“Trick or Treat” จะให้หลอกหรือให้ปล้น เอ้ยย ไม่ใช่ จะให้ขนมหรือให้หลอก … นี่ก็ใกล้สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว เป็นอีกวันที่เด็กๆรอคอย  เพราะเป็นวันเทศกาลฮาโลวีน ที่จะได้แต่งชุดผีออกไป Trick or Treat ในการขอขนมตามบ้านต่างๆ และมีการจัดบ้านเรือนเป็นแฟนตาซีธีมผีหลากชนิด รวมไปถึงจัดตกแต่งด้วยการจุดเทียนภายในฟักทองที่แกะสลักให้มีตามีฟันเหมือนกำลังแสยะยิ้ม!

เรามารู้จักสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันฮาโลวีน วันที่มีธีมสีส้มดำและการแต่งผีกันทั่วโลก และรู้ถึงที่มาของสิ่งเหล่านี้กันหน่อยดีกว่า 

Trick or Treat 

เมื่อแปลแล้วจะหมายถึง หลอกหรือเลี้ยง โดยเด็กๆจะแต่งตัวเป็นผีต่างๆ แล้วไปเคาะประตูบ้านเรือนต่างๆ แล้วเอ่ยคำว่าTrick or Treat คือจะยอมให้ขนมหรือจะให้หลอก หากเจ้าของบ้านตอบว่า Treat แสดงว่ายอมให้ขนมแต่โดยดี แต่ถ้าตอบว่า Trick ก็คือไม่ให้ขนมแต่ให้เด็กๆหลอกผีใส่แทน โดยเด็กที่ไปเคาะประตูอาจมีการหลอกหรือแกล้งเล็กๆน้อยๆ เช่น ทำท่าทางหลอก อาจแกล้งนำไข่ดิบใส่ในตู้จดหมาย นำหนังสือพิมพ์ไปซ่อน ฯลฯ แต่สุดท้ายเจ้าของบ้านก็จะให้ขนมหรือลูกกวาดกับเด็กๆในที่สุด โดยเด็กๆจะเลือกเข้าไปเคาะเรียกจากการที่มีการตกแต่งด้วยฟักทองจุดเทียนไว้หน้าบ้าน เพราะนั่นหมายถึงยินดีต้อนรับเด็กๆเข้าไปทำการเล่น Trick or Treat (โดยเจ้าของบ้านจะมีการเตรียมขนมหรือลูกกวาดต่างๆไว้ให้) 

ที่มาของการเล่น Trick or Treat นี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อคริสต์ศตวรรษที่9 โดยชาวยุโรปจะยึดถือวันที่ 2 พฤศจิกายน จะมีการขอบริจาคขนมเค้ก หรือเรียกว่า Soul Cake เป็นเค้กสำหรับวิญญาณ เพราะเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของผู้ที่บริจาคขนมเค้กจะได้บุญมากขึ้น และมีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์มากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นขนมต่างๆให้กับเด็กๆแทนขนมเค้ก

หัวฟักทองแกะสลัก 

หัวฟักทองที่ถูกเจาะทำตา แกะสลักทำเป็นปากที่กำลังแสยะยิ้ม หรือที่รู้จักในนามว่า Jackólantern (แจ็ค โอ แลนเทิร์น / lantern = ตะเกียง) หัวฟักทองแกะสลักและจุดเทียนไว้ด้านในสำหรับการตกแต่งไว้หน้าบ้านยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์เทศกาลฮาโลวีน โดยมีที่มาจากเรื่องเล่าตำนานของชาวไอริช ที่กล่าวถึงชาวนาจอมเจ้าเล่ห์ชื่อ แจ็ค ที่ในสมัยนั้นจะมีจอมปีศาจออกขอพืชผลจากชาวบ้าน และไม่มีบ้านไหนที่จะกล้าปฏิเสธเพราะกลัวต้องคำสาป แต่แจ็คกลับไม่หวาดกลัวและไม่เคยให้อะไรกับปีศาจเลย จนกระทั่งวันหนึ่งปีศาจได้มาปรากฏตัวและสำแดงเดชกับแจ็คเพื่อให้เขาหวาดกลัว แต่นอกจากแจ็คไม่กลัวแล้ว ยังหลอกล่อให้ปีศาจตามขึ้นไปบนต้นไม้และได้เขียนกากบาทกางเขนไว้ ทำให้ปีศาจถูกขังและไปไหนไม่ได้ แจ็คจึงทำข้อตกลงกับปีศาจอย่ามาวุ่นวายกับเขาอีก และห้ามมีคำสาปใดๆหรือพาเขาลงนรก แล้วแจ็คก็ได้ทำการปล่อยปีศาจหลังจากที่ทำการตกลง เมื่อแจ็คตายลงวิญญาณเขาไม่สามารถไปสวรรค์ได้เพราะความดีไม่เพียงพอ แต่ก็ลงนรกไม่ได้ด้วยข้อตกลงกับปีศาจ ทำให้วิญญาณของแจ็คต้องเร่ร่อน ท่ามกลางความมืดและอากาศที่หนาวเหน็บ ปีศาจได้ให้ท่อนไฟจากนรกที่คุกรุ่นกับเขาเพื่อคลายความหนาว และแจ็คก็ได้นำใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อไฟจะได้ไม่ดับ…จากนั้นมาชาวไอริชก็ได้ทำตามโดยการแกะสลักผักกาดturnipให้กลวงเหมือนโคมไฟและใส่ไฟไว้ด้านใน เป็นสัญลักษณ์แห่งการหยุดความชั่วร้าย แต่การจัดฮาโลวีนในอเมริกา ได้ใช้หัวฟักทองแทนผักกาดเพราะหาได้ง่ายกว่ามาก จึงมีการใช้หัวฟักทองแกะสลักมาจนถึงปัจจุบัน 

ประวัติวันฮาโลวีน 

วันฮาโลวีนมีจุดกำเนิดที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์(Celt) หรือ เซลติค (Celtic) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน เรียกในชื่อ Samhain (โซว์อิน) ที่เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย บางคนก็จะเรียก Festival of the Dead (เทศกาลแห่งความตาย) และในวันที่ 31 ตุลาคม ก่อนที่จะถึงปีใหม่ จะเป็นวันที่ภพภูติผีเปิด ทำให้ทุกมิติภพเปิดถึงกัน โดยเหล่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะถูกเชื้อเชิญอย่างดี แต่จะขับไล่เหล่าผีร้ายอื่นๆ ด้วยเหล่าวิญญาณผีต่างๆจะพยายามสิงร่างมนุษย์เพื่อจะได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านจึงต้องปิดไฟในบ้านให้มืด ให้หนาวเย็นไม่เป็นที่ต้องการของเหล่าภูติผี และพยายามแต่งตัวเลียนแบบเป็นผี เพื่อจะได้กลมกลืนและปลอดภัยจากผีร้ายและจากการถูกผีสิง หรือตะโกนส่งเสียงดังให้ผีตกใจและเตลิดหนีไป 

นอกจากนั้นยังเป็นคืนการเฉลิมฉลองสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจนำพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้มาบูชาให้ภูติผีวิญญาณ และทำการดับไฟทุกดวงแล้วจุดขึ้นมาใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์ โดยบางตำรายังกล่าวว่ามีการเผาคนที่น่าจะถูกผีร้ายสิง เพื่อให้เหล่าผีทั้งหลายหวาดกลัวและไม่มาเข้าสิงคนเป็นอีก แต่เมื่อชาวโรมันได้ทำการสืบทอดประเพณีมาจากชาวเซลท์ ก็ได้ตัดพิธีการนี้ออกไป แต่นำหุ่นฟางมาเผาแทน และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนเลิกเชื่อคนถูกผีสิง จึงเหลือเพียงแต่การแต่งกายเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดต่างๆ แล้วแต่ความครีเอทและจินตนาการ 

จนเมื่อถึงสมัยที่ชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีนอกรีตนอกศาสนาคริสต์ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่1พฤศจิกายน เป็นวันฉลอง  All Hallows’ Day และได้มีการเปลี่ยนเป็น All Saints’ Day ซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญ และวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็น All Souls Day เป็นวันแห่งวิญญาณ คือเป็นวันแห่งการระลึกถึงผู้ที่จากไป และสวดมนต์ให้กับผู้ตาย ส่วนคืนวันที่ 31 ตุลาคม หรือ Hallows’ Eve และได้มีการเรียกเพี้ยนเป็นวัน Halloween มาจนถึงปัจจุบัน

โดยแต่เดิมเทศกาลฮาโลวีนจะจัดขึ้นในประเทศไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ อังกฤษ และประเทศใกล้เคียง แต่เมื่อชาวไอริชได้ทำการย้ายหลักแหล่งไปในตั้งรกรากในอเมริกา และได้นำประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ก็เป็นที่ถูกใจของชาวอเมริกาพื้นเมืองดั้งเดิม จึงได้นำไปจัดตามอย่างจริงจังจนเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนถึงทุกวันนี้ 

กิจกรรมในวันฮาโลวีน

นอกจากตกแต่งบ้านด้วยฟักทองแกะสลัก แต่งตัวแต่งหน้าเป็นธีมผีต่างๆ และเดินเคาะขอขนมของเด็กๆที่เรียก ทริค ออร์ ทรีสแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมที่นิยมในวันฮาโลวีน คือการนำแอปเปิลและเหรียญหกเพนซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกของสองสิ่งนี้ได้และใช้ปากคาบเหรียญหกเพนซ์ขึ้นมาได้ และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดได้ในครั้งเดียว เชื่อกันว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปี

อีกความเชื่อหนึ่งที่ทางด้านสาวๆอังกฤษนิยมทำในเวลเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน คือการออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านขนิดหนึ่งพร้อมกับท่องคาถาและอธิษฐาน โดยมีใจความว่าให้เมล็ดป่านที่หว่านนั้น ให้บันดาลปรากฎลักษณะของผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตให้เห็น หลังจากนั้นจะเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตน ก็จะเห็นลักษณะรูปร่างของผู้ชายคนนั้น 

ปัจจุบันกิจกรรมในวันฮาโลวีนจะมีการแข่งขันประชันการแต่งกายแต่งหน้าผี กิจกรรมที่เด็กๆหลายคนชื่นชอบและรอคอยเพราะจะได้ขนม อีกทั้งยังได้แต่งตัวกันสนุกสนาน ซึ่งปัจจุบันเทศกาลฮาโลวีนไม่ได้มีเพียงแค่ทางยุโรปและอเมริกาเท่านั้น แต่ได้มีการขยายเป็นวงกว้างแทบทั่วโลก และแน่นอนว่าไทยเราเองก็ไม่พลาด เพราะไทยเราเป็นประเทศสุขนิยมชื่นชมเทศกาล อะไรสนุกพี่ไทยจอยด้วย แม้จะเจอวิกฤติไทยเราก็พร้อมจะปรับและเอ็นจอยได้เสมอ อีกไม่กี่วันก็คงจะได้เห็นคนแต่งผีไทยบ้างผีต่างชาติบ้างต้อนรับวันสีดำส้มที่เป็นสีสัญลักษณ์วัน Halloween

เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อนถึงแม้ว่าจะมี 3 ฤดู แต่ปัจจุบันนี้แทบจะเรียกได้ว่า 2 ½  ฤดู เพราะเราสัมผัสความหนาวได้ไม่บ่อยและระยะเวลาก็สั้นลงเรื่อยๆทุกปี บางปีนี่หลายๆคนต้องเดินทางเพื่อไปปะทะลมหนาวถึงภาคเหนือและแถบอีสานบางจังหวัดเลยทีเดียว เพราะหาความหนาวในเมืองกรุงไม่ค่อยจะเจอ แต่ถึงแม้ว่าเราจะโหยหาฤดูหนาวดังเช่นที่เคยมีมา แต่เมื่อเวลาหนาวมาทีก็เล่นสั่นไปถึงขั้วหัวใจจนต้องโบกมือลาน้องน้ำกันสักพัก 

 

ยิ่งกรมอุตุฯเตือนว่าหนาวที่ใกล้จะถึงนี้อาจหนาวได้ถึง 19 องศาฯในบางพื้นที่ นอกจากต้องเตรียมเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ อุปกรณ์คลายหนาวต่างๆ และเตรียมร่างกายให้แข็งแรงเพื่อพร้อมรับมือความหนาวแล้ว การได้ดื่มเครื่องดื่มดีๆ ที่ไปช่วยสร้างความอบอุ่นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ง่ายๆและสร้างความสุขเล็กๆได้ไม่น้อยเลย จะมีเครื่องดื่มอะไรบ้างเราไปดูกันเลย 

กาแฟ

คอกาแฟคงถูกใจเมนูแก้วนี้กันถ้วนหน้า เพราะเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดดื่มกันประจำกันอยู่แล้ว การได้สูดกลิ่นกาแฟหอมๆ ลิ้มรสกลมกล่อมสักแก้วจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น และกาแฟมักจะเป็นเครื่องดื่มคลายหนาวยอดฮิตอันดับต้นๆ ทั้งหาดื่มง่าย และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากกาแฟจะช่วยกระตุ้นประสาทส่วนกลางทำให้ตื่นตัว ยังช่วยขับไล่ความปวดเมื่อยล้าเนื่องจากไข้หวัด ป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้โดยแนะนำให้ดื่ม 2แก้ว / วัน ช่วยป้องกันโรคพาร์กินสันและนิ่วในถุงน้ำดีโดยมีคำแนะนำให้ดื่ม 34แก้ว / วัน แต่ถ้าอยากดื่มเพื่อความสดชื่นตื่นตัวมีคำแนะนำให้ดื่ม 2 แก้ว / วัน แต่ทั้งนี้ควรดื่มเป็นกาแฟดำร้อนถึงจะช่วยคลายหนาวและได้รับประโยชน์ของกาแฟเต็มเม็ดเต็มหน่วย 

ชาร้อน

ในใบชามีสารโพลิฟินอล (Polyphenol) คาร์โบไฮเดรท และกรดอะมิโน เมื่อสารเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับน้ำลาย จะช่วยกระจายความร้อนในร่างกายพร้อมขับสารพิษออกไป ช่วยขยายหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยบรรเทาอาการหวัดและการปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ มีหลากหลายเมนูชา สามารถเลือกดื่มได้ตามชอบของแต่ละบุคคล ทั้ง ชาตะไคร้ใบเตย ชาใบหม่อน ชากุหลาบ ชาอู่หลง ชามะนาว ฯลฯ แต่ต้องเป็นชาร้อนและไม่ใส่น้ำตาลจะดีที่สุด เพราะทั้งช่วยคลายหนาวและดีต่อสุขภาพ ยกตัวอย่างชาที่นิยมในหน้าหนาว

 

  • ชาเขียวร้อน ชาเขียวที่ใครหลายคนคุ้นเคย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาขียวใส่นมและเป็นแบบเย็น แต่ชาเขียวร้อนที่ไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาล จะให้ประโยชน์ที่มากมายกว่าที่คิด เนื่องจากชาเขียวมีธิโอฟิลลีนและคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้สดชื่นตื่นตัว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดระดับไขมันเลวและเพิ่มไขมันดี ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยชะลอการเกิดโรคเบาหวาน ช่วยลดน้ำหนัก 

 

  • ชาคาโมมายล์ ดอกคาโมมายล์อุดมไปด้วยสารฟาโวนอยด์ น้ำมันหอมระเหย กรดฟิโนลิก มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ เมื่อนำมาทำเป็นชาดื่ม น้ำมันหอมระเหยในดอกคาโมมายล์จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายอบอุ่น จิตใจสงบ นอนหลับสนิท ชาคาโมมายล์ยังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ลดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปากและลำคอ เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด บรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ มีเสมหะ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนของเพศหญิงได้ด้วย 

 

น้ำขิง

ขิง สมุนไพรไทยที่อยู่คู่ครัวใช้ประกอบอาหารและยามานาน ด้วยสรรพคุณของขิงที่มีประโยชน์นานัปการ น้ำขิงอุ่นๆที่ให้ความเผ็ดร้อนเล็กๆช่วยปลุกให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ให้ความอบอุ่นแก่ภายในร่างกาย ด้วยน้ำขิงมีฤทธิ์ช่วยในการขับเหงื่อ ขยายหลอดลมให้เลือดไหลเวียนสะดวก มีวิตามินซี ช่วยบรรเทาอาการหรือป้องกันหวัดได้ และยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ละลายเสมหะ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการใช้เป็นเครื่องดื่มคลายหนาวได้เป็นอย่างดี 

น้ำมะนาว / น้ำมะนาวน้ำผึ้ง

มะนาว มีวิตามินซีสูง วิตามินเอ วิตามินบี สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดซิตริกที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น การดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆตอนเช้าและก่อนนอนดีกับสุขภาพ ดีต่อระบบลำไส้ กระตุ้นให้ระบบขับถ่ายดี เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยแก้หวัด ลดไอ เจ็บคอ น้ำมะนาวน้ำผึ้งจะช่วยบรรเทาอาการไอและเจ็บคอได้ดี การดื่มน้ำมะนาวสม่ำเสมอยังช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส ลดกลิ่นปาก และยังเป็นผู้ช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ง่ายๆเพียงแค่บีบมะนาวสักซีกผสมน้ำอุ่นดื่มแก้หนาวและได้ประโยชน์มากมาย 

น้ำมะตูม 

มะตูมเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ทางยาอีกชนิดหนึ่ง ช่วยบำรุงธาตุ รักษาธาตุไฟ แก้หวัด แก้ร้อนใน ช่วยบรรเทาอาการไข้จับสั่นและหลอดลมอักเสบ เป็นยาระบาย รักษาอาการท้องผูก ท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้ อากาศหนาวๆ มีมะตูมผงหรือมะตูมอบแห้งติดบ้านไว้ชงหรือต้มน้ำดื่มคลายหนาวก็ดีไม่น้อย หากเป็นมะตูมอบแห้งก็เพียงนำมะตูมแห้งประมาณ 56 ชิ้นต้มน้ำและอาจใส่น้าตาลเล็กน้อยหากใครชอบหวานแต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะเดี๋ยวจะได้สุขภาพแย่แทน ส่วนใครสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องเติมหวานก็จะดีมากๆ 

น้ำกระเจี๊ยบแดงพุทราจีน

น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีนเป็นการรวม 2 คุณประโยชน์จาก กระเจี๊ยบแดง + พุทราจีน เข้าไว้ด้วยกัน เพราะนอกจากจะประสานสรรพคุณให้ดี 2 เท่า การเติมพุทราจีนลงไปเพื่อช่วยลดการกัดกระเพาะของกระเจี๊ยบแดงด้วย โดยกระเจี๊ยบแดงช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงธาตุ แก้กระหายน้ำ แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้ดีพิการ ลดความร้อนในร่างกาย ช่วยลดอาการเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน ส่วนสรรพคุณของพุทราจีนจะช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาฝ้าฟาง ตาบอดในเวลากลางคืนเพราะมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาทและสมอง และเมื่อนำกระเจี๊ยบแดงกับพุทราจีนจีนต้มด้วยกัน โดยอาจเติมน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อยหรือไม่เติมก็ได้เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า แล้วกรองเอาแต่น้ำ ดื่มตอนอุ่นๆจะช่วยคลายหนาวได้ดี หรือถ้าต้มไว้จำนวนมากแล้วดื่มไม่หมด ก็สามารถบรรจุขวดน้ำเก็บใส่ตู้เย็นไว้ดื่มครั้งต่อไป ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น 

 

น้ำเต้าหู้ / นมถั่วเหลือง

น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองมีโปรตีน ไขมันไม่อิ่มตัวสูงถึง 63% จึงให้พลังงานกับร่างกายแต่ดื่มเท่าไรก็ไม่อ้วน  มีวิตามินอีสูง ต้านทานอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำเต้าหู้อุ่นๆทุกเช้าจะช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่ง ชะลอความแก่ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ท้องผูก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้และริดสีดวง นอกจากนี้น้ำเต้าหู้ยังมีสารไอโซฟลาโวน ที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ดีต่อสุขภาพผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

 

โกโก้ร้อน / ช็อกโกแลตร้อน 

อีกเครื่องดื่มที่อยากนำเสนอมากๆ สำหรับผู้ที่รักในรสชาติของโกโก้หรือช็อกโกแลต เพราะนอกจากกลิ่นหอมๆชวนดื่มแล้ว แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย มีสารฟลาโวนอยด์ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้ให้ออกซิเจนและเลือดลำเลียงสู่สมองได้ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการเกิดโรคต่างได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด สารโพลีฟินอลช่วยให้หลอดเลือดแดงแข็งแรง เพิ่มไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี(HDL) ช่วยลดการอักเสบและการก่อตัวของลิ่มเลือดได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นดาร์กโกโก้หรือดาร์กช็อกโกแลต หรืออาจเติมนม / น้ำผึ้งสักเล็กน้อยหากใครไม่ชอบขมจนเกินไป

 

และอีกมากมายเมนูเครื่องดื่มที่ช่วยคลายหนาวแถมยังมีประโยชน์กับร่างกาย เพียงเลือกให้ถูกกับสุขภาพร่างกายและดื่มให้ถูกวิธี ทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมทั้งออกกำลังกายสม่ำเสมอ เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับมือลมหนาวที่จะมาปะทะกับร่างกายแล้ว ขอให้สุขภาพดีถ้วนหน้าตลอดลมหนาวค่ะ 

เมื่อภัยมีอยู่รอบตัวไม่เว้นแม้แต่ภัยจากไซเบอร์ หลังจากที่พบว่าใน 17 วัน พบยอดเงินผิดปกติผ่านบัตรกว่า 130 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 117 ตุลาคม 2564 ตรวจสอบพบการตัดเงินที่ผิดปกติจากการใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 10,700 ใบ เป็นเงินมูลค่า 130 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 8090% ที่ตัดเงินจากบัตรเดบิต จากการทำธุรกรรมและชำระค่าสินค้า-บริการกับร้านค้าออนไลน์จากต่างประเทศและจากการจ่ายผ่านเครื่อง EDC (เครื่องที่รับชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกน QR Code , Airpay , ewallet หรือแม้แต่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ ที่เรามักจะเห็นได้ตามร้านค้าต่างๆและห้างสรรพสินค้า จะมีทั้งแบบรูดแถบบัตรและแบบเสียบบัตรเข้าเครื่อง) เป็นหลัก

จากภัยโดนแฮกข้อมูลและดูดเงินไปจนมีผู้เสียหายสูญเงินไปจำนวนมากหลายรายในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นในกรณีบัตรเดบิต เพราะมีการผูกไว้กับเงินในบัญชีและไม่ต้องใช้ otp ยืนยัน แต่ถ้าเป็นกรณีบัตรเครดิตจะเป็นการใช้ก่อนจ่ายทีหลัง จึงเกิดปัญหาได้น้อยกว่า แต่ในกรณีแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบการเงินชี้แจงว่า สามารถเกิดขึ้นได้ไม่เพียงแค่บัตรเดบิตเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับบัตรเครดิต กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์  ecommerce หรือการผูกบัญชีไว้กับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ต่างๆ 

 

ขั้นตอนการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตและเครดิต 

-กดเลือกวิธีชำระ เดบิต / เครดิต 

-กรอกข้อมูลผู้ถือบัตร 

-ตรวจสอบรายการสั่งซื้อ 

-กดยืนยันการชำระเงิน 

-ชำระเงินสำเร็จ 

 

ข้อแนะนำไม่ให้ถูกจารกรรมการเงินทางไซเบอร์ 

เหลือเงินทิ้งไว้ในบัญชีให้น้อยที่สุด ให้มีเงินติดไว้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละเดือน เช่น สำหรับตัดค่าบัตร พอหมดก็เติมใหม่สำหรับโอนจ่าย ณ ตอนนั้น พยายามอย่าผูกบัตรกับช้อปปิ้งออนไลน์ หรือ แพลตฟอร์ม ecommerce และไม่ควรให้คนอื่นรู้เลขรหัส ccv บนบัตรเด็ดขาด และควรทำการขอให้ทางธนาคารหรือแหล่งการเงินที่มีบัญชีส่ง OTP ทุกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันจะมีการใช้จ่ายตัดยอดเงินในบัตรโดยไม่ต้องใช้บัตร ไม่ต้องเซ็นต์ชื่อ เรียกว่า CNP (Card Not Present) เพียงแค่มีข้อมูลดังนี้…

ข้อมูลที่โจรสามารถนำไปใช้ในการจารกรรมได้  

-ชื่อ-นามสุกล หน้าบัตร (Name Surname)

-เลขบัตร 16 หลัก (Card number)

-เดือน / ปี ที่บัตรหมดอายุ (Expiration date)

-รหัส CCV บนบัตร (Card Verification Value Code

 

เมื่อรู้ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถทำการใช้บัตรได้ และบางที่ก็ใช้เพียง ccv ก็ใช้บัตรได้ทันทีเหมือนเป็นเจ้าของบัตรเอง 

 

CCV คืออะไร? CCV คือรหัสที่อยู่บนบัตรเครดิตเพื่อแสดงตัวตนเจ้าของบัตร จะมีตัวเลขอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังบัตร ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร ถ้าเป็นบัตร Visa และ Master Card รหัส ccv จะเป็นตัวเลข 3 ตัวอยู่ด้านหลังบัตรเยื้องไปทางขวาหลังลายเซ็นต์เจ้าของบัตร ส่วนบัตร American Express จะมีรหัส ccv เป็นตัวเลข 4 ตัวอยู่ด้านหน้าบัตรทางขวามือ 

CCV สำคัญอย่างไร? รหัส CCV จะช่วยป้องกันในการที่ผู้อื่นหรือโจรนำไปใช้บัตรทางออนไลน์ เพราะจะต้องรู้รหัสและกรอกเลขเพื่อทำการตัดยอดเงิน แต่ถ้าใครสักคนเห็นรหัส CCV หลังบัตร ก็สามารถนำไปใช้ได้ ดังนั้นควรขูดทิ้งหรือปิดทับให้แน่นแบบถาวร แล้วจดจำรหัสไว้จะเป็นการดีกว่า 

 

OTP (One Time Password) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการรักษาความปลอดภัยจากการจารกรรมข้อมูลและเงินในบัญชีที่ผูกไว้กับบัตร ในกรณีที่บัตรถูกขโมยหรือหายแล้วมีคนนำไปใช้ เมื่อมีการกรอกข้อมูลบนบัตรจรครบ OTP จะเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ผู้ถือบัตรจะต้องทำการใส่เพื่อทำการยืนยันในตัดยอดเงินในบัตร โดยจะมีการขอรหัส otp ก่อนทำการตัดยอดเงินในการใช้บัตรทุกครั้ง แต่ปัจจุบันจะมีการขอรหัสเมื่อมีการใช้ยอดเงินที่สูงเท่านั้น หากชำระยอดเงินต่ำระบบจะทำการตัดเงินทันทีหลังจากใส่ ccv โดยไม่มีการขอ OTP อีก

OTP คืออะไร? OTP คือ รหัสผ่านที่ใช้ครั้งเดียวที่ระบบสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยสำหรับในการใช้ธุรกรรมทางออนไลน์ ซึ่งเป็นเลขชุด 6 หลัก โดยจะมีการส่งแจ้งทาง SMS ไปทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เจ้าของบัญชีทำการยืนยันตัวตนก่อนทำการเข้าถึงข้อมูลหรือทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ และมีเวลาจำกัดในการดำเนินการ เพื่อป้องกันความปลอดภัยในการถูกจารกรรมข้อมูล จึงไม่ควรบอกเลข OTP ให้คนอื่นรู้ 

 

ควรเช็ค URL ของเว็บไซต์ทุกครั้งก่อนทำการชำระเงินช้อปปิ้งออนไลน์ ว่าขึ้นต้นด้วย https ที่คุ้มครองทุกการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ 

อย่าผูกบัตรไว้กับระบบอัตโนมัติเพื่อไม่ให้ระบบจำรหัสบัตรไว้ จะทำให้เสี่ยงต่อการโดนแฮกข้อมูลและการโดนจารกรรมได้ เมื่อทำการใช้บัตรเพื่อจ่ายค่าบริการหรือสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะทำการจองห้องพักโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน ชำระค่าสินค้าใดๆก็ตาม ควรยอมเสียเวลาสักนิดในการเข้ารหัสเมื่อจะทำการใช้จ่ายผ่านบัตรในแต่ละครั้ง และนำข้อมูลในบัตรออกจากระบบทันทีหลังจากเสร็จสิ้นจากการใช้งาน หรือถ้าจำเป็นต้องผูกไว้กับบัญชีเพื่อใช้จ่ายในการตัดยอดชำระค่าบริการรายเดือน เพราะบางครั้งก็ลืมวันกำหนดชำระ เช่น ค่าโทรศัพท์รายเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ  ช่องหนังออนไลน์ เกมส์ที่ต้องมีการเติมเงินและซื้อออฟชั่น ฯลฯ ก็ให้ผูกไว้กับบัญชีที่มียอดเงินจำนวนน้อยๆ เลี่ยงกับการผูกบัตรไว้กับบัญชีเงินเดือนหรือบัญชีที่มียอดวงเงินสูง 

 

สำหรับ sms alert การแจ้งเตือนยอดชำระจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและการบริการของแต่ละสถาบันการเงิน บางแห่งอาจจะมีบริการฟรีเดือนแรกและคิดค่าบริการในเดือนต่อไป ทำให้เจ้าของบัญชีที่อาจมีวงเงินในบัญชีไม่มากทำการยกเลิกเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนที่คิดว่าไม่จำเป็น แต่บางคนก็ยอมจ่ายเพื่อแลกกับการได้รู้ความเคลื่อนไหวทางการเงินในบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีวงเงินค่อนข้างสูง 

 

หากไม่มีหรือไม่ได้สมัครป๊อบอัพ sms alert ไว้ ควรทำการตรวจสอบยอดเงินเข้า-ออกในระบบทางมือถือทุกสิ้นวัน หรือขอ statement กับทางสถาบันการเงินที่มีบัญชีทุกเดือน เพราะมีผู้เสียหายหลายคนที่กว่าจะรู้ว่าโดนเข้าแล้ว ก็สูญเงินไปแล้วในจำนวนไม่น้อยเลย 

พฤติกรรมของแฮ็กเกอร์ 

ส่วนใหญ่ที่ยอดเงินหายไปมักจะเป็นยอดเงินต่ำๆ ตั้งแต่ 20 บาท 30 บาท 40 บาท ฯลฯ แต่ตัดถี่ๆ ภายในระยะเวลาติดๆกันไม่กี่นาทีแต่รวมแล้วสูญเงินไปเป็นจำนวนหลักพัน หรือเวลาที่ห่างกันข้ามวันเพื่อretakeไม่ได้ และระบบก็ไม่ค่อยเตือนในยอดต่ำและที่มีการตัดเงินถี่เกินไป ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นช่วงเวลากลางคืน อาจเป็นไปได้ว่าการโจรกรรมที่เกิดจากต่างประเทศซึ่งอยู่คนละช่วงเวลากับประเทศไทย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากลางวันจะไม่เกิดขึ้น เพราะโจรไม่มีวันหยุดและการปล้นขโมยก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ฤกษ์ยามแบบโจรบ้านเราสมัยก่อน ยิ่งโจรไซเบอร์ยิ่งสามารถทำได้ง่ายและตลอดเวลาเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้นเอง 

 

ถึงแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากข้อมูลรั่วไหลจากธนาคาร แต่เป็นความผิดปกติจากการที่ผู้ถือบัตรนำไปผูกกับร้านค้าออนไลน์ ทั้งที่มีเจ้าของบัญชีอีกหลายรายบอกว่าไม่เคยไปผูกกับร้านค้าใดๆ ไม่เคยใช้จ่ายทางออนไลน์ หรือแม้แต่บางคนก็ไม่มีแม้แต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตก็ตาม แต่ก็ยังมิวายตกเป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน แต่จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ และยังไม่สามารถสาวไปถึงต้นเรื่องการโจรกรรมได้ ด้วยเหตุที่ต้นทางการจารกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากต่างประเทศ 

ดังนั้นเราจึงต้องทำการป้องกันตัวเองให้มากที่สุดตามที่ได้แนะนำไว้ข้างต้น และสำหรับผู้ที่เสียหายสามารถเข้าทำการแจ้งความได้ โดยการไปขอ statement กับทางธนาคารและรวบรวมเอกสารไปให้เจ้าหน้าที่ๆ จะทำการตรวจสอบและประสานงานกับส่วนของธนาคารอีกทีหนึ่ง 

 

ที่สำคัญอย่าลืมจดจำรหัสบัตร ccv ไว้และทำการขูดออกหรือปิดทึบอย่างถาวรเสีย เพราะตัวเลขเหล่านี้เป็นมาตรฐานสากล ทางธนาคารไม่สามารถแก้ไขให้ได้ หากห่วงว่าจะจำรหัสไม่ได้ ให้จดหรือถ่ายรูปไว้ ซึ่งน่าจะสะดวกสำหรับผู้ที่ถือบัตรหลายใบด้วยกัน ส่วนผู้ที่มีบัตรไม่กี่ใบหรือใช้อยู่เพียงใบเดียวยิ่งจดจำได้ง่าย และเมื่อทำการใส่รหัสหรือข้อมูลในการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ให้ทำการนำออกจากระบบทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการชำระ หรือผู้ที่เคยไปผูกหรือใส่ไว้แบบถาวรเพื่ออำนวยความสะดวกนั่น ควรรีบนำข้อมูลออกเพื่อปกป้องทรัพย์สินของตนเอง เพราะสมัยนี้อะไรก็ไว้ใจไม่ได้ จงยึดหลักคำ“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”ไว้จะดีที่สุด

 

เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน ฝนตกทุกวันไม่เว้นวัน อีกทั้งน้ำท่วมครอบคลุมหลายจังหวัด ทำให้มีโรคที่มากับหน้าฝนและโรคที่มากับน้ำสกปรก เพราะน้ำท่วมขังหลายวันประกอบกับขยะที่เกิดจากประชาชนทิ้งไม่เป็นที่ ทำให้ลอยปะปนกับน้ำบ้าง อุดตันตามท่อระบายน้ำบ้าง ทำให้บริเวณหลายแห่งที่มีน้ำท่วมขังเริ่มเน่าและสกปรกมากขึ้น 

 

ในฤดูฝนทุกๆปีหรือแม้แต่ช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันหลายวันที่เกิดจากอิทธิพลของพายุต่างๆ มักจะมีโรคที่มากับหน้าฝนเป็นประจำ ด้วยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและความชื้นในอากาศ เป็นเหตุให้โรคที่มากับฝนหลายชนิดแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ควรดูแลป้องกันตนเองอย่างไรจากโรคติดต่อในฤดูฝน

โรคที่มากับฤดูฝน

 

1.โรคระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ 

  • โรคไข้หวัด (Common Cold) เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่มีหลากหลายสายพันธุ์ในอากาศ แต่เมื่อเป็นไข้หวัด มักจะเกิดจากสายพันธุ์เดียว และเมื่อหายจากไข้หวัด ร่างกายจะมีการสร้างภูมิต้านทานไวรัสชนิดนั้นขึ้นมา และเมื่อร่างกายอ่อนแอก็จะเป็นไข้หวัดจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ไม่ใช่สายพันธุ์เดิม อาการที่พบได้ทั่วไปคือ ปวดหัว ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอแห้งหรือมีเสมหะ เมื่อไอมากๆอาจเจ็บบริเวณลิ้นปี่ อาจมีอาการหรือโรคอื่นแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิบอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ วิงเวียนศีรษะจากหวัดลงหู หูชั้นกลางอักเสบ สำหรับเด็กเล็กบางคนอาจมีอาการชัก การติดต่อไข้หวัดได้จากสารคัดหลั่ง น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ อาจด้วยวิธีการไปสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีเชื้อหวัด หรือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้วหายใจเอาละอองฝอยน้ำลายในอากาศจากการไอ จาม เข้าไปก็จะทำให้ติดเชื้อหวัดได้ 

 

  • โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินฟลูเอนซาหรือเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี โดยมักจะพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มอายุเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี และกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้แก่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ดังนั้น 2 กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มคนที่ควรดูแลสุขภาพและระวังโรคไข้หวัดใหญ่มากกว่ากลุ่มวัยอื่น อาการที่พบจากไข้หวัดใหญ่ คือ หนาวสั่น ปวดศีรษะ มีอาการคัดจมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอาการอ่อนเพลียมาก ส่วนใหญ่อาการจะหายได้ใน1-2 สัปดาห์ แต่ถ้ามีโรคแทรกซ้อน อย่างเช่น ปอดอักเสบ อาจทำให้มีอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ 

*การป้องกันโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ด้วยการล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น ไม่ใกล้ชิดหรือสัมผัสผู้ป่วย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ปัจจุบันได้มีการเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มผู้สูงอายุควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 

 

  • โรคปอดอักเสบหรือปอดบวม เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจส่วนล่าง อาจเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งสาเหตุของโรคจะมีความแตกต่างกันไป แต่มักจะเกิดต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในฤดูฝน อาการของโรคปอดอักเสบ เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจากมีอาการหวัด หากมีไข้สูง ไอ มีเสมหะ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจหอบเหนื่อย คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หากมีอาการเหล่านี้ให้สงสัยไว้เลยว่าอาจไม่ได้เป็นเพียงแค่หวัดเท่านั้น อาจมีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ 

2.โรคติดเชื้อในคอ

ต่อมทอนซิลอักเสบ เกิดจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย การได้รับเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ ซึ่งอาจเกิดได้ง่ายจากการรับประทานของทอด ของมัน น้ำชา กาแฟ การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย อาการของโรคติดเชื้อในลำคอ หากเกิดจากเชื้อไวรัสจะมีอาการหวัดมาก่อน คอแดง ไม่มีจุดขาวที่ต่อมทอนซิล เจ็บคอโดยเฉพาะเวลากลืนอาหาร สีเสมหะ น้ำมูกใส แต่ถ้าเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรีย จะเกิดจากการที่มีอาการเจ็บคอเป็นเวลานาน คอแดงมาก มีจุดสีขาวที่ทอนซิล มีเสมหะ มีไข้ มีน้ำมูกเขียว-เหลือง เสียงพูดเปลี่ยน อาจแหบและแห้ง กลืนลำบาก

 

*การป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อในลำคอ  หากเกิดจากเชื้อไวรัส เพียงงดดื่มน้ำเย็น งดทานของทอด ของมัน อาหารรสจัด ดื่มน้ำอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ ก็สามารถหายได้ภายใน3-5วัน แต่ถ้าเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะและรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด 

3.โรคระบบทางเดินอาหาร

  • โรคท้องร่วงเฉียบพลันหรือท้องเสีย เกิดจากการได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือเครื่องดื่มไม่สะอาด ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วงเฉียบพลัน ถ่ายเหลวหรือเป็นน้ำ มีมูก อาการถ่ายผิดปกติ ปวดท้องแบบบิดเป็นๆหายๆ คลื่นไส้ หรืออาจมีอาการท้องอืดด้วย แม้ว่าโรคท้องร่วงนี้จะไม่มีอันตรายรุนแรง แต่หากมีการถ่ายเหลวต่อเนื่องมากเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ ทำให้อ่อนเพลียหนัก เนื่องจากสูญเสียน้ำและแร่ธาตุ หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากรักษาไม่ทัน อาจเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้ 

 

*การป้องกันโรคท้องร่วงเฉียบพลัน ทำได้โดยการเลือกรับประทานอาการที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารดิบและไม่สะอาด ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก ไม่รับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม ไม่นำอาหารสดแช่แข็งละลายด้วยการแช่น้ำตั้งทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เชื้อโรคบางชนิดสามารถเติบโตได้

 

  • อาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อน อาหารเป็นพิษ เกิดจากการดื่มน้ำหรืออาหารที่มีการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อโรคต่างๆ ปรสิต เช่น อะมีบ้า หรือจากอาหารที่เป็นพิษอื่นๆ เห็ดพิษ สารเคมี สารหนู สารตะกั่ว อาการของอาหารเป็นพิษ เมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีพิษเข้าไปประมาณภายใน 2-6 ชั่วโมง จะเริ่มมีอาการปวดท้องแบบบิดเป็นพักๆ แต่จะปวดมากน้อยแล้วแต่ความรุนแรงของเชื้อโรคที่ได้รับ ถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง อาจมีการอาเจียนร่วมด้วย 

 

*การป้องกันและรักษา หากมีอาการไม่รุนแรงมาก ให้ดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ซึ่งจะต้องเป็นเกลือแร่สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย ไม่ใช่เกลือแร่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่จะทำให้เสียน้ำมากขึ้น ไม่ควรทานยาเพื่อหยุดการถ่าย เมื่ออาการทุเลาสามารถทานอาหารอ่อนๆย่อยง่าย หากมีอาการรุนแรงถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง อาเจียนรุนแรง หน้ามืดจะเป็นลม ควรรีบไปพบแพทย์ การป้องกันทำได้โดยวิธีเดียวกับการป้องกันโรคท้องร่วง ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารที่เก็บไว้หรือแช่ในตู้เย็นนานๆ ไม่รับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม ไม่นำอาหารสดแช่แข็งละลายด้วยการแช่น้ำตั้งทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เชื้อโรคบางชนิดสามารถเติบโตได้

4.โรคทางตา 

โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ เกิดจากเชื้อไวรัส ที่อาจเพราะน้ำสกปรกเข้าตา มือสกปรกหรือสัมผัสเชื้อแล้วเผลอนำมาขยี้ตา การใช้สระว่ายน้ำสาธารณะ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะเจอในกลุ่มเด็กมากกว่าเนื่องจากขาดความระวัง โดยจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล เจ็บตา มักมีเมือกขี้ตาสีขาวหรือเหลืองอ่อนจำนวนมาก เพราะติดเชื้อแบคทีเรีย  อาจมีอาการตาบวมร่วมด้วย ถ้าไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน อาการติดเชื้อก็สามารถหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ 

 

*การป้องกันและรักษาโรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้าหรือขยี้ตา ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือที่มีอาการตาแดงแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งรวมไปถึงอย่าพยายามนำมือสัมผัสผู้ป่วยมาสัมผัสใบหน้าและตาตัวเองเด็ดขาด หากมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที หมั่นทำความสะอาดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดตัว อย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้ป่วยหรือที่มีอาการเยื่อบุตาอักเสบ รวมไปถึงงดการว่ายน้ำในช่วงโรคตาแดงระบาด ในกรณีการรักษานั้นหมอจะให้ยาปฏิชีวนะตามอาการ หากมีอาการปวดหรือเจ็บคอร่วมด้วย หมอจะจ่ายยาบรรเทาอาการปวดและฆ่าเชื้อ และผู้ที่มีอาการตาแดงควรลาหยุดจากงานหรือการเรียนเพื่อพักรักษาตัวอย่างน้อย 3 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น งดการใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าจะหายดี ควรใส่แว่นตากันแดดเมื่อต้องเผชิญกับแสง พักผ่อนให้เพียงพอ พักการใช้สายตา รวมไปถึงไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่นอย่างเด็ดขาด 

5.โรคไข้เลือดออก 

เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เป็นโรคในฤดูฝนที่จะแพร่ระบาดได้สูงถึง 3 เท่าในช่วงเวลาปกติ โดยจะมีไข้ประมาณ 2-7วัน ซึ่งโรคนี้ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นหากผู้ที่มีอาการมีไข้สูงเฉียบพลัน คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร มีจุดเลือดออกเล็กๆขึ้นบริเวณตามตัว กระสับกระส่าย ตัวเย็น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็วและเบา ถ่ายเป็นสีดำเหมือนถ่าน เสี่ยงที่จะมีอาการช็อกได้ ควรรีบนำตัวไปพบแพทย์ สำหรับการดูแลตัวเองหรือผู้อื่นเมื่อมีอาการไข้เลือดออก โดยการทานยาพาราเซตามอลเท่านั้นหากมีอาการปวดศีรษะ ห้ามทานยาแอสไพลินเด็ดขาดเพราะจะยิ่งทำให้เลือดออก เมื่อมีไข้ตัวร้อนให้หมั่นเช็ดตามข้อพับต่างๆเพื่อระบายความร้อน ดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากเหงื่อ ทานอาหารอ่อน แต่ควรงดอาหารที่มีสีดำหรือสีแดงไปก่อน เผื่อในกรณีที่ยังคงอาเจียนจะทำให้มีการวินิจฉัยผิดพลาดได้ เพราะไม่แน่ใจว่าอาเจียนเป็นเลือดหรือสีมาจากอาหารกันแน่ 

 

*การป้องกันจากไข้เลือดออก พยายามอย่าให้โดนยุงกัดโดยเฉพาะเวลากลางวัน หาสิ่งป้องกันการโดนยุงกัด เช่น นอนในมุ้ง ทายาหรือโลชั่นกันยุง ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง อย่าให้มีน้ำขังตามจุดและบริเวณต่างๆรอบบ้าน 

6.โรคฉี่หนู (Leptospirosis)

โรคฉี่หนูเป็นโรคหน้าฝนที่ระบาดมากที่สุด โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะอย่าง หนู สุกร สุนัข โค กระบือ และ แรดคูณ ซึ่งสัตว์พาหะเหล่านั้นอาจไม่แสดงอาการ แต่จะมีเชื้อแบคทีเรียและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งเชื้อจะแฝงอาศัยอยู่ตามดิน โคลน ร่องน้ำ คู คลอง หรือแหล่งน้ำท่วมขังต่างๆ โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะสามารถแฝงและมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นเดือนๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นโรคที่มากับน้ำสกปรก ซึ่งคนจะสามารถรับเชื้อนี้ได้จากทางผิวหนัง เยื่อบุอ่อน เช่น ปาก ดวงตา จมูก โดยเชื้อนี้จะพบได้ในน้ำ อาจติดเชื้อจากการว่ายน้ำ การแช่น้ำท่วมขัง การสัมผัสโดนน้ำที่ปนเปื้อนปัสสาวะหรือเลือดของสัตว์พาหะโดยตรง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่พบการติดต่อจากคนสู่คน 

 

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคฉี่หนูนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีอาชีพเกษตร คนงานขุดท่อลอกคูคลอง ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยมีน้ำท่วมขัง ผู้ที่ได้สัมผัสน้ำที่มีการปนเปื้อนแบคทีเรียดังกล่าว อาการของโรคฉี่หนู จะแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก จะมีอาการปวดศีรษะ มีผื่นคัน คลื่นไส้ อาเจียน ตาแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะบริเวณ หลัง เอว น่อง  และคอแข็ง   ส่วนระยะที่2 จะปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ต่ำๆ เมื่อไข้ลดแล้วก็กลับมามีไข้ได้อีก ช่วงระยะเวลาของอาการไข้อาจนานเป็นเดือน อาจมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ม่านตาอักเสบ ตับและไตทำงานผิดปกติ 

 

*การป้องกันจากโรคฉี่หนู หลีกเลี่ยงการเดินลุยหรือแช่น้ำท่วมขังหรือน้ำสกปรก หากต้องทำงานหรือไม่สามารถเลี่ยงได้ ก็ควรใส่รองเท้าบูทในขณะที่ต้องทำการลุยหรือแช่น้ำ ในกรณีที่มีแผล รอยข่วน รอยถลอกก็เช่นกัน ควรงดการลงน้ำ หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใส่รองเท้าบูทเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าทางบาดแผล รีบทำความสะอาดหรืออาบน้ำทันทีหลังจากมีการย่ำหรือแช่น้ำสกปรกหรือแหล่งที่อาจมีเชื้อฉี่หนูปนเปื้อน หากมีไข้สูงเฉียบพลันและปวดบริเวณน่องมาก ให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำ หรือการสัมผัสน้ำตามแหล่งต่างๆให้กับแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย เพราะโรคฉี่หนูอันตรายหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ 

 

เมื่อรู้แล้วว่าโรคช่วงหน้าฝนมีอะไรบ้างก็ควรเพิ่มความระมัดระวังเพื่อจะได้ไม่เจ็บป่วย นอกจากการหลีกเลี่ยงความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคดังกล่าวแล้ว ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยเสริมภูมิป้องกันให้กับร่างกาย  หาเวลาในการออกกำลังกายตามกำลังและเหมาะสม เพราะเมื่อเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ลดอาการรุนแรงและสามารถหายเป็นปกติได้เร็วนั่นเอง 

 

“โกโก้”เป็นอีกเมนูโปรดของใครอีกหลายๆคน ไม่ว่าจะในรูปแบบเครื่องดื่มหรือเมนูของหวานต่างๆ ด้วยกลิ่นหอมที่น่าหลงไหลและรสชาติเข้มถึงใจแต่หวานละมุน ผลิตภัณฑ์โกโก้มีทั้งแบบโกโก้ผง ผงช็อกโกแลต ช็อกโกแลตแท่ง ดาร์กช็อกโกแลต และการนำโกโก้ทำขนมผสมอาหารหรือชงเป็นเครื่องดื่มหลากหลายเมนู  

 

ยิ่งถ้าได้ชงโกโก้ร้อนดื่มตอนเช้าๆ หรือกินโกโก้ก่อนนอน รวมไปถึงโกโก้เย็นชื่นใจเวลาอากาศร้อนๆก็ดูจะเป็นสิ่งที่ควรค่าจริงๆ แต่คุณรู้ไหมว่านอกจากความอร่อยแล้ว โกโก้มีประโยชน์อะไรบ้าง  ผงโกโก้มีประโยชน์อย่างไร แต่ก่อนจะไปรู้ว่าดื่มโกโก้มีประโยชน์อย่างไร เราไปทำความเข้าใจและรู้ข้อดีโกโก้กันก่อนดีกว่า

ทำความรู้จักกันก่อนว่าโกโก้คืออะไร

โกโก้คือผลผลิตจากเมล็ดโกโก้ที่อยู่ในผลกาเกา(Cacao) ที่เราเรียกกันง่ายๆว่าต้นโกโก้ ซึ่งเป็นพืชแถบอเมริกาใต้ โดยการนำเมล็ดในฝักแช่น้ำหมักไว้แล้วนำไปตากแห้งเพื่อให้ความชื้นลดลง นำไปกระเทาะเปลือกและล่อนเปลือกออก จากนั้นจึงนำไปคั่วจนเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นหอม รสขมที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ เรียกว่า“คาเคา นิบส์” (Cacoa nib) แล้วจึงนำไปบดเป็นผงเพื่อให้ได้ผงคาเคา

 

คาเคานิบส์คืออะไร

Cacao nibคือ เมล็ดโกโก้ที่ผ่านกระบวนการคั่วและแกะเปลือกออกจนได้เม็ดสีน้ำตาลหอมกรุ่นและอุดมไปด้วยแร่ธาตุวิตามินต่างๆ ไขมัน ไฟเบอร์ สารอาหาร รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยในเรื่องการซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายให้ดูอ่อนกว่าวัย กระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอ็นโดฟิน(Endorphins)ที่เป็นสารแห่งความสุขและอารมณ์ดี และเนื่องจากผงคาเคาคือแทบจะไม่มีน้ำตาลจึงให้รสขมกว่าดาร์กช็อกโกแลต และ cacao nibs ประโยชน์คือมีไขมันดี โปรตีน แมกนีเซียมสูงเพราะผ่านกระบวนการผลิตน้อยขั้นตอน เป็นช็อกโกแลตบริสุทธิ์ ทานแล้วอิ่มอยู่ท้องนานแต่ให้พลังงานและยังช่วยเผาผลาญไขมัน เป็นที่นิยมกับผู้ลดน้ำหนักและสายเฮลตี้เป็นอย่างมาก

 

คาเคานิบส์กินยังไงและต่างจากผงโกโก้อย่างไร 

คาเคานิบส์เมื่อผ่านการคั่วและแกะเปลือกแล้วก็สามารถนำไปใช้งานหรือทานได้เลยโดยทานเปล่าๆซึ่งคาเคานิบส์จะมีความคล้ายๆถั่วแต่รสขมเข้ม หากคุณสามารถทานรสขมได้ก็หยิบเคี้ยวๆเหมือนถั่วได้เลยแถมประโยชน์ที่ได้ก็มากล้น หรือจะนำไปโรยหน้าโยเกิร์ต ไอศกรีม ใส่สมูทตี้ กาโนล่า ใส่น้ำผึ้ง หรือใส่ขนม ก็จะได้ทั้งความอร่อยเพลินและมีประโยชน์ให้กับร่างกาย แต่ถ้านำคาเคานิบส์ไปบดเป็นผงแล้วสกัดเอาไขมันออกก็จะได้ผงโกโก้นั่นเอง

 

โกโก้แอฟริกากับโกโก้เอเชียแตกต่างกันอย่างไร

โกโก้ยุโรปจะมีกลิ่นหอมอโรม่าลอยแตะจมูกชัดเจน รสชาติเข้มแต่ละมุนกลมกล่อม ทานง่าย สีเข้มสวย เนื่องจากภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต และดินที่มีสารอาหารตามที่พืชโกโก้ต้องการ ถ้าเป็นโกโก้ทางเอเชียจะมีรสเข้มฝาดขมบาดลิ้น ไม่ค่อยมีกลิ่นหอม และราคาจะถูกกว่าโกโก้จากทางยุโรป แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่รสนิยมในรสชาติของตัวบุคคล และวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ 

ประโยชน์ของโกโก้กับงานวิจัย

จากการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าประโยชน์ของการกินโกโก้ 1,000 มิลลิกรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะต่อวันจะช่วยให้ระบบการทำงานของสมองดีขึ้น และยังมีผลการวิจัยจากอังกฤษและอิตาลีที่ให้ข้อมูลตรงกันว่าโกโก้ประโยชน์ดีต่อสมอง นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิพนธ์ พวงวรินทร์ ราชบัณฑิต สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้มีคำขวัญ “Two spoonfuls of cocoa a day keeps Alzheimer away”  ก็คือทานโกโก้วันละ 2 ช้อนโต๊ะจะช่วยให้มีความจำที่ดีขึ้น ความดันโลหิตลดลง ควบคุมค่าระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผงโกโก้ด้วย

นอกจากนี้จากงานวิจัยยังพบว่าคุณสมบัติโกโก้ช่วยในเรื่องความรู้สึกของสุขภาวะที่ดี เนื่องจากสรรพคุณของโกโก้ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนินในสมองเพิ่มขึ้น จึงมักถูกนำไปใช้กับหญิงวัยหมดระดู และผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีรอบเดือนก็นิยมดื่มเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด เพราะเป็นช่วงที่ผู้หญิงจะมีสารเซโรโทนินปริมาณต่ำ และด้วยฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ผู้หญิงมีการตอบสนองต่อโกโก้ดีกว่าผู้ชาย โกโก้จึงเป็นตัวช่วยต้านภาวะซึมเศร้าในผู้หญิงได้อย่างดี

ทำไมถึงว่าประโยชน์ผงโกโก้ดีต่อสุขภาพ เพราะผงโกโก้แท้100จะมีสารอาหารโกโก้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง เหล็ก สังกะสี แมงกานีส ฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สารอีพิคาเทชิน เป็นต้น ถ้าเป็นผงโกโก้แท้ประโยชน์ก็ยิ่งสูงเพราะมีสารอาหารตามคุณสมบัติของโกโก้ เราไปดูกันว่าคุณประโยชน์ของโกโก้มีอะไรอีกบ้าง

สรรพคุณโกโก้ 

กินโกโก้มีประโยชน์อย่างไร…เรามาดูกันว่าประโยชน์ของโกโก้แท้และสรรพคุณผงโกโก้เมื่อดื่มหรือทานเป็นประจำอย่างเหมาะสมมีดังนี้

  • ช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากสรรพคุณของผงโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์(Flavonoids) สารโพลีพีนอลส์(Polyphenols) สารสารไนอาซีน(Niacin) สูงกว่าอาหารทั่วไป โดยสารเหล่านี้จะช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายจากแบคทีเรีย ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งที่มีอยู่แล้วแพร่กระจายเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตาย 
  • ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้มีประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจมีสรรพคุณการป้องกันการอุดตันในเลือด  ลดการปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ และโกโก้มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดโอเลติก (Oleic acid) ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง 
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เพราะสารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ 100 ประโยชน์ช่วยขยายหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนดี 
  • ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน สารโพลีฟีนอลส์ในโกโก้ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลได้ดีขึ้น ช่วยสลายน้ำตาลกลูโคสทำให้น้ำตาลในเลือดมีความสมดุลและเพิ่มความต้านทานต่ออินซูลินได้ 
  • ป้องกันภาวะสมองเสื่อม สารโพลีฟีนอลส์และสารฟลาโวนอยด์ในผงโกโก้ สรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบสมอง ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีและช่วยป้องกันโรคประสาทเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ 
  • ช่วยให้อารมณ์ดี ลดซึมเศร้า ประโยชน์โกโก้ผงช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น 
  • ช่ายสร้างสมดุลของเกลือแร่ในเลือด ช่วยปรับโพแทสเซียม แมกนีเซียม และ โซเดียมในเลือดให้สมดุล 
  • ประโยชน์โกโก้100ดีต่อสุขภาพฟัน สารทีโอโบรมีนในโกโก้ช่วยต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ฟันแข็งแรง แต่ต้องเป็นโกโก้ที่ไม่ใส่น้ำตาล
  • ช่วยการลดน้ำหนัก โกโก้ให้คาร์โบไฮเดรตต่ำ กินแล้วอิ่มนาน ป้องกันการสะสมไขมันและเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย แต่ต้องเป็นดาร์กช็อคโกแลตเท่านั้นนะ
  • มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ

 

ทานโกโก้อย่างไรให้ได้ประโยชน์โกโก้แท้ 

  • ทานโกโก้วันละ 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ดื่มโกโก้ร้อนด้วยโกโก้แท้100%โดยไม่ผสมนมหรือน้ำตาล
  • หากอยากผิวสวยให้ทานโกโก้ติดต่อกันเป็นเวลา12 สัปดาห์ 

โกโก้มีคาเฟอีนไหม หากคุณรู้สึกง่วงๆเพลียๆยามบ่ายแต่ไม่อยากดื่มหรือไม่ชอบดื่มกาแฟ สามารถทดแทนด้วยการดื่มโกโก้ร้อนสักแก้ว เนื่องจากโกโก้มีคาเฟอีนอ่อนๆ แต่จะให้คาเฟอีนประมาณ 27 กรัม ของโกโก้แก้วขนาด 8 ออนซ์ หรือโกโก้ร้อน1แก้วจะมีคาเฟอีนประมาณ 812 มิลลิกรัม ดังนั้นผู้ที่มีประวัติแพ้คาเฟอีนก็ต้องระมัดระวังในการเลือกทานผลิตภัณฑ์โกโก้หรือมีโกโก้เป็นส่วนประกอบ เพื่อได้รับประโยชน์และโทษของโกโก้ไม่ส่งผลต่อร่างกายหากทานในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดผลต่อทารกในครรภ์ตามที่แพทย์แนะนำ

 

ประโยชน์ของโกโก้ร้อน ศาสตราจารย์ Chang Yong Lee แห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า น้ำร้อนจะช่วยขับให้สารอนุมูลอิสระต่างๆและสรรพคุณโกโก้ได้ละลายออกมาเต็มที่ ทำให้สรรพคุณโกโก้ร้อนส่งผลดีต่อสุขภาพ และได้รับประโยชน์ของโกโก้ผง100

 

วิธีชงโกโก้ร้อนเพื่อสุขภาพให้อร่อยด้วยวิธีง่ายๆ

อุ่นน้ำด้วยไมโครเวฟสัก30วินาที จากนั้นใส่ผงโกโก้ลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งประโยชน์ ของการดื่มโกโก้ร้อนอย่างแท้จริงคือเพียงแค่โกโก้กับน้ำร้อนเท่านั้น แต่ถ้าหากไม่ชอบรสเฝื่อนขมโกโก้เพียวๆอาจตามด้วยนมสดที่ไม่มีน้ำตาล100ml นมข้นหวาน 1 ช้อนชา แล้วคนให้โกโก้ละลายจนหมด เพียงเท่านี้ก็จะได้ประโยชน์โกโก้ร้อนแสนอร่อยแล้ว

การดื่มโกโก้ร้อนประโยชน์ได้เต็มที่และเข้าถึงรสชาติดั้งเดิมของโกโก้ได้มากกว่าเมนูโกโก้เย็น เพราะเครื่องผสม เช่น นม น้ำตาล จะไปกลบกลิ่นและรสของโกโก้ลงอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งน้ำแข็งทำให้ต่อมรับรสของลิ้นชา การรับรู้รสชาติก็ดรอปลงเช่นกัน ร้านเครื่องดื่มส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องใช้โกโก้เกรดคุณภาพพรีเมียมสำหรับเมนูเย็น แต่สำหรับเมนูร้อนนั้น กลิ่นและรสชาติจะฟ้องเลยว่า โกโก้ชงเองที่ใช้เกรดดีหรือไม่

แต่ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าวเสียจนบางครั้งก็นั่งจิบอะไรร้อนๆไม่ไหว ความต้องการจะดื่มอะไรเย็นๆชื่นใจดับร้อนก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ และบางคนก็อาจจะชื่นชอบรสโกโก้เย็นหวานมันจริงๆ แม้ว่าโกโก้เย็นประโยชน์จะไม่เทียบเท่ากับประโยชน์ของการดื่มโกโก้ร้อน โกโก้ริชก็มีสูตรโกโก้เย็นด้วยวิธีชงโกโก้แบบเข้มข้นมาฝาก 

โกโก้เย็นสูตรเข้มข้น

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมมีดังนี้ 

  • ผงโกโก้แท้โกโก้ริชสีมาตรฐาน  3 ช้อนโต๊ะ 
  • ครีมเทียม 2 ช้อนโต๊ะ 
  • นมสดรสจืด 1 ถ้วยตวง
  • นมข้นหวาน ¾ ถ้วย 
  • นมข้นจืด 1 ช้อน 
  • น้ำร้อน 1+½  ถ้วย
  • น้ำธรรมดา ½ ถ้วย 
  • วิปปิ้งครีม / เชอรี่ หรือ ช็อกคอมพาวน์คาเธ่ย์ (สำหรับตกแต่ง มีหรือไม่มีก็ได้) 
  • น้ำแข็ง 

วิธีทำโกโก้เย็นเข้มข้น

ใส่ผงโกโก้โกโก้ริชลงในแก้วที่เตรียมไว้แล้วตามด้วยน้ำร้อน คนให้ผงโกโก้ละลาย แล้วใส่นมสด+นมข้นหวาน+ครีมเทียม+นมข้นจืด จากนั้นคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดีแล้วนำไปรินใส่แก้วที่ใส่น้ำแข็งเตรียมไว้ ตบท้ายด้วยวิปปิ้งครีมและตามด้วยผงโกโก้หรือช็อคคอมพาวน์และแต่งด้วยผลเชอรี่ 

และถึงแม้ว่าการดื่มโกโก้ร้อนจะดีต่อสุขภาพมากกว่า แต่ประโยชน์ของโกโก้100เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ชงทำให้ประโยชน์ของโกโก้เย็นก็ยังมีอยู่ แต่ขึ้นกับปริมาณและวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนผสมด้วย เช่น โกโก้เย็นที่ชงด้วยนมสดแทนนมข้นหวาน โกโก้เย็นที่ผสมด้วยน้ำผึ้งแทนน้ำตาล เป็นต้น 

นอกจากชงโกโก้ให้อร่อยเป็นเครื่องดื่มแล้ว ผงโกโก้ยังเป็นที่นิยมในการนำไปเป็นวัตถุดิบหรือประกอบในเบเกอรี่และขนมต่างๆ ด้วยคุณภาพโกโก้แท้จากแอฟริกาทำให้ได้ขนมสีสวย รสชาติอร่อย และกลิ่นหอมเฉพาะตัว อีกทั้ง cocoa ประโยชน์ก็มากกว่าที่คิด ด้วยช่วงนี้อาจมีหลายๆคน work from home เราจึงมีสูตรเบเกอรี่เมนูช็อกโกแลตเค้กโดยเชฟฟิน มาฝากสำหรับผู้รักโกโก้ได้ลองทำทานเองที่บ้าน มาเริ่มกันเลย…

เมนูช็อกโกแลตเค้ก by เชฟฟิน 

ส่วนผสม Chocolate Cake 

  • ผงโกโก้ริชสีเข้ม                     3           ช้อนโต๊ะ  
  • แป้งเค้กร่อนแล้ว 1 ครั้ง           2            ถ้วย 
  • ผงฟู                                     ½           ช้อนชา
  • เกลือป่น                                1           ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา                           1 ½      ช้อนชา
  • เนยสดชนิดจืด                       ½           ถ้วย
  • น้ำตาลทรายป่น                     1  ⅔       ช้อนชา
  • ไข่ไก่                                     3           ฟอง
  • วานิลลา                                1           ช้อนชา
  • เนยสดชนิดจืด                       ⅔            ถ้วย 
  • เนยขาวสำหรับทาพิมพ์ 
  • พิมพ์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง  นิ้ว 
  • กระดาษไข 

ขั้นตอนการทำ

  • ผสมของแห้งเข้าด้วยกันก่อน โดยการเทแป้งเค้กที่ร่อนแล้ว1ครั้งลงในชามผสมตามด้วยเกลือป่น เบกกิ้งโซดา และผงฟู แล้วร่อนเพื่อให้ส่วนผสมเข้าด้วยกันแล้วนำไปพักไว้ก่อน
  • ผสมเนยกับน้ำตาลทรายละเอียดให้เข้าด้วยกันโดยการตักเนยใส่เครื่องตีแป้งเค้ก แล้วปั่นเนยในระดับความเร็วปานกลาง ใส่น้ำตาลทรายตามลงไประหว่างการตีเนย ใช้เวลาในการตีเนยให้ฟูประมาณ 56 นาที 
  • ระหว่างรอเครื่องตีเนย สามารถตอกไข่ใส่ชามแล้วตีไข่ในชามรอได้เลย
  • เมื่อเนยขึ้นฟูให้ใส่ผงโกโก้ทำเค้ก (แนะนำใช้ผงโกโก้แท้จากแอฟริกาจะให้เนื้อเค้กเนียนนุ่มและกลิ่นหอมน่ารับประทาน) ใช้ระดับความเร็วต่ำในการตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ตามด้วยไข่ไก่ วานิลลา และแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วและพักไว้ก่อนหน้านี้ โดยใช้สูตรแป้ง 3 ส่วน นม 2 ส่วน ค่อยๆเทใส่สลับกันไประหว่างแป้งและนม 
  • เมื่อเครื่องตีจนดูว่าเนียนดีแล้วก็นำมาตีมืออีกครั้งเพื่อให้เนื้อเนียนนุ่มยิ่งขึ้น เสร็จสิ้นจากการตีแป้งด้วยมือ ก็ทาเนยขาวหรือน้ำมันพืชลงก้นพิมพ์เค้กปิดทับด้วยกระดาษไขแล้วทาทับเนยขาวลงบนกระดาษไขอีกรอบ เทเนื้อเค้กลงไปในพิมพ์เพียงครึ่งแม่พิมพ์ เพื่อเหลือพื้นที่ให้เค้กได้พองฟู เคาะไล่อากาศเล็กน้อยแล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ180 องศา ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีแล้วนำออกจากเตาอบ เพียงเท่านี้ก็ได้เค้กช็อกโกแลตพร้อมเสิร์ฟ หรืออาจนำผงโกโก้โรยหน้าเค้กก่อนเสิร์ฟ

โกโก้คุณภาพดีคุ้มค่าต่อการลงทุนในการหาซื้อมาติดบ้านไว้ รวมไปถึงกิจการร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ หรือคาเฟ่ต่างๆ เพราะผงโกโก้ที่ทำได้ทั้งเมนูขนม เบเกอรี่ ของหวาน อาหาร และเครื่องดื่ม ต้องเป็นโกโก้ผงสรรพคุณที่ครบครัน ทั้งในเรื่องรส กลิ่น สีสัน มีประโยชน์ครบถ้วนด้วยสารอาหาร และไขมันโกโก้ตามมาตรฐาน ซึ่งไขมันโกโก้สูงประโยชน์ยิ่งสูงและราคาสูงตาม อย่าได้ดูว่าราคาแพงยิ่งดี แต่ให้ดูที่ปริมาณไขมันโกโก้แทน 

โกโก้มีประโยชน์หรือโทษอย่างไร

ในข้อสงสัยนี้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจได้ เพราะด้วยสรรพคุณของโกโก้แท้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพและการใช้งานได้หลากหลาย แต่นั่นต้องเป็นในปริมาณที่เหมาะสมตามที่มีงานวิจัยออกมาจากหลายๆสถาบันระดับโลกด้วยกัน และอย่างที่ทราบไปแล้วว่า ประโยชน์โกโก้แท้จริงคือการทานโกโก้ที่ไร้น้ำตาลและนมข้นหวานเป็นส่วนผสม แต่เนื่องจากขนมช็อกโกแลตหรือของหวานแปรรูปจากโกโก้ที่วางจำหน่ายทั่วไป มักมีส่วนผสมที่ว่ามานี้ในปริมาณมากเพื่อเพิ่มรสชาติ ดังนัันจึงควรระวังในการที่จะทานของกินเล่นเหล่านี้ เพราะหากทานมากไปอาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพนั่นเอง 

 

ประโยชน์ของโกโก้ต่อผิว

ข้อดีของโกโก้หรือcacao ประโยชน์ไม่ได้มีดีเพียงแค่ไว้ทานเท่านั้น แต่แพทย์หญิง Ava Shamban ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้กล่าวว่า โกโก้สรรพคุณมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังได้และยังใช้ในด้านความงามได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้โกโก้จึงมีบทบาทในผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม ไม่ว่าจะเป็นเวชสำอางค์ด้านผิวพรรณ เครื่องทำความสะอาดผม บำรุงเล็บ เครื่องแต่งหน้า เช่น ครีมบำรุงหน้า ลิปบำรุงฝีปาก รวมไปถึงทางด้านเวชภัณฑ์ยาทางการแพทย์  โกโก้ริชจึงมีสูตรโกโก้บำรุงผิวด้วยตัวเองง่ายๆที่บ้านมาฝากคุณสาวๆในบทความนี้ด้วย โดยสามารถนำผงโกโก้ชงดื่มประจำมาเป็นส่วนผสมในสูตรได้เลย 

3วิธีทำสวยด้วยผงโกโก้ 

  • มาส์กหน้า
  • อุ่นผงโกโก้ประมาณ 50 กรัมจนเป็นของเหลวแล้วตัก1ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะและไข่แดง 1 ฟองเข้าด้วยกัน พอกให้ทั่วผิวหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะพบว่าผิวหน้าเนียนนุ่มใสและยังรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นโกโก้ระหว่างบำรุงผิวอีกด้วย
  • นำผงโกโก้ 1ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะ ข้าวโอ๊ตป่น 1ช้อนชา และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้าด้วยกันแล้วพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก 
  • ขัดผิว 
  • ผสมผงโกโก้กับน้ำและเติมเกลือทะเล  2 ช้อนชาและใส่นมลงไป แล้วนำไปขัดผิว เกลือจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและโกโก้กับนมจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นนุ่มลื่น
  • บาล์มริมฝีปากนุ่ม
  • ผสมขี้ผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกันแล้วนำไปเข้าไมโครเวฟ 2 นาที จึงใส่ผงโกโก้ 1 ช้อนชาลงไปคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วตักใส่ตลับ พักไว้สัก1ชั่วโมงก็นำมาใช้เป็นลิปบาล์มได้เลย

จากบทความนี้จะเห็นได้ว่าโกโก้มีประโยชน์อย่างไรบ้างและสรรพคุณโกโก้มีมากมายที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกผงโกโก้แท้มีคุณภาพดี เป็นโกโก้ที่มี cocoa butter ประโยชน์สูง ตามมาตรฐานที่แพทย์แนะนำอย่างเช่นโกโก้ริช และเมื่อเรารู้ถึงประโยชน์ของโกโก้กันไปแล้ว ต้องการจะรู้ถึงวิธีการเลือกซื้อโกโก้ให้ได้คุณภาพดี ต้องดูจากอะไรบ้าง เราจะนำมาฝากกันในบทความต่อไป

และก่อนจะจากกันไปอย่าลืมว่าการจะได้ประโยชน์โกโก้ที่แท้จริงจากการทานโกโก้จะต้องไม่กระหน่ำด้วยน้ำตาลหรือนมที่เป็นสาเหตุให้อ้วนหรือโรคอื่นๆตามมาได้ และต้องควบคุมในการทานในปริมาณที่พอดี เพราะผงโกโก้ประโยชน์มากมายจริงแต่ทุกสิ่งย่อมมีทั้งคุณและโทษหากไม่ระมัดระวัง 

ปัจจุบันงานโครงสร้างเหล็กเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เราจะคุ้นชินกับงานปูน งานคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้างไม้ ส่วนงานโครงสร้างเหล็กล้วนๆเลยนั้นจะยังมีน้อยกว่าถ้าเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยยังหาผู้เชี่ยวชาญงานด้านโครงสร้างเหล็กได้น้อย ประกอบกับตัวเหล็กและวัสดุบางชนิดค่อนข้างมีราคาสูงกว่างานคอนกรีต แต่ด้วยยุคนี้ให้ความสำคัญในการสร้างความแปลกใหม่แต่มีเอกลักษณ์ และราคาเหล็กในตลาดโลกก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยน จึงได้เห็นในไทยมีการสร้างโรงงานขนาดเล็กด้วยงานโครงสร้างเหล็ก หรืองานโครงเหล็กหลังคา ไม่ว่าจะเป็นโครงเหล็กโกดัง โครงหลังคาโรงงาน โครงโกดัง โครงหลังคาโดม และอีกหลายรูปแบบในงานก่อสร้างมากขึ้น

 

การก่อสร้างแต่ละครั้งจะต้องอาศัยโครงสร้างเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพราะโครงสร้างต้องมีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักหลังคาและส่วนประกอบอื่นๆในอาคารได้อย่างเหมาะสม เรามาดูในเรื่องของโครงสร้างเหล็กที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การสร้างเป็นที่อยู่อาศัย โรงงานโครงสร้างเหล็ก ติดตั้งโครงเหล็กในการทําโกดังขนาดเล็ก-ใหญ่ เพื่อเป็นร้านค้า เพื่อสต็อกสินค้า หรือทำเป็นโกดังโรงสีก็ตาม 

 

งานโครงสร้างเหล็กภาษาอังกฤษคือ Steel Structure Work เป็นโครงสร้างเหล็กที่ทำจากเหล็ก ทำการเชื่อมต่อส่วนประกอบต่างๆเพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการรับน้ำหนักได้มาก ออกแบบและสร้างขึ้นให้เหมาะกับการใช้งานตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เนื่องจากเหล็กมีความแข็งแรง โครงสร้างมีความน่าเชื่อถือและต้องการวัตถุดิบน้อยกว่าโครงสร้างชนิดอื่น ใช้สำหรับโครงสร้างได้เกือบทุกประเภท สถานที่ต้องการพื้นที่กว้าง สูงโปร่ง อย่างโกดังหรือโถงใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน โครงหลังคาโกดังสำหรับทําโรงงานขนาดเล็ก โรงงานอุตสาหกรรมหนัก การสร้างโรงงานขนาดเล็ก โรงเก็บเครื่องบิน อาคารสนามบิน หลังคาลานจอดรถ 

ระบบนี้จะเป็นโครงสร้างที่สร้างได้รวดเร็วที่สุด ถ้าเทียบกับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก และโครงสร้างไม้ เพราะโครงสร้างเหล็กใช้ตัด เชื่อม และน็อตเท่านั้น ไม่ต้องไสให้เข้าที่เหมือนกับงานไม้หรือต้องรอให้งานแข็งตัวถึง 30 วันแบบคอนกรีต ซึ่งการทำโครงหลังคาเหล็กจะติดตั้งหน้างานทั้งหมดและต้องมีการทาสีกันสนิมให้ทั่วทุกด้านของผิวเหล็กก่อนทำการติดตั้งและเชื่อมเหล็ก จึงต้องอาศัยทีมช่างมืออาชีพไม่ว่าจะเป็น วิศวกร สถาปนิก ช่างเหล็ก และผู้มีประสบการณ์สูงในงานโครงสร้างเหล็ก

    เพราะต้องตรวจสอบตั้งแต่โครงสร้างเหล็กรูปพรรณต่างๆไปใช้งานอย่างถูกต้อง การเตรียมแบบโครงหลังคาสร้างโกดังหรืองานก่อสร้างต่างๆ อย่างเช่น ทําโครงเหล็กหลังคา โครงหลังคาโดมแบบอาคารอเนกประสงค์ หลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ การประกอบชิ้นงานเหล็กให้ได้มาตรฐานงานก่อสร้าง และการติดตั้งชิ้นงานเหล็กกับโครงงานอื่นๆ จะต้องมีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและสถานที่ มีความแข็งแรงทนทาน กลมกลืนสอดคล้องกับวัตุประสงค์ที่ต้องการใช้งาน เหมาะสมกับงบประมาณ โดยชิ้นงานเหล็กทุกชิ้นจะต้องมีการแปรรูปเรียบร้อยที่โรงงานด้วยเครื่องมือไม่ว่าจะเป็นงานเหล็กรีดร้อน ดัด ตัด เจาะ เชื่อม พ่นสี ชุบกัลวาไนซ์ ก่อนจะนำไปติดตั้งหน้างานด้วยระบบ Bolted Connection ทำให้ก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ เป็นไปตามแบบที่ลูกค้าต้องการ 

 

    สำหรับการรับสร้างโรงงาน รับสร้างโรงงานขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้รับเหมางานโครงสร้างต้องคำนึงถึงคือการเลือกรูปแบบโครงสร้างเหล็ก และด้วยปัจจัยประกอบอื่นๆ เช่น ขนาดความสูงและความกว้างของโกดังโรงงานที่จะสร้าง โดยองค์ประกอบของโครงสร้างหลักมีโครงสร้างเสาและโครงหลังคาเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบทางวิศวกรรม ซึ่งต้องมีการคำนวณโครงสร้างเหล็กทั้งในเรื่องรูปแบบและการรับน้ำหนักของอาคาร หลังจากนั้นจึงนำไปออกแบบฐานรากเป็นลำดับต่อไป 

   

    ประเภทของงานโครงสร้างหลัก ได้แก่ โครงสร้างโครงถัก โครงสร้างอาคาร โครงสร้างตาราง โครงสร้างลักษณะโค้ง โครงสร้างคอนกรีตอัดแรง คานสะพาน สะพานโครงถัก สะพานโค้ง สะพานขึง และ สะพานแขวน แต่เราไปดูโครงสร้างเหล็กที่นิยมสร้างในประเทศไทย 

งานโครงสร้างเหล็กที่นิยมสร้างในประเทศไทย

โครงสร้างเหล็กที่นิยมมากในไทยคือโครงสร้างโกดัง โรงงานอุตสาหกรรม โครงสร้างหลังคา และคลังสินค้า เพราะโครงสร้างประเภทนี้ต้องการความกว้างของช่วงระหว่างเสาสร้างได้รวดเร็ว ขยับขยายเปลี่ยนแปลงและรื้อถอนได้ง่าย งานสถาปัตยกรรมที่นิยมใช้ระบบโครงสร้างเหล็กในไทยได้แก่ โครงสร้างเหล็กหลังคา โครงสร้างเหล็กโกดัง

โครงสร้างเหล็กโรงงาน 

 

1. โครงสร้างเหล็กหลังคา แบบโครงหลังคาที่นิยมส่วนใหญ่จะมีโครงหลังคาแบบถัก โครงหลังคาเหล็ก COLD FORM โครงหลังคาเหล็กกล่อง ซึ่งนำไปใช้ในงานเหล็กโครงสร้างหลังคา เช่น แบบโครงหลังคาโกดัง โครงหลังคาโดมอเนกประสงค์ โครงหลังคาคลุมลาน โครงหลังคาโรงงาน โครงหลังคาสถานีรถไฟ โครงหลังคาสนามกีฬา โครงหลังคาสำนักงาน แต่ที่ได้รับความนิยมมากจะเป็นโครงถักแบบโฮว์ยกระดับ เพราะเป็นโครงหลังคาช่วงยาว ไม่มีเสากลาง มีความยืดหยุ่นในการบิดขึ้นรูปได้หลากหลายและมีความเหนียว โดยเหล็กที่นิยมนำมาใช้ทำโครงสร้างเหล็กหลังคามีทั้งเหล็กรีดร้อนและเหล็กรีดเย็น เช่น เหล็ก H-BEAM , I-BEAM  เหล็กกล่อง และ เหล็กกลมมาใช้ในงานโครงสร้าง

 

2.โครงสร้างเหล็กโกดัง ในประเทศไทยมีโกดังมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโกดังเก็บสินค้า โกดังโรงสี โกดังเก็บรถ โกดังเก็บเครื่องบินเล็ก โกดังคัดผลไม้ โกดังร้านค้า ซึ่งโครงสร้างเหล็กให้เหมาะกับโกดังจะมีดังต่อไปนี้

 

  • โกดังขนาดใหญ่ จะเหมาะกับโครงสร้างเหล็กแบบ HW-H ใช้เสาและโครงหลังคาโกดังด้วยเหล็ก I-BEAM ที่จะให้ความกว้างแบบไม่มีเสากลางและเน้นความสวยงาม  
  • การสร้างโกดังขนาดกลาง จะเหมาะกับโครงสร้างเหล็กแบบ HW-C มักจะใช้เสาและโครงหลังคาแบบเหล็กถัก โครงหลังคาโกดังโคลด์ฟอร์ม 

 

  • การสร้างโกดังขนาดเล็กจะนิยมใช้เหล็กกล่องมากที่สุด เพราะราคาประหยัด แต่มีความแข็งแรงทนทาน โดยใช้โครงสร้างเหล็กแบบ HW-C

 

3.โครงสร้างเหล็กโรงงาน โรงงานหลายๆแห่งเริ่มนิยมสร้างด้วยงานโครงสร้างเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นการทำโรงงานขนาดเล็ก โรงงานเสื้อผ้า โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย โรงงานผลิตเจลอนามัย เพราะใช้เวลารวดเร็ว ขั้นตอนก็ไม่มากเท่างานคอนกรีต เพียงลง Plate J-Bolt แล้วลงติดตั้งเสา คานรัดรอบ ต่อมาก็เข้าผนัง โครงหลังคา ติดแผ่นหลังคา และอาจมีฉนวนกันความร้อนในบางโรงงานที่ต้องการ ด้วยการที่ระบบโครงสร้างเหล็กสามารถวางระยะเสาได้ห่างโดยไม่ต้องมีเสากลาง ทำให้มีพื้นที่กว้างและเหลือระยะความสูงจากพื้นดิน ทำให้มีความโปร่ง ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับสถานที่ต้องการใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเช่นโรงงานนั่นเอง ทำให้โครงสร้างเหล็กเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด โดยเหล็กที่นิยมใช้ในการสร้างโรงงานก็จะเป็นเหล็กรูปพรรณรีดร้อนและรีดเย็นเช่นเดียวกับการสร้างโกดังโครงเหล็ก ส่วนในรายละเอียดสามารถปรึกษาและสอบถามกับสถาปนิกหรือวิศวกรที่ชำนาญงานโครงสร้างเหล็ก

เหล็กที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมหรืองานก่อสร้างมีกี่ประเภท?  

เหล็กที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมหรือการก่อสร้างจะแบ่งได้หลักๆออกเป็น 2 ประเภท คือ เหล็กเสริมและเหล็กรูปพรรณ ซึ่งเหล็กเสริมจะเป็นเหล็กที่ใช้ในงานคอนกรีต โดยเสริมในเนื้อคอนกรีตเพื่อให้มีความแข็งแรงทนต่อแรงอัดและแรงดึงได้ดี ชนิดของเหล็กต่างๆที่อยู่ในประเภทของเหล็กเสริม ได้แก่ เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้นกลม เหล็กกล้าตีเกลียว เหล็กรีดซ้ำ และเหล็กกล้าแรงดึงสูง 

 

ส่วนเหล็กรูปพรรณ คือเหล็กที่ผลิตออกมาให้มีหน้าตัดและรูปทรงต่างๆ ทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในงานโครงสร้างได้เป็นอย่างดี โดยแบ่งออกเป็น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และ เหล็กรูปพรรณรีดเย็น  

 

1.เหล็กรูปพรรณรีดร้อน คือเหล็กที่ผลิตจากการหลอมเศษเหล็กด้วยเตาไฟฟ้าด้วยอุณหภูมิสูงถึง 1,600 องศาเซลเซียส แล้วถูกทำให้แข็งด้วยการหล่ออย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความหนา และตัดด้วยเครื่องตัดเพื่อให้ได้ขนาดเหมาะสมก่อนนำเข้าเตาอบเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีดเหล็กในอุณหภูมิตั้งแต่ 1,200 องศาเซลเซียส โดยระหว่างที่ทำการรีดเหล็กจะมีการพ่นน้ำแรงดันสูงไปที่ผิวเหล็กเพื่อขจัดสนิม และนำเหล็กไปผ่านน้ำหล่อเย็นก่อนทำการตัดให้ได้ตามขนาด และเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่ใช้ในงานก่อสร้าง ได้แก่ เหล็กไอบีม เหล็กเอชบีม เหล็กสี่เหลี่ยมตัน เหล็กรางน้ำ และเหล็กฉาก 

 

1.1 เหล็กไอบีม (I-Beam) เป็นเหล็กที่ถ้ามองด้านหน้าจะดูคล้ายกับตัวอักษรตัว I (ไอ) ประกอบด้วยปีกบน-ปีกล่าง (Flanges) และเอว (Web) ที่เป็นแกนตรงกลางและจะกว้างว่าปีกบนกับปีกล่าง ทำให้เหล็กไอบีมมีความแข็งแรงมากในการรับแรงกด แรงกระแทกได้ดี และมีความหนามากกว่าเหล็กชนิดอื่นๆ มักจะนำไปทำเป็น เสาและคานในงานโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ เหมาะกับงานโครงสร้างใหญ่ๆ เช่น โครงหลังคาโกดังขนาดใหญ่ หลังคาไร้โครงสร้าง หลังคาไร้โครง โครงหลังคาคลุมลาน

 

1.2 เหล็กเอชบีม (H-Beam) เป็นเหล็กที่ตัดขวางคล้ายตัว H โดยปีกบนปีกล่างเป็นแผ่นตรงราบเรียบ แต่มีความหนามากกว่าแกนตรงกลางเล็กน้อย สามารถต้านการดัดโค้งและการบิดได้ดี จึงนิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้าง เช่น เสา คาน ตงพื้น เป็นชิ้นส่วนของเสา โครง หลังคาโดย ใช้แทนคานหรือเสาคอนกรีต ใช้ในงานที่หลากหลาย ทั้งเป็นส่วนประกอบโครงถัก โครงสร้างหลังคาขนาดใหญ่ โครงสร้างอาคาร โครงสร้างโรงงาน โครงสร้างโกดังขนาดต่างๆ โรงจอดเครื่องบิน เป็นต้น  

 

1.3 เหล็กสี่เหลี่ยมตัน เป็นเหล็กที่ตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตันทั้งเส้น ผิวเรียบ มีขอบคม ขึ้นรูปด้วยการรีดร้อนอย่างต่อเนื่องทำให้ไร้รอยต่อ แข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี นิยมใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็กและงานตกแต่ง 

 

1.4 เหล็กรางน้ำ (Channel) เป็นเหล็กหน้าตัดเรียบ มองดูแล้วคล้ายตัว U (ยู) มีปีกบนและปีกล่างข้างละหนึ่งเท่านั้นโดยไม่มีจุดศูนย์กลาง ทำให้เหล็กรางน้ำไม่เหมาะกับการใช้ในงานโครงสร้างขนาดใหญ่ แต่จะถูกนำไปใช้ในโครงสร้างขนาดเล็ก  อย่าง คาน เสา โครงสร้างบันได โครงหลังคา งานสะพาน เป็นต้น

 

1.5 เหล็กฉาก เป็นเหล็กที่รูปฉากเหมือนอักษรตัว L (แอล) อีกส่วนประกอบสำคัญของงานโครงสร้างเหล็ก เหล็กฉากจะมีขาเท่ากันทั้งสองด้าน พื้นผิวเรียบ มีมุมฉากด้านนอก 90 องศา ยืดหยุ่นต่อการรับแรงดึง แรงบิด และแรงจากแผ่นดินไหวได้ดี นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างต่างๆ โครงสร้างอาคาร โครงหลังคาโรงงาน และอาจใช้ในการตกแต่งเพื่อความสวยงาม 

 

2.เหล็กรูปพรรณรีดเย็น คือเหล็กที่ขึ้นรูปด้วยเหล็กแผ่นแบบม้วนหรือเหล็กแผ่นชุบสังกะสี ทำการขจัดสนิมที่ผิวให้แตกก่อนด้วยเครื่องกำจัดสนิมก่อนจะนำไปตัดขอบให้เรียบ จากนั้นก็นำไปรีดเย็นเพื่อลดขนาดความหนาที่อุณหภูมิห้อง อาจนำไปอบอีกครั้งสลับกับผ่านการรีดเย็น จากนั้นพับแผ่นเหล็กให้มีหน้าตัดและรูปทรงตามต้องการ ซึ่งผิวจะแข็งต่อการกดสูงขึ้นแต่จะเหนียวน้อยลง ชนิดเหล็กรูปพรรณรีดเย็นที่ใช้ในงานก่อสร้าง ได้แก่ เหล็กตัวซี เหล็กกล่องเหลี่ยม เหล็กกล่องแบน เหล็กท่อกลมดำ เหล็กอาบสังกะสี และเหล็กฉากพับ ซึ่งบางชนิดที่กล่าวมานี้ สามารถผลิตด้วยกระบวนการรีดร้อนได้เช่นกัน 

 

2.1 เหล็กตัวซี (Light Lip Channel) เป็นเหล็กที่ตัดขวางเหมือนตัว C มีความแข็งแรงทนทานต่อการกัดกร่อน น้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก ขนาดกลาง โครงสร้างหลังคา เช่น โครงสร้างโกดังขนาดเล็ก หรือโรงงานขนาดเล็ก แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ  

 

2.2  เหล็กกล่องเหลี่ยม เป็นเหล็กที่ตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสข้างในกลวง มีมุมฉาก 90 องศา ผิวเรียบ น้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทนทาน นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็กและขนาดกลาง 

 

2.3 เหล็กกล่องแบน เป็นเหล็กที่ตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีข้างในกลวง มีคุณสมบัติเดียวกับเหล็กกล่องเหลี่ยม คือ น้ำหนักเบา ผิวเรียบ แข็งแรงทนทาน แต่นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก เช่น เสา โครงผนังเบา หลังคาขนาดเล็ก หน้าต่าง เป็นต้น 

 

2.4 เหล็กท่อกลมดำ เป็นเหล็กที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง ตัดขวางเป็นรูปกลม น้ำหนักเบา ทนทานต่อการรับแรงดันได้สูง และนำไปดัดโค้งให้กับงานโครงสร้างหลังคาให้สวยงามได้ ขนาดมาตรฐานคือยาว 6 เมตร นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น งานโครงสร้างหลังคาขนาดใหญ่ ส่วนประกอบโครงถัก เสาขนาดใหญ่ เป็นต้น

 

2.5 เหล็กชุบสังกะสีหรือเหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel Pipes) เป็นเหล็กตัดขวางรูปกลม บางคนเรียกว่าแป๊บน้ำ ทำมาจากเหล็กกล้าเหมือนท่อเหล็กดำแต่นำไปชุบกัลวาไนซ์อีกชั้นหนึ่ง มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการกัดกร่อนของสนิม และทนต่ออุณหภูมิสูง นิยมนำไปใช้ในงานระบบอาคารเป็นส่วนใหญ่ 

 

2.6  เหล็กฉากพับ เป็นเหล็กตัดขวางเหมือนอักษรตัว L (แอล) มีผิวเรียบเหมือนเหล็กฉาก แต่เหล็กฉากพับจะมีความโค้งมนทั้งด้านนอกและด้านใน ทำให้มีความยืดหยุ่นต่อการรับแรงดึงได้ดีกว่า นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก

ข้อดีของงานโครงสร้างเหล็ก

 

1.ประหยัด เพราะค่าใช้จ่ายในการผลิตไม่แพง ลงฐานรากน้อย วัสดุอุปกรณ์น้อยกว่างานระบบอื่น ทำให้ประหยัดทั้งค่าวัสดุและค่าแรงคนงาน อีกทั้งไม่ต้องดูแลมาก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานก่อสร้าง 

 

2.เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะรีไซเคิลได้เมื่อเลิกใช้งาน สามารถนำเหล็กไปใช้งานใหม่ได้เลย หรือจะหลอมขึ้นรูปใหม่ตามแบบ ช่วยลดปริมาณขยะจากไซต์ก่อสร้าง ต่างจากงานปูนเมื่อเลิกใช้งานต้องทุบทิ้ง เพิ่มขยะและมลภาวะ

 

3.รวดเร็ว ลดระยะเวลาการก่อสร้าง เพราะขั้นตอนการสร้างบ้านโครงเหล็กรวดเร็ว งานโครงเหล็กใช้เวลาก่อสร้างสั้น เพราะชิ้นส่วนในการใช้งานส่วนใหญ่ผลิตและประกอบจากโรงงานโครงสร้างเหล็ก เมื่อตั้งฐานรากเสร็จก็นำวัสดุมาติดตั้งและเชื่อมหน้างานได้เลย จึงใช้เวลาในการติดตั้งโครงเหล็กได้รวดเร็วกว่าก่อสร้างระบบอื่นๆ รวมไปถึงเมื่อเวลาจะรื้อถอนก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน 

 

4.คุณภาพชีวิต ฝุ่นละอองและเสียงรบกวนในระหว่างดำเนินงานน้อยกว่างานปูน ยิ่งแบบโครงหลังคาโกดัง วัสดุที่ใช้จะเป็นเหล็กทั้งหมด และด้วยการติดตั้งใช้เวลาสั้น ทำให้มีฝุ่นละอองรบกวนน้อยมากๆ นับได้ว่าเป็นมิตรต่อสุขภาพ

 

5.อิสระในการออกแบบ สามารถออกแบบรูปทรงในการใช้งานได้อย่างอิสระ ด้วยคุณสมบัติความยืดหยุ่น เพราะโครงและคานรับน้ำหนักสามารถทำเป็นถักหรือดัดโค้งได้ ยื่นช่วงระยะโครงได้ไกลตามที่คำนวณโครงสร้างเหล็กไว้ ทำให้รองรับทรงหลังคาได้หลายรูปแบบ ทำให้เพิ่มความสวยงามให้กับโรงงานหรือสถานที่มากขึ้น

 

6.ใช้ประโยชน์พื้นที่ได้มากขึ้น เพราะงานเหล็กโครงสร้างเว้นช่วงระยะเสาได้กว้างขึ้น จึงเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น แลดูโปร่ง โล่ง กว้าง และระบายอากาศได้ดี สามารถทำเป็นโถงหรือโกดังขนาดใหญ่ได้ และไร้สิ่งกีดขวางบดบังทัศนียภาพ 

 

7.แข็งแรงทนทาน ก่อสร้างแบบโครงเหล็กหลังคามีความแข็งแรงมากทั้งแรงดึงและแรงอัดมากกว่าคอนกรีต มีกำลังความเหนียวสูงกว่าโครงสร้างคอนกรีต ทั้งยังสามารถรับแรงสั่นสะเทือนและแผ่นดินไหวได้ดีกว่า 

 

8.มีน้ำหนักเบา โครงสร้างเหล็กจะมีน้ำหนักเบากว่าเมื่อเทียบกับโครงสร้างคอนกรีต และไม่ดูตัน ไม่มีเสากลางที่ทำให้ดูอึดอัดและกีดขวาง

ทำไมโครงสร้างเหล็กเป็นที่นิยมมากขึ้น

งานโครงสร้างเหล็กที่ดำเนินการเสร็จรวดเร็ว ใช้เวลาในการก่อสร้างสั้นกว่างานปูน ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลายมิติ ประกอบกับปัจจุบันนี้โครงสร้างเหล็กราคาไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน จึงได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบงานลักษณะโครงเหล็ก อาคารหรือบ้านที่ทำจากโครงเหล็กจะให้กลิ่นอาย ความเข้ม ดิบ เท่ เรียบง่าย เห็นเนื้อแท้ของวัสดุที่นำมาตกแต่ง มีเอกลักษณ์งานดีไซน์อย่างชัดเจน แต่แข็งแรงทนทาน เช่น สไตล์ Industrial , Loft , Tropical  และอีกหลายสไตล์ตามความชอบส่วนตัวของผู้อาศัยหรือวัตถุประสงค์ในการใช้งาน 

 

อีกทั้งยังเหมาะกับกรณีพื้นที่ก่อสร้างเข้าถึงยาก เพราะบ้านโครงสร้างเหล็กใช้วัสดุน้อยชิ้น สามารถขนส่งนำไปใช้ในการก่อสร้างหน้างานได้ เช่น พื้นที่แคบที่รถใหญ่เข้าไม่ได้ พื้นที่มีน้ำขัง พื้นที่บนภูเขาสูง นอกจากนี้ยังเหมาะกับอาคารเชิงพาณิชย์ ร้านค้า โรงงาน และธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการสร้างกำไรคืนทุนในเวลารวดเร็ว เนื่องจากการก่อสร้างร้านค้าจากโครงสร้างเหล็กเสร็จเร็วและสามารถดำเนินธุรกิจได้ทันที เพราะในเชิงธุรกิจการที่ยิ่งใช้เวลานานเท่าไรก็ยิ่งเสียผลประโยชน์และขาดทุน 

 

บางโรงงานต้องการจะเพิ่มพื้นที่การใช้งานบนดาดฟ้าโดยการทำโครงสร้างหลังคาเหล็ก เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดและต้องการใช้งานเร่งด่วน หรือต้องการใช้งานพื้นที่ด้านข้างโรงงาน ทำเป็นโกดังเพื่อเก็บสินค้า หรือทำเป็นโรงจอดรถ งานโครงสร้างเหล็กจึงเป็นการตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาไม่นานในการก่อสร้าง สามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ เพราะเน้นด้านคานโครงสร้าง โครงเสาและหลังคา นอกจากนี้หลังคาคลุมลานยังช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น โครงหลังคาคลุมลานโรงเรียน โครงหลังคาคลุมลานในโรงงาน โครงหลังคาขนาดใหญ่ตามปั๊มน้ำมันเพื่อจอดรถบรรทุก โครงหลังคาคลุมลานโกดังเก็บสินค้า เป็นต้น 

 

ทำโครงเหล็กเป็นโครงสร้างจะแข็งแรงไหม?

เหล็กที่นำมาใช้ในการทำเหล็กโครงสร้างจะมีส่วนผสมหลักคือ เหล็กและคาร์บอน โลหะผสม แมงกานีส และสารเคมีบางชนิด เพื่อให้มีความแข็งแรงทนทาน และขึ้นอยู่กับโครงสร้างเหล็กถูกสร้างด้วยการม้วนร้อนหรือม้วนเย็น รีดแผ่นหรืองอเข้าด้วยกัน ทำให้มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้มาก ให้ความยืดหยุ่น มีอายุใช้งานได้นาน และการที่โครงเหล็กทนรับแรงดึงได้เต็มกำลังอัด จึงเป็นที่นิยมในอาคารที่ต้องการรับแรงแผ่นดินไหวในหลายๆประเทศ แม้แต่สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมในประเทศไทยก็มีการก่อสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กมาอย่างยาวนาน เช่น สถานีรถไฟ หัวลำโพงที่เป็นอาคารออกแบบหลังคาโดมที่เป็นหลังคาทรงโค้งขนาดใหญ่ชนิดแบบหลังคาโครงเหล็ก โครงสร้างเหล็กสนามช้างอารีนา สะพานพุท สะพานซังฮี้ เป็นต้น  

 

การเทียบราคาโครงหลังคาเหล็ก งานโครงสร้างเหล็กราคาเท่าไร?

เมื่อออกแบบโครงสร้างและคำนวณโครงสร้างเหล็กเสร็จสิ้น ทางวิศวกรหรือผู้รับเหมาโครงสร้างเหล็กจะทำการประเมินราคา โดยการประมาณราคาโครงหลังคาเหล็กแต่ละงานจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เช่น ระยะทางที่ทีมงานต้องเดินทางไปทำการก่อสร้าง ค่าวิชาชีพ การเทียบราคาโครงหลังคาเหล็กต่อตารางเมตรของบริษัททำโครงสร้างเหล็ก การเหมาค่าแรงทําโครงหลังคาเหล็ก ราคาเหล็กราคาวัสดุที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การปรับพื้นที่หน้างาน การถมดิน การทำทางเข้า ขนาดของเสา อย่างการสร้างโกดังขนาดเล็กราคาก็ยังต่างกันได้ เพราะแม้จะเป็นการสร้างโกดังเหมือนกันแต่ใช้เสาและวัสดุรูปแบบโครงหลังคาเหล็กต่างกัน เป็นต้น 

 

งานโครงสร้างเหล็กสามารถสร้างได้หลากหลายประเภทในงานก่อสร้าง ซึ่งไม่จำกัดขนาดว่าจะต้องเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เท่านั้น เพราะสามารถปรับสร้างได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งานนั้นๆ เช่น สร้างโรงงานขนาดเล็กราคาตามงบประมาณเพื่อใช้ในการวิจัยวัคซีน โครงสร้างหลังคาชั้นดาดฟ้า หรือต้องการจะสร้างโกดังในพื้นที่จำกัด ก็สามารถสร้างได้ด้วยโครงสร้างเหล็ก ในการสร้างโรงงานราคาทั่วไปจะขึ้นกับราคาเหล็กที่มีการผันผวนตลอดเวลาด้วย ดังนั้นต้องทำการตรวจสอบหากจะทำการจัดสร้างงานโครงเหล็กและปรึกษากับวิศวกรหรือบริษัทรับทำโครงเหล็กก่อนได้ บริษัทอัคคภาคย์ แมน คอนสตรัคชั่น ยินดีให้คำปรึกษาและตรวจหน้างานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

 

เนื่องจากงานโครงเหล็กได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีบริษัททำโครงสร้างเหล็กที่รับทําโครงหลังคา รับสร้างโกดังขนาดเล็ก บ้าน ร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม อาคารและสำนักงาน รวมไปถึงการรับสร้างโรงงานขนาดเล็กและโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ด้วยโครงสร้างเหล็กเพิ่มมากขึ้น โดยการรับทำโครงสร้างเหล็กให้มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ต้องอาศัยช่างโครงหลังคาเหล็กที่ต้องเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรงอย่างวิศวกรและทีมช่างมืออาชีพในการดำเนินการ เพราะถ้าเราสังเกตหรือดูจากโครงสร้างๆต่างๆที่เรารู้จัก อย่างเช่น การขึ้นโครงเหล็กโรงงานอุตสาหกรรม ระบบติดตั้งโครงหลังคาโกดัง หรือแบบอาคารอเนกประสงค์โดม ล้วนแต่ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์สูง

 

จากผลตอบรับงานโครงสร้างที่ขยายวงกว้างมากขึ้นประกอบกับมีบริษัทรับเหมาโครงสร้างเหล็กเพิ่มขึ้นในประเทศไทย อาจทำให้มีการฉวยโอกาสในการลดสเปกของวัสดุเพื่อลดต้นทุน ทำให้ได้งานคุณภาพต่ำและเสี่ยงอันตรายจากอาคารทรุดและชำรุดได้ หรือผู้รับงานโครงสร้างเหล็กมีการทิ้งงาน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมองหาบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงงานขนาดเล็ก หรืองานโครงสร้างประเภทใดก็ตาม ควรระวังผู้รับเหมางานโครงสร้างเหล็กที่เสนอสร้างโกดังราคาต่ำผิดปกติเมื่อเทียบกับบริษัทรายอื่นที่อยู่ในคุณภาพระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพราะอาจเป็นราคาที่ไม่สามารถก่อสร้างได้ตามจริงของสเปกที่โฆษณาไว้ แต่ควรเลือกที่จะเข้าไปดูผลงานที่ผ่านมา เพื่อดูการเก็บรายละเอียดงานและคุณภาพของงาน อีกทั้งควรเข้าไปสัมผัสการทำงานของบริษัทเพื่อดูความเป็นมืออาชีพของทีมงาน  

 

เพราะความเชี่ยวชาญในงานโดยตรงและประสบการณ์ของทีมงานก่อสร้างทั้งหมดเป็นอีกสิ่งสำคัญ ตั้งแต่วิศวกร โฟร์แมน สถาปนิก ทีมช่าง เพราะถ้าประสบการณ์น้อยหรือไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ จะทำให้คุณเสียเวลาในการซ่อมแก้งานไม่จบ จนงบประมาณบานปลาย และยังเสี่ยงต่ออันตรายกับงานที่ไม่ได้คุณภาพ ดังนั้นการเลือกบริษัทรับทำโครงสร้างเหล็กที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในอันดับแรก จากนั้นก็จะเป็นวัสดุที่ได้มีการรับรองมาตรฐานคุณลักษณะเฉพาะของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ใช้ในงานโครงสร้างอาคาร บริษัทรับเหมาที่มีจรรยาบรรณและซื่อสัตย์ จะให้คำแนะนำและใช้วัสดุมีคุณภาพและมาตรฐานตรงสเปคตามที่ลูกค้าต้องการ  

 

โครงสร้างเหล็กนอกจากจะนิยมในการสร้างโครงโกดัง สร้างโรงงานอุตสาหกรรม โครงหลังคาลานอเนกประสงค์ โครงหลังคาคลุมลานล้างรถ แม้แต่หากคุณต้องการต่อเติมหลังคาลานจอดรถหน้าบ้านโดยงานโครงเหล็กหลังคา เพียงหาช่างผู้ชำนาญเชื่อมต่อหรือติดตั้งให้ไม่กี่วัน คุณก็จะได้พื้นที่ให้จอดรถเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องตากแดดตากฝนอีกต่อไป 

มีแนวโน้มว่าจะมีการสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กมากขึ้น โดยเฉพาะอาคารสูงหรือการสร้างอาคารโครงเหล็ก 2-3 ชั้น เพื่อทำเป็นโฮมออฟฟิศ สำนักงาน กิจการร้านค้า ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก งานโครงสร้างเหล็กก็สามารถบันดาลให้ได้ไม่ต่างจากงานคอนกรีต แต่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างที่สั้นกว่า ทำให้ระบบธุรกิจดำเนินต่อได้อย่างรวดเร็ว และอาคารโครงสร้างเหล็กยังให้ความแข็งแรง มั่นคง สวยงามมีสไตล์ ดังนั้นเมื่อไรที่คุณมองหาบริษัทรับเหมางานโครงสร้างเหล็กที่มีศักยภาพในการทำงานและทีมงานมืออาชีพ จะต้องติดต่อบริษัทที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานงานก่อสร้างเป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกใช้บริการ เพื่อจะได้ชิ้นงานที่สวย แข็งแรง และมีความปลอดภัย 

เชื่อว่าเจ้าของกิจการโรงแรม-รีสอร์ทและผู้ที่กำลังจะเปิดธุรกิจที่พักหรือสปา คงประสบปัญหาไม่น้อยกับการเลือกผ้าปูที่นอนสีขาวแบบโรงแรมและผ้าคลุมเตียงโรงแรมอย่างไรให้ได้มาตรฐาน เป็นผ้าปูเกรดโรงแรมคุณภาพสูงไว้บริการลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการบริการของทุกกิจการที่พัก บทความนี้เราจึงมีวิธีการเลือกผ้าปูที่นอนแบบโรงแรมมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้ทราบ

 

ชุดผ้าปูโรงแรมมีมาตรฐานดูจากอะไร

1.ชุดผ้าปูที่นอนโรงแรมนิยมใช้สีขาว

โรงแรมและรีสอร์ทส่วนใหญ่เลือกใช้ผ้าปูที่นอนโรงแรมสีขาว เพราะดูสะอาดตา mix & match ได้ทุกสไตล์การตกแต่งและเฟอร์นนิเจอร์อื่นๆ และยังแสดงถึงความสะอาด แต่ถ้าต้องการเพิ่มความหรูหราสำหรับผ้าปูโรงแรม5ดาวบางแห่งก็อาจเลือกใช้ผ้าปูที่นอนลายริ้วโรงแรมเพราะให้ประกายเงาดุจไหมสวยงาม

 

2.ชนิดของผ้าปูที่นอนโรงแรม

ผ้าปูที่นอนสีขาวโรงแรมจะมีหลายสเปคผ้าขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าดังนี้

  • ผ้าtc180t ผ้าผสมระหว่างใยฝ้ายและโพลีเอสเตอร์  เนื้อผ้าจะแข็ง ทนต่อการซักล้างสูง
  • ผ้าc220t เป็นผ้าCotton 100% ผ้าไม่หดหรือย้วยหลังผ่านกระบวนการซัก
  • ผ้าc250t ผ้าใยฝ้ายแท้ มีโครงสร้าง 250 เส้น เส้นทอเรียบ ซักแล้วไม่หด เนื้อผ้าเย็นสบาย ใช้นานแค่ไหนก็ไม่เป็นขุย 
  • ผ้าc300t เป็นผ้าคอตตอนที่มีโครงสร้าง 300 เส้น / ตารางนิ้ว เนื้อผ้าแน่น จึงมีอายุการใช้งานได้นาน 
  • ผ้า Soft tex 360t เป็นผ้าผสม Polyester ที่นิยมใช้มากขึ้นในปัจจุบัน

 

3.ประเภทผ้าปูที่นอนตามมาตรฐานโรงแรม 

ผ้าปูแบบโรงแรมที่นิยมใช้กันมี 2 แบบ ดังนี้ ผ้าปูที่นอนแบบรัดมุม (Cover) และ ผ้าปูที่นอนไม่รัดมุม (Flat Sheet) 

ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทนิยมใช้เป็นผ้าปูสีขาวโรงแรมเพราะเนื่องจากกฏหมายกำหนดไว้เป็นมาตรฐานสำหรับชุดผ้าปูที่นอนโรงแรมที่มีคุณภาพ และผ้าต้องทนต่อการซักอุตสาหกรรม ทนต่อน้ำยาซักผ้าขาว สามารถทนต่อการซักในน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส 

 

วิธีปูผ้าปูที่นอนแบบโรงแรม

นอกจากการเลือกผ้าปูที่นอนให้ได้มาตรฐานโรงแรมแล้ว การปูผ้าปูที่นอนให้ตึงก็เป็นอีกมาตรฐานหนึ่งที่ขึ้นชื่อของธุรกิจที่พักและโรงแรม เพราะทำให้รู้สึกถึงความเรียบร้อย สะอาด มั่นใจได้ถึงการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผืนใหม่ เพราะการปูที่นอนให้ตึงจะทำให้เห็นรอยได้ง่ายหากมีการใช้งาน ซึ่งการปูที่นอนแบบโรงแรมหลักๆเลยจะมี2แบบคือ การปูแบบผ้า3ผืนและการปูแบบดูเว่

 

1.วิธีปูผ้าปูที่นอนโรงแรมแบบผ้า3ผืน คือการปูผ้าแบบ3ชั้น ด้วยผ้าปูที่นอนแบบไม่รัดมุม โดยมีขั้นตอนดังนี้ 

 

  • ปูผ้าปูโรงแรมผืนล่างสุด ใช้ผ้าปูที่นอนไม่รัดมุม โดยเริ่มจากการคลี่และสบัดผ้าคลายออก จับส่วนปลายผ้าด้านหนึ่งแล้วโยนผ้าลงบนเตียงไปถึงหัวเตียง เน้นให้เส้นกลางรอยพับของผ้าอยู่กลางเตียง เพื่อให้ผ้าด้านซ้าย-ขวามีขนาดเท่ากัน แล้วสบัดผ้าคลี่ออกให้คลุมทั่วที่นอน ปล่อยปลายผ้าให้ได้สัดส่วนทั้งสี่มุม จากนั้นดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงทุกด้าน เก็บผ้ามุมหัวเตียงทำมุม 45 องศา หรือ 90 องศา ตามขนาดผ้าและเตียง แล้วสอดปลายผ้าเข้าใต้ที่นอน ทำวิธีเดียวกันกับผ้าปลายเตียงให้ครบทั้ง 4มุม และสอดปลายผ้ารอบเตียงที่เหลือเข้าใต้ที่นอนให้หมด 
  • ปูผ้าปูที่นอนโรงแรมผืนที่สอง (bed sheet) ให้ปูผ้าเอาด้านในขึ้นโดยหงายด้านตะเข็บขึ้น (เพราะผ้าด้านในจะมีความนุ่มลื่นกว่าด้านนอก จึงต้องปูให้ด้านที่นุ่มสัมผัสกับผิวเมื่อนอนบนเตียง) ให้ปลายผ้าปูที่นอนพอดีกับด้านบนของเตียงนอน ดึงผ้าให้เรียบตึง แต่ปล่อยปลายผ้าไว้โดยไม่ต้องสอดเข้าใต้เตียง เพราะผ้าผืนนี้ไว้สำหรับห่มกับผ้านวม 
  • ปูผ้านวม (blanket) ปูทับบนผ้าผืนที่สอง โดยให้วางห่างจากด้านบนเตียงประมาณ 15 เซ็นติเมตร แล้วปูผ้าผ้าปูเตียงโรงแรมผืนที่สามทับลงบนผ้านวม เหมือนการปูผ้าผืนที่สองแต่ให้คว่ำตะเข็บผ้าลง 
  • พับและตกแต่ง พับผ้าปูทั้งสองจากส่วนด้านบนเตียงนอนประมาณ 15 เซ็นติเมตรเข้าหาผ้านวมและพับอีกรอบ จากนั้นสอดทั้งผ้าปูและผ้านวมสอดเหน็บเข้าใต้ปลายเตียง และสอดปลายผ้าปูเหน็บเข้าใต้ที่นอนตามความยาวเตียง แล้วดึงไปทางหัวเตียงให้ขนานไปกับที่นอน และปิดท้ายด้วยการเหน็บมุมผ้าเข้ากับผ้านวมสอดเก็บเข้าไปในใต้ที่นอนด้วยกัน จากนั้นอาจตกแต่งด้วยผ้าคาดเตียง หรือหมอนอิงต่างๆ แล้วแต่ไอเดีย เพื่อให้ดูโมเดิร์น และน่านอนมากขึ้น 

 

2.วิธีปูเตียงโรงแรมแบบ Duvet วิธีการปูเตียงแบบดูเว่คือการปูเตียงโรงแรมแบบผ้านวม(ปลอกดูเว่-ไส้นวม) จะมีอุปกรณ์หลักสำคัญ 5 อย่าง ได้แก่ ผ้ารองกันเปื้อน ผ้าปูที่นอนสําหรับโรงแรม ปลอกหมอน ดูเว่ และ หมอน โดยมีขั้นตอนในการปูดังต่อไปนี้

  • นำผ้ารองกันเปื้อน(bed pad) ปูบนที่นอน โดยผ้ารองนี้จะมีสายรัด4มุม สามารถสอดสายรัดเข้าที่นอนได้เลย 
  • นำผ้าปูที่นอนปูคลุมทับผ้ารองกันเปื้อน ซึ่งการปูผ้าแบบดูเว่จะใช้ผ้าปูที่นอนเพียง 1 ผืนเท่านั้น โดยวิธีการปูผ้าปูที่นอนจะเหมือนกับการปูที่นอนแบบผ้า 3 ผืน 
  • ปูผ้าดูเว่ เริ่มจากการนำปลอกดูเว่มาพลิกเอาด้านในไว้ด้านนอก วางผ้าดูเว่กางไว้บนที่นอน แล้วนำไส้นวมมาวางบนปลอกผ้าดูเว่ ปกติไส้นวมจะมีโลโก้ ให้นำโลโก้ของไส้นวมวางไว้ด้านล่างคือปลายเตียง ที่ปลอกดูเว่และไส้นวมจะมีเชือกหัวมุม ให้มัดเชือกปลอกดูเว่กับไส้นวมให้ทั้งสองติดกันทุกด้าน มัดโดยการขมวดปมให้สะดวกตอนแกะนำไปซัก เมื่อมัดครบทุกจุดแล้วให้ทำการกลับผ้าดูเว่ เพื่อนำไส้นวมเก็บเข้าไปในปลอกและเอาปลอกด้านนอกที่เรากลับด้านไว้ตอนแรกออกมาสู่ข้างนอก สบัดดูเว่เพื่อเป็นการจัดไส้นวมและปลอกให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ปูลงบนผ้าปูที่นอนและเก็บปลายผ้าหัวเตียงและปลายเตียงสอดใต้เตียงด้วยวิธีเดียวกันกับปูผ้าปูที่นอน แต่ไม่ต้องเก็บผ้าด้านข้าง ปล่อยชายด้านข้างไว้ทั้งสองข้าง พับผ้าดูเว่ตรงหัวเตียงประมาณ 1 ฝ่ามือ พับทบลงมา 2 ทบ แล้วรีดให้เรียบให้ดูดี 
  • นำหมอนใส่ปลอกหมอน แล้วนำหมอนจัดวางบนหัวเตียง 

 

เคล็ดลับการปูผ้าที่นอนแบบโรงแรมคือการเก็บปลายผ้าหัวเตียงทั้งสองด้านก่อน แล้วมาดึงปลายผ้าปลายเตียงให้ผ้าปูที่นอนเรียบตึง โดยอาจใช้หัวเข่าดันที่นอนและใช้มือทั้งสองดึงปลายผ้า เมื่อผ้าตึงดีจนพอใจแล้วก็เก็บปลายผ้าเหน็บใต้เตียง หลังจากนั้นก็เก็บขอบผ้าด้านข้างซ้าย-ขวาที่เหลือ

วิธีเลือกโรงงานผลิตผ้าปูที่นอนมาตรฐานโรงแรม6ดาว

ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆจะต้องใช้ผ้าปูที่นอนจำนวนมากสำหรับห้องพัก จึงต้องสั่งซื้อหรือตัดกับโรงงานเย็บผ้าปูที่นอนเพื่อทำการขายส่งผ้าปูที่นอนโรงแรม และชุดผ้าปูที่นอนราคาโรงงานยังช่วยลดต้นทุนให้กับเจ้าของกิจการ โดยปัจจุบันโรงงานตัดเย็บผ้าปูที่นอนมีเยอะมาก และผ้าปูที่นอนราคาถูกจากโรงงานลายสวยงามก็มีให้เลือกทั่วไป การจะหาผ้าปูที่นอนราคาส่งจากโรงงานจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับผ้าปูที่นอนโรงแรม6ดาว จะต้องเลือกโรงงานทอผ้าปูที่นอนที่ได้มาตรฐานการผลิตเท่านั้นจึงจะได้สินค้าคุณภาพครบถ้วน ซึ่งการเลือกโรงงานผลิตผ้าปูที่นอนโรงแรมที่ได้มาตรฐานมีวิธีดังต่อไปนี้  

 

1.วัตถุดิบมีคุณภาพ เป็นผ้าที่มีการตัดเย็บปราณีตเรียบร้อย ดูสะอาด สวยงาม จำนวนเส้นในการทอยิ่งมากยิ่งดี ช่วยให้เนื้อผ้ามีความแน่นละเอียด ทนต่อการซักล้างทุกรูปแบบ ไม่เป็นขุยเป็นก้อนง่าย มีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อยๆ ดังนั้นการเลือกผ้าปูที่นอนราคาโรงงานที่ใช้วัตถุดิบเกรดเอในการผลิตเสมอ เป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาว  

 

2.สามารถผลิตผ้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งขนาดมาตรฐานของชุดที่นอนโรงแรม ผ้าปูเตียง3.5ฟุต ผ้าปูเตียง5ฟุต ผ้าปูเตียง6ฟุตหรือไซส์ใหญ่พิเศษ เช่น เตียงกลม เตียง4ฟุต เตียง7ฟุต เป็นต้น

 

3.มีสเปคผ้าให้เลือกหลากหลาย โรงงานผลิตผ้าปูที่นอนที่ได้มาตรฐานจะต้องมีชนิดผ้าให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลายแบบเพื่อตอบโจทย์ได้ทุกธุรกิจของลูกค้า  

 

4.กลุ่มลูกค้าและผลงาน โรงงานผ้าปูที่นอนโรงแรมขายส่งที่เชื่อถือได้และมีมาตรฐาน ควรมีลูกค้ากลุ่มหลักที่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว รีสอร์ท วิลล่า ธุรกิจสปา โรงพยาบาล และเครือข่ายธุรกิจห้องพักทั่วประเทศและต่างประเทศ

 

5.ชื่อเสียง บริษัทหรือโรงงานผลิตผ้าปูที่นอนเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้า เมื่อคุณทำการค้นหาแหล่งขายผ้าปูที่นอนโรงแรมคุณภาพ ก็สามารถค้นหาได้อย่างง่ายดาย แสดงว่าเป็นโรงงานที่มีคุณภาพ จนมีการโฆษณากันแบบปากต่อปาก ทำให้เป็นที่รู้จักกว้างขวาง 

 

6.การให้บริการ ให้คำแนะนำและข้อมูลกับลูกค้าตรงไปตรงมา เสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าเสมอให้บริการกับลูกค้าทุกระดับ มีบริการหลังการขายดีเยี่ยม รับผิดชอบและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าทันทีเมื่อลูกค้าเจอปัญหาเกี่ยวกับสินค้า เช่น เนื้อผ้าหรือสีไม่ตรงสเปค ได้รับสินค้าผิดขนาด มีความล่าช้าในการจัดส่ง ฯลฯ  

 

7.ประสานงานและติดต่อได้สะดวก มีบริการติดต่อได้ทุกช่องทางเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น  พร้อมทั้งสามารถติดตามงานได้ทุกขั้นตอน 

 

8.การจัดส่งรวดเร็ว สามารถจัดส่งได้รวดเร็วตามกำหนดและทันใช้งาน ต้องไม่ล่าช้าจนส่งผลให้ธุรกิจมีความเสียหาย 

ชุดเครื่องนอนที่ได้คุณภาพเป็นหัวใจสำคัญธุรกิจห้องพัก โรงแรม รีสอร์ท ดังนั้นไม่ควรเลือกซื้อเพียงเพราะผ้าปูที่นอนโรงแรมราคาถูกเท่านั้น แต่ต้องเลือกที่คุณภาพเนื้อผ้าและแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าคุณจะมองหาผ้าปูที่นอนโรงแรมเพื่อใช้ประกอบในธุรกิจหรือนำไปใช้ในด้านอื่นๆก็ตาม เพราะคุณภาพการนอนที่ดีคือการได้หลับลึกอย่างเต็มที่ เหมือนเป็นการชาร์จพลังงานให้ร่างกาย เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกสดชื่นและมีความพร้อมต่อการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อ UN เตือนภัยพิบัติรุนแรง โดยเฉพาะวิกฤตน้ำลามทั่วโลก  

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติ แจ้งเตือนทั่วโลกระวังวิกฤติน้ำรุนแรง และสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของโลก เพิ่มความเสี่ยงให้ภัยพิบัติรุนแรง ซึ่งจากสถิติพบว่า ภัยพิบัติจากน้ำเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่พ.ศ.2543 ได้เกิดอุทกภัยเพิ่มขึ้นถึง 134

 

ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาเรื่องการจัดการน้ำมาตลอด ปัญหาน้ำท่วม ระบายน้ำไม่ทันทุกครั้งที่มีมรสุมหรือช่วงฝนตกหนัก นอกจากปัญหาประสบภัยน้ำท่วมครอบคลุมหลายจังหวัดในแทบทุกภาคของไทย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกบางพื้นที่ขาดแคลนน้ำ เดือดร้อนการไม่มีน้ำกินน้ำใช้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ข้าวขาดน้ำยืนแห้งตาย ปลาหลายร้อยหลายพันตัวนอนตายบนพื้นดินที่แตกระแหง นี่เป็นเพราะการจัดการระบบน้ำของไทยที่ไม่มีคุณภาพ 

 

ทั้งที่บ้านเรามีการจัดการวางระบบรองรับน้ำได้อย่างสวยงามและรอบคอบมาตั้งแต่สมัยโบราณ ส่วนการสร้างเขื่อนเป็นการรับมาจากบ้านฝรั่งเขามาอีกที เราก็เห่อแต่คอยจะสร้างตามเขาจนทำลายด่านปราการของนิเวศธรรมชาติอย่างป่าไม้ไปแล้วเท่าไร อีกทั้งเราเคยมีเทวดาเดินดินที่ตรากตรำงานหนักเพื่อประชาชนคนไทย แนะนำและปูระบบการจัดการน้ำให้มีใช้ยามหน้าแล้ง และไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมเมื่อหน้ามรสุม แต่…ทุกอย่างไม่มีการสานต่อ กลับถูกเก็บเข้ากรุเหลือเพียงแค่รอยคำสอนจางๆที่คนไม่กี่รุ่นเท่านั้นเชิดชูและคนจำนวนหยิบมือที่เห็นค่าและลงมือทำ จนทำให้รอดพ้นเหตุเภทภัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าไทยเรามีระบบการจัดการในการรองรับระบบน้ำไว้ได้อย่างชาญฉลาดและมีความสวยงาม ดูได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและพื้นที่ชุมชนโคกกระทือ อ.ศรีสำโรง ในจังหวัดสุโขทัยที่ใช้ระบบโคกหนองนาโมเดลศาสตร์ของพระราชาได้รอดพ้นวิกฤตน้ำท่วมได้อย่างน่าทึ่ง ในขณะที่พื้นที่อื่นๆในสุโขทัยอ่วมหนักเพราะน้ำท่วมสูง บางพื้นที่ก็ท่วมสูงถึง 2 เมตรเลยทีเดียว 

 

โคกหนองนาโมเดล คือ การจัดการพื้นที่การเกษตรที่เป็นการผสมผสานทฤษีใหม่เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านในการจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดและให้สอดคล้องกับพื้นที่นั้นๆ ซึ่งใช้หลักการให้ธรรมชาติจัดการในตัวมันเองโดยมีมนุษย์จัดการให้เป็นระบบและยังเป็นแนวทางการเกษตรอินทรีย์และสร้างหลักชีวิตได้อย่างยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

 

1.โคก เป็นพื้นที่สูงที่นำดินได้จากการขุดหนองน้ำมาทำเป็นโคกเพื่ออยู่อาศัยโดยปรับให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และอากาศ ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ เช่น หมู ไก่ ทำแบบพออยู่พอกิน แล้วค่อยขยายเป็นระบบเครือข่าย 

 

2.หนองน้ำ ขุดหนอง “คลองไส้ไก่” โดยขุดให้คดเคี้ยวรอบบริเวณ เพื่อรองรับน้ำไว้ใช้และระบายน้ำเมื่อเกิดน้ำท่วมหรือที่เรียกว่า“หลุมขนมครก” และทำการเลี้ยงปลา รวมไปถึงทำฝายทดน้ำไว้รอบๆเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ซึ่งคลองไส้ไก่นี้นอกจากจะไว้เก็บกักน้ำไว้ใช้แล้ว ด้วยจากการที่เป็นหนองคดเคี้ยวรอบบริเวณพื้นที่ทำให้ช่วยประหยัดแรงในการรดน้ำ เพราะดินบริเวณรอบๆมีความอุดมสมบูรณ์จากหนองน้ำอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยๆ 

 

3.นา ยกคันนาให้สูงและกว้างเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วม ปรับฟื้นฟูดินเพื่อให้เกิดจุลินทรีย์ธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยและสารเคมีในการเกษตร ปลูกข้าวอินทรีย์ท้องถิ่น และปลูกพืชผักตามคันนาเป็นพืชอาหารที่ปลอดภัย ไว้เป็นอาหารได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง และสามารถเพิ่มปริมาณไว้แจกจ่ายหรือจำหน่ายสร้างรายได้ 

 

โคกหนองนาโมเดลนี้ถูกนำไปอบรมให้ความรู้และนำไปใช้จริงกับชาวเกษตรกรจังหวัดกำแพงเพชร 4 แปลง เพื่อเป็นแปลงต้นแบบเมื่อพ.ศ.2561 จากการร่วมมือกันระหว่างปตท.ศผ.(โตรงการเอส1) และกรมปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดกำแพงเพชร และเมื่อเห็นผลตอบรับดี ชาวบ้านในพื้นที่แปลงต้นแบบสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีน้ำกินน้ำใช้ ปตท.ศผ.จึงได้ขยายนำไปใช้ที่จังหวัดสุโขทัยในพ.ศ.2563 ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ครอบคลุมครึ่งประเทศ ณ เวลานี้ (พ.ศ.2564) จึงเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ศาสตร์แห่งพระราชา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร เป็นระบบจัดการน้ำได้ดีที่สุดอีกศาสตร์หนึ่ง

 

และอีกศาสตร์หนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นระบบการจัดการที่ดีที่สุดในโลกก็คือ จัดการน้ำแบบเนเธอร์แลนด์ เจ้าแห่งการควบคุมน้ำและไร้ปัญหาน้ำท่วมมา 68 ปี นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มหันตภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 1953 

Delta Works เป็นโครงการระบบบริหารจัดการน้ำและควบคุมผลกระทบจากอุทกภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนต์ ซึ่งมีหลายประเทศต้องการเรียนรู้จึงได้เดินทางไปศึกษาระบบที่เนเธอร์แลนด์และต้องการนำระบบนี้กลับไปปรับใช้ในประเทศของตน รวมถึงประเทศไทยที่ได้มีการไปศึกษาระบบเดลต้าที่เนเธอร์แลนด์เช่นกันแต่ยังไม่มีการนำมาใช้จนถึงตอนนี้ 

 

ทำไมเดลต้าเวิร์คส์ถึงถูกสร้างขึ้น?

Delta Works สร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำทะเลหนุนเข้าสู่ฝั่งพื้นดินจนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 31 ม.ค.ปี1953 เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตไปกว่า 2,000 คน และผู้คนนับหลายแสนคนต้องตกอยู่ในสภาพไร้ที่อยู่ฉับพลัน เพราะพื้นที่ร้อยละ 9 ของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศของเนเธอร์แลนด์กว่า 40% เป็นที่ราบลุ่มและต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และประเทศตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำไรน์ แม่น้ำเมิซ และ แม่น้ำสเกลต์ ที่เชื่อมติดกับทะเลเหนือ ทำให้เกิดวิกฤติการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เรียกขานเหตุการณ์นั้นว่า “North Sea Flood of 1953

 

วิกฤตมหัตภัยครั้งนั้นทำให้เนเธอร์แลนด์ต้องหาวิธีการป้องกันภัยระยะยาว โดยการสร้างระบบ Delta Works ขึ้นมาเพื่อรองรับและแก้ปัญหาการจัดการน้ำ โดยมีโครงการย่อยถึง16โครงการ ตั้งแต่การสร้างเขื่อน ประตูระบายน้ำ พนังกันน้ำ สถานีสูบน้ำ คันกั้นดิน กำแพงกั้นคลื่นทะเล ฯลฯ ทั้งแบบกั้นถาวรและที่สามารถเปิด-ปิดได้ จะกั้นตั้งแต่จากปากแม่น้ำจนมาถึงลำน้ำในประเทศเพื่อไม่ให้น้ำทะเลทะลักเข้าไปยังที่ลุ่ม โดยกลไกของคันกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำและกำแพงกันคลื่น ซึ่งกันน้ำทะเลออกจากแม่น้ำอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนสามารถนำน้ำจืดสะอาดในเขื่อนไปใช้ได้หลากหลายกิจกรรม โดยเฉพาะทางการเกษตร สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้มากมาย  

 

การทำงานของ Delta Works เป็นการกักเก็บน้ำในแม่น้ำทุกสายของเนเธอร์แลนด์ เป็นระบบที่เชื่อมต่อกันหมด เพื่อให้น้ำที่มาจากเยอรมนีไหลลงสู่ทะเล ซึ่งการทดสอบระบบส่วนใหญ่จะเน้นที่ระบบแม่น้ำตามแนวแม่น้ำสายหลัก และระบบ Delta Works นับว่าเป็นระบบการจัดการน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ศาสตร์การใช้น้ำของชาวดัตต์คือการปรับใช้ชีวิตร่วมกับน้ำให้ได้ เพราะเนเธอร์แปลว่าต่ำ เนเธอร์แลนด์จึงหมายถึงผืนแผ่นดินที่ต่ำ ทำให้มีความเสี่ยงในการถูกน้ำท่วมได้เสมอ ไม่ว่าจะจากน้ำทะเลหนุนหรือจากพายุซัดน้ำทะเลเข้ามา ทำให้รัฐบาลต้องหาวิธีการคอยรับมือและพัฒนาระบบอยู่เสมอเช่นกัน  

Delta Works ราคาเท่าไหร่?

Delta Works เป็นโครงการที่สานต่อมาจาก Delta Plan เป็นการพัฒนาโครงการเดิมให้มีระบบที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้น โดยโครงการนี้มีการใช้งบประมาณไปประมาณ 240,000 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคุณประโยชน์ต่อประชากรและประเทศแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่าอย่างที่สุด

 

ส่วนปริมาณน้ำจืดที่อาจจะมากเกินความจำเป็น จะมีการผันไปใช้ในพื้นที่ๆที่ต้องการใช้มากกว่าอย่างเช่นบริเวณทางเหนือของประเทศ อีกทั้งยังมีระบบจัดการน้ำดีและระบบบัดน้ำเสียได้อย่างดี  

ส่วนประตูระบายน้ำก็มีการทำงานที่น่าสนใจ โดยปกติจะมีการเปิด-ปิดช่วงเวลาเฉพาะคลื่นน้ำทะเลแรงและสูงเท่านั้น เพื่อให้ชาวประมงได้สามารถประกอบอาชีพดั้งเดิมได้ตามปกติ และถึงแม้ว่าระบบเดลต้านี้จะประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจนถูกยกเป็นต้นแบบในระบบริการจัดการน้ำและป้องกันน้ำท่วมได้ใหญ่ที่สุดในโลกจนมีหลายประเทศได้เดินทางมาศึกษางาน แต่ทางรัฐบาลก็เล็งเห็นว่าอาจยังไม่เพียงพอต่อการรับมือปัญหาระดับน้ำทะเลที่อาจจะสูงขึ้นในอนาคต จึงได้มองว่าจะต้องทำการพัฒนาระบบที่ใช้ปัจจุบันให้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก แต่ถ้าเทียบกับการช่วยป้องกันความเสียหายต่อชีวิตประชากรและทรัพย์สินในประเทศจากน้ำท่วม และคุณประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคตก็นับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง 

 

โครงการเดลต้าใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 47 ปี ถ้านับจากพ.ศ.2493 – พ.ศ.2540 นั่นเท่ากับว่าใช้งานระบบเดลต้ามาแล้ว 24 ปีด้วยกัน และเนื่องจากเป็นระบบบริหารจัดการน้ำที่ใหญ่และควบคุมผลกระทบจากอุทกภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก Delta Work จึงถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 7 ของโลกในปัจจุบัน

 

ถีงแม้ประเทศไทยจะไม่มีโครงการแบบ Delta Works แต่ที่จริงแล้วเรามีโครงการและทฤษฎีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายที่มีระบบใกล้เคียงโครงการย่อยของโครงการเดลต้า ทั้งการสร้างคันกั้นน้ำ การสร้างทางผันน้ำ การปรับปรุงตกแต่งสภาพลำน้ำ ไม่ว่าจะการเป็นการลอกท่อระบายน้ำ การกำจัดวัชพืชทางน้ำ เช่น ผักตบชวา การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง โครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายก หรือแม้แต่โครงการแก้มลิง ที่เกิดมาจากการสังเกตพฤติกรรมการกินของลิง ที่มักจะรีบอมกล้วยหรืออาหารไว้ตรงกระพุ้งแก้มทั้งสองทันที ก่อนจะค่อยเคี้ยวและกินในภายหลัง จึงเป็นที่มาการสร้างพื้นที่เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์และรอระบายลงสู่มหาสมุทร เหมือนเช่นกับการอมอาหารไว้ที่กระพุ้งแก้มของลิงนั่นเอง 

 

โครงการแก้มลิง 

ย้อนกลับไปเมื่อพ.ศ.2538 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ และต้องประสบปัญหากับน้ำท่วมเรื้อรังนานกว่า 2 เดือน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงมีพระราชดำริโครงการแก้มลิงขึ้น เมื่อวันที่ 18 พฤศจิการยน 2538 โดยการทรงให้หาสถานที่ในกรุงเทพฯ ตามจุดต่างๆ เพื่อรองรับการกักเก็บน้ำไว้รอระบาย เมื่อคลองสามารถระบายน้ำได้ก็ค่อยปล่อยน้ำที่กักเอาไว้ออกไป ช่วยลดปัญหาเรื่องน้ำท่วมได้ โครงการแก้มลิงนอกจากจะถูกสร้างเพื่อการระบายน้ำและลดปัญหาอุทกภัยให้กับกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงแล้ว ยังช่วยในการอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เพราะเมื่อระบายน้ำออกไป ปริมาณน้ำจะไปช่วยเจือจางและผลักดันน้ำเสียให้ออกไป เป็นการบำบัดน้ำเสียไปในคราวเดียวกัน 

วิธีการและประโยชน์ของโครงการแก้มลิง  

แก้มลิงจะเป็นการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนเพื่อให้น้ำไหลลงสู่คลองพักน้ำที่ชายทะเล เมื่อระดับน้ำในทะเลลดลงจนต่ำกว่าน้ำในคลอง น้ำในคลองก็จะไหลลงสู่ทะเลตามธรรมชาติ จากนั้นค่อยสูบน้ำออกจากคลองแก้มลิง เพื่อให้น้ำตอนบนค่อยไหลลงมาที่แก้มลิง ทำให้น้ำที่ท่วมบริเวณตอนบนนั้นลดลง และเมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในคลองก็จะทำปิดประตูระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับ เป็นการให้น้ำไหลทางเดียว และด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วยในการรุกล้ำของน้ำเค็ม ไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและแม่น้ำลำคลอง อีกทั้งโครงการแก้มลิงยังช่วยเก็บน้ำจืดไว้ด้านเหนือประตูระบายน้ำ ทำให้ประชาชนสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในการอุปโภคและบริโภคได้

 

ปัจจุบันโครงการแก้มลิงกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพกว่า 20 แห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งธนบุรี เนื่องจากมีคลองจำนวนมาก โดยจุดนี้จะเป็นส่วนที่ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะมีการแบ่งออกได้ 2 ส่วน ได้แก่ โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และ โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยานับตั้งแต่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และ สระบุรี โดยจะมีชายคลองทะเลของสมุทรปราการเป็นบ่อพักน้ำ และอาจมีจุดอื่นๆเพื่อใช้รองรับเพิ่มตามความเหมาะสม เช่น คลองด่าน คลองตำหรุ คลองบางปลา คลองชายทะเล เป็นแหล่งระบายน้ำเข้า-ออก จากบ่อพักน้ำ ส่วนแก้มลิงฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มตั้งแต่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครปฐม พระนครกรุงศรีอยุธยา และ อ่างทอง โดยใช้คลองมหาชัย คลองสนามชัย และแม่น้ำท่าจีน เป็นบ่อพักน้ำแล้วระบายน้ำลงสู่ทะเลด้านจังหวัดสมุทรสาคร และยังมีโครงการแก้มลิงทางแม่น้ำท่าจีนล่างที่ระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยอีกด้วย 

 

นอกจากนี้โครงการแก้มลิงยังมีอีกในหลายพื้นที่ตามต่างจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำและลดปัญหาเรื่องน้ำท่วม รวมไปถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ แสดงถึงความห่วงใยแก่พสกนิกรของพระองค์ ถึงแม้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระมหากรุณาธิคุณและภาพที่พระองค์ทรงทรงตรากตรำงานหนักเพื่อประชาชนชาวไทย จะยังคงสถิตอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศและน้อมรำลึกอยู่เสมอ แน่นอนว่าหากไม่มีใครคิดร้ายทำลายโครงการเหล่านี้ให้หายไป โครงการต่างๆของพระองค์จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศและลูกหลานไทยสืบไป 

 

ทั้งที่ไทยเราก็มีโครงการที่ดีขนาดนี้แต่ยังคงเกิดเหตุน้ำท่วมหนักจนสร้างความเดือดร้อนกันแทบทั้งประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความรุนแรงของธรรมชาติซึ่งก็ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาอย่างหนักแล้วว่าเกิดจากอะไร? ความไม่ใส่ใจในการเตรียมพร้อมของฝ่ายไหน..ทั้งที่ก็มีการแจ้งเตือนจากฝ่ายกรมอุตุฯและการติดตามสถานการณ์? ความประมาท? ความไม่มีวินัยของคนหรือไม่? ความเห็นแก่ตัวของนายทุนและคนบางกลุ่มหรือคนทั้งประเทศกันแน่? ความไม่ตระหนักและสืบสานสิ่งดีๆไว้? อย่าโยนความผิดให้ฝ่ายใดฝ่ายเดียว เพราะถ้ามีการให้ร่วมมือกันทุกฝ่าย ปัญหาหนักก็บรรเทา และถึงแม้ว่าผู้ที่มีอำนาจและพร้อมด้วยกำลังควรจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการใส่ใจและเร่งพัฒนาให้มากกว่านี้ก็ตาม…พ่อสร้างให้เรามามากแล้ว แต่เราเองหรือเปล่าที่หลงลืมและไม่ใส่ใจ  

 

เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยไปแล้วถึง 27จังหวัดและกำลังมุ่งหน้าสู่ปริมณฑลฯ และอาจต่อด้วยกรุงเทพฯ จากฤทธิ์ของพายุเตี้ยนหมู่ที่ทางประเทศจีนเรียกขนานนามให้ชื่อพายุลูกนี้ ซึ่งมีความหมายว่าเจ้าแม่แห่งสายฟ้า แม้ว่า ณ ตอนนี้อาจดูเหมือนว่าเจ้าแม่สายฟ้าจะเริ่มอ่อนกำลังลง แต่ก็ยังส่งผลให้น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง หลายร้อยพันบ้านเรือนต้องประสบกับความเสียหาย เดือดร้อนไปทั่ว เรื่องอุทกภัยเราคงจะห้ามไม่ได้ แต่สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่ที่น้ำยังมาไม่ถึงหรืออาจเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง สามารถป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ โดยการเตรียมตัวก่อนน้ำมาถึงพื้นที่ดังต่อไปนี้ 

1.ติดตามข่าวสารสถานการณ์และเฝ้าระวังภัย ติดตามความเป็นไปได้อย่างใกล้ชิด โดยลักษณะการเตือนภัยมี 4 ประเภท 

1.1 การเฝ้าระวังน้ำท่วม มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วม และอยู่ในระหว่างสังเกตการณ์ 

1.2 การเตือนภัยน้ำท่วม เตือนภัยจะเกิดน้ำท่วม 

1.3 การเตือนภัยน้ำท่วมรุนแรง 

1.4 ภาวะปกติ พื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หรือเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ 

 

ควรรู้หรือจดหมายเลขติดต่อหน่วยงานต่างๆไว้เผื่อกรณีต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งหมายเลขที่ควรรู้และมีไว้ 

 

สายด่วนควรรู้

  • 1669  บริการแพทย์ฉุกเฉินและจัดส่งโรงพยาบาล ศูนย์นเรนทร 
  • 1784  สายด่วนนิรภัย 
  • 192 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
  • 1111 กด 5  (ศปภ.) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สายด่วนรับแจ้งเตือนภัย 154 คู่สาย 24 ชั่วโมง 
  • 022485115 ขอความช่วยเหลือจากเหตุน้ำท่วม (พื้นที่กรุงเทพฯ) 
  • sms 4567892 ฟรี สำหรับมือถือทุกเครือข่าย แจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือเหตุน้ำท่วม 
  • 1182 กรมอุตุนิยมวิทยา 
  • 191 สายด่วน
  • 1193 กรมตำรวจทางหลวง
  • 1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1130 การไฟฟ้านครหลวง
  • 1323 กรมสุขภาพจิต 

หากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วม ให้จัดเตรียมแผนเพื่อรับมือดังต่อไปนี้…

  • เตรียมเสบียงอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรคให้มากที่สุด
  • จัดเตรียมกระเป๋ายังชีพฉุกเฉินให้เพียงพอต่อสมาชิกในบ้านอย่างน้อย 3 วีน
  • เตรียมชาร์จโทรศัพท์ให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลารวมถึงแบตสำรอง 
  • จัดเตรียมระบบไฟสำรอง เช่น ไฟฉาย เทียน ไฟแช็ค ถ่านไฟฉายให้พร้อม 
  • เก็บเอกสารสำคัญใส่ซองกันน้ำ
  • ควรมีนกหวีดติดตัวไว้เผื่อในกรณีต้องการความช่วยเหลือหรือเหตุฉุกเฉิน 
  • ใข้เทปกาวหรืออุปกรณ์ที่สามารถปิดช่องปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อต
  • ฝึกซ้อมหนีน้ำท่วม ต้องรู้เส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่โกลาหลหากเกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็ก สตรีมีครรภ์ ต้องเตรียมเส้นทางสำหรับเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 
  • แจกแจงหน้าที่ให้สมาชิกในบ้านดูแลแต่ละส่วน เมื่อเกิดน้ำไหลบ่ามาถึง
  • หาอุปกรณ์ป้องกันน้ำเข้าบ้าน เช่น การหาถุงทรายมาวางขวางกั้นกันน้ำเข้าบ้าน เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยวางกระสบทรายเป็นแนวทางน้ำไหล ให้ห่างจากที่พักอาศัยประมาณ 25 เมตร ให้ปากถุงหันไปทางบริเวณที่แห้ง 

2.สิ่งที่ควรทำเมื่อได้รับการเตือนภัยจากหน่วยงานด้านเตือนภัยน้ำท่วม 

  • หากคุณอยู่ในพื้นที่หุบเขาให้ปีนขึ้นที่สูงให้เร็วที่สุด อย่านำสัมภาระติดตัวมากเกินไป 
  • กรณีคุณอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง ให้ดำเนินการตามแผนรับมือน้ำท่วมที่ได้วางแผนไว้แล้ว 
  • ปิดกั้นช่องทางน้ำที่สามารถไหลเข้าบ้านได้ให้หมดทุกช่องทาง ทั้งห้องน้ำ โถสุขภัณฑ์ ท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจาน 
  • ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและแก๊สให้หมด ยกขึ้นไว้ที่สูง อย่าเข้าใกล้สายไฟฟ้าและเครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้าเด็ดขาด และตัดระบบไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าช็อตหรือไฟดูด 

3.สิ่งที่ควรทำระหว่างเกิดน้ำท่วม 

 กรณีอยู่นอกบ้าน

  • ไม่ควรเดินทางหรือขับรถตามเส้นทางน้ำไหล หรือพื้นที่ที่กำลังโดนน้ำท่วม
  • ห้ามเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟ 
  • ถอยหลังกลับไปยังทางเดิมทันทีหากรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้า 
  • สวมเสื้อผ้าที่กระชับ ทะมัดทะแมง และมีสีสว่าง 
  • เลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรง หรือควรสวมรองเท้าบูทหรืออุปกรณ์ป้องกันสิ่งสกปรกและอันตรายจากการลุยน้ำ 

กรณีอยู่ในบ้าน 

  • ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดและไม่ควรเข่าใกล้ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดอาจเกิดการช็อตได้แม้จะไม่ได้เสียบปลั๊ก ห้ามใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปียกน้ำ 
  • หากน้ำท่วมเข้าในบ้าน ก็ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุจากโคลน เศษแก้ว ขยะ ของมีคม ที่ลอยมากับน้ำ 
  • ระวังสัตว์มีพิษและอันตรายที่หนีน้ำเข้ามาหลบอยู่ในบ้าน 
  • ระวังแก๊สรั่ว หากได้กลิ่นแก๊สควรอยู่ให้ห่างๆและไม่ควรสูบบุหรี่ ใช้ไฟฉายส่องดูเพื่อตรวจสอบความเสียหาย 
  • หากต้องการใช้เตาย่างหรืออุปกรณ์ที่มีควันไฟ ควรใช้นอกบริเวณบ้าน เพราะควันที่เกิดจากอุปกรณ์เหล่านี้เป็นคาร์บอนมอนออกไซด์ที่มีพิษและไม่ควรใช้ในบ้าน 

 

4.วิธีรับมือหลังเกิดน้ำท่วม 

  • ดูแลสภาพจิตใจคนในครอบครัว แน่นอนว่าหลังจากอุทกภัยจะมีการสูญเสีย ดังนั้นควรดูแลสภาพจิตใจคนในครอบครัวและคนรอบข้าง พูดคุยให้กำลังใจเพื่อให้มีการปรับสภาพจิตใจให้ดีขึ้น ไม่ทำการต่อว่าหรือคาดหมายโทษกับเด็กๆและสัตว์เลี้ยงที่ไม่เชื่อฟัง เพราะไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือสัตว์ต่างๆ ก็มีการตระหนกตื่นกลัวได้เหมือนกันหมด 
  • ตรวจสภาพบ้านหาร่องรอยความเสียหาย ตรงไหนชำรุด มีรอยรั่ว จะได้ทำการซ่อมแซม ตรวจบริเวณรอบบ้านและในบ้านให้ทั่วถึงเผื่อมีสัตว์อันตรายเข้ามาหลบภัยหรือลอยมากับกระแสน้ำ จะได้ทำการเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการพาออกไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ 
  • เก็บกวาดและทำความสะอาดบ้าน โดยสามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวผสมน้ำสะอาดในสัดส่วน 1:9 (น้ำยาซักผ้าขาว : น้ำสะอาด) 

 

เห็นได้ว่าภัยธรรมชาตินั้นน่ากลัวกว่าที่คิดและเราก็หลีกหนีภัยธรรมชาติไม่ได้ ตราบใดที่ยังคงอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ จึงต้องมีการยอมรับและปรับตัวให้ได้ทุกสถานการณ์ แต่จะดีกว่า..หากเราหันมาใส่ใจและให้ความร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม ลดขยะที่ไม่จำเป็น ใช้ไฟฟ้าเท่าที่เหมาะสม ฯลฯ เชื่อว่าทุกคนรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพียงแค่หันกลับมาและลงมือทำอย่างจริงจังเสียที อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ หากมนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติไม่ได้ ธรรมชาติอาจกำจัดเราเหมือนที่เรากวาดขยะให้พ้นบ้านฉันใดก็ฉันนั้น 

 

“กินเจหนึ่งมื้อ หมื่นชีวิตรอด” เป็นคำคมกินเจที่อาจมีใครหลายคนคุ้นอยู่บ้าง อีกไม่กี่วันเทศกาลถือศีลกินเจมาถึงอีกแล้ว ซึ่งเทศกาลกินเจ 2564 ก็จะตรงกับวันกินเจที่ 614 ตุลาคม 2564 ผู้ที่ทานเจอยู่ประจำก็พร้อมเตรียมล้างท้องกินเจตั้งแต่วันที่ 5ตุลาคมกันตามปกติอย่างที่เคยทำมา รวมไปถึงผู้ที่ทานเจขาจรที่ทานบ้างตามสะดวก ซึ่งปกติกินเจจะคึกคักกันทุกปี แต่กินเจปีนี้จะค่อนข้างเงียบเหงาไปสักหน่อย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และอุทกภัยน้ำท่วมที่ครอบคลุมไปแล้ว30กว่าจังหวัด ทำให้เทศกาลกินเจปีนี้ไม่คึกคักเท่าเทศกาลกินเจ2563

 

การกินเจนี้มาจากการที่เชื่อว่า เป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีตทั้ง 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ โดยการที่ฆราวาสละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นเพื่อมาบำรุงบำเรอ มาเพิ่มเลือดเพิ่มเนื้อของตน และการสมาทานรักษาศีล รักษาและประพฤติตนให้สะอาดทั้งภายนอกและภายใน โดยนิยมสวมใส่ผ้าขาวเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ปฏิบัติตนให้ขาวสะอาดอยู่เสมอ แต่ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องสวมชุดขาวเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล 

 

เทศกาลกินเจเดือนไหน / กินเจกี่วัน

เทศกาลกินเจของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำถึง 9 ค่ำเดือน 9 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือน11 หรือเดือนตุลาคมของไทย รวมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน แต่บางคนกินล้างท้องล่วงหน้า 1 วันก็รวมเป็น 10 วัน 

 

ทำไมต้องล้างท้องก่อนกินเจ?

ล้างท้องก่อนกินเจคือการปรับสภาพกระเพาะและระบบย่อยอาหารให้คุ้นชินกับการกินเจให้ดียิ่งขึ้น โดยวันล้างท้องกินเจสามารถทำได้ก่อนกินเจวันแรก12 วัน 

เทศกาลกินเจคืออะไร ทำไมต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร?

“เจ” ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานจะหมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล8”  ที่นอกจากจะละเว้นการทานเนื้อสัตว์เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นแล้ว ยังละเว้นจากการทานอาหารหลังเที่ยงวันอีกด้วย รวมไปถึงการรักษาศีล ปฏิบัติดีทั้งทางกาย วาจา ใจ ให้ครบองค์3ตลอดระยะเวลาการทานเจ แต่ก็มีบางคนที่กินเจแต่ไม่ถือศีลด้วยหลายๆเหตุผล บางคนกินเจวันเกิด บางคนก็กินเจเพื่อสุขภาพ บางคนก็กินเจแก้บน แต่บางคนก็กินตามวัฒนธรรมกินเจอย่างเคร่งครัด 

 

กินเจได้สุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจคืออาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยล้างพิษในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย เสริมสร้างระบบภายในร่างกายให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยในความเชื่อของคนจีนเนื้อสัตว์คือหยิน ส่วนผักและผลไม้เป็นหยาง เนื่องจากส่วนใหญ่คนเราจะทานเนื้อสัตว์มากกว่าผักผลไม้ เทศกาลเจที่งดการทานเนื้อสัตว์ แต่เน้นการทานผักผลไม้ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการลดหยินที่มากเกินไป และเพิ่มหยางให้ร่างกายมากขึ้น ทำให้มีความสมดุลระหว่างหยิน-หยาง หรือในอีกมุมหนึ่งก็คือการทานผักผลไม้จะช่วยเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย และลดกรดที่มากเกินไปจากเนื้อสัตว์ ก็เป็นการปรับร่างกายให้สมดุลเช่นกัน แถมอาหารเจไม่อ้วนอีกด้วย คิดว่าข้อนี้น่าจะเป็นเหตุผลของสาวๆหลายคนในการทานเจ

 

กินเจเพื่อทำบุญและละเว้นกรรมที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ฆ่าหรือใช้ผู้อื่นฆ่า หรือแม้แต่เป็นผู้ซื้อจับจ่ายเนื้อสัตว์มาบริโภคในรูปแบบใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดรอนชีวิตสัตว์อื่นทั้งสิ้น ดังนั้นการงดเว้นเนื้อสัตว์จึงเป็นการช่วยชีวิตสัตว์ที่จะต้องถูกฆ่าไปได้อีกหลายพันหลายหมื่นชีวิตเลยทีเดียว และยังเป็นการละเว้นจากการสร้างกรรมให้ตนเองด้วยเช่นกัน 

หลักการกินเจ

  • กินเจห้ามกินผักกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ หัวหอมแดงและขาวรวมถึงต้นหอม(ไม่ดีต่อไต) กระเทียม(ไม่ดีต่อหัวใจ) กุ้ยช่าย(ไม่ดีต่อตับ) หลักเกียว(ไม่ดีต่อม้าม) ใบยาสูบ(ไม่ดีต่อปอดกรณีที่ใช้สูบ) และอาจรวมไปถึงผักที่มีกลิ่นฉุนอื่นๆ เช่น ผักชี พริกไทย เครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง
  • ห้ามกินเนื้อสัตว์ รวมไปถึงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ไข่ ไขมันและเลือด
  • อาหารเจต้องห้ามมีรสจัด ทั้งเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด เพราะอาหารรสจัดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆในร่างกายทำงานมากขึ้น จะทำให้ช่วงกินเจหิวบ่อยขึ้น ส่งผลต่อรบกวนระบบจิตใจไม่สงบและอาจทำให้การกินเจไม่ครบตามกำหนด
  • ห้ามกินนม เนย น้ำมัน ครีมเทียม และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ 
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดตลอดระยะเวลาที่ถือศีลกินเจ 9 วันน 
  • ห้ามกินอาหารที่คนปรุงไม่ได้ถือศีลกินเจ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่ถือศีลกินเจอย่างเคร่งครัดมักจะไปรวมตัวกันที่ศาลเจ้าต่างๆ หรือโรงทาน เพราะคนที่ปรุงหรือทำอาหารจะเป็นผู้ที่ถือศีลเช่นกัน 
  • แยกถ้วยชามและภาชนะที่ใส่อาหารออกจากถ้วยชามที่ใส่อาหารปกติหรืออาหารที่มีส่วนของเนื้อสัตว์ 
  • รักษาศีล5 หรือ ศีล8 รักษากาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น(ทางกาย) พูดจาสุภาพ ไม่นินทา ไม่พูดหยาบ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ(ทางวาจา) และไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น(ทางใจ)
  • ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง ตามสถานที่จัดเทศกาลกินเจอย่าง ศาลเจ้า โรงทานต่างๆ จะมีการจุดตะเกียง 9 ดวงไว้ตลอดวันคลอดคืน และห้ามในตะเกียงนั้นดับเด็ดขาดในช่วงถือศีลกินเจ 

กินเจอะไรได้บ้างและอาหารเจห้ามอะไรบ้าง?

  • กินเจกินไข่ได้ไหม? ไข่ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของสัตว์ สำหรับการกินเจจึงถือว่าไข่ก็เป็นอาหารที่ควรงดเช่นกัน รวมไปถึงอาหารและขนมที่มีไข่เป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะขนมพื้นเมือง ขนมเบเกอรี่ ขนมที่ทำมาจากไข่ทั้งสิ้น เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ขนมหม้อแกง ขนมไข่ ขนมเค้ก ขนมปัง ฯลฯ 
  • กินเจกินคอลลาเจนได้ไหม? คอลลาเจนจะสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก วัว หมู และสัตว์อื่นๆ จึงถือว่าคอลลาเจนก็เป็นส่วนหนึ่งในการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นด้วย 
  • กินเจกินหอยนางรมได้ไหม – กินเจกินซอสหอยนางรมได้ไหม? แม้บางตำราจะกล่าวว่าสามารถกินหอยนางรมได้ แต่หากจะรักษาศีลให้ครบถ้วนอย่างแท้จริงแล้ว การไม่ฆ่าสัตว์ การละเว้นจากเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะดีที่สุด 
  • กินเจกินพริกได้ไหม พริกไม่ได้เป็นข้อห้ามและสามารถทานได้ แต่สำหรับบางคนอาจงดเว้นจากการกินพริกด้วยเพราะอาจถือว่าเป็นผักกลิ่นฉุน
  • กินเจกินมาม่าได้ไหม? หากเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ ก็สามารถทานได้ปกติ 
  • กินเจกินขนมปังได้ไหม? ขนมปัง ขนมเบเกอรี่ต่างๆ หรือขมมกรุบกรอบทั่วไป มักจะที่ ไข่ นม ชีส ไขมันสัตว์เป็นส่วนปรกอบ แต่สามารถทานขนมปังเจได้ ซึ่งต้องระมัดระวังในการเลือกซื้อและรับประทานให้ดีๆ 
  • กินเจกินเนยได้ไหม? ไม่ว่าเนยหรือชีสจะผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แม้ว่าจะมีเนยเจจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน แต่ก็หาได้ยาก หากไม่มั่นใจและไม่อยากแตกเจโดยไม่ตั้งใจ ควรงดไปก่อนช่วงกินเจ 
  • กินเจกินผงชูรสได้ไหม? หากผงชูรสล้วนที่ทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลอ้อย (ผงชูรสผลึกสีขาวไม่มีการเติมกลิ่นหรือรสใดๆ) ก็สามารถใช้ปรุงอาหารได้ แต่ให้เลี่ยงเครื่องปรุงผงชูรสอื่นๆที่มีส่วนผสมจากสัตว์ เช่น ผงชูรสรสหมู ผงชูรสซุปไก่ เป็นต้น  
  • กินเจกินช็อกโกแลตได้ไหม? เนื่องจากช็อกโกแลตส่วนใหญ่จะมีนมเป็นส่วนประกอบ จึงควรเลี่ยงไปก่อน แต่สามารถทานดาร์กช็อกโกแลต100% ได้ 
  • กินเจผักชีกินได้ไหม? แม้ว่าผักชีจะไม่ได้อยู่ในข้อห้ามผัก 5 อย่าง แต่ก็เป็นผักที่มีกลิ่นฉุนอยู่ดี เลี่ยงไม่ทานเลยจะดีกว่า ไม่เพียงแค่ผักชี หลายๆคนที่กินเจก็เลี่ยงกินผักกลิ่นฉุนทุกชนิด ทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบกระเพรา โหระพา 

 

กินเจกินน้ําอะไรได้บ้างและคนกินเจดื่มน้ำอะไรไม่ได้บ้าง?

กินเจโอวัลตินกินได้ไหม กินเจกินชาเขียวได้ไหม กินเจกินน้ําเต้าหู้ได้ไหม กินเจกินไอติมได้ไหม กินเจกินโค้กได้ไหม กินเจกินเหล้าได้ไหม ฯลฯ … คำข้อสงสัยที่บางคนก็อาจยังไม่แน่ใจหรือรู้และงดแล้วแต่ยังเผลอไปกินผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจนทำให้เจแตกได้เช่นกัน 

 

  • กินเจกินน้ำผึ้งได้ไหม? แม้ว่าน้ำผึ้งจะไม่ได้มาจากผึ้งโดยตรง แต่น้ำผึ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของรังผึ้ง ผู้ที่รักษาศีลอย่างเคร่งครัดจะไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นในทุกรูปแบบ จึงไม่ควรดื่มน้ำผึ้ง สำหรับผู้ที่รักในการดื่มน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพหรือรักในรสชาติก็ตาม ควรงดน้ำผึ้งไปก่อนในช่วงระหว่างกินเจ แต่สำหรับผู้ที่กินเจตลอดชีวิตจะไม่ดื่มน้ำผึ้งเลย แม้ว่าน้ำผึ้งจะถูกขนานนามว่าเป็นยาอายุวัฒนะก็ตาม 
  • กินเจกินนมได้ไหม? ผู้ที่ถือศีลกินเจสามารถทานนมธัญพืชได้ เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ น้ำลูกเดือย แต่ให้งดนมวัว นมแพะ และอาหารบางชนิดที่มีส่วนผสมของนมวัวหรือนมแพะ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว ไอศกรีม เครื่องดื่มสำเร็จรูป จะทำให้เจแตกแบบไม่ได้ตั้งใจ 
  • กินเจกินกาแฟได้ไหม? ชา ชาเขียว กาแฟ โอวัลติน ไมโล ล้วนดื่มได้ ถ้าไม่ใส่นม เนย ครีมเทียมที่ทำมาจากไขมันสัตว์ทุกชนิด แต่สามารถใส่นมจากพืช หรือครีมเทียมจากถั่วเหลืองแทน และปัจจุบันก็มีครีมเทียมถั่วเหลืองก็เริ่มมีจำหน่ายและหาซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน หรือถ้าเป็นเครื่องดื่มแบบ 3 อิน 1 ก็ต้องดูที่ระบุว่า“เจ”และต้องอ่านส่วนผสมให้ดีๆ เพราะบางชนิดเขียนว่าเจ แต่ยังมีส่วนผสมจากไขมันสัตว์ติดมาด้วย 
  • กินเจกินน้ำผลไม้ได้ไหม? น้ำผลไม้สามารถดื่มได้ปกติ ยกเว้นน้ำผลไม้ปั่นหรือน้ำผลไม้แปรรูปบางชนิดที่อาจมีส่วนผสมของนม นมจืด หรือน้ำผึ้งลงไปด้วย ทางที่ดีควรดื่มน้ำผลไม้คั้นสดหรือซื้อผลไม้แล้วนำมาคั้นดื่มเองจะดีกว่า 
  • กินเจกินน้ําอัดลมได้ไหม? น้ำอัดลมไม่ได้เป็นข้อห้ามในอาหารกินเจ และไม่ได้มีส่วนผสมใดๆจากเนื้อสัตว์ มีเพียงน้ำตาลที่เป็นองค์ประกอบหลัก จึงดื่มได้ แต่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงหากต้องการรักษาสุขภาพ เพราะอย่างที่บอก 
  • กินเจกินเครื่องดื่มชูกำลังได้ไหม? ส่วนใหญ่เครื่องดื่มชูกำลังหลายๆยี่ห้อจะมีส่วนผสมของน้ำตาล คาเฟอีน เกลือแร่ และวิตามิน จึงสามารถดื่มได้ แต่ต้องระวังและอ่านส่วนประกอบให้ดี เพราะเครื่องดื่มชูกำลังบางชนิดมีโอเมก้า3 ซึ่งเป็นส่วนที่ทำมาจากสัตว์ (ปลา) ถ้ากลัวพลาดก็ควรงดเว้นไปก่อนในช่วงนี้ 
  • กินเจกินเบียร์ได้ไหม? ไม่ว่าจะเบียร์ เหล้า ไวน์ สปาย ค็อกเทล ล้วนเป็นเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น จึงควรงดเว้น

 

กินเจกับกินมังสวิรัติต่างกันยังไง?

การทานเจ (Vegan) จะเว้นจากเนื้อสัตว์และทุกชิ้นส่วนที่มาจากสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนม ไข่ ไขมัน หนัง เนื้อ ผักกลิ่นฉุน ในขณะที่การทานอาหารมังสวิรัติ จะสามารถทานผักได้ทุกชนิด รวมไปถึงไข่ และ นม ได้ แต่การกินมังสวิรัติจะมีหลายแบบด้วยกัน

  • มังสวิรัติ (Vegetarian) การกินผักทุกชนิดและงดเว้นเนื้อสัตว์ 
  • มังสวิรัติไข่ (Ovo Lacto Vegetatrian) งดเนื้อสัตว์ แต่กินไข่ นม และอาหารที่ผลิตจากไข่ 
  • มังสวิรัตินม (Lacto Vegetarian) กลุ่มกินอาหารมังฯ แต่ยังคงกินผลิตภัณฑ์จากนม อาจเรียกกลุ่มนี้ว่า Lactatian 
  • กึ่งมังสวิรัติ (Semi Vegetarian) หรือมังสวิรัติปลา เน้นการกินผัก แต่อาจมีกินปลาบ้างเป็นบางคราว 

 

ดังนั้นคนที่กินมังสวิรัติจะกินอาหารที่ทำจากไข่ นม และผักได้ทุกชนิด ในขณะที่การกินเจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่ไม่ว่าจะการทานเจหรือการทานมังสวิรัติ ก็จะมีหลักคล้ายกันตรงที่ทานเพื่อสุขภาพและเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ 

ประโยชน์ของการกินเจ

  • เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ เลือดจะมีการฟอกให้สะอาด ทำให้ไหลเวียนดี ไม่หนืดข้น เซลล์ในร่างกายไม่เสื่อมง่าย ช่วยให้ผิวพรรณแลดูผ่องใส นัยน์ตาไม่พร่ามัว สดชื่น รู้สึกร่างกายเบาสบาย ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพอนามัยดี 
  • สารอาหารจากพืชจะช่วยในระบบย่อยและขับถ่ายได้ดี ช่วยขับพิษและของเสียออกจากร่างกาย เป็นการดีท็อกซ์ด้วยธรรมชาติ 
  • ปรับสมดุลให้ร่างกาย เพราะการงดเนื้อสัตว์ก็เป็นการลดปริมาณกรดที่ได้จากการบริโภคเนื้อสัตว์ และเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย ทำให้ภายในร่างกายเกิดความสมดุล
  • ช่วยให้ระบบขับย่อยและอวัยวะภายในร่างกายได้พักจากการทำงานหนักที่ต้องย่อยอาหารย่อยยากอย่างเช่น เนื้อสัตว์ 
  • เป็นการลดน้ำหนักไปในตัวสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และต้องเป็นการทานอาหารที่ได้สารอาหารและมีประโยชน์ 
  • อาหารเจลดเสี่ยงจากโรคร้าย เพราะผักผลไม้จะมีใยอาหารสูงที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ลดคลอเลสเตอรอล ตรงข้ามกับเนื้อสัตว์ที่จะมีไขมันและคลอเลสเตอรอลสูง 

 

พิกัดกินเจปี 2564 

ถึงแม้ว่าเทศกาลเจ2564จะรุมเร้าไปด้วยโรคระบาดและอุทกภัย จนทำให้หลายพื้นที่ไม่สามารถจัดงานถือศีลกินเจได้เหมือนปีที่ผ่านๆมา ทำให้ต้องเปลี่ยนไปทำเองที่บ้าน แต่ก็ยังมีศาลเจ้า โรงเจ และโรงทานอีกหลายแห่งที่ประชาชนยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเรามีพิกัดที่กินเจ 2564 มาฝากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วม 

  • กรุงเทพมหานคร ปกติจะมีเทศกาลกินเจที่เยาวราชแต่เมื่อปีนี้งดเทศกาล แต่ประชาชนยังคงสามารถร่วมได้ที่ศาลเจ้า และโรงเจได้ทุกแห่งที่เปิดบริการ 
  • จันทบุรี เนื่องจากจังหวัดจันทบุรียังคงมีอัตราการแพร่ระบาดโรคโควิดสูง แต่ยังต้องการรักษาประเพณีเทศกาลกินเจของบ้วนเฮงเจตั๊ว วัดเขตร์นาบุญญาราม ซึ่งจะเป็นปีที่134 ในวันที่ 614 ตุลาคม ปี 2564 นี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ เฟซบุคเพจองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี 
  • จังหวัดราชบุรี กินเจแบบ New Normal ศาลเจ้าท่งเฮงตั๊ว จะมีการร่วมถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ 515 ตุลาคม 2564 แบบนิวนอร์มอล ตามมาตรการควบคุมโรคโควิด19 โดยจะมีการสวดพุทธบูชาวันละ 4 รอบ โดยพระสงฆ์จีนนิกายจากวัดเล่งเน่ยยี่ และศาลเจ้าของดการนอนค้างที่ศาล ยกเว้นเจ้าหน้าที่บางส่วน และงดการเปิดโรงทานจัดเลี้ยงอาหารเจ รวมไปถึงพิธีซิโกว 
  • จังหวัดสมุทรสาคร จัดอบรมจำหน่ายอาหารเจ โดยจะมีการจัดจำหน่ายอาหารเจในเทศกาลกินเจวันที่ 514 ตุลาคม 2564 บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร 
  • จังหวัดสงขลา จะมีการจัดเทศกาลกินเจในวันที่ 514 ตุลาคม 2564 ที่ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ 
  • จังหวัดตรัง ได้ทำการเชิญชวนร่วมงานเทศกาลถือศีลกินผัก วันที่ 514 ตุลาคม 2564 โดยจะงดพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้า งดพิธีง้อต่อกง มีการจำกัดจำนวนคนในการเข้าร่วม ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมงานทำการเข้าพักอาศัยที่โรงทาน ไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม งดงานมรสพทุกชนิด  
  • จังหวัดภูเก็ต งานเทศกาลถือศีลกินเจภูเก็ต 2564 หรือ Vegetarian Festival คือ วันที่ 614 ตุลาคม 2564 โดยในงานเทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต จะมีการแห่พระรอบเมืองหรือพิธีอิ้วเก้งด้วยรถยนต์ และอาจมีการปรับรูปแบบบางอย่าง เพื่อให้เข้ากับการควบคุมตามมาตรการโรคระบาด โดยประชาชนที่สนใจจะเข้าร่วมงานสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ เทศกาลกินเจภูเก็ต

แม้ว่าเทศกาลกินเจปีนี้จะไม่คึกคัก เงียบเหงา และมีข้อจำกัดมากมาย แต่ก็เพื่อไปตามมาตรการความปลอดภัยของทุกคน ซึ่งการกินเจเป็นการละเว้นบาป สร้างกุศล เสริมบารมีให้กับตน ดังนั้นเราสามารถกินเจได้ทุกที่ ทำกินเองได้ง่ายๆที่บ้าน หรือซื้ออาหารเจกลับไปอุ่นทานเองที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด ศาลเจ้า หรือโรงเจ เพียงแค่คิดดี พูดดี ทำดี และทำให้ได้อย่างเคร่งครัด เป็นการถือสัจจะไปในตัว เท่านี้ก็เป็นการถือศีลกินเจที่สมบูรณ์ทุกประการ