตอบโจทย์หลายช่องทาง ทั้งไร้แมลง ไร้กลิ่น ได้ปุ๋ยคุณภาพ ลดพลังงาน และลดภาวะโลกร้อน เรียกได้ว่าการทําปุ๋ยจากเศษอาหารในครัวเรือน

ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับระบบชีวิตได้ทั้งโลก 

เปลี่ยนขยะเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยจากที่บ้านดีอย่างไร

ขยะเศษอาหารล้วนเป็นขยะสด ที่ต่อให้มีการแยกใส่ถุงขยะไว้ต่างหาก ก็ยังส่งกลิ่นเหม็นภายในบ้าน เรียกมดแมลงไม่รับเชิญมาเดินเพ่นพ่านให้น่ารำคาญใจ และเมื่อนำถุงขยะทิ้งในถังขยะรวมเพื่อรอรถถังขยะมารับไปกำจัด เมื่อขยะจากหลายๆบ้านมารวมกัน ก็ยิ่งเพิ่มทวีส่งกลิ่นรบกวนไปทั่ว หมาแมวจรก็มาคุ้ยขยะเพื่อหาเศษอาหารกิน ทัศนียภาพไม่สวยงาม และยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคกระจายสู่ชุมชน ดังนั้นการกำจัดต้นตอสิ่งเหล่านี้เริ่มได้จากที่บ้าน และทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และไม่เปลืองพื้นที่ ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่าเครื่องกำจัดเศษอาหาร

โดยเครื่องเทคโนโลยีที่ว่านี้ก็อำนวยความสะดวกกับชีวิตคนยุคปัจจุบันมากๆ เพราะทำง่ายแสนง่าย เพียงแค่ใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ให้มาพร้อมเครื่อง เติมลงไปในครั้งแรกเท่านั้น และเมื่อมีเศษอาหารต่างๆ ก็แยกส่วนที่เป็นน้ำและของแข็ง เช่น เปลือกหอย กระดูกสัตว์ กระดองปู ออกจากเศษอาหารที่เป็นกากเนื้ออื่นๆ แล้วเทขยะสดเหล่านั้นใส่ลงไปในเครื่อง กดปุ่มให้เครื่องทำงาน เครื่องจะทำงานตามขั้นตอนอัตโนมัติ เพียงภายใน 24 ชั่วโมง (ซึ่งการย่อยสลายของเศษอาหารตามธรรมชาติมักจะใช้เวลาประมาณ 5วัน – 6เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดอาหาร) ก็จะได้ปุ๋ยหมักเศษอาหารในบ้านเราเองไว้ใช้งานต่อได้อย่างสบายๆ สะดวก ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องคอยพลิกกอง ไม่ต้องคอยหมุนเครื่อง เราสามารถไปทำกิจกรรมอื่นได้ตามปกติ การนำเศษผักทําปุ๋ยก็จะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป 

เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ทุกบ้านสมควรมี ยิ่งบ้านไหนที่ต้องทำอาหารประจำอยู่แล้ว ร้านอาหาร ภัตตาคาร ยิ่งควรมีเครื่องย่อยสลายเศษอาหารทำปุ๋ยนี้ไว้ทุกแห่ง เพราะมีขยะสดขยะเศษอาหารทําปุ๋ยได้ทุกวัน หากไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ปุ๋ยไว้เอง ก็ยังสามารถนำไปแจกจ่ายเพื่อนบ้านที่ต้องการปุ๋ยอินทรีย์ เป็นการผูกสัมพันธไมตรี ไม่แน่ว่าคุณก็จะได้พืชผลผักสดอินทรีย์จากปุ๋ยที่บ้านคุณเองกลับมาจากเพื่อนบ้านเช่นกัน และสำหรับร้านอาหารหากไม่นำแจกจ่าย ก็สามารถนำไปจำหน่ายในราคาถูกให้กับเกษตรกรหรือผู้ที่ต้องการได้อีก เป็นการนำรายได้เข้าร้านได้อีกทางดีกว่ากำจัดทิ้งเสียเปล่า แถมคนซื้อก็ได้ปุ๋ยคุณภาพดีที่มีธาตุอาหารครบถ้วนและราคาถูกด้วย 

ข้อดีของการนำขยะเศษอาหารทำปุ๋ยหมัก 

  • ช่วยลดปริมาณขยะที่กำลังเป็นปัญหาระดับโลกในตอนนี้ 
  • ช่วยลดโลกร้อน เพราะลดปริมาณก๊าซมีเทนที่เป็นสภาวะเรือนกระจก
  • ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาขนขยะไปทิ้ง 
  • งบประมาณการกำจัดขยะของประเทศลดลง ทำให้เหลืองบประมาณไปใช้พัฒนาในด้านอื่นๆ
  • ไม่ต้องซื้อปุ๋ยหมัก แต่จะมีปุ๋ยสำหรับใส่พืชและต้นไม้ฟรี 
  • สามารถสร้างรายได้จากปุ๋ยหมัก 
  • ช่วยส่งเสริมระบบ Zero Waste 

เครื่องย่อยสลายเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยแบบนี้นอกจากสะดวกแล้ว ยังมีขนาดให้เลือกเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและสถานที่ อย่างถ้าเป็นบ้านคนอยู่อาศัยแบบครอบครัวไม่ใหญ่ อาจเลือกใช้เครื่องสำหรับครัวเรือนขนาด 2 ลิตรก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ ร้านเชิงพาณิชย์ ร้านอาหาร หรือสำนักงาน ก็สามารถเลือกขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีความจุที่เพียงพอต่อปริมาณขยะ เป็นการเปลี่ยนขยะเศษอาหารให้คืนกลับไปเป็นปุ๋ย และบำรุงดินบำรุงพืชผักให้เราได้ทาน หมุนเวียนการใช้อย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี เรียกได้ว่าเป็นการสร้างสุขภาพดี ชีวิตดี สิ่งแวดล้อมดี และรักษ์โลกเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสอย่างแท้จริง

The Five Precepts

เมื่อเราไปวัดเพื่อทำบุญ ทำสังฆทาน หรือการไปวัดในวันพระ พระสงฆ์จะให้เรากล่าวอารธนาศีล 5 ก่อนทุกครั้ง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ศีลทั้ง 5 ข้อคืออะไร มีอะไรบ้าง และทำไมศีล 5 เป็นข้อบัญญัติที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์บริบูรณ์?

“ศีล” เป็นข้อบัญญัติแห่งทางศาสนาพุทธและเป็นหลักพื้นฐานสุดสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธและผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งจะมีตามด้วย ศีล 8  ศีล 10  ศีล 227 และ ศีล 311 ข้อ ตามสถานะผู้ถือปฏบัติ  

ศีล แปลว่า “ปกติ” การรักษาศีลจึงเป็นการรักษากาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติ ผู้ที่ไม่มีศีลหรือผู้ทุศีลจึงถือได้ว่าเป็นผู้ไม่ปกติ ดังนั้นการท่องศีล 5 ก่อนทำสวดมนต์ภาวนา หรือทำบุญใดๆ จึงเป็นการแสดงตนว่าเป็นผู้มีใจสูงและถึงพร้อมแก่การปฏิบัติ 

“มนุษย์” แปลว่า “สัตว์ที่มีใจสูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน” ดังนั้นผู้ที่รักษาศีล 5 หมายถึง สัตว์ที่ยกจิตใจสูงขึ้นด้วยเครื่องมือ 5 ประการ หรือ ผู้ที่มีใจสูงครบถ้วน เป็นมนุษย์ครบบริบูรณ์ ต่างจากสัตว์เดรัจฉานโดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าศีล 5 คือเครื่องมือสำหรับช่วยยกใจให้สูงขึ้นกว่าเดรัจฉานและรักษาไว้ซึ่งความเป็นปกติของการเป็นมนุษย์

ศีล 5 ข้อ หรือเบญจศีล 5 ข้อ ไม่ได้เป็นเพียงข้อยึดถือปฏิบัติสำหรับชาวพุทธในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีผู้นับถือศาสนาพุทธทั่วโลก รวมไปถึงชาวยุโรปและแม้แต่ฝั่งอเมริกาก็เริ่มหันมาให้ความสนใจในศาสนาพุทธและศึกษาธรรมะมากขึ้น โดยถือศีล 5 ภาษาอังกฤษมีความหมายเดียวกับ Commandments แต่ค่อนข้างจะเน้นไปทาง Rules of Training ที่เป็นกฏในการฝึกฝนตนเองเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าจะให้ตรงกับศีลห้ามากกว่าก็น่าจะเป็นคำ The Five Precepts 

เบญจศีล 5 / ศีล 5 บาลี / ศีล 5 แปล / องค์ประกอบศีล 5 

1.ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาธิยามิ 

  (Panatipata veramani sikkhapadam samadhiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ 

  (I undertake the rule of training to refrain from destroying life / killing.)

องค์แห่งศีลข้อ1 คือ  

  • สัตว์นั้นมีชีวิต  
  • รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต  
  • คิดจะฆ่าสัตว์นั้น  
  • พยายามฆ่าสัตว์นั้น  
  • สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น    

ศีล 5 ข้อ 1 นี้ นอกจากการฆ่าแล้ว ยังรวมไปถึงงดการทำร้ายร่างกายหรือทำให้คนหรือสัตว์ได้รับบาดเจ็บ การทำทารุณกรรมทั้งต่อคนและสัตว์เดรัจฉาน การกักขังหน่วงเหนี่ยว การผูกมัดหรือกักขังสัตว์ไม่ให้ได้รับความเป็นอิสระหรือผิดไปจากอิริยาบถของสัตว์นั้นจนได้รับความทรมาน เช่น การขังสัตว์ไว้ในกรง ขังปลาไว้ในที่แคบแออัด การรังแกสัตว์เพื่อความสนุกของตน การชนไก่ การชนวัว (ไม่ใช่กีฬาแต่เป็นการทรมานสัตว์) 

2.อทินฺนาทานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาธิยามิ

  (Adinnatana veramani sikkhapadam samadhiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการลักทรัพย์ 

  (I undertake the rule of training to refrain from taking what is not given / stealing.)

องค์แห่งศีลข้อ 2 คือ  

  • ทรัพย์นั้นมีเจ้าของ  
  • รู้ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของ  
  • คิดจะลักทรัพย์นั้น  
  • พยายามลักทรัพย์นั้น  
  • ได้ทรัพย์มาด้วยความพยายามนั้น 

ศีล 5 ข้อ 2 นี้ รวมการโจรกรรมทั้งหมดและการสมรู้ร่วมคิด การให้ความร่วมมือ ได้แก่ การลักขโมย ฉกชิง , ปล้น , ขู่กรรโชก , ฉ้อโกง หลอก , ลวง , ตู่ ปลอม , สับเปลี่ยน , ลักลอบ , ยักยอก , เบียดบัง , ตระบัด , สนับสนุนและรับของโจร , รับสินบน , ปอกลอกผู้อื่นให้เสียทรัพย์ หรือแม้แต่การหยิบฉวยของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพย์ ก็นับเป็นการผิดศีลข้อ 2 เช่นกัน 

3.กาเมสุ มิจฺฉาจารา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ  

  (Kamesu miccajara veramani sikkhapadam samadiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม

  (I undertake the rule of training to refrain from sexual misconduct.)

องค์แห่งศีลข้อ 3 คือ 

  • ชาย-หญิง ที่มีคู่ครอง / เป็นผู้ถือบวช / เป็นหญิงที่อยู่ในความปกครองบิดามารดาหรือญาติ
  • คิดเสพเมถุนหรือล่วงละเมิด ชาย – หญิง ที่ไม่ควรละเมิด
  • ประกอบกิจทางกามกับบุคคลที่ไม่ควรละเมิด
  • ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน

ศีล 5 ข้อ 3 นี้ ครอบคลุมผู้ที่ไม่ควรละเมิด ได้แก่ ชาย-หญิงที่ไม่ใช่คู่ครองของตน ผู้ถือบวช ได้แก่ พระสงฆ์ สามเณร ชี ชีพราหมณ์ ชายและหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรืออยู่ในความปกครองของบิดามารดาหรือญาติ และ ชาย-หญิงที่ไม่ยินยอมให้ละเมิดแต่โดนบังคับในทุกกรณี

4.มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

  (Musavada veramani sikkhapadam samadiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการพูดเท็จ

  (I undertake the rule of training to refrain from false speech.)

องค์แห่งศีลข้อ 4 คือ 

  • ไม่ใช่เรื่องจริง 
  • มีจิตหรือเจตนาจะพูดให้ผิดไปจากเรื่องจริง
  • พยายามพูดให้บิดเบือนไปจากความจริง 
  • ผู้ฟังเข้าใจผิดไปจากความจริงตามเจตนาของผู้พูด 

ศีล 5 ข้อ 4 นี้ รวมถึงการพูดปด พูดบิดเบือนความจริง พูดเสริมความ พูดอำความ พูดสาบาน ทำเล่ห์กระเท่ห์ มารยา เพื่อให้คนเข้าใจผิดไปจากความจริง หรือหลอกให้คนเข้าใจผิด เช่น การแกล้งป่วยเพื่อให้ได้สิ่งที่มุ่งหวัง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก หากทำไปเพื่อเป็นการช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจ อันนี้ถือเป็นการอนุโลมการพูดเท็จ 

5.สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

  (Suramerayam Chapamatthana veramani sikkhapadam samadiyami)

   ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและของมึนเมา

  (I undertake the rule of training to refrain from distilled and fermented intoxicants causing heedlessness.)

องค์แห่งศีลข้อ 5 คือ 

  • น้ำเมาหรือมีฤทธ์ให้มึนเมา 
  • รู้ว่าเป็นน้ำเมาหรือมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ให้มึนเมา 
  • พยายามดื่มน้ำเมา 
  • น้ำเมาได้ล่วงผ่านลำคอ

ศีล 5 ข้อ 5 นี้ นอกจากการดื่ม สุรา-น้ำเมาที่ถูกกลั่นให้มีรสชาติเข้มอย่างเหล้าต่างๆ และ เมรัย-น้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น เช่น  เหล้าดิบ กระแช่ น้ำตาลเมา แล้ว ยังรวมไปถึงสิ่งเสพติดทั้งหมด การเสพฝิ่น กัญชา เฮโรอีน ยาบ้า ยากล่อมประสาท ครอบคลุมไปถึงสิ่งที่ทำให้มึนเมา มีผลต่อการกล่อมประสาท แต่กรณีที่มีเจตนาในการรักษา เช่น การใช้กัญชาเพื่อการรักษาความเจ็บป่วยตามอาการ ถือเป็นข้ออนุโลม 

การยึดถือและปฏิบัติตามข้อเบญจศีลหรือศีล 5 เพื่อยกจิตใจให้สูงขึ้นให้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ในการผิดศีล 5 ข้อ ได้ดังนี้

รักษาศีล 5 ครบทุกข้อ มีความเป็นมนุษย์ 100% คือเป็นผู้ที่มีใจสูง 

ผิดศีล 1 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 80%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 20% 

ผิดศีล 2 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 60%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 40%

ผิดศีล 3 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 40%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 60%

ผิดศีล 4 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 20%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 80%

ผิดศีล 5 ข้อหรือไม่มีศีลเลย เทียบเท่าสัตว์เดรัจฉาน 100% ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “มนุษย์” 

ด้วยเหตุนี้เองการรักษาศีล 5 จะทำให้เราแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เนื่องจากมีการรักษา กาย วาจาและใจให้สูงกว่าเป็นปกตินิสัย ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์อย่างบริบูรณ์ทั้งในสรรพนามและความหมายที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแค่คำเรียกขาน แต่จิตใจและการกระทำไม่ได้สูงตามความหมาย หากสรุปให้เข้าใจได้ง่ายตามหลักศาสนาพุทธ “ศีล 5” คือเครื่องมือที่ช่วยแยกเราออกจากความเป็นสัตว์เดรัจฉานนั่นเอง 

หนุ่มๆคะ หากคุณเกิดปิ๊งสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม หรือสาวสวยหุ่นนางแบบคนไหนสักคน  จะเข้าไปขายขนมจีบโต้งๆเลยก็อาจจะไม่กล้าและประหม่าใช่ไหมคะ ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะรู้สึกดีเมื่อมีใครให้ความสนใจเธอ แต่จู่ๆจะเข้าไปรุ่มร่าม หรือเต๊ะท่าว่าหล่อเสียเต็มประดา ยิ่งโอ้อวดโชว์รวย บอกได้เลยว่าคุณได้ปลูกไร่แห้วแน่ๆ เพราะผู้หญิงสมัยนี้เก่งค่ะ ทำงานหาเงินเองได้ ไม่ง้อผู้ชายนะคะ แต่สิ่งที่คุณควรทำหากต้องการเข้าหาสาวที่ชอบคือ การทำให้ตัวคุณดูดีและสร้างความประทับใจให้กับเธอค่ะ ดังเช่นเคล็ดลับดีๆที่เรานำมาฝากต่อไปนี้ 

การแต่งกาย

ข้อแรกเลยคือการแต่งกาย เรียกว่าเป็น first impression เพราะความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งคุณหนุ่มๆรู้ไหมคะว่า ข้อนี้ก็เป็นเหตุผลแรกๆที่คุณผู้หญิงทั้งหลายชอบที่จะแต่งตัว ไม่ใช่ทำเพียงเพื่อแฟชั่น แต่เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็น ดังนั้นหนุ่มๆที่จะเข้าหาสาวๆก็เช่นกัน ความประทับใจแรกคือการแต่งกาย แม้ว่าหน้าตาเป็นสิ่งแรกที่สร้างความสนใจ แต่ถ้าผู้ชายหน้าตาดีแต่แต่งตัวสกปรก เสน่ห์ก็ลดลงฮวบไปเลย

การแต่งกายของคุณผู้ชาย ไม่ต้องเนี๊ยบเป็นคุณชายหมอ หรือประโคมด้วยแบรนด์แพงๆ แต่แต่งตัวดูสะอาดสะอ้าน แต่งเหมาะกับบุคลิกของตนเอง เพราะการแต่งตัวที่เหมาะกับบุคลิกก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจและสร้างเสน่ห์ให้ได้มากทีเดียว แต่ก็ต้องให้เหมาะกับกาลเทศะ สภาพภูมิอากาศและสถานที่ อย่างถ้าคุณได้ชวนเธอไปเดตที่ทะเล แต่คุณใส่สูทไปเสียเต็มยศ อันนี้ก็ไม่เหมาะอย่างแรง หรือใส่รองเท้าหนีบแตะไปงานแต่งเพื่อนที่สนิทมากๆ เพราะคิดว่าคนกันเองไม่เป็นไร อันนี้เลวร้ายมากๆ เพราะนอกจากดูไม่เหมาะสมแล้ว ยังเป็นการแสดงถึงความไม่ให้เกียรติกับเจ้าของงานและคนที่ไปร่วมงานอีกด้วย ซึ่งต่อให้คุณหล่อยิ่งกว่าเทพบุตร แต่สาวๆก็ส่ายหน้าหนีและไม่คิดจะเป็นแฟนด้วยแน่ๆ 

หากคุณได้มีโอกาสชวนสาวออกเดต การแต่งกายนอกจากต้องสะอาด และแต่งให้เหมาะกับกาลเทศะดังที่กล่าวมาแล้ว ต่อไปคือ ต้องดูแลความสะอาดของใบหน้า-ตา-ช่องปาก อาบน้ำ แปรงฟัน ให้สะอาด อย่าปล่อยให้หน้าและผมของคุณมีสิ่งแปลกปลอมใดๆที่ไม่ควรจะมี เช่น ขี้ตา รังแค ขนจมูก หนวดเครารุงรัง …จัดการเช็ด โกน ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านไปหาเธอ 

มีน้ำใจ 

การมีน้ำใจไม่ว่าจะเป็นกับคนรอบข้าง กับสัตว์หรือสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นเสน่ห์ที่สร้างความประทับให้กับสาวๆได้อย่างมาก จนอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ชายหล่อที่น้ำใจ เมื่อก่อนอาจมีการบัญญัติความหล่อที่หน้าตา แต่ปัจจุบันความหล่อความสวยสามารถเนรมิตได้ด้วยมือหมอ แต่นิสัยความมีน้ำใจหมอที่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ได้ และเดี๋ยวนี้ผู้ชายที่มีน้ำใจมักจะได้รับความสนใจจากผู้หญิงมากกว่าหน้าตาเสียอีก ดูได้จากผู้หญิงสวยๆที่มีแฟนหน้าตาธรรมดา แต่ผู้ชายเหล่านั้นคอยใส่ใจ เปิดประตูรถให้ เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง รีบหายามาให้หรือพาเธอไปหาหมอเมื่อรู้ว่าไม่สบาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเล็กน้อย แต่มันเป็นความประทับใจที่ติดตราตรึงและเป็นเสน่ห์มัดใจให้สาวหลงเปิดใจได้อย่างชงักนักแล

สุภาพบุรุษ 

ความเป็นสุภาพบุรุษสามารถแสดงออกได้หลายแบบมาก การให้เกียรติผู้หญิง การพูดจาอย่างสุภาพ ไม่หยาบคายใส่ทั้งคำพูดและการกระทำ ไม่พูดพาดพิงหรือใส่ร้ายให้ผู้หญิงคนไหนดูไม่ดีในสายตาคนอื่นถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง การปกป้องแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น การให้ผู้หญิงเดินริมในและตนเองเป็นฝ่ายเดินริมนอกเพื่อกันรถเฉี่ยวชน การช่วยถือของหนักให้ หรือเมื่อมีการไปทานอาหารด้วยกันก็ให้ผู้หญิงเป็นผู้เลือกรายการก่อน ฯลฯ แน่นอนว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยมากๆ แต่สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้แหล่ะที่ชนะใจผู้หญิงมาแล้วนักต่อนัก 

ทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญและพิเศษคนเดียวสำหรับคุณ 

เพราะการได้เป็นคนพิเศษไม่ว่าใครก็ย่อมรู้สึกดี คอยแสดงความห่วงใยและใส่ใจเธอเสมอ สังเกตความผิดปกติของเธอและถามไถ่แม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกหรือแสดงให้คุณเห็นก็ตาม คอยส่งข้อความหา และเมื่อเธอส่งข้อความมาตอนที่คุณกำลังยุ่ง ก็รีบตอบกลับทันทีที่มีโอกาส ไม่หายไปเลย หรือทำเหมือนไม่สนใจ เพราะนั่นจะเป็นการทำให้เธอเข้าใจผิด ว่าคุณกำลังส่งสัญญาณว่าเธอไม่ได้สำคัญกับคุณ และเธอก็จะไปเป็นคนสำคัญของคนอื่นแทน  

คอยเป็นผู้ฟังที่ดี 

จงอย่าเป็นแต่ผู้พูด ถึงแม้ว่าคุณจะต้องการพูดเพื่อแสดงตัวตนถึงตัวเองให้สาวเจ้าได้รู้จักทุกมุมของคุณก็ตาม แต่จงเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะผู้หญิงชอบผู้ชายที่รู้จักฟังในสิ่งที่เธอพูด คุณอาจโชคดีถ้าเจอผู้หญิงที่เป็นนักฟังที่ดี ไม่ค่อยชอบพูดหรือพูดน้อย แต่การพยายามให้เธอพูด ให้เธอได้แสดงความคิดเห็น โดยมีคุณตั้งใจฟัง หรือผลัดกันพูดคุย เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น และยังสร้างความประทับใจให้กับฝ่ายหญิงได้มากกว่าที่คุณคิด 

กล่าวชมอย่างจริงใจ 

คอยหาข้อดีและกล่าวชมเธออย่างจริงใจ แม้อาจมีใครแนะนำให้คุณชมข้อดีของเธอที่เธอเองก็รู้อยู่แล้ว เช่น เธอมีผมที่ตรงสลวยแลดูสวยมีสุขภาพดี คุณจึงจะชมว่าผมเธอสวย แต่ถ้าคุณทำเช่นนั้น คำชมของคุณก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ แม้ว่าเธออาจจะรู้สึกดีในคำชม แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไร  แต่การได้รับคำชมกับสิ่งที่แปรเปลี่ยนได้ในแต่ละครั้งจะสร้างความประทับใจได้มากกว่า เช่น “วันนี้ทำทรงผมสวย”  “วันนี้คุณแต่งหน้าสวยจัง”  “แต่งตัวแบบนี้ทำให้คุณสวยมากขึ้นไปอีก” “ทำเล็บสีนี้เหมาะกับคุณจัง” ฯลฯ คำชมเหล่านี้มันมาจากการที่คุณสังเกต และนั่นแสดงถึงความใส่ใจที่คุณมีต่อเธอ แต่ต้องมาจากความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่ชมว่าเล็บสวยทั้งที่เล็บของเธอหักหรือสีเล็บถลอกอย่างเห็นได้ชัด 

ความสามารถพิเศษ

ถ้าเป็นยุคปัจจุบันเราจะเรียกสั้นๆว่า “มีของ” คุณอาจความสามารถพิเศษในด้านดนตรี เล่นเปียโนเก่ง ร้องเพลงเพราะ เต้นเก่ง ทำอาหารเก่ง ทำขนมเป็น ฯลฯ เพราะเมื่อถึงเวลาที่คุณได้แสดงความสามารถพิเศษที่มีให้คุณผู้หญิงได้เห็น จะยิ่งสร้างความประทับใจให้กับฝ่ายหญิง และยิ่งความสามารถพิเศษของคุณตรงจริตกับเธอ คือเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบหรือเป็นสายเดียวกัน อย่างคุณเล่นกีต้าร์เป็น และเธอก็ชอบร้องเพลง มันก็ยิ่งคลิกยิ่งใช่ … ดังนั้นคุณควรฝึกในสิ่งที่คุณชอบให้เก่งหรือเพิ่มความสามารถที่มีอยู่แล้วให้ชำนาญ หรือถ้าคุณรู้ว่าผู้หญิงที่คุณสนใจเขาชอบอะไร และคุณซุ่มไปฝึกไปซ้อมจนเก่ง และได้โชว์ให้เธอได้เห็น … รอรับความประทับใจจากฝ่ายหญิงได้เลยค่ะ 

และทริคทั้งหมดที่นำมาฝาก คุณจะต้องทำอย่างจริงใจและแสดงออกอย่างจริงจัง นี่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้หญิง อย่าหลอกเพื่อต้องการสร้างความประทับใจ เพราะอะไรที่ฝืนและไม่จริง สักวันมันก็จะปรากฏ แต่ความจริงใจในทุกการกระทำของคุณเท่านั้นที่จะทำให้ผู้หญิงประทับใจ