กระท่อม (Kratom) หรือ Mitragyna speciosa เป็นพืชยืนต้นในวงศ์ Rubiaceae ที่มักจะถูกนำมาใช้ในการประกอบการรักษา หรือเป็นยาสามัญประจำบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานนับหลายร้อยปีแล้ว หากในประเทศไทย ต้นกระท่อมจะมีอยู่มากในทางภาคใต้ โดยส่วนใหญ่พบได้ในป่าธรรมชาติ หรือแม้แต่ใกล้ชุมชนบ้านเรือนคนอาศัย เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ไปจนถึงเขตชายแดน นอกจากนี้ก็ยังสามารถพบได้ในบางพื้นที่ของภาคกลาง เช่น ปทุมธานี แม้จะไม่มากเท่าทางภาคใต้ก็ตาม
นิยมนำส่วนของใบกระท่อมสดมาเคี้ยว หรือต้มเป็นชา และหลายคนทางภาคใต้มักจะรู้วิธีการกินใบกระท่อมนี้เป็นอย่างดี เพราะมักจะเคี้ยวใบสดเหมือนเคี้ยวหมาก หรือแม้แต่นำไปตำทำเป็นน้ำพริก เพื่อช่วยเป็นยาได้หลายอาการ เช่น เคี้ยวใบกระท่อมแก้ไอ โรคบิด ท้องร่วง ปวดมวนท้อง อาการปวดเมื่อย หรือเพื่อให้มีกำลังวังชา โดยเฉพาะชาวสวนยาง ที่ต้องตื่นแต่หัวดึก ออกตัดยางตั้งแต่ไม่ย่ำรุ่ง เด็ดใบกระท่อมสดจากต้น เคี้ยวๆแล้วคายกาก ก็ตื่นตัวมีแรงออกไปกรีดยางได้สบาย
กระท่อมไม่ได้มีดีเพียงแค่การเสริมกำลัง หรือใช้ประโยชน์ของใบกระท่อมได้จากการกินเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สรรพคุณของใบกระท่อมสดในทางกายภาพภายนอกได้อีกด้วย อย่างในบางพื้นที่ในภาคใต้ของไทย และชาวมลายู ใช้ใบกระท่อมพอกแผล หรือการนำใบกระท่อมเผาให้ร้อน แล้วนำไปวางบนท้องเพื่อรักษาโรคม้ามโต และการนำใบกระท่อมใช้ควบคุมการติดฝิ่น ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศนิวซีแลนด์
ทำไมพืชกระท่อมเป็นสิ่งเสพติดในประเทศไทย
อาจเนื่องจากเรื่องการจัดเก็บภาษี ในช่วงสมัย รัชการที่ 8 ซึ่งขณะนั้นมีโรงฝิ่นที่ถูกกฎหมาย และรัฐบาลสามารถเก็บภาษีอากรฝิ่นได้จากตรงนี้ แต่เมื่อประชาชนหันมาใช้ใบกระท่อม และกัญชา แทน เพราะไม่อยากซื้อฝิ่นที่มีราคาแพง ทำให้กระท่อม และกัญชา ถูกกำหนดเป็นยาเสพติด ประเภท 5 เสียอย่างนั้น และอาจจะด้วยอีกเหตุผลหลายส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเรื่องการเก็บภาษี การนำไปใช้ผิดวิธี ต้มใบกระท่อม 4 100 ทำให้ถูกกระตุ้นและมีอาการมึนเมา ชนิดที่สามารถเต้นได้ทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอน ทำให้รัฐบาลมองว่าเป็นการมอมเมา จึงกำหนดให้พืชกระท่อมและกัญชาเป็นสิ่งเสพติด
จนเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2564 ราชกิจจานุเบกษาได้มีการเผยแพร่ พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 โดยมีใจความสำคัญ คือ เนื่องจากปัจจุบัน กระท่อม ถูกจัดเข้าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ในขณะที่หลายๆประเทศไม่ได้กำหนดให้กระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล อีกทั้งสังคมบางพื้นในไทย มีการบริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน จึงสมควรยกเลิกพืชกระท่อมจากการเป็นสิ่งเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5
ได้มีการปลดล็อค ปลดปล่อยให้พืชกระท่อมเป็นไท หลุดจากความเป็นผู้ร้าย และไม่เป็นพืชที่ผิดกฏหมายอีกต่อไป โดยมีผล 90 วัน หลังประกาศ วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนสามารถนำใบกระท่อมแก้ไอได้ ทานใบสด ต้ม ขาย และปลูกได้ แต่ห้ามนำไปผสมหรือต้มร่วมกับสารอื่นๆ เช่น ยาแก้ไอผสมน้ํากระท่อม ที่มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้น ทำให้มึนเมา และห้ามจำหน่ายให้กับเยาวชน เพราะมักมีกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมนำใบกระท่อมเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด อย่างสารเสพติด 4×100 ที่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 3
เรามาทำความรู้จักและประโยชน์ของใบกระท่อมมีอะไรบ้างกันดีกว่า ไหนๆก็ปลดล็อคกระท่อมออกจากสารเสพติดแล้ว และจะได้ใช้อย่างถูกวิธี เพราะถึงกระท่อมจะมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษเช่นเดียวกัน หากใช้ผิดวิธี
ในประเทศไทยสามารถพบกระท่อมได้ 3 สายพันธุ์ ได้แก่
- ก้านแดง
- ก้านเขียว หรือ แตงกวา
- ยักษาใหญ่
สรรพคุณใบกระท่อม
ใบกระท่อมมีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงได้ถูกนำมาใช้กันแพร่หลายมากขึ้น? นั่นเพราะสารสำคัญในใบกระท่อม ซึ่งประกอบไปด้วยแอลคาลอยด์ทั้งหมดประมาณ 0.5 % โดยเป็น Mitragynine (ไมทราไจนีน) 0.25% และที่เหลือก็จะมี Speciogynine (สเปโอไจนีน) Paynanthine (ไพแนนทีน) Speciociliatine (สเปซิโอซีเลียทีน) โดยแอลคาลอยด์ที่พบจะมีชนิดและปริมาณที่แตกต่างกันออกไป ตามสถานที่และเวลาที่เก็บเกี่ยว โดยจะได้โครงสร้างของสารประกอบ 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- Indole Alkaloids (อินโดลแอลคาลอยด์)
- Oxindole Alkaloids (ออกอินโดล แอลคาลอยด์)
- Elavanoids (ฟลาวานอยด์)
- กลุ่มอื่นๆ เช่น Tannins (แทนนิน) Phytosterol (ไฟโตสเตอรอล)
ซึ่งสารประกอบเหล่านี้ออกฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลาง ที่เป็นส่วนของการรับรู้ความเจ็บปวด ทำให้ไม่รู้สึกปวด ทางการแพทย์จึงนำสรรพคุณของใบกระท่อม มาใช้เป็นยาแก้ปวดเช่นเดียวกับมอร์ฟิน และใช้รักษาตามอาการของโรคบางชนิดตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ใช้กระท่อมแก้ไอ แก้ท้องร่วง ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้อักเสบ นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง รักษาเบาหวาน หรือแม้กระทั่งนำใบกระท่อมรักษาอาการลงแดงจากการเลิกฝิ่น
เราใช้ประโยชน์ใบกระท่อมในด้านใดได้บ้าง
ทุกงานวิจัยเกี่ยวกับกระท่อม มีความชัดเจนและตรงกันในเรื่องของคุณประโยชน์ของใบกระท่อม สำหรับใช้เพื่อแก้ปวด โดยเฉพาะสาร ไมทราไจนีน (Mitragynine) ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท กระตุ้นคล้ายกับกาแฟ ช่วยให้มีความกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว
วิถีภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้าน แถบ 14 จังหวัดทางภาคใต้ มักจะนำใบกระท่อมมาใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ สำหรับแก้โรคต่างๆ อ้างอิงจากเอกสารวิชาการ การใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ชุมชุนและงานวิจัยเกี่ยวกับพืชกระท่อม และงานวิจัยในปี 2548 ที่หมอพื้นบ้านภาคใต้ได้ใช้ทำการรักษาโรคโดยมีกระท่อมเป็นส่วนผสมในตัวยามาไม่ต่ำกว่า 10 ปี
เรายกมา 5 อันดับโรค ที่หมอพื้นบ้านทางภาคใต้ได้ใช้กระท่อมเป็นยารักษาโรค ได้แก่
1.รักษาโรคท้องร่วง ปวดท้อง มวนท้อง
วิธีกินใบกระท่อมแก้ปวดท้อง
1.1) เคี้ยวใบกระท่อมให้ละเอียด คายกากทิ้ง แล้วดื่มน้ำตามมากๆ
1.2) ต้มใบกระท่อม ใส่เกลือ น้ำตาลทรายแดง กินแก้ปวดท้อง
วิธีต้มใบกระท่อมรักษาโรค
นำเปลือกต้นกระท่อม เปลือกต้นสะเดา เปลือกต้นมะขาม หนักอย่างละ 50 กรัม หัวขมิ้นชันแก่ หัวกระทือแก่ อย่างละ 1 หัว ไปเผาไฟจนสุก แล้วนำไปต้มกับน้ำปูนใส รับประทานครั้งละ 2-3 ช้อนแกง เมื่อหายจึงหยุดกิน
2.รักษาโรคเบาหวาน
วิธีกินใบกระท่อมแก้เบาหวาน
เคี้ยวใบกระท่อม วันละ 1 ใบ เป็นเวลา 41 วัน
วิธีต้มใบกระท่อมแก้เบาหวาน
2.1) นำใบกระท่อม อินทนินน้ำ กระเทียมต้น กระเทียมเถา ต้มน้ำดื่ม
2.2) ต้มใบกระท่อม หญ้าหนวดแมว ไม้ค้อนตีหมา อย่างละเท่ากันๆ ต้มน้ำ 3 เอา 1 ดื่มครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ เช้า-เย็น
3.แก้ปวดเมื่อย
วิธีต้มใบกระท่อมกินเป็นยา
นำเถาวัลย์เปรียง มะคำไก่ มะแว้งต้น มะแว้งเครือ เถาโคคลาน เถาสังวาล พระอินทร์ หญ้าหนู ต้นผักเสี้ยนผี แก่นขี้เหล็ก ใบมะกา อย่างละ 1 ส่วน เนื้อในฝัก ราชพฤกษ์ 5 ฝัก ใบกระท่อม 2 ส่วน เถากำแพงเจ็ดชั้น 3 ส่วน ต้มรวมกัน กินก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ ½ – 1 แก้วกาแฟ
4.แก้ไอ
วิธีกินใบกระท่อมแก้ไอ
เคี้ยวใบสด คายกาก ดื่มน้ำตามมากๆ
วิธีต้มใบกระท่อมกินแก้ไอ
ใช้ใบสด 1-2 ใบ ต้มกับน้ำตาลทรายแดง ดื่มแก้ไอ
5. ขับพยาธิ
ใช้ใบกระท่อมสดขยี้กับปูนกินหมาก แล้วนำไปทาท้อง
ส่วนในการนำประโยชน์ของกระท่อมมาใช้ในตำราหลวง จะใช้ในส่วนของ “ใบ” เป็นหลัก เนื่องจากในใบจะมีสารไมทราไจนีนอยู่มาก และหมอพื้นบ้านมีความเชื่อในประโยชน์ของใบกระท่อมต้ม เนื่องจากสารไมทราไจนีนจะออกมาจากการต้ม แต่ในการใช้ปริมาณมาก-น้อย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้ วิธีสกัด สูตร และผลแล็บ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ได้มีการศึกษาและวิจัยมากพอสมควร
คุณประโยชน์ใบกระท่อมมีสรรพคุณทางยามากมาย ไม่ได้เพียงแค่ช่วยรักษาอาการปวด บำบัดผู้ติดยาเสพติด ติดมอร์ฟีน หรือโรคข้างต้นเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทา และรักษาอาการเจ็บป่วยอื่นๆได้อีก
- รักษาโรคบิด ท้องเสีย ท้องเฟ้อ ปวดมวนท้อง
- ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะ
- แก้อาการนอนไม่หลับ
- ช่วยระงับประสาท คลายความวิตกกังวล
- ช่วยทําให้เรามีสมาธิมากขึ้น
- ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทำงานได้นานขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย
- ใช้บดทำเป็นยาสมุนไพรเพื่อพอกรักษาแผล
ถึงแม้ว่าใบกระท่อมจะมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษเช่นกัน หากรับในปริมาณมากเกินไป หรือใช้เป็นระยะเวลานานๆ และหากใช้ผิดวิธี เรามาดูโทษของกระท่อมกันบ้างดีกว่า
โทษของใบกระท่อมหากใช้ไปนานๆ หรือใช้ปริมาณมากเกินไป
- มีความวิตกกังวล หัวใจเต้นเร็วขึ้น
- ปากแห้ง
- เบื่ออาหาร
- ท้องผูก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ประสาทหลอน หวาดระแวง
- นอนไม่หลับ
- ปัสสาวะบ่อย เหงื่อออกมาก
- หนาวสั่นง่าย กลัวฝน
- สีผิวคล้ำขึ้น
ทานอย่างไรให้ถูกวิธีและไม่ให้เกิดผลข้างเคียง
ไม่ควรกินเกินวันละ 5 ใบ ไวนวิธีกินใบกระท่อม ให้รูดเอาก้านออก เอาแต่ส่วนอ่อนของใบ เคี้ยวเหมือนเคี้ยวหมาก ด้วยน้ำลายมีความเป็นด่าง จะสกัดเอาอัลคาลอยด์ ไมทราไจนีน ออกมา เคี้ยวจนหมดรสชาติ ก็คายกากทิ้ง ไม่ควรกลืนกากลงไป เพราะเส้นใยของใบกระท่อม รวมถึงก้านใบ มีความเหนียวมาก กระเพาะของเราไม่สามารถย่อยได้ หากเรากลืนลงไป และหากพอไปสะสม มันจะไปจับตัวเป็นก้อน และกระจุกอยู่ที่ลำไส้ ก่อให้เกิด ลำไส้อุดตัน หรือที่เรียกว่า ถุงท่อม ซึ่งมีลักษณะเป็นถุงห่อหุ้มติดกับผนังลำไส้ และทำให้เรามีอาการปวดท้องได้
ส่วนการต้มใบกระท่อมกินก็ไม่ควรเกิน 5 ใบ / วัน เช่นกัน ก่อนต้มก็นำใบกระท่อมไปล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำ แล้วรูดเอาแต่ใบ นำส่วนก้านทิ้งไป ฉีกหรือขยี้ใบ ก่อนเทน้ำลงให้ท่วมใบ ต้มจนเห็นน้ำเป็นสีน้ำตาล หรือออกน้ำตาลอมแดง บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย จากนั้นกรองเอากากออก ดื่มน้ำต้มกระท่อมเหมือนน้ำเปล่า หรือใส่น้ำตาลทรายแดง หรือใส่บ๊วยหวานลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยและดื่มง่ายขึ้น
ถึงแม้ใบกระท่อมจะกินเพื่อเป็นยาได้ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ห้ามกินกระท่อม เพราะอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี และใครบ้างที่ไม่ควรใช้ใบกระท่อมเลย?
- หญิงมีครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร
- ผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตใจ
- ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ
รู้จักใบกระท่อม วิธีการกินใบกระท่อมให้เป็นยา วิธีการต้มใบกระท่อม ประโยชน์และโทษกันไปแล้ว รวมไปถึงผู้ที่ห้ามใช้ใบกระท่อมเด็ดขาด หวังว่าจะได้นำสรรพคุณของใบกระท่อมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่เกิดโทษและผลข้างเคียง ที่สำคัญอย่านำไปผสมกับสิ่งเสพติดชนิดอื่น อย่างน้ำกระท่อมผสมยาแก้ไอ ทำน้ำกระท่อมจำหน่ายแก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งจำหน่ายในหอพัก สถานศึกษา หรือจำหน่ายแก่สตรีมีครรภ์ เพราะมันผิดกฎหมาย จะถูกปรับและจับนะ เราเตือนคุณแล้ว!!