งูปากบุก หรือ งูกะปะ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Malayan pit viper และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Calloselasma rhodostoma งูกะปะจะมีลักษณะตัวป้อมสั้น หัวเป็นทรงสามเหลี่ยมชัดเจน หัวคล้ายลูกศร มีลายเป็นสามเหลี่ยมปลายชนเข้าหากัน จะต่างจากลายของงูปี่แก้ว มีในทุกภาค แต่ที่ชุกชุมคือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งคนไทยก็ถูกงูกะปะกัดได้บ่อย เพราะเป็นสายพันธ์ที่มีจำนวนมากในไทย ชอบนอนขดเป็นวงกลม วางหัวบนสุด พร้อมจะฉกได้ตลอดเวลา แม้จะเป็นงูที่ไม่ปราดเปรียว แต่มีการโจมตีที่รวดเร็ว หากมีความกังวล โกรธ จะสั่นหางคล้ายกับงูหางกระดิ่ง 

 

งูกะปะเป็นงูพิษที่มีอันตรายต่อมนุษย์มาก งูกะปะกับงูแมวเซาอยู่ในวงศ์เดียวกัน หรือเป็นงูตระกูลไวเปอร์ (Viperidae) งูกะปะมีหลายสายพันธุ์ ทั้ง งูกะปะสามเหลี่ยม งูกะปะลายพรม งูกะปะคอแดง งูกะปะปากเหม็น ที่เรียกว่างูกะปะปากเหม็น เพราะเมื่อกัดแล้วเนื้อบริเวณที่โดนกัดจะเน่าเหม็นหรือเนื้อตาย และกะปะในภาษาใต้ก็ยังแปลว่า ปากเหม็น ซึ่งจะพบได้มากที่ภาคใต้ นอกจากนี้ งูกะปะยังเป็น 1 ใน 7 งูพิษ ที่มีความสำคัญต่อวงการพิษวิทยาและทางการแพทย์

 

งูกะปะเป็นงูออกหากินเวลาพลบค่ำและกลางคืน โดยเฉพาะเวลาที่อากาศมีความชื้น อย่างเช่น หลังฝนตก เมื่อจะออกหาเหยื่อ งูกะปะจะเลื้อยไปยังจุดที่คิดว่าจะมีเหยื่อ แล้วนอนขดอยู่นิ่งๆ เป็นงูนักพรางตัว ชอบอาศัยอยู่ตามดินปนทราย หรือที่มีใบไม้ทับถามกันเยอะๆ ด้วยสีลำตัวงูจะมีสีออกคล้ายใบไม้แห้ง ทำให้มีความกลมกลืนเมื่อไปอยู่ปะปนกับใบไม้แห้ง หรือสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับสีตัวงู  ซึ่งเราอาจจะไม่สามารถมองเห็นตัวงูได้เด่นชัด และด้วยที่มักจะพบในพื้นที่การเกษตรกรรม อย่างสวนปาล์ม สวยยางพารา ฯลฯ ทำให้มีผู้ถูกงูกะปะกัดอยู่บ่อยๆ จนได้รับฉายาว่า “งูกับระเบิด” หรือ  “งูนักเลงสวนยาง” 

งูกับระเบิด งูนักเลงสวนยาง 

“กับระเบิดชีวภาพ” ด้วยที่ถ้าเหยื่อหรือศัตรูเข้าใกล้ งูกะปะจะนอนขดตัวนิ่ง ไม่ส่งเสียงใดๆ เพื่อรอจังหวะ และสีที่กลมกลืนกับดินและใบไม้ ทำให้คนโดนกัดได้ง่าย เพราะไม่มีเสียงขู่เตือน และสีที่กลมกลืนกับกองใบไม้แห้ง เหมือนกับระเบิดที่ถูกกลบไว้ล่อให้ศัตรูมาเหยียบ และบางครั้งแผลผู้ที่ถูกกัดจะเหวอะหวะคล้ายกับไปโดนกับระเบิดมา อีกทั้งยังพบได้บ่อยมากในสวนยาง ชาวสวนยางที่ต้องไปกรีดยางช่วงเช้ามืด มักจะมองไม่ค่อยเห็น ก็จะโดนกัดได้บ่อยครั้ง หรือแม้แต่บ้านเรือนที่ปลูกใกล้บริเวณสวนยาง ก็ยังสามารถเจองูที่เข้าบ้านหรือมาใกล้บริเวณบ้านได้บ่อยเช่นกัน 

งูกะปะออกลูกเป็นไข่หรือเป็นตัว? 

งูกะปะออกลูกเป็นไข่ สามารถออกไข่ได้คราวละ 10-20 ฟอง และไข่งูกะปะจะเป็นแพยาวติดกัน อาจเป็นแพก้อนกลมติดกัน เหมือนเป็นแพไข่ดาว ไม่ได้แยกเดี่ยวแบบไข่งูจงอาง 

 

พฤติกรรมในการฟักไข่ของงูกะปะ จะนอนเฝ้าไข่เฉยๆ เป็นการเฝ้าด้วยความหวงแหน และป้องกันอันตรายที่จะมาทำร้ายไข่เสียมากกว่า ไม่มีการใช้ตัวกกไข่ แตกต่างจากงูเหลือมหรืองูหลามที่ใช้อุณหภูมิในร่างกายทำการกกและฟักไข่ นอกจากนี้ยังมีการผสมพันธุ์และวางไข่ได้ทุกฤดูกาลอีกด้วย ด้วยการแพร่พันธุ์อย่างไม่จำกัดฤดูนี่เอง ทำให้มีงูกะปะเป็นจำนวนมากในประเทศไทย 

 

โดยปกติแล้วงูออกลูกเป็นไข่ แต่จะมีงูบางชนิดที่จะออกลูกเป็นตัว แต่แม่งูจะต้องตั้งท้องนานกว่าการออกลูกเป็นไข่ และข้อดีของการออกลูกเป็นตัวคือ เมื่อลูกงูออกมาแล้ว หากมีภัยมาใกล้ ลุกงูสามารถหลบภัยได้ ในขณะที่ถ้าออกลูกเป็นไข่ แม่งูจะใช้เวลาในการตั้งท้องสั้นกว่า แต่ข้อเสียคือ ถ้ามีภัยธรรมชาติมา ไข่อาจจะเสียทั้งหมด ด้วยไข่งูกะปะเป็นแพติดกันหมด หรือถ้ามีผู้ล่า ไข่ไม่สามารถหนีได้ ลูกงูกะปะก็จะไม่มีโอกาสได้ฟักออกมา 

 

credit : https://www.pinterest.com/pin/447615650435294761/

พิษงูกะปะส่งผลต่อระบบใด 

pit organs หรือหลุมที่คอยจับรังสีอินฟาเรดจะอยู่ใต้บริเวณใต้ตา และเหนือปาก คอยจับความร้อนหรืออุณหภูมิของเหยื่อ แต่ก็ยังอาศัยใช้ดวงตาและลิ้นในการทำงานร่วมกัน ยิ่งสัมผัสถึงระยะของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ  

 

เขี้ยวงูกะปะเป็นบานพับ สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ได้ใช้ และจะแผ่ออกมายาวเมื่อต้องการจะกัดเหยื่อหรือศัตรู การกัดของงูกะปะ จะมีการเดินเขี้ยว คือการขยับเขี้ยวไปซ้าย-ขวา ทำให้เกิดบาดแผลได้มากกว่า 2 เขี้ยว และอาจสร้างความสับสนได้ เมื่อทำการตรวจสอบแผลเพื่อเช็คชนิดงูที่กัด ในการให้การรักษาที่เหมาะสม บางคนอาจสงสัยว่าแล้วเขี้ยวยาวขนาดนั้นจะไม่เผลอโดนลิ้นหรือแทงในปากงูเองบ้างเปล่า ด้วยอย่างที่บอกว่าเขี้ยวของงูกะปะเป็นบานพับ เวลาปกติปากของเขาจะหุบ ไม่มีการยืดออก เขี้ยวก็จะไม่มีการยืดออกมาใช้ และเหงือกสีขาวๆบางๆที่หุ้มอยู่ จะช่วยรักษาเขี้ยวของเขาไม่ให้กระทบภายในปาก 

 

หลายๆคนที่คิดว่าใส่รองเท้าบูทแล้วน่าจะป้องกันได้ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่สามารถป้องกันได้เสมอไป เนื่องจากเขี้ยวงูกะปะยาวและแหลมคมมาก สามารถกัดทะลุเนื้อรองเท้าบูทได้ หลายเคสที่เป็นคนถูกงูกะปะกัดทั้งที่ใส่รองเท้าบูทหรือรองเท้ายางเพื่อกันสัตว์มีพิษกัด 

 

พิษของงูกะปะมีผลต่อระบบเลือดขั้นรุนแรง เกิดภาวะ compartment syndrome คิอการเกิดความดันของเนื้อเยื่ีอสูงขึ้นจนหลอดเลือดถูกกดทับ จนเลือดไหลเวียนไม่ได้ มีอาการบวม อวัยวะที่ถูกกัดก็จะเน่าและตาย ทำให้คนที่กัดหลายคนที่ต้องเสียอวัยวะไป ต้องตัดนิ้ว ตัดแขน ตัดขา เพราะถูกงูกะปะกัด แล้วเนื้อตาย ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ก็ต้องตัดส่วนนั้นออกไป หรือหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ที่โดนกัดอาจจะเสียชีวิตได้ จากความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเกิดจากการเสียเลือด 

 

งูกะปะกัด อาการจะมีดังนี้ 

บริเวณที่ถูกกัดจะบวมภายใน 2-3 ชั่วโมง และบวมขึ้นเรื่อยๆ ใน 24 – 72 ชั่วโมง โดยแผลและบริเวณใกล้เคียงที่ถูกกัดจะมีสีคลํ้าขึ้น ห้อเลือด มีตุ่มใส และมีรอยพอง ถ้ามีรอยพองขนาดใหญ่หลายแห่ง หรือเกิดห่างจากที่กัดแสดงว่าได้รับพิษเข้าไปมาก และรอยพองจะมีการแตกออก

 

จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และเข้มขึ้นจนคล้ำ และเมื่อแห้งลง ก็จะกลายเป็นเนื้อตาย แผลเนื้อตายค่อย ๆ เปื่อยเน่าหลุดออกไปเรื่อย ๆ กว่าแผลจะหายกินเวลานานเป็นเดือน

 

สมุนไพรแก้งูกะปะกัด

ต้นโลดทะนงแดง หมาก และ มะนาว  อ้างอิงมาจากหลักการของแพทย์พื้นบ้าน “หมอเอี๊ยะ สายกระสุน” หมอพื้นบ้านที่เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพรรักษาพิษงู และเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน จนมีการทำงานร่วมกันระหว่างหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนปัจจุบันได้อย่างลงตัว 

 

โดย นพ.อภิสรรค์ ได้เล่าว่า เมื่อมีคนถูกงูกัดถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล หลังจากแพทย์วินิจฉัยว่าคนไข้ถูกงูพิษกัด หมอเอี๊ยะจะเป็นผู้ทำการรักษาด้วยสมุนไพรรักษาพิษงูซึ่งประกอบด้วยสมุนไพร 3 ชนิดคือ รากต้นโลดทะนงแดง หมาก และมะนาว 

 

วิธีการรักษาด้วยสมุนไพรของหมอเอี๊ยะ

นำรากต้นโลดทะนงแดงและหมากนำมาฝนผสมกับน้ำประมาณครึ่งแก้วให้คนที่ถูกงูกะปะกัดได้ดื่ม แล้วนำรากต้นโลดทะนงแดงและหมากนำมาฝน โดยใช้น้ำมะนาวเป็นตัวประสานยา จากนั้นใช้ทาบริเวณแผลที่ถูกกัด จากนั้นหมอเอี๊ยะจะติดตามอาการเช้า-เย็น จนกว่าจะมีอาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาล เป็นการดูแลรักษาแบบผสมผสาน ระหว่างแพทย์แผนปัจจุบัน และหมอเอี๊ยะ หมอพื้นบ้าน

 

ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและฟอกสบู่หรือน้ำด่างทับทิม ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง เช็ดแผล

วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด

เมื่อถูกงูกัด ไม่ต้องเน้นเรื่องการขันชะเนาะ แต่ให้เน้นเรื่องการเคลื่อไหว พยายามอย่าเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ และถ้าให้ดีก็ฟอกด้วยสบู่ แล้วล้างให้สะอาด ก่อนซับให้แห้ง ปลดพันธนาการบริเวณที่ถูกงูกัดออกให้หมด เช่น รองเท้า ถุงเท้า ถอดนาฬิกา แหวน เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดการกดทับ และขวางทางเดินของเลือด แล้วผ้าอีลาสเทนหรือผ้ายืดพันแผล จากนั้นใช้ไม้หรือเฝือกดามล็อคข้อบริเวณที่ถูกกัด เพื่อลดการเคลื่อนไหวของอวัยวะ เพราะพิษไม่ได้กระจายเข้าสู่หัวใจ แต่พิษจะกระจายสู่อวัยวะ หากอวัยวะส่วนที่ถูกกัดมีการเคลื่อนไหวมากเท่าไร พิษก็จะกระจายได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่อย่ารัดให้แน่นหรือหลวมเกินไป แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด 

 

กรณีที่ถูกงูกะปะกัด การรัดบริเวณเหนือบาดแผลที่ทุกคนเข้าใจนั้น จะไม่เป็นผลดีหากเป็นงูกะปะกัด เนื่องจากว่างูกะปะพิษต่อระบบเลือด ยิ่งไปรัดก็ยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก เป็นการให้พิษค้างอยู่แค่บริเวณอวัยวะที่ถูกกัด ทำให้พิษทำลายแต่ส่วนเนื้อบริเวณที่ถูกรัด จนส่งผลรุนแรงให้เนื้อตาย แต่ถ้าปล่อยให้พิษกระจายไปกับกระแสเลือดช้าๆ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของพิษ ปฐมพยาบาลให้ถูกต้อง และรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด 

 

ถึงแม้ไม่รู้ว่าถูกงูชนิดใดกัด ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน แม้ว่าการรัดเหนือบริเวณแผลที่ถูกกัดจะเป็นวิธีที่ใช้กันมาแต่โบราณ ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีที่ผิด เพียงแต่หากยิ่งทำการรัด ต่อให้รัดไม่แน่น แต่การรัดจะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงบริเวณที่ถูกรัดไม่ได้ เช่น ถูกกัดที่เท้าและรัดเหนือเข่า ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเนื้อส่วนขาไม่ได้ เนื้อบริเวณนั้นจะตายและต้องตัดขาทิ้ง และหลายเคสที่ถูกงูกะปะกัดแล้วต้องเสียอวัยวะไปเพราะการปฐมพยาบาลจากความไม่รู้ ปัจจุบันมีวีธีที่

 

ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องนำงูไปโรงพยาบาล แต่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปงูไว้ ส่วนที่เคยรู้หรือเรียนมาเรื่องการใช้เชือกมัดเหนือปากแผล จะใช้ไม่ได้ผลและส่งผลร้ายแรง หากงูที่กัดเป็นงูมีพิษต่อระบบเลือด 

 

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อโดนงูกัด

 

  • อย่าขันชะเนาะ แต่ให้ใช้วิธีดามเหมือนเข้าเฝือกแทน เพื่อลดการเคลื่อนไหวอวัยวะ
  • ห้ามใช้มีดกรีดบาดแผล ก็ไม่ได้ช่วยอะไร จะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค 
  • ห้ามใช้ไฟหรือไฟแช็คลนบาดแผล เพราะไฟจะยิ่งทำให้แผลพุพองและรักษายากมากขึ้น 
  • ห้ามใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสิ่งอื่นๆ ทาแผล พอกแผล เนื่องจากอาจทำให้แผลติดเชื้อ
  • ไม่ควรใช้ปากดูดเลือดจากแผลงูกัด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้ดูดได้
  • ห้ามให้ผู้ถูกงูกัดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน

 

การป้องกัน พยายามคอยสังเกตเสมอหากเดินไปบริเวณแถวพงหญ้า หรือที่มีใบไม้แห้งกองสุม เมื่อต้องเข้าไปในบริเวณที่สุ่มเสี่ยง เช่น เข้าสวนยาง สวนปาล์ม ฯลฯ ก็ให้ใส่รองเท้าบูทเนื้อหนาๆ รองเท้าบูทคุณภาพดี ใช้ไม้คอยแกว่งๆไปตามพื้น เพื่อจะได้สังเกตความเคลื่อนไหวได้ หากมีงูพรางตัวอยู่ใต้พุ่มหญ้า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปเดินที่ไหนตอนกลางคืน และถ้าหากมีงูเข้าบ้าน อย่าพยายามจับงูด้วยตนเอง แต่ให้โทรแจ้ง 199 / 1677 เจ้าหน้าที่กู้ภัย หน่วยอาสา หรือผู้เชี่ยวชาญ และระหว่างรอเจ้าหน้าที่ ให้คอยสังเกตและเฝ้าดูงูไว้อย่าให้คลาดสายตา ยิ่งช่วงฤดูฝนต้องยิ่งคอยสังเกตบ้านเรือนให้ดี อย่าปล่อยให้รกดึงดูดหนูเข้าบ้าน และอาจเป็นการเชื้อเชิญงูมาล่าเหยื่อถึงในบ้านเราได้

เข้าเดือนธันวาคม อีกไม่นานก็จะถึงวันคริสต์มาสและวันปีใหม่กันอีกแล้ว กล่าวได้ว่าเดือนธันวาคม เป็นเดือนแห่งเทศกาลความสุขที่ใครหลายๆคนชื่นชอบและรอคอย เพราะเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง มีการตกแต่งสถานที่สวยงาม เสียงเพลงแห่งความสุข และแสงสีของไฟประดับ รวมไปถึงการจัดปาร์ตี้สังสรรค์ต่างๆ โดยเฉพาะการจับของขวัญที่เป็นไฮไลท์ของงานและแทบจะขาดไม่ได้เลย 

 

ไม่ว่าจะเป็นงานคริสต์มาสหรือปีใหม่ เมื่อมีการจับฉลากของขวัญ ไม่ว่าจะเป็นการจับฉลากของขวัญในกลุ่มเล็กๆ หรือจำนวนคนกลุ่มใหญ่ แต่..เบื่อไหม กับการจับฉลากของขวัญปีใหม่แบบเดิมๆ หลีกหนีความจำเจ มาดูไอเดียเก๋ๆในการเล่นจับฉลาก เพื่อนำไปใช้เทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ที่จะถึงนี้กันดีกว่า 

1.ตีมของขวัญจับฉลากแบบกล่องสุ่ม 

ช่วงที่ผ่านมา “กล่องสุ่ม” ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง ทั้งกล่องสุ่มของกิน กล่องสุ่มเครื่องสำอาง กล่องสุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ฮอตฮิตติดชาร์จจนเป็นที่พูดถึง เราเลยโหนกระแสกล่องสุ่ม และนำมาใช้เป็นไอเดียการจับของขวัญเสียเลย ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในการทำเป็นของขวัญจับฉลากครอบครัว ของขวัญจับฉลากออฟฟิศ โดยมีการกำหนดเรทราคาขึ้นมา อาจกำหนดของขวัญจับฉลาก 300 บาท ของขวัญจับฉลากงบ 500 บาท จากนั้นเราก็ไปช็อปและรวบรวมลงกล่องใส่ของขวัญ เหมือนกล่องสุ่มที่กำลังฮิต ไอเดียนี้จะทำให้เราสนุกที่จะหาของขวัญจับฉลากมากขึ้น ส่วนคนจับได้ของเราก็ได้ลุ้นและสนุกขำขัน เมื่อเปิดกล่องแล้วเจอของขวัญแบบจุใจ

2. จับของขวัญตามตัวอักษร

น่าจะมีใครหลายคนเคยเล่นกันมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจยังไม่เคยเล่นการจับฉลากแบบนี้มาก่อน วิธีนี้เป็นการจับฉลากโดยการเสนอตัวอักษร จะเป็นตัวอักษร ก-ฮ หรือ ตัวอักษร A-Z แล้วทำเป็นฉลากจับของขวัญด้วยการเขียนตัวอักษรอย่างละ 1 ตัวลงไปในกระดาษ เช่น เขียน ก , ข , …จนถึง ฮ แล้วม้วนหรือพับกระดาษ จากนั้นใส่ภาชนะอะไรก็ได้เพื่อให้ทุกคนจับ หากคุณจับได้อักษร น หนู คุณก็ต้องหาของขวัญจับฉลาก น หนู ขึ้นต้น เช่น นาฬิกา น้ำหอม หรือจับได้ของขวัญอักษร อ อ่าง  เช่น ไอแพด  (ตุ๊กตา)แอลโล่  เป็นต้น ไอเดียนี้จะทำให้ของขวัญมีความหลากหลาย อีกทั้งยังสโคปให้แคบลงสำหรับคนที่ไม่รู้จะจับของขวัญอะไรดี 

3.จับฉลากจากการแจ้งเตือน 

โดยวางมือถือของทุกคนวางไว้บนโต๊ะ หากเครื่องใครมีการแจ้งเตือนเข้ามาก่อนคนแรก คนนั้นจะเลือกของขวัญเป็นคนสุดท้าย และมือถือใครที่มีข้อความหรือการแจ้งเตือนเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ก็จะได้เลือกของขวัญที่อยากได้เป็นคนแรก 

4.จับฉลากตามธีมสี

กำหนดสีแบบคุมโทนเลย ว่าให้เลือกของขวัญจับฉลากสีอะไร แล้วก็นำของขวัญที่มาจับต้องเป็นสีตามธีม เช่น กำหนดให้ใช้กล่องของขวัญสีขาว ก็ต้องสีขาวทั้งหมด อาจคุมโทนสีทั้งการจัดงาน สีของตกแต่ง สีการแต่งตัว สีของขวัญ ภาพรวมออกมาก็จะดูดี เพราะเป็นโทนเดียวกัน ดูเป็นการวางแพลนมาแล้วอย่างดี      

5.จับของขวัญสุดฮา

อาจกำหนดให้ห่อของขวัญจับฉลากตลกๆ ดูเป็นภาพลวงตา ให้เข้าใจผิดจากรูปร่างหีบห่อข้างนอก เช่น นำของขวัญประกอบกันเป็นรูปร่าง ที่เมื่อห่อแล้วมองเห็นเป็นรูปพัดลม แต่เมื่อแกะออก ของข้างในกลับเป็น ไม้กวาด ที่ตักขยะ และแปรงขัดห้องน้ำ ที่ประกอบกันให้ออกมาเป็นภาพลวงตาดูผิดเพี้ยนไป เป็นต้น ทำให้การจับฉลากได้ทั้งลุ้นทั้งฮา 

6.กำหนดธีมของขวัญราคาเดียวกัน 

การกำหนดราคาของขวัญจับฉลาก เป็นการลดความเหลื่อมล้ำและแฟร์ต่อทุกคน เพราะบางคนนำของราคาถูกมาจับ ในขณะที่บางคนนำของขวัญแบรนด์เนมมาจับ ดังนั้นกำหนดราคาไปเลยจะดีกว่า อาจกำหนดราคาของขวัญจับฉลาก 200 บาท ขึ้นไป หรือเรทราคาของขวัญจับฉลาก 500 บาท เป็นต้น 

7.จับฉลากเบอร์โทร 

นำเบอร์โทรของทุกคนมาจับฉลาก ใครได้เบอร์ไหน ก็โทรไปหาเบอร์นั้น เมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์โทร ก็ต้องนำของขวัญไปให้คนนั้น ได้ทั้งของขวัญ ได้ทั้งแลกเบอร์โทรกัน ดีไม่ดี อาจได้แฟนในอนาคตด้วย 

8.จับฉลากปาโป่ง 

เกมงานวัดก็มา…เขียนชื่อทุกคนลงในฉลาก แล้วใส่ในลูกโป่ง ให้ทุกคนปาโป่งเหมือนงานวัด ใครปาลูกไหนแตก ก็ให้ของขวัญกับคนที่มีชื่อในลูกโป่งที่ปาแตก 

9.ของขวัญธีม Together

“Together” แน่นอนว่าต้องมากกว่า 1 ชิ้น โดยจะมีกี่ชิ้นก็ได้ แต่ต้องอยู่ในเซ็ตการใช้งานด้วยกัน หรือของที่ต้องทำงานร่วมกัน เช่น จอยเกมส์ หูฟังเกมส์ ถุงมือเกมส์  / ไอแพด เคส หูฟัง / หม้อต้มกาแฟ เครื่องบดกาแฟมือหมุน แก้วกาแฟ  / รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า น้ำยาซักแห้งสำหรับรองเท้า  เป็นต้น ทำให้ของขวัญดูเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และการเลือกซื้อก็ง่าย เพียงแค่คิดว่าจะซื้ออะไรเป็นตัวหลัก 

10.ธีมของขวัญ เดลิเวอรี่

เริ่มจากการเขียนชื่อพร้อมที่อยู่เป็นฉลาก ใครจับฉลากได้ใคร ก็หาซื้อและจัดส่งไปให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในฉลาก เป็นการส่งของขวัญแบบใช้ ขนส่งเป็นซานต้าคลอส ส่งของขวัญแบบ เดลิเวอรี่ ไอเดียการเล่นแบบนี้ก็เหมาะกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสามารถเล่นแลกของขวัญกันได้ตามมาตรการ social distance 

 

11.จับฉลากแบบ Secret Santa 

การเล่น Secret Santa มีหลากหลายแบบ แล้วแต่ใครจะนำไปปรับใช้ โดยเราจะนำที่เคยเล่นมายกตัวอย่าง 

 

  • Secret Santa แบบฉบับทางยุโรป จะเล่นโดยกำหนดวันที่จะเล่นขึ้นมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาส แต่บางแห่งก็อาจกำหนดวันอื่นตามสะดวก แต่ภายในเดือนธันวาคม เมื่อกำหนดวันได้แล้ว ก็จะเขียนชื่อทุกคนทำเป็นฉลาก แล้วให้จับฉลากรายชื่อ ใครจับได้ชื่อคนไหน ก็ต้องไปเลือกหาซื้อของขวัญที่คิดว่าน่าจะถูกใจ หรือเป็นของที่คนนั้นอยากได้ แล้วนำมาให้ในวันที่กำหนดเล่นเกมพร้อมกัน (ปัจจุบันมีแอปซีเคร็ทซานต้าหลายเวอร์ชั่นให้เลือกโหลด เพื่อจับฉลากแล้ว โดยให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ใช้แอปแทนการจับฉลาก ทำให้สะดวกหากอยู่กันคนละสถานที่ หรือช่วงโรคระบาดแล้วต้องทำ social distance หรือ work from home)  

 

  • Secret Buddy จะเล่นเหมือนกับ Secret Santa เพียงแต่หลายๆคนอาจเรียกว่าการเล่นบัดดี้ นิยมเล่นในวันคริสต์มาสเช่นกัน แต่ก็มีการนำไปเล่นในกิจกรรมอื่นๆด้วย เช่น การเล่นบัดดี้ในโรงเรียนเพื่อเพิ่มความสามัคคีของนักเรียน การเล่นบัดดี้ในรั้วมหาวิทยาลัยในช่วงรับน้องใหม่ ซึ่งจะเป็นการจับฉลากรายชื่อระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง 

 

  • Secret Santa บอกใบ้ วิธีการจับฉลากรายชื่อเหมือนกัน เพียงแต่นำของขวัญไปซ่อนในจุดที่ห้ามบอกใคร แล้วเขียนคำบอกใบ้สถานที่ซ่อนของขวัญให้กับคนที่เราจับได้ ให้เขาแก้ปริศนาคำใบ้ให้ได้ เพื่อจะได้เจอของขวัญที่เรานำไปซ่อนไว้ 

 

  • Secret Santa ของขวัญซ่อนเงิน ซึ่งไอเดียนี้นำมาจากการกำเนิดประเพณีนำถุงเท้าแขวนหน้าเตาผิง ที่เซนต์นิโคลัส นักบุญเมืองไมรา ปีนปล่องไฟเพื่อนำเงินไปให้เด็กหญิงยากจนที่บ้านหลังหนึ่ง แล้วถุงเงินกลับกระเด็นไปตกลงในถุงเท้า เมื่อเด็กหญิงตื่นมาแล้วจะใส่ถุงเท้าแล้วพบถุงเงิน ก็ได้แพร่ข่าวนี้ออกไป ทำให้ทุกคนที่ได้ข่าวก็นำถุงเท้าไปแขวนหน้าเตาผิง เพื่อจะได้ของขวัญแบบเด็กหญิงบ้าง เกม Secret Santa ของขวัญซ่อนเงิน จึงเป็นการเล่นเลียนแบบ โดยเล่นจับฉลากรายชื่อเหมือนกัน แต่ทุกคนจะต้องนำถุงเท้า(หรืออุปกรณ์อื่นๆ เช่น กระเป๋า / เป้ ฯลฯ ที่สามารถใส่ของได้) ที่ติดชื่อตนเอง แขวนไว้ตรงไหนก็ได้ภายในบริเวณที่จัดเล่นเกมส์ ส่วนคนที่จับได้ชื่อใคร ก็นำของขวัญไปใส่หรือวางตรงกับถุงเท้า(อุปกรณ์ที่แขวนไว้)ของคนนั้น โดยห้ามให้เจ้าของถุงเท้าเห็นเด็ดขาด แต่จะเฉลยหลังจากคนนั้นแกะของขวัญแล้ว 

ทั้ง 11 ไอเดียนี้ มีทั้งการเล่นแบบเก่าและใหม่ รับรองว่าเล่นได้สนุกและไม่ตกเทรนด์ ใครถูกใจแบบไหนก็สามารถนำไปเล่นตามได้เลย หรือจะนำไปปรับ นำไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับกลุ่ม เพื่อฉีกการจับฉลากของขวัญแบบเดิมๆ และเพิ่มสีสันไม่ให้ปีใหม่นี้เงียบเหงา จะเห็นได้ว่า สามารถสนุกได้แม้จะไร้ของมึนเมา ขอให้ทุกคนสนุกกับไอเดียที่เรานำมาฝาก และได้ของขวัญถูกใจกันถ้วนหน้าค่ะ

 

เทศกาลของขวัญมาถึงอีกแล้ว..ใครบ้างที่ยังไม่รู้จะให้ของขวัญอะไรดีน๊อออ?

ก็หันไปทางไหนมีแต่ของน่าซื้อ กล่องของขวัญสำเร็จรูปมากมายถูกเซ็ตอย่างสวยงาม โปรโมชั่นลดกระหน่ำ เซลล์แล้วเซลล์อีกเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการให้..ของขวัญคริสต์มาส ของขวัญปีใหม่ ของแจกปีใหม่ หรือกระเช้าของขวัญ บางคนก็เลือกที่จะทำของขวัญเอง เพื่อเป็นของขวัญแฮนด์เมดให้แฟน แต่สำหรับหลายๆคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อของขวัญอะไรดี ในการให้ของขวัญสำหรับแต่ละบุคคล เรามีไกด์ไลน์ในการเลือกซื้อประเภทของขวัญให้เหมาะกับผู้รับมาฝากในบทความนี้ เราไปดูกันเลยดีกว่า 

ของขวัญปีใหม่ให้พ่อแม่ 

พ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา การจะเลือกของขวัญให้พวกท่าน เราต้องรู้จักท่านดีว่าชอบและไม่ชอบอะไร ลูกหลายๆคนจึงมักจะให้ท่านด้วยของขวัญทำเอง โดยเฉพาะเด็กๆที่มักจะถูกปลูกฝังให้มีการทำการ์ดเองเพื่อเป็นของขวัญ diy จากทางโรงเรียน ก็มักจะสรรสร้างไอเดีย แม้จะวาดเองเขียนเอง แต่นั่นก็เป็นของขวัญที่สวยและล้ำค่าสำหรับพ่อและแม่ที่สุด แต่สำหรับลูกวัยโตทำงานแล้วอย่างเราๆบางคนอาจจะเขิลหากต้องมานั่งทำอะไรแบบนั้น หรือรู้สึกว่าไม่ถนัด การเลือกหาซื้อของขวัญให้พวกท่านดูน่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า แต่จะให้ของขวัญอะไรดีล่ะ ปีก่อนๆก็ให้สิ่งที่ท่านต้องการไปครบแล้ว ลองหาไอเดียใหม่ๆกันสักหน่อย 

สำหรับท่านที่มองหาของขวัญให้พ่อ ลองดูกิจกรรมที่ท่านโปรดปรานหรือให้ความสนใจพิเศษช่วงนี้เป็นอะไร เกี่ยวกับต้นไม้ ร้องเพลง เล่นกอล์ฟ ฯลฯ 

สำหรับของขวัญให้แม่ ที่ต้องการให้ท่านถูกใจและได้ใช้งานจริง ก็ต้องดูกิจกรรมโปรดที่หรือที่ท่านสนใจพิเศษช่วงนี้ แล้วก็เลือกซื้อให้เข้ากับกิจกรรมโปรดของท่าน ถ้าชอบเข้าครัวพิเศษ ก็อาจดูชุดเครื่องครัว หรือชุด skin care หากท่านดูแลตัวเองอยู่เสมอ ฯลฯ 

แต่ถ้าท่านไม่มีกิจกรรมพิเศษ หรืออาจซื้อให้ครบหมดแล้ว ก็ยังมีของขวัญที่น่าประทับใจดังนี้

  • บัตรของขวัญ netflix เหมาะมากสำหรับพ่อแม่ที่มักจะต้องอยู่บ้าน การได้ดูหนังหรือรายการโปรด ทำให้ไม่เหงาแม้จะต้องอยู่บ้านทั้งวัน 
  • คอร์สดูแลสุขภาพ นวด สปา ให้พวกท่านได้ผ่อนคลายจากคอร์สดูแลสุขภาพ การได้นวดแผนไทย ทำสปา ดูแลผิวเต็มรูปแบบ เพื่อลดการปวดเมื่อย หรือเหนื่อยล้าจากกิจกรรมต่างๆ 
  • มื้ออาหารสุดหรู อาจเป็นการจองโต๊ะร้านอาหารหรูให้พวกท่านได้ไปกันสองคน หรืออาจไปทานด้วยกันพร้อมหน้า เป็นมื้อหรูที่อาจไม่ได้ทานกันบ่อยๆ เพื่อให้รู้สึกเป็นมื้อพิเศษ 
  • บัตรกำนัลของขวัญ Gift voucher เพื่อให้ท่านได้ไปช้อปปิ้งและเลือกของที่ต้องการด้วยตัวเอง 
  • บัตรคอนเสิร์ต ของศิลปินสุดโปรด หรือบัตรดูหนังที่พวกท่านชื่นชอบ โดยเลือกเป็นที่นั่งพิเศษสุด 
  • แพ็กเก็จท่องเที่ยว พร้อมที่พักสุดหรู ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ เป็นของขวัญให้พวกท่านได้ออกเดินทางท่องเที่ยวสองคน เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาสวีท ก่อนที่จะต้องเสียสละเวลามาทุ่มให้กับการเลี้ยงลูก
  • บัตรสมาชิกคลับกิจกรรมต่างๆ ที่ท่านสนใจ เพื่อให้ท่านได้ไปใช้เวลาทำกิจกรรมสุดโปรด ตามที่ท่านต้องการ ได้เพื่อนและสังคมใหม่ๆ 
  • กระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่แนบซองใส่เงินสดหรือเช็คขึ้นเงิน เพื่อเซอร์ไพรส์เมื่อท่านแกะกระเช้าที่ดูเหมือนจะเป็นกระเช้าของขวัญธรรมดาๆ 
  • กระเช้าของขวัญเพื่อสุขภาพ ที่อาจแนบแพ็กเก็จตรวจสุขภาพฟรี หรือบัตรสมาชิกคลาสออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ 

ของขวัญให้ผู้ใหญ่ 

เมื่อจะให้ของขวัญผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นญาติหรือบุคคลที่ให้ความเคารพ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกเป็นกระเช้าของขวัญให้ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกระเช้าผลไม้ หรือกระเช้าเพื่อสุขภาพ และกระเช้าของขวัญสำหรับผู้ใหญ่ยอดฮิตแถมยังหาซื้อได้ง่าย ก็จะมีกระเช้ารังนกแบรนด์ กระเช้าของขวัญโครงการหลวง กระเช้าของขวัญแบรนด์ซุปไก่ กระเช้าน้ำผลไม้ต่างๆ แต่เรามีตัวอย่างของขวัญสำหรับผู้ใหญ่ให้เก๋กว่าเดิม 

  • ญาติผู้ใหญ่ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนม : แพ็กเก็จตรวจสุขภาพ เครื่องนวดเท้า ชุดถ้วยชามลายไทย ทริปท่องเที่ยว มื้ออาหารสุดหรู ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ผ้าพันคอสวยๆ แว่นตากันแดดสวยๆ กระเป๋าเดินทางน้ำหนักเบา ชุดชาสวยๆ แก้วใส่ไวน์สวยๆ ไวน์ดีๆสักขวด นาฬิกาตรวจการเต้นหัวใจ ครีมบำรุง Anti aging แบรนด์เคาน์เตอร์ ต้นไม้มงคล น้ำหอม เซ็ตพระมงคลประจำเมือง 
  • ของขวัญผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพแต่ไม่ได้สนิทกันมาก : เซ็ตชุดเครื่องแก้ว เซ็ตจานชาม เซ็ตอุปกรณ์อาบน้ำพกพา ชุดชงชา เซ็ตชุดเครื่องหอมเทียนหอม  กระเป๋าจัดระเบียบสำหรับเดินทาง ต้นไม้มงคล 
  • ของขวัญให้เจ้านายระดับผู้ใหญ่ หรือลูกค้าที่อาวุโส : ชุดแก้วไวน์ ไวน์รสเยี่ยม เซ็ตสมุดโน๊ต+ปากกา อุปกรณ์การพรีเซนต์งานขนาดพกพา กระเป๋าหนัง เซ็ตน้ำหอมพรีเมี่ยม เซ็ตโกนหนวดพกพา หมอนรองคอดีๆ (หากเจ้านายหรือลูกค้าที่ต้องเดินทางบ่อยๆ) หมอนรองเอวสำหรับรถยนต์  

ของขวัญให้แฟน 

การเลือกของขวัญปีใหม่หรือของขวัญคริสต์มาสให้แฟนผู้หญิง ก็อาจต้องเลือกกล่องของขวัญคริสต์มาสที่แปลกๆเก๋ๆสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ซ้ำและจำเจ หากทำเองได้ก็ยิ่งสร้างคุณค่าทางใจ ไม่ว่าจะทำเป็นการ์ดปีใหม่ 

  • ทำของขวัญปีใหม่ DIY 
  • แก้วสกรีนรูปคู่ เสื้อสกรีนรูปคู่ 
  • สร้อยคู่ แหวนคู่ จี้สลักชื่อคู่ 
  • เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ 
  • น้ำหอมกลิ่นโปรด 
  • มื้ออาหารสุดหรู 
  • Scrapbook รวมเรื่องราวของทั้งคู่ หากคุณแฟนได้ รับรองว่าระทวยกับความใส่ใจและโรแมนติกแน่ๆ 

หรือการซื้อของขวัญให้ในสิ่งที่คุณแฟนต้องการ โดยอาจมีการโยนหินถามทาง การสังเกตว่าแฟนชอบไปหยุดดูสินค้าใด หรือแฟนชอบเข้าไปกดไลค์อะไรเป็นพิเศษในออนไลน์ เมื่อคุณแฟนได้รับของขวัญชิ้นนั้น ก็จะประทับใจสุดๆ ว่าคุณรู้ได้อย่างไร ช่างรู้ใจและคอยเอาใจใส่เสียเหลือเกิน   

ส่วนการเลือกของขวัญให้แฟนผู้ชาย ก็เลือกให้ตามที่แฟนชอบหรือต้องการไปเลย หรือไม่ก็อาจแหวกแนวเพื่อให้ได้เป็นการจดจำในเมมโมรี่ อย่างเช่น 

  • นาฬิกาคู่ที่สั่งทำพิเศษ 
  • บ็อกเซอร์แบรนด์เนม 
  • เติมเงินสตีมเกมส์หรือซื้ออุปกรณ์ในเกมส์(หากแฟนเป็นเกมส์เมอร์หรือชอบเล่นเกมส์) 
  • ตั๋วทริปการเดินทางแบบแอดเวนเจอร์ 
  • แหวนทอง พร้อมสลักชื่อ
  • ตั๋วคอนเสิร์ตศิลปินคนโปรด 
  • ตั๋วเข้าชมกีฬาสุดโปรด 
  • กล่องคูปองตามใจ (เป็นคูปองที่แฟนหยิบใบไหนได้ก็ service ตามในคูปองที่แฟนหยิบได้ เช่น คูปองนวดหลังให้ คูปองสระผมให้ คูปองจ่ายค่าตั๋วหนัง ฯลฯ) เป็นของขวัญปีใหม่ให้แฟนที่ทำได้ง่ายและประหยัดด้วย 

ของขวัญปีใหม่ให้เพื่อน

ของขวัญให้เพื่อนจะค่อนข้างมีตัวเลือกหลากหลาย และหาซื้อได้ง่าย เพียงแต่รู้ว่าเพื่อนชอบอะไรเป็นพิเศษก็จะยิ่งง่าย แยกประเภทเพื่อนก่อน ว่าแนวไหนสายไหน 

  • เพื่อนสายกิน : สารพัดช็อกโกแลตช่อโตแทนช่อดอกไม้ กล่องไม้ที่เต็มไปด้วยสารพัดขนมสุดโปรดของเพื่อน คูปองบุฟเฟ่ต์ร้านโปรด 
  • เพื่อนสายเฮลตี้ : อาหารเสริม เมมเบอร์ฟิตเนส คอร์สฟิตเนส ผ้าซับเหงื่อ ถุงเท้าระบายอากาศ กระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬา  
  • เพื่อนสายเกมส์ : โมเดลเกมส์สุดโปรด คอสเพลย์เกมส์ 

ของขวัญปีใหม่ให้เพื่อนร่วมงาน

จะต่างจากการเลือกของขวัญให้เพื่อน เพราะเพื่อนร่วมงานที่อาจไม่ได้สนิทเหมือนเพื่อนที่เราคบหาปกติ อาจให้ของขวัญวันปีใหม่ด้วยมารยาทหรือธรรมเนียม ก็อาจเลือกที่ดูเป็นกลางๆหน่อย ไม่จำเป็นต้องเป็นของแพง ยิ่งทำงานองค์กรณ์ใหญ่ๆ อาจมีพนักงานเยอะ อาจลำบากตัวเองเกินไปหากต้องซื้อของแพงๆให้เพื่อนร่วมงานทุกคน ซึ่งของขวัญอาจเป็นของเล็กๆน้อยๆเพื่อแสดงน้ำใจ หรือของที่สามารถใช้ในการทำงานได้ เช่น ปากกา สมุดโน๊ต หมอนรองเอว เครื่องตกแต่งไว้บนโต๊ะทำงาน ลิ้นชักเก็บของกระจุกกระจิกสำหรับวางไว้บนโต๊ะ ต้นไม้ฟอกอากาศกระถางเล็กๆ แก้วน้ำเก็บอุณหภูมิ แผ่นรองเม้าส์ 

 ของขวัญจับฉลากปีใหม่

ช่วงเทศกาลทุกปีก็จะต้องมีจับฉลากของขวัญ หรือ แลกของขวัญปีใหม่ เป็นที่สนุกสนานและสร้างความตื่นเต้นให้ได้ลุ้นว่าจะจับได้อะไรและของใครคนไหนกันนะ ซึ่งการจับของขวัญปีใหม่ไม่ได้จำกัดวัยและสถานที่ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นได้ทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน บางแห่งก็จะมีของขวัญแจกปีใหม่ หรือจับฉลากปีใหม่โดยกำหนดราคาขึ้นมาเพื่อให้เท่าเทียมกัน แต่ราคาของขวัญจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของกลุ่ม ส่วนใหญ่จะตั้งงบของขวัญจับฉลาก 100 บาท 200 บาท 300 บาท หรือ ของขวัญจับฉลาก 500 บาท โดยไม่ได้กำหนดกล่องของขวัญ แต่ของที่จับจะต้องมีมูลค่าเท่ากับหรือมากกว่างบที่ตั้งไว้ พยายามอย่าเมคราคา ทั้งที่ราคาไม่ถึง เพราะผู้ที่ได้จะเสียความรู้สึกมากๆ เรามีตัวอย่างของขวัญจับฉลากปีใหม่ที่คนไม่อยากได้ที่สุด จะได้รู้และเลี่ยงกันดีกว่า

ของขวัญจับฉลากที่คนไม่อยากได้ที่สุด 

1.คุ้กกี้หรือขนมต่างๆ เป็นอะไรที่มักจะนำไปจับของขวัญกันตั้งแต่สมัยเรียน เคยจับกันได้บ้างไหม? แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? คนที่จะจับได้ของคุณก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะคุกกี้เป็นที่นิยมในการให้เป็นของขวัญแจกปีใหม่ หรือแม้แต่เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ได้แจกมาแล้วหลายกล่อง แล้วยังมาจับฉลากได้อีก และหลายๆคนก็ไม่ได้ชอบกินขนมที่จับได้ อยากกินอะไร ซื้อเองดีกว่า ดังนั้นคุ้กกี้และขนมทุกชนิดเรียกได้ว่าเป็นของกินที่ไม่ควรนำมาจับฉลากที่สุด

2.ตุ๊กตา หากเป็นเด็กเล็กๆ จับได้สิ่งนี้อาจจะดีใจ แต่ถ้าเลยวัยประถมมาแล้ว ก็คงไม่มีใครอยากจะจับได้ตุ๊กตา เพราะคงไม่มีใครมานั่งเล่นตุ๊กตา มันจึงเป็นของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง นอกจากว่าคนๆนั้นจะเป็นคนชอบตุ๊กตามากๆ หรือเป็นนักสะสม แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นของจับฉลาก ที่มีการสุ่มและไม่มีความแน่นอน หาอะไรที่เป็นของใช้ประโยชน์ได้และเหมาะสมกับวัยจะดีกว่า  

3.ชุดถ้วยชาม เซ็ตแก้วครบชุด อีกรายการที่คนชอบนำมาจับฉลากของขวัญ นึกอะไรไม่ออก ก็ชุดแก้วกาแฟ ชุดจานชาม แม้ว่าจะเป็นของใช้ได้จริง แต่ของเหล่านี้ก็เป็นอีกสิ่งที่มักจะมีคนมอบให้เป็นของขวัญ อาจได้มาเยอะแล้ว ทั้งในกล่องของขวัญวันคริสต์มาส ของขวัญขึ้นบ้านใหม่ บลาๆๆ อาจมีเยอะจนยังเก็บไว้ในตู้ ที่ไม่ได้ถูกนำออกมาใช้ เพราะฉะนั้น หากคิดจะนำชุดถ้วยชาม หรือแก้วกาแฟเป็นของจับฉลาก ก็…พักก่อน

4.ผ้าขนหนู / ผ้าเช็ดตัว ของแจกปีใหม่ ของแจกชำร่วยทุกเทศกาล ที่ได้มาทุกงานๆ ยังไม่ได้ใช้ เก็บจนหนูแทะ ราขึ้นอยู่หลายผืน ของบางอย่างได้ใช้ประโยชน์แน่ๆ แต่ถ้าได้เป็นของแจกของชำร่วยทุกกิจกรรม ก็คงไม่มีใครอยากได้และหมดสนุกกับการจับฉลากไปเลย ผ้าขนหนูจึงควรนำไปมอบให้ได้ แต่ไม่ควรนำมาจับฉลากของขวัญ

5.ของใช้ส่วนตัว ของใช้ส่วนตัว เช่น เซ็ตสบู่ สกินแคร์ น้ำหอม แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ คนชอบใช้ต่างกัน คนที่จับได้อาจไม่ได้ชอบในแบรนด์ หรือกลิ่นในของเหล่านั้น แม้ว่าจะเป็นของเคาน์เตอร์แบรนด์ก็ตาม และของใช้ส่วนตัวเหล่านี้ ใครชอบแบบไหนซื้อใช้เองดีกว่า ของใช้ส่วนตัวต่างๆ จึงเป็นอีกรายการที่ไม่ควรนำมาจับฉลากเช่นกัน 

6.เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก เป็นของใช้ประโยชน์ได้จริง แต่ถ้าเป็นเครื่องราคาถูกเกินเบอร์ ใช้ไปไม่กี่ครั้ง อาจชำรุดหรือพัง ต้องมาเสียเวลาซ่อม หากโชคร้ายเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ความเสียหายที่เกิดขึ้น…นึกออกไหม? เพราะฉะนั้นเปลี่ยนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าดีๆไปเลยดีกว่า ดีต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ที่จับฉลากได้ 

7.ของที่ราคาต่ำกว่ากำหนด แต่เมคว่าอยู่ในเกณฑ์ คิดดูว่า ถ้าคุณไม่ได้มีทุนมากมาย แต่ต้องทำตามเงื่อนไข ยอมจ่ายเพื่อให้ตรงตามราคาที่กำหนด ใช้เวลาคิดและตามหาเพื่อจะหาของที่ดีที่สุด แต่เมื่อคุณจับฉลากได้ของคนอื่นที่คุณเห็นแล้วก็รู้ว่า ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ … มันไม่แฟร์เลยใช่ไหม? เชื่อว่าเข้าใจความรู้สึกนี้กันทุกคน 

8.สมุดโน๊ต อืมม ขอเถอะ พอก่อนนน ที่ได้แจกมาทุกปีๆ ยังเขียนไม่ทันเลย แม้ว่าจะต้องใช้ในการเรียนการทำงานก็เถอะนะ เอาง่ายๆ ถ้าคุณจับได้เป็นสมุดโน๊ต…ชอบไหม? ใจเขาใจเราเนอะ 

9.ระบุเพศ ของขวัญที่เหมาะกับเพศเฉพาะ เช่น ลิปสติก กระโปรง รองเท้าส้นสูง ชุดโกนหนวด ฯลฯ ถ้าคุณเป็นผู้ชายแล้วจับฉลากได้เป็นรองเท้าส้นสูง คุณก็คงไม่ได้ใช้ นอกจากว่าจะมีแฟนและใส่ไซส์นั้นพอดี แต่จะมีสักกี่คนที่จะเป็นเช่นนั้น และถ้าเป็นไปได้ เมื่อจับฉลากแล้วได้ใช้เองจะดีกว่าหรือเปล่า? หรือจับได้สีชมพูจ๋าา ทั้งที่คุณเป็นผู้ชายแมนๆ กล้ามโต เพราะฉะนั้น ของที่นำไปจับฉลาก ควรเป็น unisex กลางๆ สีกลางๆ ที่ใช้ได้ทุกเพศดีกว่าเนอะ

ทั้ง 9 ประเภทของขวัญจับฉลากปีใหม่ที่คนไม่อยากได้ที่สุด ที่เราได้ยกตัวอย่างมา เพื่อเป็นไกด์ไลน์ว่าควรจะเลี่ยง จะได้ไม่ต้องนำมาเป็นลิสในการเลือกซื้อ คนจับฉลากได้ของคุณจะได้ไม่นอยด์เมื่อแกะของขวัญ ส่วนอะไรที่ควรซื้ออะไรที่ควรเลี่ยง ง่ายๆเลย คือยึดหลักใจเขาใจเรา ลองนึกว่าถ้าเป็นคุณแกะห่อของขวัญออกมา สิ่งที่คุณไม่อยากได้ สิ่งที่คุณอยากได้ สิ่งที่คุณพอโอเคหรือจะไม่เฟลมาก น่าจะเป็นอะไร เท่านี้ก็น่าจะสโคปลงมาให้คุณได้ และไม่ต้องปวดหัวว่าจะซื้อของขวัญจับฉลากอะไรดี 

สำหรับการให้ของขวัญ อย่าได้คาดหวังว่าคนรับจะต้องดีใจหรือแสดงความตื่นเต้นที่ได้ เพราะการคาดหวังอาจทำให้ผิดหวัง และไม่ว่าของขวัญจะถูกใจผู้รับมากน้อยเพียงไหนก็ตาม ของขวัญที่มาจากความใส่ใจ การสังเกต นั่นคือมาจากใจ และย่อมเป็นของขวัญที่ดีที่สุดเสมอ … ขอให้สุขภาพดี ชีวิตแจ่มใส มีรอยยิ้มในทุกวัน เป็นของขวัญปีใหม่กับทุกคน

กางเกงยีนส์ ที่มีกันแทบทุกบ้าน ใส่กันแทบทุกวัย นึกอะไรไม่ออก ก็หยิบยีนส์มาใส่ ทำไมกางเกงยีนส์ถึงได้มีแทบทุกตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าแฟชั่นจะเปลี่ยนไปแนวไหน ยีนส์ก็ไม่เคยเอ้าท์ เพราะอะไร?

นั่นก็เพราะว่ายีนส์แมตช์ได้ทุกลุค และใส่ได้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เวลาเร่งรีบหรือไม่ได้จัดเตรียมชุดไว้ เพียงหยิบยีนส์และเสื้อสักตัวมาใส่ ไม่ว่าจะใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อสีขาวก็ดูคูล หรือแค่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ให้ดูแพงแล้วทับด้วยสูท ก็พร้อมลุยงานกึ่งพิธีการได้สบายๆ

ยิ่งเดี๋ยวนี้กางเกงยีนส์ก็มีให้เลือกหลากหลายทรงมากขึ้น ทั้งกางเกงdenim กางเกงยีนส์ทรงกระบอก กางเกงทรงบอย กางเกงยีนส์เอวสูง กางเกงเอวสูงขากระบอก กางเกงยีนส์สกินนี่ กางเกงยีนส์ขาสั้น ยีนส์เกาหลี ฯลฯ ถ้าหากเป็นคนชอบใส่ยีนส์ แต่ห่วงว่าจะใส่กางเกงยีนส์ไม่สวย เพราะทรงกางเกงยีนส์แต่ละแบบก็ไม่ได้เหมาะกับทุกรูปร่างและสัดส่วน ดังนั้นเราจึงมีเทคนิคการเลือกใส่กางเกงให้เหมาะกับรูปร่าง เพื่อใส่ยีนส์ให้สวยมาฝากในบทความนี้ ไปดูกันเลย      

ก่อนอื่นทำความรู้จักกับกางเกงยีนส์แต่ละประเภทกันก่อน 

ยีนส์ผู้หญิงทรง Straight

กางเกงยีนส์ทรง Straight หรือที่เรารู้จักกัน กางเกงยีนส์ขากระบอก เป็นกางเกงทรงตรงและทื่อไม่มีการเย็บเข้ารูป ไม่ใหญ่หรือรัดรูปเกินไป ปลายขาเท่ากับต้นขา ยีนส์ทรงคลาสสิค ที่ไม่ว่ากี่ยุคสมัย ก็นิยมใส่ ไม่มีเอ้าท์ เพราะใส่มิกซ์แอนด์แมตช์กับอะไรก็เข้ากันดี๊ดี มีทั้งกางเกงยีนส์กระบอกเล็ก กางเกงยีนส์กระบอกใหญ่ ใส่แล้วดูขายาว นิยมใส่ยาวปิดเท้า หรือเลยตาตุ่มขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งทรงนี้จะเป็นกางเกงยีนส์นิยม เพราะสามารถใส่ได้ทุกวัย และหยิบมาใส่ได้ทุกโอกาส กางเกงยีนส์ทรงกระบอกเอวสูง ที่ช่วยพรางหุ่น เก็บพุงให้ดูผอมเพรียว ถูกใจสาวๆยิ่งนัก

กางเกงทรง Slim  

กางเกงทรงสลิมจะมีความคล้ายกับทรงสกินนี่ แต่ช่วงบนจะมีความปล่อยหลวม และไปรัดรูปตั้งแต่หัวเข่าลงไป ทำให้มีความเข้ารูปทรง อวดหุ่นสวยๆ แต่สวมใส่สบายกว่าแบบสกินนี่ มีทั้งแบบเอวสูงและเอวต่ำ สามารถหยิบมาใส่ได้ทุกโอกาส จะใส่ทำงาน ใส่เที่ยว หรือลำลองสบายๆ จึงเป็นไอเท็มที่ควรจะมีติดตู้เป็นอย่างยิ่ง

กางเกงยีนส์ทรง Skinny    

สกินนี่ยีนส์ หรือ กางเกงยีนส์ขาเดฟผู้หญิง แต่เนื้อผ้าจะมีความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวได้สะดวก ต้นขาจรดปลายขากางเกงจะแคบลงเรื่อยๆ จะฟิตไปทุกสัดส่วนตั้งแต่บั้นท้ายจรดข้อเท้า ไม่ว่าจะเป็นยีนส์ยืดสกินนี่เอวสูง กางเกงยีนส์สายฝอ กางเกงยีนส์ใส่แล้วผอม กางเกงทรงยอดฮิตของสาวๆ เพราะเป็นกางเกงยีนส์ทรงสวย ใส่แล้วขาเรียวเพรียวสูง มีความรัดรูป เน้นทรวดทรงให้ดูเด่นชัด สวยหุ่นดีเพรียวลมกันเลยทีเดียว ยิ่งสกินนี่ขาดๆยิ่งเท่ห์ สาวสายแฟต้องไม่พลาด ซึ่งสกินนี่ยีนส์ของผู้หญิงก็คือกางเกงขาเดฟชาย 

กางเกงยีนส์ทรงบอย    

กางเกงทรง boyfriend หรือ กางเกงทรงบอยคือ กางเกงตัวโคร่งหน่อยๆสำหรับผู้หญิง ใส่สบายหรือกางเกงยีนส์ทรงที่ผู้ชายใส่กันทั่วไป แรกเริ่มจากสาวๆที่ยืมกางเกงยีนส์แฟนใส่ ก็จะมีความหลวมหน่อยๆตรงเอว ช่วงน่อง ขา และอาจต้องมีการคาดเข็มขัดสุดฤทธิ์ และพับขาขึ้นหากมีแฟนเป็นคนตัวสูง แต่นั่นทำให้สาวๆใส่ออกมาแล้วดูเก๋และสวยไปอีกแบบ จึงมีการผลิตกางเกงยีนส์ทรงบอยขึ้นมาเพื่อสาวๆโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความคล้ายกับทรงกระบอก แต่ช่วงสะโพกและต้นขาจะมีความพองออกมาเล็กน้อย มิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่าย จะใส่กับรองเท้าผ้าใบก็คูล ใส่กับรองเท้าส้นสูงก็สวยเฉี่ยว ถ้าอยากรู้ว่ากางเกงยีนส์ทรงบอยเหมาะกับหุ่นแบบไหน เลื่อนไปอ่านหัวข้อใส่กางเกงยีนส์ให้สวยตามรูปร่างได้เลย

กางเกงยีนส์ทรงบอยสลิม 

กางเกงทรงบอยสลิมคือ กางเกงทรงบอยเฟรนด์ แต่จะมีทรงที่ขาเล็ก เข้ารูป พอดีตัว ปลายขาเล็กกว่าต้นขา จะมีความฟิตมากกว่าทรงบอยปกติ 

กางเกงยีนส์ทรง Boot Cut หรือ กางเกงยีนส์ขาบาน 

กางเกงที่ทรงมองดูคล้ายทรงกระบอกแต่จะมีความโคร่ง ขากว้าง ไม่เน้นรัดรึงตึงขาส่วนไหน ดูเหมือนกางเกงยีนส์หลวม ที่ใส่สบายสุดๆ ให้ลุควินเทจ เหมือนย้อนกลับไปยุค 90  แลดูเปรี้ยวแซ่บ แมตช์เสื้อได้หลายแนว 

กางเกงทรง Flared หรือ กางเกงยีนส์ขาม้า 

ยีนส์ขาม้าจะมีทรงคล้ายกับกางเกงยีนส์ขาบาน แต่ขาม้าจะมีการเน้นรูปทรงตรงสะโพกและช่วงขามากกว่า แล้วค่อยมาปล่อยทิ้งบานตรงปลายขา กางเกงทรงนี้สามารถใส่ได้ทุกรูปร่าง ให้กลิ่นอายกลิ่นอายเป็นกางเกงยีนส์สไตล์วินเทจเรโทร

กางเกงยีนส์ทรง Oversize & Loose

กางเกงทรงนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างมาก โดยจะเลือกไซส์ใหญ่กว่าที่ใส่จริงประมาณ 1-2 ไซส์ จะเป็นแฟชั่นก็ได้ หรือจะเป็นทริคในการใส่พรางหุ่นสำหรับคนอวบ และ

กางเกงยีนส์ขาสั้น

ด้วยอากาศที่ร้อนของเมืองไทย ทำให้มีไม่น้อยเลยที่ ผู้หญิงใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น หรือ กางเกงยีนส์สามส่วน เป็นลุคสบายๆ ใสชิวล์ๆ แต่แฟชั่นเดี๋ยวนี้ การใส่ยีนส์ขาสั้นก็ไม่จำกัดว่าจะต้องใส่อยู่บ้านเท่านั้น แต่สามารถใส่เป็นแฟชั่น ใส่เที่ยว และใส่ทำงานได้ หากรู้จักมิกซ์ แอนด์ แมตช์ให้เป็น และให้ถูกกาลเทศะ อย่างใส่ยีนส์ขาสั้นที่ผ้าเรียบ สียีนส์สุภาพ ใส่กับเสื้อกล้ามแล้วทับด้วยสูท ก็สามารถใส่ทำงานที่ไม่ได้เป็นพิธีการมากนัก หรือจะใส่ขายีนส์สั้นแต่ใส่เลกกิ้งไว้ข้างใน ก็สุภาพขึ้นและยังเป็นแฟชั่นด้วย  

ใส่กางเกงยีนส์ให้สวยตามรูปร่างและสัดส่วน

คนที่มีรูปร่างมาตรฐาน 

คือคนที่มีรูปร่างสามเหลี่ยมชี้บน มี ไหล่ อก ที่เล็ก แล้วมาบานช่วงเอวกับสะโพก เหมาะกับการใส่กางเกงยีนส์ขากระบอก  เพื่ออำพรางความอวบอั๋นของสะโพก 

ผู้ที่มีลำตัวยาว แต่ช่วงขาสั้น เหมาะอย่างยิ่งกับยีนส์เอวสูง เพราะเป็นทรงที่ใส่กางเกงยีนส์เอวสูงให้สวยและดูขายาวเป็นนางแบบ แถมดูสง่า บอกได้สั้นๆว่า เริชชช!

ผู้ที่มีสะโพกผายหรือหุ่นลูกแพร์ หากคุณเป็นสาวสายแฟตัวจริง กางเกงยีนส์ทรงบอย ทรงสกินนี่ และกางเกงขาบาน แบบ Boot cut ตอบโจทย์สุดๆ เพราะให้ลุคทั้งคูล เท่ห์ และแฟจ๋า แมตช์กับเสื้อแฟชั่นก็ง่าย หรือแค่เสื้อยืดก็เก๋ไม่เบา 

ผู้ที่มีช่วงตัวยาว และมีสะโพกเล็ก ควรใส่กางเกงทรงกระบอก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเน้นความเล็กของสะโพกจนเกินไป ทำให้ช่วยดูมีทรงและดูดียิ่งขึ้น 

คนตัวเล็ก คนตัวเตี้ยไม่ควรหาทำเลยคือ กางเกงทรงบอย และกางเกงยีนส์เอวต่ำ เพราะจะยิ่งทำให้ดูตัวเล็กและเตี้ยเข้าไปอีก และยิ่งเอวต่ำกับเข็มขัด จะยิ่งทำให้ขาดูสั้น ถ้าอย่างนั้นคนตัวเตี้ยใส่กางเกงยีนส์แบบไหนล่ะ..ทรงที่จะเสริมให้คนตัวเล็กใส่ยีนส์ให้สวยได้นั้น ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์เอวสูง หรือเอวระดับกลางๆจะดีกว่า จะช่วยให้ใส่ยีนส์ดูดีขึ้น และหากเลือกใส่เอวสูงสีเข้มก็ยิ่งทำให้ดูสูงและผอมเพรียวมากขึ้น ส่วนสีอ่อนก็ใส่ได้และเหมาะกับสาวตัวเตี้ยและผอม ส่วนสาวตัวเล็กและมีรูปร่างกระทัดรัด เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกเล็ก

คนรูปร่างผอมบาง เอว สะโพก เท่ากันหมด ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์ทรงสลิม ที่มีความหลวมช่วงบน หรือขากระบอก จะช่วยให้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมา หรือถ้าผอมมากและหาไซส์ใส่ยาก ควรเลือก  กางเกงยีนส์เอวยืดแบบที่มีผูกเอวได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีผลิตออกมาจำหน่ายเพื่อคนผอมได้มีตัวเลือกมากขึ้น 

คนมีพุงใส่กางเกงยีนส์แบบไหน..ไม่ว่าจะคนผอมหรืออ้วน แต่มีปัญหาพุงใหญ่ ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์เอวสูง เพื่ออำพรางและปกปิดพุง อย่าพยายามใส่เอวต่ำ เพราะจะทำให้เห็นพุงยื่นออกมาได้ชัด ยกเว้นว่าคุณจะไม่แคร์ และไม่ได้ห่วงกับมันมากนัก 

คนรูปร่างสามเหลี่ยมกลับด้าน หรือคนที่มีกล้าม มี ไหล่ อก ปีก หลัง แผ่กว้าง แล้วมาคอดตรงเอง คนที่มีรูปร่างแบบนี้ทำให้เลือกทรงใส่ยากสักหน่อย แต่ก็สามารถเลือกใส่กางเกงยีนส์ทรงกระบอกไซส์พอดีตัว 

สาวๆที่ชอบแต่งลุคคุณหนู แต่อยากสลัดคราบมาใส่ยีนส์ ยีนส์ขาบานจะทำให้ไม่หลุดคอนเซ็ปต์ เพียงแค่แมตช์กับเสื้อเรียบๆ หรือเสื้อที่ไม่มีดีเทลมากไป เพื่อไม่ให้แย่งซีนความบานของกางเกง เท่านี้ก็สวยหรูสไตล์ลูกคุณแล้ว 

สาวหุ่นนาฬิกาทราย เหมาะมากๆที่จะใส่กางเกงสกินนี่ หรือกางเกงขาเดฟ ที่มีการเน้นรูปทรงเพราะใส่อวดสัดส่วนได้สวย เสริมให้ดูดี

คนที่มีต้นขาใหญ่ ไม่ว่าจะคนอวบหรือคนตัวเล็ก แต่มีขาใหญ่ ควรเลือกใส่กางเกงยีนส์ขาบาน หรือกางเกงยีนส์ขากว้างทุกทรง กางเกงทรงบอย ที่มีความกว้างของปลายเล็กน้อย และควรเป็นสีเข้ม เพื่อพรางความใหญ่ของขาให้ดูเพรียวและเล็กลง แต่ถ้าไม่ชอบแนวแฟชั่น หรือไม่ชอบทรงขาใหญ่ๆ ก็เลือกเป็นยีนส์ทรงตรง ที่ผ้าไม่ยืด ปล่อยตรงสบายๆ จะได้ไม่เน้นช่วงขา แต่ถ้าอยากใส่ยีนส์ขาสั้นก็ให้เลือกขากว้าง หรือที่บานออกเป็นทรงเอ และให้ความยาวประมาณคึ่งต้นขา จะช่วยบังตา ไม่เน้นต้นขา ใส่สั้นได้อย่างมั่นใจ 

คนอวบใส่กางเกงยีนส์แบบไหน

เดี๋ยวนี้มีกางเกงยีนส์คนอ้วนมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น กางเกงขากระบอกคนอ้วน (แต่ไม่ควรใส่กางเกงยีนส์ขากระบอกใหญ่ จะยิ่งทำให้ขาตันและดูใหญ่มากขึ้นไปอีก) กางเกงยีนส์ทรงบอยคนอ้วน กางเกงยีนส์เอวสูง แต่ถ้าต้องการใส่ทรงสกินนี่ก็ใส่ได้ เพียงแต่ต้องใส่บอดี้สูทไว้ข้างในก่อน แล้วใส่กางเกงทับอีกที จะทำให้ดูดีกว่า

ผวากันทั่วโลกเมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจน่ากลัวกว่าสายพันธุ์เดลต้า 

 

ด้วยขณะนี้ทั่วโลกได้มีการผวา เมื่อพบว่ามีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่แล้วทั่วโลก ใน 13 ประเทศ และมีการยืนยันแล้วถึง 115 คนด้วยกัน 

 

อิสราเอล เตรียมปิดประเทศชาติแรกของโลก หลังจากพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน แล้ว 2 ราย หลังเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และได้มีการระบาดโผล่หลายประเทศแล้ว โดยจะเริ่มทำการปิดประเทศเที่ยงคืนของวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งเชื่อมต่อวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ในขณะที่อีกหลายประเทศก็เริ่มมีการห้ามผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงในแอฟริกาใต้เข้าประเทศแล้ว ซึ่งประเทศไทยเองแม้จะไม่ได้ปิดประเทศ แต่ก็ได้มีมาตรการห้ามกลุ่มประเทศเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ ชนิด B.1.1.529 หรือที่เรียกว่า โอไมครอน ซึ่งทางกรมฯเองได้มีการติดตามเฝ้าระวัง และมีกำหนดการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยประเทศที่พบและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ B.1.1.529 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศ เซาท์แอฟริกา บอตสวานา เอสวาตินี มาลาวี นามิเบีย เลโซโท ซิมบับเว และ โมซัมบิก 

 

ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากทั้ง 8 ประเทศนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทย รวมไปถึงไม่อนุญาตการลงทะเบียนเพื่อเข้สู่ประเทศไทยในระบบต่างๆแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน เป็นต้นไป  ส่วนผู้ที่เดินทางมาก่อนหน้านี้นั้น ถือว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง จะต้องมีการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน นี้ โดยจะต้องมีการตรวจคัดกรอง 3 ครั้ง ในช่วงวันที่ 1 วันที่ 5 และวันที่ 13 ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย

ไวรัสโอไมครอนถูกพบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ตามด้วยประเทศบอตสวานา และอีกหลายประเทศในแอฟริกาใต้ แต่ขณะนี้ก็ได้มีการแพร่ระบาดไปนอกทวีปแอฟริกาใต้แล้ว ได้แก่ ประเทศ อังกฤษ เบลเยี่ยม อิตาลี เยอรมนี อิสราเอล และ ฮ่องกง รวมถึงอาจมีผู้ติดเชื้อในสาธารณรัฐเช็ก และ เนเธอร์แลนด์ โดยส่วนใหญ่จะมาจากผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ และประเทศกลุ่มเสี่ยง แล้วมีการติดเชื้อระหว่างการกักตัว ก่อนจะลุกลามขยายเป็นวงกว้างขึ้น

 

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการตั้งชื่อสายพันธุ์โควิดกลายพันธุ์ B.1.1.529 ว่า “โอไมครอน”เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 โดยมาจากการเรียกชื่อตามลำดับอักษรกรีก พร้อมให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ด้วยจากการแพร่กระจายตัวได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่ผ่านมา 

ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายเชื้อไวร้สโควิดกลายพันธุ์ โอไมครอน ที่เป็นภาพแรกของโลก จากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากโรงพยาบาลเด็กแบมบิโนจีซู ในกรุงโรม จากอิตาลี (27พ.ย.64) ภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหนามโปรตีน มากถึง 32 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า ถึง 3.5 เท่า ในขณะที่สายพันธุ์เดลต้ากลายพันธุ์ที่ส่วนหนามเพียง 9 ตำแหน่ง ทำให้องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ โอไมครอน อยู่ในกลุ่มรุนแรงสูงสุดหรือกลุ่มที่น่ากังวล (VOC : Variant of Concern) ณ ขณะนี้

 

ที่ผ่านมาได้มีการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 มาตลอด โดยจะมีไวรัสที่ต้องให้ความสนใจ (VOI : Variant of Interest) มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์แลมป์ด้า และ สายพันธุ์มิว ส่วนไวรัสที่ควรติดตาม (VUM : Variant of Under Monitoring) จะมีทั้งหมด 7 ตัว แต่หากจัดเรียงความรุนแรงไวรัสที่น่ากังวล (VOC) ประกอบด้วย 

  • สายพันธุ์อัลฟ่า (สายพันธุ์อังกฤษ) 
  • สายพันธุ์เบลต้า (สายพันธุ์แอฟริก)
  • สายพันธุ์แกมมา (สายพันธุ์บราซิล) 
  • สายพันธุ์เดลต้า (สายพันธุ์อินเดีย) 
  • สายพันธุ์โอไมครอน (สายพันธุ์แอฟริกาใต้) 

โดยการจัดกลุ่มไวรัสดังกล่าวจะใช้องค์ประกอบดังนี้ 

  • การเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรม ที่ทำให้มีการแพร่ระบาดกว้างขวางมากขั้น ความรุนแรงของโรค และความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันหรือวัคซีน
  • การแพร่ระบาดในชุมชน และคลัสเตอร์ในหลายประเทศ 

 

จากการกลายพันธุ์ทั้งหมดที่ผ่านมา พบว่าสายพันธุ์โอไมครอนมีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมมากที่สุด โดยมีมากกว่า 50 ตำแหน่ง และมีการเปลี่ยนแปลงตรงส่วนหนามที่ใช้ก่อโรคในมนุษย์ มากถึง 32 ตำแหน่งด้วย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังระบาดอยู่ ณ ขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของหนามเพียง 9 ตำแหน่ง ส่งผลให้เชื้อโอไมครอนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าเดิม แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลและควรติดตามในสายพันธุ์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังไม่เคยมีการกลายพันธุ์ที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะกลายพันธุ์โปรตีนส่วนหนาม

ด้วยความสามารถของโอไมครอนที่สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า รวมไปถึงเมื่อติดเชื้อแล้วก็ไม่แสดงอาการ ทำให้มีการแพร่กระจายโดยไม่รู้ตัว และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

จึงต้องมีการเฝ้าระวังและจับตามองอย่างใกล้ชิด ความรุนแรงอาการของโรค และอัตราการเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้จะมีมากน้อยเพียงใด ประเด็นที่สำคัญคือ จะมีการดื้อหรือต้านวัคซีนหรือไม่ 

 

ดูได้จาก ออสเตรเลียที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้แล้ว 2 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งทั้ง 2 คน ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 เข็ม แต่การติดเชื้อรอบนี้เป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ รวมไปถึง ผู้โดยสารจากแอฟริกาใต้ จำนวน 61 คน จาก 2 เที่ยวบิน ที่เดินทางสู่เนเธอร์แลนด์ มีเชื้อโควิด-19 เป็นบวก ที่อยู่ระหว่างการกักตัวใกล้อากาศยานสคิปโฮล อัมสเตอร์ดัม ทั้งที่มีการเอกสารการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ และได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง ทำให้เป็นที่น่ากังวลว่าจะมีเชื้อสายพันธ์ุใหม่นี้ด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจจะขยายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการ ซึ่งจะเป็นพาหะของเชื้อได้อย่างดี 

อาการของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 แพทย์หญิง แแองเจลิเก้ โคเอตซี ประธานแพทยสภาแอฟริกาใต้ ผู้ที่ออกมาเตือนเรื่องเชื้อไวรัสโอไมครอนเป็นคนแรก ได้กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้พบโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ จากผู้ติดเชื้อที่คลินิกในกรุงพริทอเรีย พบผู้ที่มีอาการผิดแปลกไปจากผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ ในผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ 24 ราย โดยส่วนหนึ่งจะเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และมีสุขภาพแข็งแรงดี จะมีลักษณะอาการที่ไม่ปกติแต่ไม่รุนแรง ในกลุ่มผู้ที่มีสุขภาพดีและแข็งแรง จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกายและกล้ามเนื้อ แต่ในจำนวนทั้งหมดนี้ไม่มีการสูญเสียการรับรสและการได้กลิ่น และอีกเคสที่น่าสนใจคือ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่มีอาการตัวร้อน อัตราการเต้นหัวใจสูง และอาจจะต้องทำการแอดมิต แต่หลังผ่านไป 2 วัน ก็มีอาการดีขึ้น ซึ่งลักษณะอาการเหล่านี้ยังถือว่าเป็นอาการเบื้องต้นที่พบได้ในขณะนี้ ยังต้องทำการศึกษาความรุนแรงของอาการต่อไป เพราะในขณะเดียวกันก็พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนที่อิตาลี เป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม และสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ก็ยังได้รับการติดเชื้อเช่นกัน 

ระวังการใช้ชุดตรวจบางยี่ห้ออาจให้ผลตรวจเป็นลบปลอม 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ดาวน์โหลดรหันพันธุกรรมทั้งจีโนมของ โอไมครอน ทั้ง 115 ตัวอย่าง ทดสอบด้วยวิธีชีวสารสนเทศกับตัวตรวจ ของชุดตรวจ PCR ที่ทาง WHO ให้การรับรอง ปรากฏว่าการวิเคราะห์ผลบนคอมพิวเตอร์ทั้ง 115 ตัวอย่าง อาจมีปัญหากับชุดตตรวจ PCR บางยี่ห้อ ทำให้อาจตรวจจับจีโนมสายพันธุ์โอไมครอนได้ไม่ดีหรือไม่ได้เลย ทำให้ผลบวกที่อ่อนลง หรือได้ผลลบปลอมได้  

5 ยักษ์ใหญ่วัคซีนเร่งพัฒนาวัคซีนต้านโอไมครอน  

 

บริษัท Moderna ผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์น่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการเพิ่มปริมาณวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิจาก 50 ไมโครกรัม เป็น 100 ไมโครกรัม โดยศึกษาเข็มกระตุ้นเข็ม 2 เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ และจะเร่งพัฒนาเข็มที่ช่วยกระตุ้นภูมิเพื่อป้องกันสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะ ในขณะที่ Johnson & Johnson ของสหรัฐฯเช่นเดียวกัน ได้เริ่มการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับไวรัสโอไมครอนแล้ว 

 

ในส่วน BioNTech ของเยอรมนี และ บริษัท Pfizer ของสหรัฐอเมริกา ได้คาดว่าจะสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโอไมครอนได้ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อทำการวิเคราะห์ว่าควรมีการปรับปรุงวัคซีนที่ใช้อยู่ปัจจุบันหรือไม่ หากต้องปรับปรุง ก็จะสามารถดำเนินการเพื่อต้านสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะได้ภายในเวลาประมาณ 100 วัน 

 

ในขณะที่วัคซีนของโนวาแวกซ์ ระบุว่าได้มีการพัฒนาหนามโปรตีนที่มีพื้นฐาน เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ โอไมครอน โดยเฉพาะแล้ว 

 

ซึ่งจะมีการพัฒนาวัคซีนไปในรูปแบบไหน และความรุนแรงของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอเมครอนจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็ต้องเฝ้าจับตาระวังอย่างใกล้ชิด และจะต้องไม่อยู่ในความประมาท แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม ยังคงต้องใช้มาตรการเดิม ใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้านหรือต้องพบเจอผู้คน เว้นระยะห่าง ล้างมือ พกเจลแอลกอฮอล์ไว้ทำความสะอาดบ่อยๆ ไม่ว่าอย่างไร การไม่ประมาท และตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ยังคงใช้ได้เสมอมา 

The Five Precepts

เมื่อเราไปวัดเพื่อทำบุญ ทำสังฆทาน หรือการไปวัดในวันพระ พระสงฆ์จะให้เรากล่าวอารธนาศีล 5 ก่อนทุกครั้ง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ศีลทั้ง 5 ข้อคืออะไร มีอะไรบ้าง และทำไมศีล 5 เป็นข้อบัญญัติที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์บริบูรณ์?

“ศีล” เป็นข้อบัญญัติแห่งทางศาสนาพุทธและเป็นหลักพื้นฐานสุดสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธและผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งจะมีตามด้วย ศีล 8  ศีล 10  ศีล 227 และ ศีล 311 ข้อ ตามสถานะผู้ถือปฏบัติ  

ศีล แปลว่า “ปกติ” การรักษาศีลจึงเป็นการรักษากาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติ ผู้ที่ไม่มีศีลหรือผู้ทุศีลจึงถือได้ว่าเป็นผู้ไม่ปกติ ดังนั้นการท่องศีล 5 ก่อนทำสวดมนต์ภาวนา หรือทำบุญใดๆ จึงเป็นการแสดงตนว่าเป็นผู้มีใจสูงและถึงพร้อมแก่การปฏิบัติ 

“มนุษย์” แปลว่า “สัตว์ที่มีใจสูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน” ดังนั้นผู้ที่รักษาศีล 5 หมายถึง สัตว์ที่ยกจิตใจสูงขึ้นด้วยเครื่องมือ 5 ประการ หรือ ผู้ที่มีใจสูงครบถ้วน เป็นมนุษย์ครบบริบูรณ์ ต่างจากสัตว์เดรัจฉานโดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าศีล 5 คือเครื่องมือสำหรับช่วยยกใจให้สูงขึ้นกว่าเดรัจฉานและรักษาไว้ซึ่งความเป็นปกติของการเป็นมนุษย์

ศีล 5 ข้อ หรือเบญจศีล 5 ข้อ ไม่ได้เป็นเพียงข้อยึดถือปฏิบัติสำหรับชาวพุทธในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีผู้นับถือศาสนาพุทธทั่วโลก รวมไปถึงชาวยุโรปและแม้แต่ฝั่งอเมริกาก็เริ่มหันมาให้ความสนใจในศาสนาพุทธและศึกษาธรรมะมากขึ้น โดยถือศีล 5 ภาษาอังกฤษมีความหมายเดียวกับ Commandments แต่ค่อนข้างจะเน้นไปทาง Rules of Training ที่เป็นกฏในการฝึกฝนตนเองเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าจะให้ตรงกับศีลห้ามากกว่าก็น่าจะเป็นคำ The Five Precepts 

เบญจศีล 5 / ศีล 5 บาลี / ศีล 5 แปล / องค์ประกอบศีล 5 

1.ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาธิยามิ 

  (Panatipata veramani sikkhapadam samadhiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ 

  (I undertake the rule of training to refrain from destroying life / killing.)

องค์แห่งศีลข้อ1 คือ  

  • สัตว์นั้นมีชีวิต  
  • รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต  
  • คิดจะฆ่าสัตว์นั้น  
  • พยายามฆ่าสัตว์นั้น  
  • สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น    

ศีล 5 ข้อ 1 นี้ นอกจากการฆ่าแล้ว ยังรวมไปถึงงดการทำร้ายร่างกายหรือทำให้คนหรือสัตว์ได้รับบาดเจ็บ การทำทารุณกรรมทั้งต่อคนและสัตว์เดรัจฉาน การกักขังหน่วงเหนี่ยว การผูกมัดหรือกักขังสัตว์ไม่ให้ได้รับความเป็นอิสระหรือผิดไปจากอิริยาบถของสัตว์นั้นจนได้รับความทรมาน เช่น การขังสัตว์ไว้ในกรง ขังปลาไว้ในที่แคบแออัด การรังแกสัตว์เพื่อความสนุกของตน การชนไก่ การชนวัว (ไม่ใช่กีฬาแต่เป็นการทรมานสัตว์) 

2.อทินฺนาทานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาธิยามิ

  (Adinnatana veramani sikkhapadam samadhiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการลักทรัพย์ 

  (I undertake the rule of training to refrain from taking what is not given / stealing.)

องค์แห่งศีลข้อ 2 คือ  

  • ทรัพย์นั้นมีเจ้าของ  
  • รู้ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของ  
  • คิดจะลักทรัพย์นั้น  
  • พยายามลักทรัพย์นั้น  
  • ได้ทรัพย์มาด้วยความพยายามนั้น 

ศีล 5 ข้อ 2 นี้ รวมการโจรกรรมทั้งหมดและการสมรู้ร่วมคิด การให้ความร่วมมือ ได้แก่ การลักขโมย ฉกชิง , ปล้น , ขู่กรรโชก , ฉ้อโกง หลอก , ลวง , ตู่ ปลอม , สับเปลี่ยน , ลักลอบ , ยักยอก , เบียดบัง , ตระบัด , สนับสนุนและรับของโจร , รับสินบน , ปอกลอกผู้อื่นให้เสียทรัพย์ หรือแม้แต่การหยิบฉวยของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพย์ ก็นับเป็นการผิดศีลข้อ 2 เช่นกัน 

3.กาเมสุ มิจฺฉาจารา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ  

  (Kamesu miccajara veramani sikkhapadam samadiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม

  (I undertake the rule of training to refrain from sexual misconduct.)

องค์แห่งศีลข้อ 3 คือ 

  • ชาย-หญิง ที่มีคู่ครอง / เป็นผู้ถือบวช / เป็นหญิงที่อยู่ในความปกครองบิดามารดาหรือญาติ
  • คิดเสพเมถุนหรือล่วงละเมิด ชาย – หญิง ที่ไม่ควรละเมิด
  • ประกอบกิจทางกามกับบุคคลที่ไม่ควรละเมิด
  • ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน

ศีล 5 ข้อ 3 นี้ ครอบคลุมผู้ที่ไม่ควรละเมิด ได้แก่ ชาย-หญิงที่ไม่ใช่คู่ครองของตน ผู้ถือบวช ได้แก่ พระสงฆ์ สามเณร ชี ชีพราหมณ์ ชายและหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรืออยู่ในความปกครองของบิดามารดาหรือญาติ และ ชาย-หญิงที่ไม่ยินยอมให้ละเมิดแต่โดนบังคับในทุกกรณี

4.มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

  (Musavada veramani sikkhapadam samadiyami)

  ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการพูดเท็จ

  (I undertake the rule of training to refrain from false speech.)

องค์แห่งศีลข้อ 4 คือ 

  • ไม่ใช่เรื่องจริง 
  • มีจิตหรือเจตนาจะพูดให้ผิดไปจากเรื่องจริง
  • พยายามพูดให้บิดเบือนไปจากความจริง 
  • ผู้ฟังเข้าใจผิดไปจากความจริงตามเจตนาของผู้พูด 

ศีล 5 ข้อ 4 นี้ รวมถึงการพูดปด พูดบิดเบือนความจริง พูดเสริมความ พูดอำความ พูดสาบาน ทำเล่ห์กระเท่ห์ มารยา เพื่อให้คนเข้าใจผิดไปจากความจริง หรือหลอกให้คนเข้าใจผิด เช่น การแกล้งป่วยเพื่อให้ได้สิ่งที่มุ่งหวัง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก หากทำไปเพื่อเป็นการช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจ อันนี้ถือเป็นการอนุโลมการพูดเท็จ 

5.สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

  (Suramerayam Chapamatthana veramani sikkhapadam samadiyami)

   ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและของมึนเมา

  (I undertake the rule of training to refrain from distilled and fermented intoxicants causing heedlessness.)

องค์แห่งศีลข้อ 5 คือ 

  • น้ำเมาหรือมีฤทธ์ให้มึนเมา 
  • รู้ว่าเป็นน้ำเมาหรือมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ให้มึนเมา 
  • พยายามดื่มน้ำเมา 
  • น้ำเมาได้ล่วงผ่านลำคอ

ศีล 5 ข้อ 5 นี้ นอกจากการดื่ม สุรา-น้ำเมาที่ถูกกลั่นให้มีรสชาติเข้มอย่างเหล้าต่างๆ และ เมรัย-น้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น เช่น  เหล้าดิบ กระแช่ น้ำตาลเมา แล้ว ยังรวมไปถึงสิ่งเสพติดทั้งหมด การเสพฝิ่น กัญชา เฮโรอีน ยาบ้า ยากล่อมประสาท ครอบคลุมไปถึงสิ่งที่ทำให้มึนเมา มีผลต่อการกล่อมประสาท แต่กรณีที่มีเจตนาในการรักษา เช่น การใช้กัญชาเพื่อการรักษาความเจ็บป่วยตามอาการ ถือเป็นข้ออนุโลม 

การยึดถือและปฏิบัติตามข้อเบญจศีลหรือศีล 5 เพื่อยกจิตใจให้สูงขึ้นให้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ในการผิดศีล 5 ข้อ ได้ดังนี้

รักษาศีล 5 ครบทุกข้อ มีความเป็นมนุษย์ 100% คือเป็นผู้ที่มีใจสูง 

ผิดศีล 1 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 80%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 20% 

ผิดศีล 2 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 60%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 40%

ผิดศีล 3 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 40%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 60%

ผิดศีล 4 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 20%  ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 80%

ผิดศีล 5 ข้อหรือไม่มีศีลเลย เทียบเท่าสัตว์เดรัจฉาน 100% ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “มนุษย์” 

ด้วยเหตุนี้เองการรักษาศีล 5 จะทำให้เราแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เนื่องจากมีการรักษา กาย วาจาและใจให้สูงกว่าเป็นปกตินิสัย ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์อย่างบริบูรณ์ทั้งในสรรพนามและความหมายที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแค่คำเรียกขาน แต่จิตใจและการกระทำไม่ได้สูงตามความหมาย หากสรุปให้เข้าใจได้ง่ายตามหลักศาสนาพุทธ “ศีล 5” คือเครื่องมือที่ช่วยแยกเราออกจากความเป็นสัตว์เดรัจฉานนั่นเอง 

“Trick or Treat” จะให้หลอกหรือให้ปล้น เอ้ยย ไม่ใช่ จะให้ขนมหรือให้หลอก … นี่ก็ใกล้สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว เป็นอีกวันที่เด็กๆรอคอย  เพราะเป็นวันเทศกาลฮาโลวีน ที่จะได้แต่งชุดผีออกไป Trick or Treat ในการขอขนมตามบ้านต่างๆ และมีการจัดบ้านเรือนเป็นแฟนตาซีธีมผีหลากชนิด รวมไปถึงจัดตกแต่งด้วยการจุดเทียนภายในฟักทองที่แกะสลักให้มีตามีฟันเหมือนกำลังแสยะยิ้ม!

เรามารู้จักสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันฮาโลวีน วันที่มีธีมสีส้มดำและการแต่งผีกันทั่วโลก และรู้ถึงที่มาของสิ่งเหล่านี้กันหน่อยดีกว่า 

Trick or Treat 

เมื่อแปลแล้วจะหมายถึง หลอกหรือเลี้ยง โดยเด็กๆจะแต่งตัวเป็นผีต่างๆ แล้วไปเคาะประตูบ้านเรือนต่างๆ แล้วเอ่ยคำว่าTrick or Treat คือจะยอมให้ขนมหรือจะให้หลอก หากเจ้าของบ้านตอบว่า Treat แสดงว่ายอมให้ขนมแต่โดยดี แต่ถ้าตอบว่า Trick ก็คือไม่ให้ขนมแต่ให้เด็กๆหลอกผีใส่แทน โดยเด็กที่ไปเคาะประตูอาจมีการหลอกหรือแกล้งเล็กๆน้อยๆ เช่น ทำท่าทางหลอก อาจแกล้งนำไข่ดิบใส่ในตู้จดหมาย นำหนังสือพิมพ์ไปซ่อน ฯลฯ แต่สุดท้ายเจ้าของบ้านก็จะให้ขนมหรือลูกกวาดกับเด็กๆในที่สุด โดยเด็กๆจะเลือกเข้าไปเคาะเรียกจากการที่มีการตกแต่งด้วยฟักทองจุดเทียนไว้หน้าบ้าน เพราะนั่นหมายถึงยินดีต้อนรับเด็กๆเข้าไปทำการเล่น Trick or Treat (โดยเจ้าของบ้านจะมีการเตรียมขนมหรือลูกกวาดต่างๆไว้ให้) 

ที่มาของการเล่น Trick or Treat นี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อคริสต์ศตวรรษที่9 โดยชาวยุโรปจะยึดถือวันที่ 2 พฤศจิกายน จะมีการขอบริจาคขนมเค้ก หรือเรียกว่า Soul Cake เป็นเค้กสำหรับวิญญาณ เพราะเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของผู้ที่บริจาคขนมเค้กจะได้บุญมากขึ้น และมีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์มากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นขนมต่างๆให้กับเด็กๆแทนขนมเค้ก

หัวฟักทองแกะสลัก 

หัวฟักทองที่ถูกเจาะทำตา แกะสลักทำเป็นปากที่กำลังแสยะยิ้ม หรือที่รู้จักในนามว่า Jackólantern (แจ็ค โอ แลนเทิร์น / lantern = ตะเกียง) หัวฟักทองแกะสลักและจุดเทียนไว้ด้านในสำหรับการตกแต่งไว้หน้าบ้านยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์เทศกาลฮาโลวีน โดยมีที่มาจากเรื่องเล่าตำนานของชาวไอริช ที่กล่าวถึงชาวนาจอมเจ้าเล่ห์ชื่อ แจ็ค ที่ในสมัยนั้นจะมีจอมปีศาจออกขอพืชผลจากชาวบ้าน และไม่มีบ้านไหนที่จะกล้าปฏิเสธเพราะกลัวต้องคำสาป แต่แจ็คกลับไม่หวาดกลัวและไม่เคยให้อะไรกับปีศาจเลย จนกระทั่งวันหนึ่งปีศาจได้มาปรากฏตัวและสำแดงเดชกับแจ็คเพื่อให้เขาหวาดกลัว แต่นอกจากแจ็คไม่กลัวแล้ว ยังหลอกล่อให้ปีศาจตามขึ้นไปบนต้นไม้และได้เขียนกากบาทกางเขนไว้ ทำให้ปีศาจถูกขังและไปไหนไม่ได้ แจ็คจึงทำข้อตกลงกับปีศาจอย่ามาวุ่นวายกับเขาอีก และห้ามมีคำสาปใดๆหรือพาเขาลงนรก แล้วแจ็คก็ได้ทำการปล่อยปีศาจหลังจากที่ทำการตกลง เมื่อแจ็คตายลงวิญญาณเขาไม่สามารถไปสวรรค์ได้เพราะความดีไม่เพียงพอ แต่ก็ลงนรกไม่ได้ด้วยข้อตกลงกับปีศาจ ทำให้วิญญาณของแจ็คต้องเร่ร่อน ท่ามกลางความมืดและอากาศที่หนาวเหน็บ ปีศาจได้ให้ท่อนไฟจากนรกที่คุกรุ่นกับเขาเพื่อคลายความหนาว และแจ็คก็ได้นำใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อไฟจะได้ไม่ดับ…จากนั้นมาชาวไอริชก็ได้ทำตามโดยการแกะสลักผักกาดturnipให้กลวงเหมือนโคมไฟและใส่ไฟไว้ด้านใน เป็นสัญลักษณ์แห่งการหยุดความชั่วร้าย แต่การจัดฮาโลวีนในอเมริกา ได้ใช้หัวฟักทองแทนผักกาดเพราะหาได้ง่ายกว่ามาก จึงมีการใช้หัวฟักทองแกะสลักมาจนถึงปัจจุบัน 

ประวัติวันฮาโลวีน 

วันฮาโลวีนมีจุดกำเนิดที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์(Celt) หรือ เซลติค (Celtic) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน เรียกในชื่อ Samhain (โซว์อิน) ที่เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย บางคนก็จะเรียก Festival of the Dead (เทศกาลแห่งความตาย) และในวันที่ 31 ตุลาคม ก่อนที่จะถึงปีใหม่ จะเป็นวันที่ภพภูติผีเปิด ทำให้ทุกมิติภพเปิดถึงกัน โดยเหล่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะถูกเชื้อเชิญอย่างดี แต่จะขับไล่เหล่าผีร้ายอื่นๆ ด้วยเหล่าวิญญาณผีต่างๆจะพยายามสิงร่างมนุษย์เพื่อจะได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านจึงต้องปิดไฟในบ้านให้มืด ให้หนาวเย็นไม่เป็นที่ต้องการของเหล่าภูติผี และพยายามแต่งตัวเลียนแบบเป็นผี เพื่อจะได้กลมกลืนและปลอดภัยจากผีร้ายและจากการถูกผีสิง หรือตะโกนส่งเสียงดังให้ผีตกใจและเตลิดหนีไป 

นอกจากนั้นยังเป็นคืนการเฉลิมฉลองสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจนำพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้มาบูชาให้ภูติผีวิญญาณ และทำการดับไฟทุกดวงแล้วจุดขึ้นมาใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์ โดยบางตำรายังกล่าวว่ามีการเผาคนที่น่าจะถูกผีร้ายสิง เพื่อให้เหล่าผีทั้งหลายหวาดกลัวและไม่มาเข้าสิงคนเป็นอีก แต่เมื่อชาวโรมันได้ทำการสืบทอดประเพณีมาจากชาวเซลท์ ก็ได้ตัดพิธีการนี้ออกไป แต่นำหุ่นฟางมาเผาแทน และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนเลิกเชื่อคนถูกผีสิง จึงเหลือเพียงแต่การแต่งกายเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดต่างๆ แล้วแต่ความครีเอทและจินตนาการ 

จนเมื่อถึงสมัยที่ชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีนอกรีตนอกศาสนาคริสต์ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่1พฤศจิกายน เป็นวันฉลอง  All Hallows’ Day และได้มีการเปลี่ยนเป็น All Saints’ Day ซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญ และวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็น All Souls Day เป็นวันแห่งวิญญาณ คือเป็นวันแห่งการระลึกถึงผู้ที่จากไป และสวดมนต์ให้กับผู้ตาย ส่วนคืนวันที่ 31 ตุลาคม หรือ Hallows’ Eve และได้มีการเรียกเพี้ยนเป็นวัน Halloween มาจนถึงปัจจุบัน

โดยแต่เดิมเทศกาลฮาโลวีนจะจัดขึ้นในประเทศไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ อังกฤษ และประเทศใกล้เคียง แต่เมื่อชาวไอริชได้ทำการย้ายหลักแหล่งไปในตั้งรกรากในอเมริกา และได้นำประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ก็เป็นที่ถูกใจของชาวอเมริกาพื้นเมืองดั้งเดิม จึงได้นำไปจัดตามอย่างจริงจังจนเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนถึงทุกวันนี้ 

กิจกรรมในวันฮาโลวีน

นอกจากตกแต่งบ้านด้วยฟักทองแกะสลัก แต่งตัวแต่งหน้าเป็นธีมผีต่างๆ และเดินเคาะขอขนมของเด็กๆที่เรียก ทริค ออร์ ทรีสแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมที่นิยมในวันฮาโลวีน คือการนำแอปเปิลและเหรียญหกเพนซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกของสองสิ่งนี้ได้และใช้ปากคาบเหรียญหกเพนซ์ขึ้นมาได้ และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดได้ในครั้งเดียว เชื่อกันว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปี

อีกความเชื่อหนึ่งที่ทางด้านสาวๆอังกฤษนิยมทำในเวลเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน คือการออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านขนิดหนึ่งพร้อมกับท่องคาถาและอธิษฐาน โดยมีใจความว่าให้เมล็ดป่านที่หว่านนั้น ให้บันดาลปรากฎลักษณะของผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตให้เห็น หลังจากนั้นจะเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตน ก็จะเห็นลักษณะรูปร่างของผู้ชายคนนั้น 

ปัจจุบันกิจกรรมในวันฮาโลวีนจะมีการแข่งขันประชันการแต่งกายแต่งหน้าผี กิจกรรมที่เด็กๆหลายคนชื่นชอบและรอคอยเพราะจะได้ขนม อีกทั้งยังได้แต่งตัวกันสนุกสนาน ซึ่งปัจจุบันเทศกาลฮาโลวีนไม่ได้มีเพียงแค่ทางยุโรปและอเมริกาเท่านั้น แต่ได้มีการขยายเป็นวงกว้างแทบทั่วโลก และแน่นอนว่าไทยเราเองก็ไม่พลาด เพราะไทยเราเป็นประเทศสุขนิยมชื่นชมเทศกาล อะไรสนุกพี่ไทยจอยด้วย แม้จะเจอวิกฤติไทยเราก็พร้อมจะปรับและเอ็นจอยได้เสมอ อีกไม่กี่วันก็คงจะได้เห็นคนแต่งผีไทยบ้างผีต่างชาติบ้างต้อนรับวันสีดำส้มที่เป็นสีสัญลักษณ์วัน Halloween

เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อนถึงแม้ว่าจะมี 3 ฤดู แต่ปัจจุบันนี้แทบจะเรียกได้ว่า 2 ½  ฤดู เพราะเราสัมผัสความหนาวได้ไม่บ่อยและระยะเวลาก็สั้นลงเรื่อยๆทุกปี บางปีนี่หลายๆคนต้องเดินทางเพื่อไปปะทะลมหนาวถึงภาคเหนือและแถบอีสานบางจังหวัดเลยทีเดียว เพราะหาความหนาวในเมืองกรุงไม่ค่อยจะเจอ แต่ถึงแม้ว่าเราจะโหยหาฤดูหนาวดังเช่นที่เคยมีมา แต่เมื่อเวลาหนาวมาทีก็เล่นสั่นไปถึงขั้วหัวใจจนต้องโบกมือลาน้องน้ำกันสักพัก 

 

ยิ่งกรมอุตุฯเตือนว่าหนาวที่ใกล้จะถึงนี้อาจหนาวได้ถึง 19 องศาฯในบางพื้นที่ นอกจากต้องเตรียมเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ อุปกรณ์คลายหนาวต่างๆ และเตรียมร่างกายให้แข็งแรงเพื่อพร้อมรับมือความหนาวแล้ว การได้ดื่มเครื่องดื่มดีๆ ที่ไปช่วยสร้างความอบอุ่นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ง่ายๆและสร้างความสุขเล็กๆได้ไม่น้อยเลย จะมีเครื่องดื่มอะไรบ้างเราไปดูกันเลย 

กาแฟ

คอกาแฟคงถูกใจเมนูแก้วนี้กันถ้วนหน้า เพราะเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดดื่มกันประจำกันอยู่แล้ว การได้สูดกลิ่นกาแฟหอมๆ ลิ้มรสกลมกล่อมสักแก้วจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น และกาแฟมักจะเป็นเครื่องดื่มคลายหนาวยอดฮิตอันดับต้นๆ ทั้งหาดื่มง่าย และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากกาแฟจะช่วยกระตุ้นประสาทส่วนกลางทำให้ตื่นตัว ยังช่วยขับไล่ความปวดเมื่อยล้าเนื่องจากไข้หวัด ป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้โดยแนะนำให้ดื่ม 2แก้ว / วัน ช่วยป้องกันโรคพาร์กินสันและนิ่วในถุงน้ำดีโดยมีคำแนะนำให้ดื่ม 34แก้ว / วัน แต่ถ้าอยากดื่มเพื่อความสดชื่นตื่นตัวมีคำแนะนำให้ดื่ม 2 แก้ว / วัน แต่ทั้งนี้ควรดื่มเป็นกาแฟดำร้อนถึงจะช่วยคลายหนาวและได้รับประโยชน์ของกาแฟเต็มเม็ดเต็มหน่วย 

ชาร้อน

ในใบชามีสารโพลิฟินอล (Polyphenol) คาร์โบไฮเดรท และกรดอะมิโน เมื่อสารเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับน้ำลาย จะช่วยกระจายความร้อนในร่างกายพร้อมขับสารพิษออกไป ช่วยขยายหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยบรรเทาอาการหวัดและการปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ มีหลากหลายเมนูชา สามารถเลือกดื่มได้ตามชอบของแต่ละบุคคล ทั้ง ชาตะไคร้ใบเตย ชาใบหม่อน ชากุหลาบ ชาอู่หลง ชามะนาว ฯลฯ แต่ต้องเป็นชาร้อนและไม่ใส่น้ำตาลจะดีที่สุด เพราะทั้งช่วยคลายหนาวและดีต่อสุขภาพ ยกตัวอย่างชาที่นิยมในหน้าหนาว

 

  • ชาเขียวร้อน ชาเขียวที่ใครหลายคนคุ้นเคย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาขียวใส่นมและเป็นแบบเย็น แต่ชาเขียวร้อนที่ไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาล จะให้ประโยชน์ที่มากมายกว่าที่คิด เนื่องจากชาเขียวมีธิโอฟิลลีนและคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้สดชื่นตื่นตัว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดระดับไขมันเลวและเพิ่มไขมันดี ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยชะลอการเกิดโรคเบาหวาน ช่วยลดน้ำหนัก 

 

  • ชาคาโมมายล์ ดอกคาโมมายล์อุดมไปด้วยสารฟาโวนอยด์ น้ำมันหอมระเหย กรดฟิโนลิก มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ เมื่อนำมาทำเป็นชาดื่ม น้ำมันหอมระเหยในดอกคาโมมายล์จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายอบอุ่น จิตใจสงบ นอนหลับสนิท ชาคาโมมายล์ยังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ลดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปากและลำคอ เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด บรรเทาอาการเจ็บคอ ไอ มีเสมหะ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนของเพศหญิงได้ด้วย 

 

น้ำขิง

ขิง สมุนไพรไทยที่อยู่คู่ครัวใช้ประกอบอาหารและยามานาน ด้วยสรรพคุณของขิงที่มีประโยชน์นานัปการ น้ำขิงอุ่นๆที่ให้ความเผ็ดร้อนเล็กๆช่วยปลุกให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ให้ความอบอุ่นแก่ภายในร่างกาย ด้วยน้ำขิงมีฤทธิ์ช่วยในการขับเหงื่อ ขยายหลอดลมให้เลือดไหลเวียนสะดวก มีวิตามินซี ช่วยบรรเทาอาการหรือป้องกันหวัดได้ และยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ละลายเสมหะ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการใช้เป็นเครื่องดื่มคลายหนาวได้เป็นอย่างดี 

น้ำมะนาว / น้ำมะนาวน้ำผึ้ง

มะนาว มีวิตามินซีสูง วิตามินเอ วิตามินบี สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดซิตริกที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น การดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆตอนเช้าและก่อนนอนดีกับสุขภาพ ดีต่อระบบลำไส้ กระตุ้นให้ระบบขับถ่ายดี เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยแก้หวัด ลดไอ เจ็บคอ น้ำมะนาวน้ำผึ้งจะช่วยบรรเทาอาการไอและเจ็บคอได้ดี การดื่มน้ำมะนาวสม่ำเสมอยังช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส ลดกลิ่นปาก และยังเป็นผู้ช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ง่ายๆเพียงแค่บีบมะนาวสักซีกผสมน้ำอุ่นดื่มแก้หนาวและได้ประโยชน์มากมาย 

น้ำมะตูม 

มะตูมเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ทางยาอีกชนิดหนึ่ง ช่วยบำรุงธาตุ รักษาธาตุไฟ แก้หวัด แก้ร้อนใน ช่วยบรรเทาอาการไข้จับสั่นและหลอดลมอักเสบ เป็นยาระบาย รักษาอาการท้องผูก ท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้ อากาศหนาวๆ มีมะตูมผงหรือมะตูมอบแห้งติดบ้านไว้ชงหรือต้มน้ำดื่มคลายหนาวก็ดีไม่น้อย หากเป็นมะตูมอบแห้งก็เพียงนำมะตูมแห้งประมาณ 56 ชิ้นต้มน้ำและอาจใส่น้าตาลเล็กน้อยหากใครชอบหวานแต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะเดี๋ยวจะได้สุขภาพแย่แทน ส่วนใครสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องเติมหวานก็จะดีมากๆ 

น้ำกระเจี๊ยบแดงพุทราจีน

น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีนเป็นการรวม 2 คุณประโยชน์จาก กระเจี๊ยบแดง + พุทราจีน เข้าไว้ด้วยกัน เพราะนอกจากจะประสานสรรพคุณให้ดี 2 เท่า การเติมพุทราจีนลงไปเพื่อช่วยลดการกัดกระเพาะของกระเจี๊ยบแดงด้วย โดยกระเจี๊ยบแดงช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงธาตุ แก้กระหายน้ำ แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้ดีพิการ ลดความร้อนในร่างกาย ช่วยลดอาการเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน ส่วนสรรพคุณของพุทราจีนจะช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาฝ้าฟาง ตาบอดในเวลากลางคืนเพราะมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาทและสมอง และเมื่อนำกระเจี๊ยบแดงกับพุทราจีนจีนต้มด้วยกัน โดยอาจเติมน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อยหรือไม่เติมก็ได้เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า แล้วกรองเอาแต่น้ำ ดื่มตอนอุ่นๆจะช่วยคลายหนาวได้ดี หรือถ้าต้มไว้จำนวนมากแล้วดื่มไม่หมด ก็สามารถบรรจุขวดน้ำเก็บใส่ตู้เย็นไว้ดื่มครั้งต่อไป ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น 

 

น้ำเต้าหู้ / นมถั่วเหลือง

น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองมีโปรตีน ไขมันไม่อิ่มตัวสูงถึง 63% จึงให้พลังงานกับร่างกายแต่ดื่มเท่าไรก็ไม่อ้วน  มีวิตามินอีสูง ต้านทานอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำเต้าหู้อุ่นๆทุกเช้าจะช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่ง ชะลอความแก่ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ท้องผูก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้และริดสีดวง นอกจากนี้น้ำเต้าหู้ยังมีสารไอโซฟลาโวน ที่มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ดีต่อสุขภาพผู้หญิงเป็นอย่างยิ่ง ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

 

โกโก้ร้อน / ช็อกโกแลตร้อน 

อีกเครื่องดื่มที่อยากนำเสนอมากๆ สำหรับผู้ที่รักในรสชาติของโกโก้หรือช็อกโกแลต เพราะนอกจากกลิ่นหอมๆชวนดื่มแล้ว แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย มีสารฟลาโวนอยด์ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้ให้ออกซิเจนและเลือดลำเลียงสู่สมองได้ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการเกิดโรคต่างได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด สารโพลีฟินอลช่วยให้หลอดเลือดแดงแข็งแรง เพิ่มไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี(HDL) ช่วยลดการอักเสบและการก่อตัวของลิ่มเลือดได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นดาร์กโกโก้หรือดาร์กช็อกโกแลต หรืออาจเติมนม / น้ำผึ้งสักเล็กน้อยหากใครไม่ชอบขมจนเกินไป

 

และอีกมากมายเมนูเครื่องดื่มที่ช่วยคลายหนาวแถมยังมีประโยชน์กับร่างกาย เพียงเลือกให้ถูกกับสุขภาพร่างกายและดื่มให้ถูกวิธี ทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมทั้งออกกำลังกายสม่ำเสมอ เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับมือลมหนาวที่จะมาปะทะกับร่างกายแล้ว ขอให้สุขภาพดีถ้วนหน้าตลอดลมหนาวค่ะ 

เมื่อภัยมีอยู่รอบตัวไม่เว้นแม้แต่ภัยจากไซเบอร์ หลังจากที่พบว่าใน 17 วัน พบยอดเงินผิดปกติผ่านบัตรกว่า 130 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 117 ตุลาคม 2564 ตรวจสอบพบการตัดเงินที่ผิดปกติจากการใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 10,700 ใบ เป็นเงินมูลค่า 130 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 8090% ที่ตัดเงินจากบัตรเดบิต จากการทำธุรกรรมและชำระค่าสินค้า-บริการกับร้านค้าออนไลน์จากต่างประเทศและจากการจ่ายผ่านเครื่อง EDC (เครื่องที่รับชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกน QR Code , Airpay , ewallet หรือแม้แต่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ ที่เรามักจะเห็นได้ตามร้านค้าต่างๆและห้างสรรพสินค้า จะมีทั้งแบบรูดแถบบัตรและแบบเสียบบัตรเข้าเครื่อง) เป็นหลัก

จากภัยโดนแฮกข้อมูลและดูดเงินไปจนมีผู้เสียหายสูญเงินไปจำนวนมากหลายรายในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นในกรณีบัตรเดบิต เพราะมีการผูกไว้กับเงินในบัญชีและไม่ต้องใช้ otp ยืนยัน แต่ถ้าเป็นกรณีบัตรเครดิตจะเป็นการใช้ก่อนจ่ายทีหลัง จึงเกิดปัญหาได้น้อยกว่า แต่ในกรณีแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบการเงินชี้แจงว่า สามารถเกิดขึ้นได้ไม่เพียงแค่บัตรเดบิตเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับบัตรเครดิต กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์  ecommerce หรือการผูกบัญชีไว้กับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ต่างๆ 

 

ขั้นตอนการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตและเครดิต 

-กดเลือกวิธีชำระ เดบิต / เครดิต 

-กรอกข้อมูลผู้ถือบัตร 

-ตรวจสอบรายการสั่งซื้อ 

-กดยืนยันการชำระเงิน 

-ชำระเงินสำเร็จ 

 

ข้อแนะนำไม่ให้ถูกจารกรรมการเงินทางไซเบอร์ 

เหลือเงินทิ้งไว้ในบัญชีให้น้อยที่สุด ให้มีเงินติดไว้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละเดือน เช่น สำหรับตัดค่าบัตร พอหมดก็เติมใหม่สำหรับโอนจ่าย ณ ตอนนั้น พยายามอย่าผูกบัตรกับช้อปปิ้งออนไลน์ หรือ แพลตฟอร์ม ecommerce และไม่ควรให้คนอื่นรู้เลขรหัส ccv บนบัตรเด็ดขาด และควรทำการขอให้ทางธนาคารหรือแหล่งการเงินที่มีบัญชีส่ง OTP ทุกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันจะมีการใช้จ่ายตัดยอดเงินในบัตรโดยไม่ต้องใช้บัตร ไม่ต้องเซ็นต์ชื่อ เรียกว่า CNP (Card Not Present) เพียงแค่มีข้อมูลดังนี้…

ข้อมูลที่โจรสามารถนำไปใช้ในการจารกรรมได้  

-ชื่อ-นามสุกล หน้าบัตร (Name Surname)

-เลขบัตร 16 หลัก (Card number)

-เดือน / ปี ที่บัตรหมดอายุ (Expiration date)

-รหัส CCV บนบัตร (Card Verification Value Code

 

เมื่อรู้ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถทำการใช้บัตรได้ และบางที่ก็ใช้เพียง ccv ก็ใช้บัตรได้ทันทีเหมือนเป็นเจ้าของบัตรเอง 

 

CCV คืออะไร? CCV คือรหัสที่อยู่บนบัตรเครดิตเพื่อแสดงตัวตนเจ้าของบัตร จะมีตัวเลขอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังบัตร ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร ถ้าเป็นบัตร Visa และ Master Card รหัส ccv จะเป็นตัวเลข 3 ตัวอยู่ด้านหลังบัตรเยื้องไปทางขวาหลังลายเซ็นต์เจ้าของบัตร ส่วนบัตร American Express จะมีรหัส ccv เป็นตัวเลข 4 ตัวอยู่ด้านหน้าบัตรทางขวามือ 

CCV สำคัญอย่างไร? รหัส CCV จะช่วยป้องกันในการที่ผู้อื่นหรือโจรนำไปใช้บัตรทางออนไลน์ เพราะจะต้องรู้รหัสและกรอกเลขเพื่อทำการตัดยอดเงิน แต่ถ้าใครสักคนเห็นรหัส CCV หลังบัตร ก็สามารถนำไปใช้ได้ ดังนั้นควรขูดทิ้งหรือปิดทับให้แน่นแบบถาวร แล้วจดจำรหัสไว้จะเป็นการดีกว่า 

 

OTP (One Time Password) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการรักษาความปลอดภัยจากการจารกรรมข้อมูลและเงินในบัญชีที่ผูกไว้กับบัตร ในกรณีที่บัตรถูกขโมยหรือหายแล้วมีคนนำไปใช้ เมื่อมีการกรอกข้อมูลบนบัตรจรครบ OTP จะเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ผู้ถือบัตรจะต้องทำการใส่เพื่อทำการยืนยันในตัดยอดเงินในบัตร โดยจะมีการขอรหัส otp ก่อนทำการตัดยอดเงินในการใช้บัตรทุกครั้ง แต่ปัจจุบันจะมีการขอรหัสเมื่อมีการใช้ยอดเงินที่สูงเท่านั้น หากชำระยอดเงินต่ำระบบจะทำการตัดเงินทันทีหลังจากใส่ ccv โดยไม่มีการขอ OTP อีก

OTP คืออะไร? OTP คือ รหัสผ่านที่ใช้ครั้งเดียวที่ระบบสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยสำหรับในการใช้ธุรกรรมทางออนไลน์ ซึ่งเป็นเลขชุด 6 หลัก โดยจะมีการส่งแจ้งทาง SMS ไปทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เจ้าของบัญชีทำการยืนยันตัวตนก่อนทำการเข้าถึงข้อมูลหรือทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ และมีเวลาจำกัดในการดำเนินการ เพื่อป้องกันความปลอดภัยในการถูกจารกรรมข้อมูล จึงไม่ควรบอกเลข OTP ให้คนอื่นรู้ 

 

ควรเช็ค URL ของเว็บไซต์ทุกครั้งก่อนทำการชำระเงินช้อปปิ้งออนไลน์ ว่าขึ้นต้นด้วย https ที่คุ้มครองทุกการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ 

อย่าผูกบัตรไว้กับระบบอัตโนมัติเพื่อไม่ให้ระบบจำรหัสบัตรไว้ จะทำให้เสี่ยงต่อการโดนแฮกข้อมูลและการโดนจารกรรมได้ เมื่อทำการใช้บัตรเพื่อจ่ายค่าบริการหรือสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะทำการจองห้องพักโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน ชำระค่าสินค้าใดๆก็ตาม ควรยอมเสียเวลาสักนิดในการเข้ารหัสเมื่อจะทำการใช้จ่ายผ่านบัตรในแต่ละครั้ง และนำข้อมูลในบัตรออกจากระบบทันทีหลังจากเสร็จสิ้นจากการใช้งาน หรือถ้าจำเป็นต้องผูกไว้กับบัญชีเพื่อใช้จ่ายในการตัดยอดชำระค่าบริการรายเดือน เพราะบางครั้งก็ลืมวันกำหนดชำระ เช่น ค่าโทรศัพท์รายเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ  ช่องหนังออนไลน์ เกมส์ที่ต้องมีการเติมเงินและซื้อออฟชั่น ฯลฯ ก็ให้ผูกไว้กับบัญชีที่มียอดเงินจำนวนน้อยๆ เลี่ยงกับการผูกบัตรไว้กับบัญชีเงินเดือนหรือบัญชีที่มียอดวงเงินสูง 

 

สำหรับ sms alert การแจ้งเตือนยอดชำระจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและการบริการของแต่ละสถาบันการเงิน บางแห่งอาจจะมีบริการฟรีเดือนแรกและคิดค่าบริการในเดือนต่อไป ทำให้เจ้าของบัญชีที่อาจมีวงเงินในบัญชีไม่มากทำการยกเลิกเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนที่คิดว่าไม่จำเป็น แต่บางคนก็ยอมจ่ายเพื่อแลกกับการได้รู้ความเคลื่อนไหวทางการเงินในบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีวงเงินค่อนข้างสูง 

 

หากไม่มีหรือไม่ได้สมัครป๊อบอัพ sms alert ไว้ ควรทำการตรวจสอบยอดเงินเข้า-ออกในระบบทางมือถือทุกสิ้นวัน หรือขอ statement กับทางสถาบันการเงินที่มีบัญชีทุกเดือน เพราะมีผู้เสียหายหลายคนที่กว่าจะรู้ว่าโดนเข้าแล้ว ก็สูญเงินไปแล้วในจำนวนไม่น้อยเลย 

พฤติกรรมของแฮ็กเกอร์ 

ส่วนใหญ่ที่ยอดเงินหายไปมักจะเป็นยอดเงินต่ำๆ ตั้งแต่ 20 บาท 30 บาท 40 บาท ฯลฯ แต่ตัดถี่ๆ ภายในระยะเวลาติดๆกันไม่กี่นาทีแต่รวมแล้วสูญเงินไปเป็นจำนวนหลักพัน หรือเวลาที่ห่างกันข้ามวันเพื่อretakeไม่ได้ และระบบก็ไม่ค่อยเตือนในยอดต่ำและที่มีการตัดเงินถี่เกินไป ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นช่วงเวลากลางคืน อาจเป็นไปได้ว่าการโจรกรรมที่เกิดจากต่างประเทศซึ่งอยู่คนละช่วงเวลากับประเทศไทย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากลางวันจะไม่เกิดขึ้น เพราะโจรไม่มีวันหยุดและการปล้นขโมยก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ฤกษ์ยามแบบโจรบ้านเราสมัยก่อน ยิ่งโจรไซเบอร์ยิ่งสามารถทำได้ง่ายและตลอดเวลาเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้นเอง 

 

ถึงแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากข้อมูลรั่วไหลจากธนาคาร แต่เป็นความผิดปกติจากการที่ผู้ถือบัตรนำไปผูกกับร้านค้าออนไลน์ ทั้งที่มีเจ้าของบัญชีอีกหลายรายบอกว่าไม่เคยไปผูกกับร้านค้าใดๆ ไม่เคยใช้จ่ายทางออนไลน์ หรือแม้แต่บางคนก็ไม่มีแม้แต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตก็ตาม แต่ก็ยังมิวายตกเป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน แต่จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ และยังไม่สามารถสาวไปถึงต้นเรื่องการโจรกรรมได้ ด้วยเหตุที่ต้นทางการจารกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากต่างประเทศ 

ดังนั้นเราจึงต้องทำการป้องกันตัวเองให้มากที่สุดตามที่ได้แนะนำไว้ข้างต้น และสำหรับผู้ที่เสียหายสามารถเข้าทำการแจ้งความได้ โดยการไปขอ statement กับทางธนาคารและรวบรวมเอกสารไปให้เจ้าหน้าที่ๆ จะทำการตรวจสอบและประสานงานกับส่วนของธนาคารอีกทีหนึ่ง 

 

ที่สำคัญอย่าลืมจดจำรหัสบัตร ccv ไว้และทำการขูดออกหรือปิดทึบอย่างถาวรเสีย เพราะตัวเลขเหล่านี้เป็นมาตรฐานสากล ทางธนาคารไม่สามารถแก้ไขให้ได้ หากห่วงว่าจะจำรหัสไม่ได้ ให้จดหรือถ่ายรูปไว้ ซึ่งน่าจะสะดวกสำหรับผู้ที่ถือบัตรหลายใบด้วยกัน ส่วนผู้ที่มีบัตรไม่กี่ใบหรือใช้อยู่เพียงใบเดียวยิ่งจดจำได้ง่าย และเมื่อทำการใส่รหัสหรือข้อมูลในการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ให้ทำการนำออกจากระบบทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการชำระ หรือผู้ที่เคยไปผูกหรือใส่ไว้แบบถาวรเพื่ออำนวยความสะดวกนั่น ควรรีบนำข้อมูลออกเพื่อปกป้องทรัพย์สินของตนเอง เพราะสมัยนี้อะไรก็ไว้ใจไม่ได้ จงยึดหลักคำ“ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”ไว้จะดีที่สุด

 

เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน ฝนตกทุกวันไม่เว้นวัน อีกทั้งน้ำท่วมครอบคลุมหลายจังหวัด ทำให้มีโรคที่มากับหน้าฝนและโรคที่มากับน้ำสกปรก เพราะน้ำท่วมขังหลายวันประกอบกับขยะที่เกิดจากประชาชนทิ้งไม่เป็นที่ ทำให้ลอยปะปนกับน้ำบ้าง อุดตันตามท่อระบายน้ำบ้าง ทำให้บริเวณหลายแห่งที่มีน้ำท่วมขังเริ่มเน่าและสกปรกมากขึ้น 

 

ในฤดูฝนทุกๆปีหรือแม้แต่ช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันหลายวันที่เกิดจากอิทธิพลของพายุต่างๆ มักจะมีโรคที่มากับหน้าฝนเป็นประจำ ด้วยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและความชื้นในอากาศ เป็นเหตุให้โรคที่มากับฝนหลายชนิดแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ควรดูแลป้องกันตนเองอย่างไรจากโรคติดต่อในฤดูฝน

โรคที่มากับฤดูฝน

 

1.โรคระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ 

  • โรคไข้หวัด (Common Cold) เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่มีหลากหลายสายพันธุ์ในอากาศ แต่เมื่อเป็นไข้หวัด มักจะเกิดจากสายพันธุ์เดียว และเมื่อหายจากไข้หวัด ร่างกายจะมีการสร้างภูมิต้านทานไวรัสชนิดนั้นขึ้นมา และเมื่อร่างกายอ่อนแอก็จะเป็นไข้หวัดจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ไม่ใช่สายพันธุ์เดิม อาการที่พบได้ทั่วไปคือ ปวดหัว ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอแห้งหรือมีเสมหะ เมื่อไอมากๆอาจเจ็บบริเวณลิ้นปี่ อาจมีอาการหรือโรคอื่นแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิบอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ วิงเวียนศีรษะจากหวัดลงหู หูชั้นกลางอักเสบ สำหรับเด็กเล็กบางคนอาจมีอาการชัก การติดต่อไข้หวัดได้จากสารคัดหลั่ง น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ อาจด้วยวิธีการไปสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีเชื้อหวัด หรือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้วหายใจเอาละอองฝอยน้ำลายในอากาศจากการไอ จาม เข้าไปก็จะทำให้ติดเชื้อหวัดได้ 

 

  • โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินฟลูเอนซาหรือเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี โดยมักจะพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มอายุเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี และกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้แก่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ดังนั้น 2 กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มคนที่ควรดูแลสุขภาพและระวังโรคไข้หวัดใหญ่มากกว่ากลุ่มวัยอื่น อาการที่พบจากไข้หวัดใหญ่ คือ หนาวสั่น ปวดศีรษะ มีอาการคัดจมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอาการอ่อนเพลียมาก ส่วนใหญ่อาการจะหายได้ใน1-2 สัปดาห์ แต่ถ้ามีโรคแทรกซ้อน อย่างเช่น ปอดอักเสบ อาจทำให้มีอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ 

*การป้องกันโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ด้วยการล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น ไม่ใกล้ชิดหรือสัมผัสผู้ป่วย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ปัจจุบันได้มีการเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มผู้สูงอายุควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 

 

  • โรคปอดอักเสบหรือปอดบวม เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจส่วนล่าง อาจเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งสาเหตุของโรคจะมีความแตกต่างกันไป แต่มักจะเกิดต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในฤดูฝน อาการของโรคปอดอักเสบ เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจากมีอาการหวัด หากมีไข้สูง ไอ มีเสมหะ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจหอบเหนื่อย คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หากมีอาการเหล่านี้ให้สงสัยไว้เลยว่าอาจไม่ได้เป็นเพียงแค่หวัดเท่านั้น อาจมีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ 

2.โรคติดเชื้อในคอ

ต่อมทอนซิลอักเสบ เกิดจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย การได้รับเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ ซึ่งอาจเกิดได้ง่ายจากการรับประทานของทอด ของมัน น้ำชา กาแฟ การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย อาการของโรคติดเชื้อในลำคอ หากเกิดจากเชื้อไวรัสจะมีอาการหวัดมาก่อน คอแดง ไม่มีจุดขาวที่ต่อมทอนซิล เจ็บคอโดยเฉพาะเวลากลืนอาหาร สีเสมหะ น้ำมูกใส แต่ถ้าเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรีย จะเกิดจากการที่มีอาการเจ็บคอเป็นเวลานาน คอแดงมาก มีจุดสีขาวที่ทอนซิล มีเสมหะ มีไข้ มีน้ำมูกเขียว-เหลือง เสียงพูดเปลี่ยน อาจแหบและแห้ง กลืนลำบาก

 

*การป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อในลำคอ  หากเกิดจากเชื้อไวรัส เพียงงดดื่มน้ำเย็น งดทานของทอด ของมัน อาหารรสจัด ดื่มน้ำอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ ก็สามารถหายได้ภายใน3-5วัน แต่ถ้าเจ็บคอที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะและรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด 

3.โรคระบบทางเดินอาหาร

  • โรคท้องร่วงเฉียบพลันหรือท้องเสีย เกิดจากการได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือเครื่องดื่มไม่สะอาด ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วงเฉียบพลัน ถ่ายเหลวหรือเป็นน้ำ มีมูก อาการถ่ายผิดปกติ ปวดท้องแบบบิดเป็นๆหายๆ คลื่นไส้ หรืออาจมีอาการท้องอืดด้วย แม้ว่าโรคท้องร่วงนี้จะไม่มีอันตรายรุนแรง แต่หากมีการถ่ายเหลวต่อเนื่องมากเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ ทำให้อ่อนเพลียหนัก เนื่องจากสูญเสียน้ำและแร่ธาตุ หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากรักษาไม่ทัน อาจเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้ 

 

*การป้องกันโรคท้องร่วงเฉียบพลัน ทำได้โดยการเลือกรับประทานอาการที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารดิบและไม่สะอาด ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก ไม่รับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม ไม่นำอาหารสดแช่แข็งละลายด้วยการแช่น้ำตั้งทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เชื้อโรคบางชนิดสามารถเติบโตได้

 

  • อาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อน อาหารเป็นพิษ เกิดจากการดื่มน้ำหรืออาหารที่มีการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อโรคต่างๆ ปรสิต เช่น อะมีบ้า หรือจากอาหารที่เป็นพิษอื่นๆ เห็ดพิษ สารเคมี สารหนู สารตะกั่ว อาการของอาหารเป็นพิษ เมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีพิษเข้าไปประมาณภายใน 2-6 ชั่วโมง จะเริ่มมีอาการปวดท้องแบบบิดเป็นพักๆ แต่จะปวดมากน้อยแล้วแต่ความรุนแรงของเชื้อโรคที่ได้รับ ถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง อาจมีการอาเจียนร่วมด้วย 

 

*การป้องกันและรักษา หากมีอาการไม่รุนแรงมาก ให้ดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ซึ่งจะต้องเป็นเกลือแร่สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย ไม่ใช่เกลือแร่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่จะทำให้เสียน้ำมากขึ้น ไม่ควรทานยาเพื่อหยุดการถ่าย เมื่ออาการทุเลาสามารถทานอาหารอ่อนๆย่อยง่าย หากมีอาการรุนแรงถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง อาเจียนรุนแรง หน้ามืดจะเป็นลม ควรรีบไปพบแพทย์ การป้องกันทำได้โดยวิธีเดียวกับการป้องกันโรคท้องร่วง ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารที่เก็บไว้หรือแช่ในตู้เย็นนานๆ ไม่รับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม ไม่นำอาหารสดแช่แข็งละลายด้วยการแช่น้ำตั้งทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เชื้อโรคบางชนิดสามารถเติบโตได้

4.โรคทางตา 

โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ เกิดจากเชื้อไวรัส ที่อาจเพราะน้ำสกปรกเข้าตา มือสกปรกหรือสัมผัสเชื้อแล้วเผลอนำมาขยี้ตา การใช้สระว่ายน้ำสาธารณะ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะเจอในกลุ่มเด็กมากกว่าเนื่องจากขาดความระวัง โดยจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล เจ็บตา มักมีเมือกขี้ตาสีขาวหรือเหลืองอ่อนจำนวนมาก เพราะติดเชื้อแบคทีเรีย  อาจมีอาการตาบวมร่วมด้วย ถ้าไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน อาการติดเชื้อก็สามารถหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ 

 

*การป้องกันและรักษาโรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้าหรือขยี้ตา ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือที่มีอาการตาแดงแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งรวมไปถึงอย่าพยายามนำมือสัมผัสผู้ป่วยมาสัมผัสใบหน้าและตาตัวเองเด็ดขาด หากมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที หมั่นทำความสะอาดปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดตัว อย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้ป่วยหรือที่มีอาการเยื่อบุตาอักเสบ รวมไปถึงงดการว่ายน้ำในช่วงโรคตาแดงระบาด ในกรณีการรักษานั้นหมอจะให้ยาปฏิชีวนะตามอาการ หากมีอาการปวดหรือเจ็บคอร่วมด้วย หมอจะจ่ายยาบรรเทาอาการปวดและฆ่าเชื้อ และผู้ที่มีอาการตาแดงควรลาหยุดจากงานหรือการเรียนเพื่อพักรักษาตัวอย่างน้อย 3 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น งดการใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าจะหายดี ควรใส่แว่นตากันแดดเมื่อต้องเผชิญกับแสง พักผ่อนให้เพียงพอ พักการใช้สายตา รวมไปถึงไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่นอย่างเด็ดขาด 

5.โรคไข้เลือดออก 

เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เป็นโรคในฤดูฝนที่จะแพร่ระบาดได้สูงถึง 3 เท่าในช่วงเวลาปกติ โดยจะมีไข้ประมาณ 2-7วัน ซึ่งโรคนี้ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นหากผู้ที่มีอาการมีไข้สูงเฉียบพลัน คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร มีจุดเลือดออกเล็กๆขึ้นบริเวณตามตัว กระสับกระส่าย ตัวเย็น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็วและเบา ถ่ายเป็นสีดำเหมือนถ่าน เสี่ยงที่จะมีอาการช็อกได้ ควรรีบนำตัวไปพบแพทย์ สำหรับการดูแลตัวเองหรือผู้อื่นเมื่อมีอาการไข้เลือดออก โดยการทานยาพาราเซตามอลเท่านั้นหากมีอาการปวดศีรษะ ห้ามทานยาแอสไพลินเด็ดขาดเพราะจะยิ่งทำให้เลือดออก เมื่อมีไข้ตัวร้อนให้หมั่นเช็ดตามข้อพับต่างๆเพื่อระบายความร้อน ดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากเหงื่อ ทานอาหารอ่อน แต่ควรงดอาหารที่มีสีดำหรือสีแดงไปก่อน เผื่อในกรณีที่ยังคงอาเจียนจะทำให้มีการวินิจฉัยผิดพลาดได้ เพราะไม่แน่ใจว่าอาเจียนเป็นเลือดหรือสีมาจากอาหารกันแน่ 

 

*การป้องกันจากไข้เลือดออก พยายามอย่าให้โดนยุงกัดโดยเฉพาะเวลากลางวัน หาสิ่งป้องกันการโดนยุงกัด เช่น นอนในมุ้ง ทายาหรือโลชั่นกันยุง ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง อย่าให้มีน้ำขังตามจุดและบริเวณต่างๆรอบบ้าน 

6.โรคฉี่หนู (Leptospirosis)

โรคฉี่หนูเป็นโรคหน้าฝนที่ระบาดมากที่สุด โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะอย่าง หนู สุกร สุนัข โค กระบือ และ แรดคูณ ซึ่งสัตว์พาหะเหล่านั้นอาจไม่แสดงอาการ แต่จะมีเชื้อแบคทีเรียและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งเชื้อจะแฝงอาศัยอยู่ตามดิน โคลน ร่องน้ำ คู คลอง หรือแหล่งน้ำท่วมขังต่างๆ โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะสามารถแฝงและมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นเดือนๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นโรคที่มากับน้ำสกปรก ซึ่งคนจะสามารถรับเชื้อนี้ได้จากทางผิวหนัง เยื่อบุอ่อน เช่น ปาก ดวงตา จมูก โดยเชื้อนี้จะพบได้ในน้ำ อาจติดเชื้อจากการว่ายน้ำ การแช่น้ำท่วมขัง การสัมผัสโดนน้ำที่ปนเปื้อนปัสสาวะหรือเลือดของสัตว์พาหะโดยตรง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่พบการติดต่อจากคนสู่คน 

 

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคฉี่หนูนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีอาชีพเกษตร คนงานขุดท่อลอกคูคลอง ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยมีน้ำท่วมขัง ผู้ที่ได้สัมผัสน้ำที่มีการปนเปื้อนแบคทีเรียดังกล่าว อาการของโรคฉี่หนู จะแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก จะมีอาการปวดศีรษะ มีผื่นคัน คลื่นไส้ อาเจียน ตาแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะบริเวณ หลัง เอว น่อง  และคอแข็ง   ส่วนระยะที่2 จะปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ต่ำๆ เมื่อไข้ลดแล้วก็กลับมามีไข้ได้อีก ช่วงระยะเวลาของอาการไข้อาจนานเป็นเดือน อาจมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ม่านตาอักเสบ ตับและไตทำงานผิดปกติ 

 

*การป้องกันจากโรคฉี่หนู หลีกเลี่ยงการเดินลุยหรือแช่น้ำท่วมขังหรือน้ำสกปรก หากต้องทำงานหรือไม่สามารถเลี่ยงได้ ก็ควรใส่รองเท้าบูทในขณะที่ต้องทำการลุยหรือแช่น้ำ ในกรณีที่มีแผล รอยข่วน รอยถลอกก็เช่นกัน ควรงดการลงน้ำ หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใส่รองเท้าบูทเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าทางบาดแผล รีบทำความสะอาดหรืออาบน้ำทันทีหลังจากมีการย่ำหรือแช่น้ำสกปรกหรือแหล่งที่อาจมีเชื้อฉี่หนูปนเปื้อน หากมีไข้สูงเฉียบพลันและปวดบริเวณน่องมาก ให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำ หรือการสัมผัสน้ำตามแหล่งต่างๆให้กับแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย เพราะโรคฉี่หนูอันตรายหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ 

 

เมื่อรู้แล้วว่าโรคช่วงหน้าฝนมีอะไรบ้างก็ควรเพิ่มความระมัดระวังเพื่อจะได้ไม่เจ็บป่วย นอกจากการหลีกเลี่ยงความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคดังกล่าวแล้ว ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยเสริมภูมิป้องกันให้กับร่างกาย  หาเวลาในการออกกำลังกายตามกำลังและเหมาะสม เพราะเมื่อเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ลดอาการรุนแรงและสามารถหายเป็นปกติได้เร็วนั่นเอง