tt ads

แรงบันดาลใจของคนคิดบวกมาจากอะไรและมีอะไรบ้างนะ บทความนี้เราจะมาชวนคุณสำรวจตัวเอง ว่าเป็นฝั่ง positive person หรือ negative person กันน๊าา และมาดูถึงข้อดีในการสร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการเป็นคนคิดบวก (Positive thinking) กันเถอะ

 

Positive thinking คือ กระบวนการทางความคิดของบุคคล ซึ่งเป็นไปในแนวคิดเชิงบวก มองสิ่งต่างๆอย่างเข้าใจ และยอมรับความเป็นจริงได้ ทั้งในด้านลบและด้านบวก โดยการทำความเข้าใจ

สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นคนมีพลังบวกหรือเป็น Positive person ดูได้จากสิ่งที่พวกเขาทำกันดังนี้

  • Problem 

“ปัญหา”สำหรับคน positive คือบทเรียนที่มีค่า ก่อให้เกิดการเรียนรู้ เปรียบเสมือนเป็นบททดสอบที่ทำให้เราได้ฝึกวิธีการเผชิญปัญหา และการแก้ไข เมื่อผ่านพ้นปัญหาไปได้ บทเรียนเหล่านี้จะเป็นแนวทางสำหรับไว้ใช้ หรือนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาอื่นๆต่อไป ยิ่งถ้าเป็นปัญหาที่คล้ายกันหรือรูปแบบเดิม จะยิ่งทำให้เรารู้และมีวิธีการรับมือกับปัญหาได้อย่างรวดเร็ว พูดกันง่ายๆก็คือ เป็นการลับสมองและฝึกฝีมือ ยิ่งเจอปัญหาหรืออุปสรรคเท่าไร เมื่อผ่านพ้นไปได้ จะยิ่งเติบโตและมีความคิดอ่านที่รอบคอบ หรือมีแนวคิดที่ฉับไว และมีมุมมองอย่างผู้ใหญ่ที่รู้ทันเกมส์ หรือต่อให้เป็นปัญหาใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยเจอในชีวิต และยากกว่าเดิมหลายเท่า แต่คนคิดบวกจะไม่ให้ปัญหาหรืออุปสรรคเหล่านั้นมาเป็นกำแพงกั้นจนเหมือนชีวิตจบสิ้นทุกอย่าง แต่เลือกที่จะหาทางแก้ไข ด้วยการหาที่ปรึกษาหรือหลักในการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง จนกว่าจะหาทางก้าวข้ามผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้ในที่สุด 

  • Move on

จากข้อแรก เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรค positive person จะไม่ยอมเสียเวลาโทษตัวเองหรือคนใกล้ตัว และไม่ปล่อยให้อุปสรรคมาฉุดหรือเหนี่ยวรั้งตัวเองจมอยู่กับที่ และคิดแต่ในแง่ร้าย และวนเวียนอยู่แต่ในหลุมดำของปัญหาเหล่านั้น แต่คนมีพลังบวกจะคิดในแง่บวก สำหรับการมองหาหนทางแก้ไข และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

  • Change 

คนคิดบวกจะเชื่อว่าชีวิตคนเราจะไม่มีวันหยุดนิ่งอยู่กับที่หรือสิ่งเดิมๆได้ตลอด ไม่มีอะไรที่แน่นอน หรือภาษาธรรมเรียกว่า ไม่มีสิ่งใดจีรัง เมื่อเกิดขึ้นได้ ก็เปลี่ยนแปลงได้ ทุกข์จากปัญหาเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีทางแก้ปัญหาเพื่อการดับทุกข์นั้นได้ หรือการที่เราไม่รู้ ก็ศึกษาและเรียนรู้ได้ และแม้แต่การที่เรามองแง่ลบ เป็นคนคิดลบ (nagative person) แล้วอยากคิดบวก ก็สามารถเปลี่ยนได้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นอีกสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนพลังบวก 

  • Decide 

กล้าที่จะตัดสินใจ แม้จะยังไม่รู้ผลลัพธ์ เพราะเชื่อในส่วนดีที่จะเกิดขึ้นเสมอ เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี จึงเป็นธรรมดาที่ชีวิตจะต้องได้เจอทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี ทำให้กล้าตัดสินใจและมีมุมมองในแง่บวกเป็นบรรทัดฐาน

  • Be Kind

ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด positive person เลือกที่จะ “ใจดี” กับทุกคน แม้ว่าคนนั้นจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม เพราะพวกเขามีความเมตตาและพลังบวกเป็นพื้นฐานแห่งชีวิต หรือบางคนอาจจะเข้าข่ายในลักษณะของ “อยากได้สิ่งใด ก็ต้องให้สิ่งนั้นก่อน”

  • Be happy 

คนคิดบวกจะรู้ว่าสิ่งใดที่ควบคุมได้หรือไม่ได้ และเลือกที่จะอยู่อย่างมีความสุขโดยไม่ยึดติดความทุกข์ หาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และรู้วิธีสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตให้มีความสุขอย่างชาญฉลาด

  • Congratulations 

แม้จะไม่ใช่ความสำเร็จของตนเอง แต่คนคิดบวกก็พร้อมที่จะ “ยินดี” ให้กับคนรอบข้างที่ได้รับสิ่งดีๆเสมอ ถึงคนนั้นจะไม่ใช่ญาติมิตรก็ตาม เพราะพวกเขามักมีความคิดเหมือนกันที่ว่า สิ่งดีๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเกิดขึ้นกับใคร ก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสมอ 

ความเป็น Positive Thinking ในบุคคล 

  • มุมมองและแนวคิดบวก
  • มีความทุกข์น้อยลง 
  • มีความสุขมากขึ้น 
  • มีกำลังใจเสมอ สามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอกำลังใจจากใคร
  • มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต 
  • มีข้อคิดบวกที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้กับผู้อื่นได้
  • สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ด้วยตนเอง
  • เป็นบุคคลมีคุณภาพอย่างแท้จริง 

 

หากต้องการเปลี่ยนตัวเอง อยากเป็นคนคิดบวก เพราะความคิดบวกจะทำให้เราฝ่าฟันและผ่านอุปสรรคไปได้ อีกทั้งยังมีแรงดึงดูดให้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตได้อย่างไม่คาดคิด เรียกได้ว่าคิดบวกพลิกชีวิตสู่ความสำเร็จ ถ้าอย่างนั้นมาฝึกมองโลกในแง่ดีด้วยการปฏิบัติตามดังข้อต่อไปนี้กันเถอะ…

  วิธีคิดบวกมองโลกในแง่ดี

  • หาแรงบันดาลใจหรือต้นแบบ ที่เราเรียกันว่า“ไอดอล”เพื่อดูเป็นแบบอย่าง เรียนรู้ถึงแนวความคิดและการกระทำ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเองให้มากที่สุด หรืออาจเดินตามรอยต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการเป็นคนคิดบวก

 

  • ฝึกเป็นคนคิดบวกบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความเคยชิน จนกลายเป็นนิสัยในที่สุด และเมื่อเจอสถานการณ์จริง จะสามารถมีชีวิตคิดบวกยิ้มได้ทุกวัน โดยไม่ต้องพยายาม 

 

  • มองหาข้อดีของคนอื่นและข้อเสียของตนเอง เราจะไม่สามารถมีความคิดเชิงบวกได้ หากยังคงมองหาแต่ข้อเสียของคนอื่นอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครเก่งกว่าใครในทุกด้าน ซึ่งแต่ละคนจะมีข้อดีและความเก่งแตกต่างกันไป อย่ามัวแต่จับผิดข้อด้อยของผู้อื่น แต่ให้มองหาข้อเสียของตนเองและปรับปรุงแก้ไขจะดีกว่า 

 

  • รู้จักให้อภัยตนเองและผู้อื่น เพราะในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด เพียงแต่จะต้องจำเป็นบทเรียน คอยเตือนตนเองว่าอย่าได้ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก และต้องรู้จักที่จะให้อภัยตนเอง รวมไปถึงการให้อภัยผู้อื่น อย่าจมอยู่แต่ในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และเอาแต่โทษซ้ำๆ เพราะ “No one perfect” ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือแม้แต่ตัวเราเอง 

 

  • ต้องการเป็นคนคิดบวก ก็ต้องพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับคนคิดในแง่บวก หรือสังคมที่มองโลกในแง่บวกเสมอๆ และพยายามอยู่ให้ห่างไกลเพื่อนหรือคนที่มีความคิดลบ เพราะการคบคนเช่นไร ก็จะเป็นเช่นนั้น ดังสุภาษิตทางธรรมที่ว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” (เป็นข้อธรรมมงคลชีวิตข้อที่ 1 และข้อที่ 2) เมื่อไรที่เราอยู่ใกล้คนคิดลบ ก็จะรับรู้แต่ความเป็น nagative thinking ลองสังเกตคนสนิทที่เราคบด้วยมักจะมีลักษณะนิสัยหรือความชอบที่คล้ายกัน แต่ถ้าบุคคลที่มักจะมีความคิดเชิงลบนั้นเป็นญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน หรืออาจหลีกเลี่ยงได้ยาก ก็ยิ่งต้องพยายามใกล้ชิดกับคนที่มองบวกคิดบวกให้มากยิ่งขึ้น จะได้ซึมซับนิสัยคิดบวกให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง เมื่อต้องอยู่ท่ามกลาง nagative person 

 

  • ใช้กฏแรงดึงดูด ด้วยการจินตนาการว่าจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น เพราะเมื่อเรานึกคิดแต่สิ่งดีๆ การกระทำของคนเรามักจะเป็นไปตามความคิด เมื่อคิดถึงแต่สิ่งดีๆ ทำแต่เรื่องดีๆ ก็จะได้สิ่งดีๆเข้ามา เรียกว่าเป็นกฏแห่งการดึงดูด ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางไสยศาสตร์เลย

 

  • รับแต่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นบวก หรือสาระความรู้ที่มีประโยชน์ และช่วยเสริมปัญญา เพราะข้อมูลและข่าวสารส่วนใหญ่ จะค่อนข้างเป็นข่าวเชิงลบเสียมากกว่า ยิ่งข่าวที่เป็นกระแสหรือถูกพูดถึงกันมาก ยิ่งมักจะเป็นข้อมูลลบๆ หากติดตามหรือเสพมากเกินไป อาจทำให้เกิดความวิตกจริต เครียด และอาจเป็นโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นควรเลือกที่จะติดตามข้อมูลข่าวสาร ที่ผลักดันในการสร้างแรงบันดาลใจ หรือฟังธรรมะ ก่อให้เกิดปัญญา กระตุ้นให้พัฒนาตัวเอง หรืออ่านบทความดีๆ ช่วยให้เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และได้ความรู้เพิ่มขึ้น ย่อมจะมีความสุขในชีวิตที่คิดบวกมากกว่าแน่นอน

 

ทีนี้เรามาดูกันถึงประโยชน์ของการฝึกเป็นคนคิดบวกและการมองโลกในแง่ดี ว่ามีอะไรบ้าง จะได้มีแรงจูงใจในการอยากเป็นคนคิดบวกกันค่ะ

ประโยชน์ต่อสุขภาพจากการฝึกตัวเองให้คิดบวก

  • คิดบวกช่วยให้รับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น คอร์ติซอล (Cortisol) เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด ซึ่งถูกสร้างจากต่อมหมวกไต จะถูกหลั่งมากขึ้นเมื่อเกิดสภาวะความเครียด วิตกกังวล หรือเมื่อมีความเจ็บป่วยในร่างกาย จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่คิดบวกจะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลค่อนข้างเสถียร รับมือและตอบสนองกับความเครียด หรือเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดได้ดีกว่าคนคิดลบ เนื่องจากคนที่คิดในแง่ลบหรือมักจะมองโลกแง่ร้าย จะควบคุมระบบประสาทของตนเองได้ยาก เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มสูงชึ้น ทำให้รับมือและจัดการกับสภาวะเครียดไม่ได้ หรือได้ไม่ดีเท่ากับผู้ที่เป็น positive person 

 

  • คิดบวกช่วยต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาและทดสอบกลุ่มคนวัยกลางคน พบว่าคนที่มองโลกในแง่ดี หรือมักจะคิดบวกกับชีวิต มีแนวโน้มว่าจะมีสารแคโรทีนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านทานอนุมูลอิสระในร่างกายเข้มข้นสูงกว่าคนที่คิดลบประมาณ 3-13% 

 

  • คิดบวกช่วยต้านความเศร้า ในประเทศออสเตรเลียได้มีการศึกษาและประเมินการคิดบวกกับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-14 ปี ด้วยคำถามที่เกี่ยวกับปัญหาทางอารมณ์ การใช้สารเสพติด และพฤติกรรมต่อต้านการเข้าสังคม โดยใช้เวลาในการทำการศึกษาเรื่องนี้กว่า 3 ปี พบว่าเด็กที่คิดบวก หรือเด็กที่มีความเป็น positive thinking จะมีทักษะในการแก้ปัญหาได้ดีกว่า อีกทั้งยังมีสุขภาพจิต และพฤติกรรมที่สามารถช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าได้มากกว่ากลุ่มเด็ก nagative thinking 

 

  • การเป็นคนคิดบวกช่วยให้อายุยืนยาว เมื่อมีการทำแบบสอบถามกับกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอนาคต พบว่าผู้ป่วยที่คิดบวกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น และยังมีอายุยืนได้มากกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่ผู้ป่วยที่เป็นคนคิดลบ มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงขึ้น เมื่อเทียบกับอายุขัยที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งนักวิจัยก็ยังไม่สามารถสรุปและระบุความเชื่อมโยงระหว่างการคิดลบคิดบวกกับอัตราการเสียชีวิตได้แน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้จากระบบภายในร่างกายที่สัมพันธ์กับอารมณ์ และการเปิดใจยอมรับในการรักษาพยาบาลได้มากกว่า 

นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด การดูแลสุขภาพตามแนวคิดการแพทย์ทั่วไป ยังได้ระบุว่าที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่เข้าใจมาตลอดว่า การออกกำลังกายเป็นหัวใจหลักแรกๆ ที่จะช่วยให้มีอายุยืนยาว แต่ที่จริงแล้ว “การออกกำลังกาย” ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่แปดต่างหาก แต่สิ่งที่จะช่วยส่งผลให้มีอายุยืนได้อันดับแรกเลยคือ การมีอารมณ์ดี การคิดในแง่บวก หรือ “เป็นคนคิดบวก”นั่นเอง

 

ดังนั้นหากรู้ตัวว่าเป็นคนคิดลบหรือมักคิดในแง่ร้ายบ่อยๆ ลองปรับเปลี่ยนและฝึกเป็นคนคิดบวก เพื่อสุขภาพทางจิตที่ดีขึ้นและสุขภาพร่างกายที่ยืนยาว 

 

tt ads