เข้าเดือนธันวาคม อีกไม่นานก็จะถึงวันคริสต์มาสและวันปีใหม่กันอีกแล้ว กล่าวได้ว่าเดือนธันวาคม เป็นเดือนแห่งเทศกาลความสุขที่ใครหลายๆคนชื่นชอบและรอคอย เพราะเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง มีการตกแต่งสถานที่สวยงาม เสียงเพลงแห่งความสุข และแสงสีของไฟประดับ รวมไปถึงการจัดปาร์ตี้สังสรรค์ต่างๆ โดยเฉพาะการจับของขวัญที่เป็นไฮไลท์ของงานและแทบจะขาดไม่ได้เลย 

 

ไม่ว่าจะเป็นงานคริสต์มาสหรือปีใหม่ เมื่อมีการจับฉลากของขวัญ ไม่ว่าจะเป็นการจับฉลากของขวัญในกลุ่มเล็กๆ หรือจำนวนคนกลุ่มใหญ่ แต่..เบื่อไหม กับการจับฉลากของขวัญปีใหม่แบบเดิมๆ หลีกหนีความจำเจ มาดูไอเดียเก๋ๆในการเล่นจับฉลาก เพื่อนำไปใช้เทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ที่จะถึงนี้กันดีกว่า 

1.ตีมของขวัญจับฉลากแบบกล่องสุ่ม 

ช่วงที่ผ่านมา “กล่องสุ่ม” ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง ทั้งกล่องสุ่มของกิน กล่องสุ่มเครื่องสำอาง กล่องสุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ฮอตฮิตติดชาร์จจนเป็นที่พูดถึง เราเลยโหนกระแสกล่องสุ่ม และนำมาใช้เป็นไอเดียการจับของขวัญเสียเลย ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในการทำเป็นของขวัญจับฉลากครอบครัว ของขวัญจับฉลากออฟฟิศ โดยมีการกำหนดเรทราคาขึ้นมา อาจกำหนดของขวัญจับฉลาก 300 บาท ของขวัญจับฉลากงบ 500 บาท จากนั้นเราก็ไปช็อปและรวบรวมลงกล่องใส่ของขวัญ เหมือนกล่องสุ่มที่กำลังฮิต ไอเดียนี้จะทำให้เราสนุกที่จะหาของขวัญจับฉลากมากขึ้น ส่วนคนจับได้ของเราก็ได้ลุ้นและสนุกขำขัน เมื่อเปิดกล่องแล้วเจอของขวัญแบบจุใจ

2. จับของขวัญตามตัวอักษร

น่าจะมีใครหลายคนเคยเล่นกันมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจยังไม่เคยเล่นการจับฉลากแบบนี้มาก่อน วิธีนี้เป็นการจับฉลากโดยการเสนอตัวอักษร จะเป็นตัวอักษร ก-ฮ หรือ ตัวอักษร A-Z แล้วทำเป็นฉลากจับของขวัญด้วยการเขียนตัวอักษรอย่างละ 1 ตัวลงไปในกระดาษ เช่น เขียน ก , ข , …จนถึง ฮ แล้วม้วนหรือพับกระดาษ จากนั้นใส่ภาชนะอะไรก็ได้เพื่อให้ทุกคนจับ หากคุณจับได้อักษร น หนู คุณก็ต้องหาของขวัญจับฉลาก น หนู ขึ้นต้น เช่น นาฬิกา น้ำหอม หรือจับได้ของขวัญอักษร อ อ่าง  เช่น ไอแพด  (ตุ๊กตา)แอลโล่  เป็นต้น ไอเดียนี้จะทำให้ของขวัญมีความหลากหลาย อีกทั้งยังสโคปให้แคบลงสำหรับคนที่ไม่รู้จะจับของขวัญอะไรดี 

3.จับฉลากจากการแจ้งเตือน 

โดยวางมือถือของทุกคนวางไว้บนโต๊ะ หากเครื่องใครมีการแจ้งเตือนเข้ามาก่อนคนแรก คนนั้นจะเลือกของขวัญเป็นคนสุดท้าย และมือถือใครที่มีข้อความหรือการแจ้งเตือนเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ก็จะได้เลือกของขวัญที่อยากได้เป็นคนแรก 

4.จับฉลากตามธีมสี

กำหนดสีแบบคุมโทนเลย ว่าให้เลือกของขวัญจับฉลากสีอะไร แล้วก็นำของขวัญที่มาจับต้องเป็นสีตามธีม เช่น กำหนดให้ใช้กล่องของขวัญสีขาว ก็ต้องสีขาวทั้งหมด อาจคุมโทนสีทั้งการจัดงาน สีของตกแต่ง สีการแต่งตัว สีของขวัญ ภาพรวมออกมาก็จะดูดี เพราะเป็นโทนเดียวกัน ดูเป็นการวางแพลนมาแล้วอย่างดี      

5.จับของขวัญสุดฮา

อาจกำหนดให้ห่อของขวัญจับฉลากตลกๆ ดูเป็นภาพลวงตา ให้เข้าใจผิดจากรูปร่างหีบห่อข้างนอก เช่น นำของขวัญประกอบกันเป็นรูปร่าง ที่เมื่อห่อแล้วมองเห็นเป็นรูปพัดลม แต่เมื่อแกะออก ของข้างในกลับเป็น ไม้กวาด ที่ตักขยะ และแปรงขัดห้องน้ำ ที่ประกอบกันให้ออกมาเป็นภาพลวงตาดูผิดเพี้ยนไป เป็นต้น ทำให้การจับฉลากได้ทั้งลุ้นทั้งฮา 

6.กำหนดธีมของขวัญราคาเดียวกัน 

การกำหนดราคาของขวัญจับฉลาก เป็นการลดความเหลื่อมล้ำและแฟร์ต่อทุกคน เพราะบางคนนำของราคาถูกมาจับ ในขณะที่บางคนนำของขวัญแบรนด์เนมมาจับ ดังนั้นกำหนดราคาไปเลยจะดีกว่า อาจกำหนดราคาของขวัญจับฉลาก 200 บาท ขึ้นไป หรือเรทราคาของขวัญจับฉลาก 500 บาท เป็นต้น 

7.จับฉลากเบอร์โทร 

นำเบอร์โทรของทุกคนมาจับฉลาก ใครได้เบอร์ไหน ก็โทรไปหาเบอร์นั้น เมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเบอร์โทร ก็ต้องนำของขวัญไปให้คนนั้น ได้ทั้งของขวัญ ได้ทั้งแลกเบอร์โทรกัน ดีไม่ดี อาจได้แฟนในอนาคตด้วย 

8.จับฉลากปาโป่ง 

เกมงานวัดก็มา…เขียนชื่อทุกคนลงในฉลาก แล้วใส่ในลูกโป่ง ให้ทุกคนปาโป่งเหมือนงานวัด ใครปาลูกไหนแตก ก็ให้ของขวัญกับคนที่มีชื่อในลูกโป่งที่ปาแตก 

9.ของขวัญธีม Together

“Together” แน่นอนว่าต้องมากกว่า 1 ชิ้น โดยจะมีกี่ชิ้นก็ได้ แต่ต้องอยู่ในเซ็ตการใช้งานด้วยกัน หรือของที่ต้องทำงานร่วมกัน เช่น จอยเกมส์ หูฟังเกมส์ ถุงมือเกมส์  / ไอแพด เคส หูฟัง / หม้อต้มกาแฟ เครื่องบดกาแฟมือหมุน แก้วกาแฟ  / รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า น้ำยาซักแห้งสำหรับรองเท้า  เป็นต้น ทำให้ของขวัญดูเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และการเลือกซื้อก็ง่าย เพียงแค่คิดว่าจะซื้ออะไรเป็นตัวหลัก 

10.ธีมของขวัญ เดลิเวอรี่

เริ่มจากการเขียนชื่อพร้อมที่อยู่เป็นฉลาก ใครจับฉลากได้ใคร ก็หาซื้อและจัดส่งไปให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในฉลาก เป็นการส่งของขวัญแบบใช้ ขนส่งเป็นซานต้าคลอส ส่งของขวัญแบบ เดลิเวอรี่ ไอเดียการเล่นแบบนี้ก็เหมาะกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสามารถเล่นแลกของขวัญกันได้ตามมาตรการ social distance 

 

11.จับฉลากแบบ Secret Santa 

การเล่น Secret Santa มีหลากหลายแบบ แล้วแต่ใครจะนำไปปรับใช้ โดยเราจะนำที่เคยเล่นมายกตัวอย่าง 

 

  • Secret Santa แบบฉบับทางยุโรป จะเล่นโดยกำหนดวันที่จะเล่นขึ้นมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวันคริสต์มาสอีฟและวันคริสต์มาส แต่บางแห่งก็อาจกำหนดวันอื่นตามสะดวก แต่ภายในเดือนธันวาคม เมื่อกำหนดวันได้แล้ว ก็จะเขียนชื่อทุกคนทำเป็นฉลาก แล้วให้จับฉลากรายชื่อ ใครจับได้ชื่อคนไหน ก็ต้องไปเลือกหาซื้อของขวัญที่คิดว่าน่าจะถูกใจ หรือเป็นของที่คนนั้นอยากได้ แล้วนำมาให้ในวันที่กำหนดเล่นเกมพร้อมกัน (ปัจจุบันมีแอปซีเคร็ทซานต้าหลายเวอร์ชั่นให้เลือกโหลด เพื่อจับฉลากแล้ว โดยให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ใช้แอปแทนการจับฉลาก ทำให้สะดวกหากอยู่กันคนละสถานที่ หรือช่วงโรคระบาดแล้วต้องทำ social distance หรือ work from home)  

 

  • Secret Buddy จะเล่นเหมือนกับ Secret Santa เพียงแต่หลายๆคนอาจเรียกว่าการเล่นบัดดี้ นิยมเล่นในวันคริสต์มาสเช่นกัน แต่ก็มีการนำไปเล่นในกิจกรรมอื่นๆด้วย เช่น การเล่นบัดดี้ในโรงเรียนเพื่อเพิ่มความสามัคคีของนักเรียน การเล่นบัดดี้ในรั้วมหาวิทยาลัยในช่วงรับน้องใหม่ ซึ่งจะเป็นการจับฉลากรายชื่อระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง 

 

  • Secret Santa บอกใบ้ วิธีการจับฉลากรายชื่อเหมือนกัน เพียงแต่นำของขวัญไปซ่อนในจุดที่ห้ามบอกใคร แล้วเขียนคำบอกใบ้สถานที่ซ่อนของขวัญให้กับคนที่เราจับได้ ให้เขาแก้ปริศนาคำใบ้ให้ได้ เพื่อจะได้เจอของขวัญที่เรานำไปซ่อนไว้ 

 

  • Secret Santa ของขวัญซ่อนเงิน ซึ่งไอเดียนี้นำมาจากการกำเนิดประเพณีนำถุงเท้าแขวนหน้าเตาผิง ที่เซนต์นิโคลัส นักบุญเมืองไมรา ปีนปล่องไฟเพื่อนำเงินไปให้เด็กหญิงยากจนที่บ้านหลังหนึ่ง แล้วถุงเงินกลับกระเด็นไปตกลงในถุงเท้า เมื่อเด็กหญิงตื่นมาแล้วจะใส่ถุงเท้าแล้วพบถุงเงิน ก็ได้แพร่ข่าวนี้ออกไป ทำให้ทุกคนที่ได้ข่าวก็นำถุงเท้าไปแขวนหน้าเตาผิง เพื่อจะได้ของขวัญแบบเด็กหญิงบ้าง เกม Secret Santa ของขวัญซ่อนเงิน จึงเป็นการเล่นเลียนแบบ โดยเล่นจับฉลากรายชื่อเหมือนกัน แต่ทุกคนจะต้องนำถุงเท้า(หรืออุปกรณ์อื่นๆ เช่น กระเป๋า / เป้ ฯลฯ ที่สามารถใส่ของได้) ที่ติดชื่อตนเอง แขวนไว้ตรงไหนก็ได้ภายในบริเวณที่จัดเล่นเกมส์ ส่วนคนที่จับได้ชื่อใคร ก็นำของขวัญไปใส่หรือวางตรงกับถุงเท้า(อุปกรณ์ที่แขวนไว้)ของคนนั้น โดยห้ามให้เจ้าของถุงเท้าเห็นเด็ดขาด แต่จะเฉลยหลังจากคนนั้นแกะของขวัญแล้ว 

ทั้ง 11 ไอเดียนี้ มีทั้งการเล่นแบบเก่าและใหม่ รับรองว่าเล่นได้สนุกและไม่ตกเทรนด์ ใครถูกใจแบบไหนก็สามารถนำไปเล่นตามได้เลย หรือจะนำไปปรับ นำไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับกลุ่ม เพื่อฉีกการจับฉลากของขวัญแบบเดิมๆ และเพิ่มสีสันไม่ให้ปีใหม่นี้เงียบเหงา จะเห็นได้ว่า สามารถสนุกได้แม้จะไร้ของมึนเมา ขอให้ทุกคนสนุกกับไอเดียที่เรานำมาฝาก และได้ของขวัญถูกใจกันถ้วนหน้าค่ะ

 

“กินเจหนึ่งมื้อ หมื่นชีวิตรอด” เป็นคำคมกินเจที่อาจมีใครหลายคนคุ้นอยู่บ้าง อีกไม่กี่วันเทศกาลถือศีลกินเจมาถึงอีกแล้ว ซึ่งเทศกาลกินเจ 2564 ก็จะตรงกับวันกินเจที่ 614 ตุลาคม 2564 ผู้ที่ทานเจอยู่ประจำก็พร้อมเตรียมล้างท้องกินเจตั้งแต่วันที่ 5ตุลาคมกันตามปกติอย่างที่เคยทำมา รวมไปถึงผู้ที่ทานเจขาจรที่ทานบ้างตามสะดวก ซึ่งปกติกินเจจะคึกคักกันทุกปี แต่กินเจปีนี้จะค่อนข้างเงียบเหงาไปสักหน่อย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และอุทกภัยน้ำท่วมที่ครอบคลุมไปแล้ว30กว่าจังหวัด ทำให้เทศกาลกินเจปีนี้ไม่คึกคักเท่าเทศกาลกินเจ2563

 

การกินเจนี้มาจากการที่เชื่อว่า เป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีตทั้ง 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ โดยการที่ฆราวาสละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นเพื่อมาบำรุงบำเรอ มาเพิ่มเลือดเพิ่มเนื้อของตน และการสมาทานรักษาศีล รักษาและประพฤติตนให้สะอาดทั้งภายนอกและภายใน โดยนิยมสวมใส่ผ้าขาวเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ปฏิบัติตนให้ขาวสะอาดอยู่เสมอ แต่ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องสวมชุดขาวเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล 

 

เทศกาลกินเจเดือนไหน / กินเจกี่วัน

เทศกาลกินเจของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำถึง 9 ค่ำเดือน 9 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือน11 หรือเดือนตุลาคมของไทย รวมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน แต่บางคนกินล้างท้องล่วงหน้า 1 วันก็รวมเป็น 10 วัน 

 

ทำไมต้องล้างท้องก่อนกินเจ?

ล้างท้องก่อนกินเจคือการปรับสภาพกระเพาะและระบบย่อยอาหารให้คุ้นชินกับการกินเจให้ดียิ่งขึ้น โดยวันล้างท้องกินเจสามารถทำได้ก่อนกินเจวันแรก12 วัน 

เทศกาลกินเจคืออะไร ทำไมต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร?

“เจ” ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานจะหมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล8”  ที่นอกจากจะละเว้นการทานเนื้อสัตว์เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นแล้ว ยังละเว้นจากการทานอาหารหลังเที่ยงวันอีกด้วย รวมไปถึงการรักษาศีล ปฏิบัติดีทั้งทางกาย วาจา ใจ ให้ครบองค์3ตลอดระยะเวลาการทานเจ แต่ก็มีบางคนที่กินเจแต่ไม่ถือศีลด้วยหลายๆเหตุผล บางคนกินเจวันเกิด บางคนก็กินเจเพื่อสุขภาพ บางคนก็กินเจแก้บน แต่บางคนก็กินตามวัฒนธรรมกินเจอย่างเคร่งครัด 

 

กินเจได้สุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจคืออาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยล้างพิษในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย เสริมสร้างระบบภายในร่างกายให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยในความเชื่อของคนจีนเนื้อสัตว์คือหยิน ส่วนผักและผลไม้เป็นหยาง เนื่องจากส่วนใหญ่คนเราจะทานเนื้อสัตว์มากกว่าผักผลไม้ เทศกาลเจที่งดการทานเนื้อสัตว์ แต่เน้นการทานผักผลไม้ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการลดหยินที่มากเกินไป และเพิ่มหยางให้ร่างกายมากขึ้น ทำให้มีความสมดุลระหว่างหยิน-หยาง หรือในอีกมุมหนึ่งก็คือการทานผักผลไม้จะช่วยเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย และลดกรดที่มากเกินไปจากเนื้อสัตว์ ก็เป็นการปรับร่างกายให้สมดุลเช่นกัน แถมอาหารเจไม่อ้วนอีกด้วย คิดว่าข้อนี้น่าจะเป็นเหตุผลของสาวๆหลายคนในการทานเจ

 

กินเจเพื่อทำบุญและละเว้นกรรมที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ฆ่าหรือใช้ผู้อื่นฆ่า หรือแม้แต่เป็นผู้ซื้อจับจ่ายเนื้อสัตว์มาบริโภคในรูปแบบใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดรอนชีวิตสัตว์อื่นทั้งสิ้น ดังนั้นการงดเว้นเนื้อสัตว์จึงเป็นการช่วยชีวิตสัตว์ที่จะต้องถูกฆ่าไปได้อีกหลายพันหลายหมื่นชีวิตเลยทีเดียว และยังเป็นการละเว้นจากการสร้างกรรมให้ตนเองด้วยเช่นกัน 

หลักการกินเจ

  • กินเจห้ามกินผักกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ หัวหอมแดงและขาวรวมถึงต้นหอม(ไม่ดีต่อไต) กระเทียม(ไม่ดีต่อหัวใจ) กุ้ยช่าย(ไม่ดีต่อตับ) หลักเกียว(ไม่ดีต่อม้าม) ใบยาสูบ(ไม่ดีต่อปอดกรณีที่ใช้สูบ) และอาจรวมไปถึงผักที่มีกลิ่นฉุนอื่นๆ เช่น ผักชี พริกไทย เครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง
  • ห้ามกินเนื้อสัตว์ รวมไปถึงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ไข่ ไขมันและเลือด
  • อาหารเจต้องห้ามมีรสจัด ทั้งเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด เพราะอาหารรสจัดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆในร่างกายทำงานมากขึ้น จะทำให้ช่วงกินเจหิวบ่อยขึ้น ส่งผลต่อรบกวนระบบจิตใจไม่สงบและอาจทำให้การกินเจไม่ครบตามกำหนด
  • ห้ามกินนม เนย น้ำมัน ครีมเทียม และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ 
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดตลอดระยะเวลาที่ถือศีลกินเจ 9 วันน 
  • ห้ามกินอาหารที่คนปรุงไม่ได้ถือศีลกินเจ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่ถือศีลกินเจอย่างเคร่งครัดมักจะไปรวมตัวกันที่ศาลเจ้าต่างๆ หรือโรงทาน เพราะคนที่ปรุงหรือทำอาหารจะเป็นผู้ที่ถือศีลเช่นกัน 
  • แยกถ้วยชามและภาชนะที่ใส่อาหารออกจากถ้วยชามที่ใส่อาหารปกติหรืออาหารที่มีส่วนของเนื้อสัตว์ 
  • รักษาศีล5 หรือ ศีล8 รักษากาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น(ทางกาย) พูดจาสุภาพ ไม่นินทา ไม่พูดหยาบ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ(ทางวาจา) และไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น(ทางใจ)
  • ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง ตามสถานที่จัดเทศกาลกินเจอย่าง ศาลเจ้า โรงทานต่างๆ จะมีการจุดตะเกียง 9 ดวงไว้ตลอดวันคลอดคืน และห้ามในตะเกียงนั้นดับเด็ดขาดในช่วงถือศีลกินเจ 

กินเจอะไรได้บ้างและอาหารเจห้ามอะไรบ้าง?

  • กินเจกินไข่ได้ไหม? ไข่ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของสัตว์ สำหรับการกินเจจึงถือว่าไข่ก็เป็นอาหารที่ควรงดเช่นกัน รวมไปถึงอาหารและขนมที่มีไข่เป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะขนมพื้นเมือง ขนมเบเกอรี่ ขนมที่ทำมาจากไข่ทั้งสิ้น เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ขนมหม้อแกง ขนมไข่ ขนมเค้ก ขนมปัง ฯลฯ 
  • กินเจกินคอลลาเจนได้ไหม? คอลลาเจนจะสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก วัว หมู และสัตว์อื่นๆ จึงถือว่าคอลลาเจนก็เป็นส่วนหนึ่งในการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นด้วย 
  • กินเจกินหอยนางรมได้ไหม – กินเจกินซอสหอยนางรมได้ไหม? แม้บางตำราจะกล่าวว่าสามารถกินหอยนางรมได้ แต่หากจะรักษาศีลให้ครบถ้วนอย่างแท้จริงแล้ว การไม่ฆ่าสัตว์ การละเว้นจากเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะดีที่สุด 
  • กินเจกินพริกได้ไหม พริกไม่ได้เป็นข้อห้ามและสามารถทานได้ แต่สำหรับบางคนอาจงดเว้นจากการกินพริกด้วยเพราะอาจถือว่าเป็นผักกลิ่นฉุน
  • กินเจกินมาม่าได้ไหม? หากเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ ก็สามารถทานได้ปกติ 
  • กินเจกินขนมปังได้ไหม? ขนมปัง ขนมเบเกอรี่ต่างๆ หรือขมมกรุบกรอบทั่วไป มักจะที่ ไข่ นม ชีส ไขมันสัตว์เป็นส่วนปรกอบ แต่สามารถทานขนมปังเจได้ ซึ่งต้องระมัดระวังในการเลือกซื้อและรับประทานให้ดีๆ 
  • กินเจกินเนยได้ไหม? ไม่ว่าเนยหรือชีสจะผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แม้ว่าจะมีเนยเจจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน แต่ก็หาได้ยาก หากไม่มั่นใจและไม่อยากแตกเจโดยไม่ตั้งใจ ควรงดไปก่อนช่วงกินเจ 
  • กินเจกินผงชูรสได้ไหม? หากผงชูรสล้วนที่ทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลอ้อย (ผงชูรสผลึกสีขาวไม่มีการเติมกลิ่นหรือรสใดๆ) ก็สามารถใช้ปรุงอาหารได้ แต่ให้เลี่ยงเครื่องปรุงผงชูรสอื่นๆที่มีส่วนผสมจากสัตว์ เช่น ผงชูรสรสหมู ผงชูรสซุปไก่ เป็นต้น  
  • กินเจกินช็อกโกแลตได้ไหม? เนื่องจากช็อกโกแลตส่วนใหญ่จะมีนมเป็นส่วนประกอบ จึงควรเลี่ยงไปก่อน แต่สามารถทานดาร์กช็อกโกแลต100% ได้ 
  • กินเจผักชีกินได้ไหม? แม้ว่าผักชีจะไม่ได้อยู่ในข้อห้ามผัก 5 อย่าง แต่ก็เป็นผักที่มีกลิ่นฉุนอยู่ดี เลี่ยงไม่ทานเลยจะดีกว่า ไม่เพียงแค่ผักชี หลายๆคนที่กินเจก็เลี่ยงกินผักกลิ่นฉุนทุกชนิด ทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบกระเพรา โหระพา 

 

กินเจกินน้ําอะไรได้บ้างและคนกินเจดื่มน้ำอะไรไม่ได้บ้าง?

กินเจโอวัลตินกินได้ไหม กินเจกินชาเขียวได้ไหม กินเจกินน้ําเต้าหู้ได้ไหม กินเจกินไอติมได้ไหม กินเจกินโค้กได้ไหม กินเจกินเหล้าได้ไหม ฯลฯ … คำข้อสงสัยที่บางคนก็อาจยังไม่แน่ใจหรือรู้และงดแล้วแต่ยังเผลอไปกินผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจนทำให้เจแตกได้เช่นกัน 

 

  • กินเจกินน้ำผึ้งได้ไหม? แม้ว่าน้ำผึ้งจะไม่ได้มาจากผึ้งโดยตรง แต่น้ำผึ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของรังผึ้ง ผู้ที่รักษาศีลอย่างเคร่งครัดจะไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นในทุกรูปแบบ จึงไม่ควรดื่มน้ำผึ้ง สำหรับผู้ที่รักในการดื่มน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพหรือรักในรสชาติก็ตาม ควรงดน้ำผึ้งไปก่อนในช่วงระหว่างกินเจ แต่สำหรับผู้ที่กินเจตลอดชีวิตจะไม่ดื่มน้ำผึ้งเลย แม้ว่าน้ำผึ้งจะถูกขนานนามว่าเป็นยาอายุวัฒนะก็ตาม 
  • กินเจกินนมได้ไหม? ผู้ที่ถือศีลกินเจสามารถทานนมธัญพืชได้ เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ น้ำลูกเดือย แต่ให้งดนมวัว นมแพะ และอาหารบางชนิดที่มีส่วนผสมของนมวัวหรือนมแพะ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว ไอศกรีม เครื่องดื่มสำเร็จรูป จะทำให้เจแตกแบบไม่ได้ตั้งใจ 
  • กินเจกินกาแฟได้ไหม? ชา ชาเขียว กาแฟ โอวัลติน ไมโล ล้วนดื่มได้ ถ้าไม่ใส่นม เนย ครีมเทียมที่ทำมาจากไขมันสัตว์ทุกชนิด แต่สามารถใส่นมจากพืช หรือครีมเทียมจากถั่วเหลืองแทน และปัจจุบันก็มีครีมเทียมถั่วเหลืองก็เริ่มมีจำหน่ายและหาซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน หรือถ้าเป็นเครื่องดื่มแบบ 3 อิน 1 ก็ต้องดูที่ระบุว่า“เจ”และต้องอ่านส่วนผสมให้ดีๆ เพราะบางชนิดเขียนว่าเจ แต่ยังมีส่วนผสมจากไขมันสัตว์ติดมาด้วย 
  • กินเจกินน้ำผลไม้ได้ไหม? น้ำผลไม้สามารถดื่มได้ปกติ ยกเว้นน้ำผลไม้ปั่นหรือน้ำผลไม้แปรรูปบางชนิดที่อาจมีส่วนผสมของนม นมจืด หรือน้ำผึ้งลงไปด้วย ทางที่ดีควรดื่มน้ำผลไม้คั้นสดหรือซื้อผลไม้แล้วนำมาคั้นดื่มเองจะดีกว่า 
  • กินเจกินน้ําอัดลมได้ไหม? น้ำอัดลมไม่ได้เป็นข้อห้ามในอาหารกินเจ และไม่ได้มีส่วนผสมใดๆจากเนื้อสัตว์ มีเพียงน้ำตาลที่เป็นองค์ประกอบหลัก จึงดื่มได้ แต่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงหากต้องการรักษาสุขภาพ เพราะอย่างที่บอก 
  • กินเจกินเครื่องดื่มชูกำลังได้ไหม? ส่วนใหญ่เครื่องดื่มชูกำลังหลายๆยี่ห้อจะมีส่วนผสมของน้ำตาล คาเฟอีน เกลือแร่ และวิตามิน จึงสามารถดื่มได้ แต่ต้องระวังและอ่านส่วนประกอบให้ดี เพราะเครื่องดื่มชูกำลังบางชนิดมีโอเมก้า3 ซึ่งเป็นส่วนที่ทำมาจากสัตว์ (ปลา) ถ้ากลัวพลาดก็ควรงดเว้นไปก่อนในช่วงนี้ 
  • กินเจกินเบียร์ได้ไหม? ไม่ว่าจะเบียร์ เหล้า ไวน์ สปาย ค็อกเทล ล้วนเป็นเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น จึงควรงดเว้น

 

กินเจกับกินมังสวิรัติต่างกันยังไง?

การทานเจ (Vegan) จะเว้นจากเนื้อสัตว์และทุกชิ้นส่วนที่มาจากสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนม ไข่ ไขมัน หนัง เนื้อ ผักกลิ่นฉุน ในขณะที่การทานอาหารมังสวิรัติ จะสามารถทานผักได้ทุกชนิด รวมไปถึงไข่ และ นม ได้ แต่การกินมังสวิรัติจะมีหลายแบบด้วยกัน

  • มังสวิรัติ (Vegetarian) การกินผักทุกชนิดและงดเว้นเนื้อสัตว์ 
  • มังสวิรัติไข่ (Ovo Lacto Vegetatrian) งดเนื้อสัตว์ แต่กินไข่ นม และอาหารที่ผลิตจากไข่ 
  • มังสวิรัตินม (Lacto Vegetarian) กลุ่มกินอาหารมังฯ แต่ยังคงกินผลิตภัณฑ์จากนม อาจเรียกกลุ่มนี้ว่า Lactatian 
  • กึ่งมังสวิรัติ (Semi Vegetarian) หรือมังสวิรัติปลา เน้นการกินผัก แต่อาจมีกินปลาบ้างเป็นบางคราว 

 

ดังนั้นคนที่กินมังสวิรัติจะกินอาหารที่ทำจากไข่ นม และผักได้ทุกชนิด ในขณะที่การกินเจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่ไม่ว่าจะการทานเจหรือการทานมังสวิรัติ ก็จะมีหลักคล้ายกันตรงที่ทานเพื่อสุขภาพและเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ 

ประโยชน์ของการกินเจ

  • เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ เลือดจะมีการฟอกให้สะอาด ทำให้ไหลเวียนดี ไม่หนืดข้น เซลล์ในร่างกายไม่เสื่อมง่าย ช่วยให้ผิวพรรณแลดูผ่องใส นัยน์ตาไม่พร่ามัว สดชื่น รู้สึกร่างกายเบาสบาย ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพอนามัยดี 
  • สารอาหารจากพืชจะช่วยในระบบย่อยและขับถ่ายได้ดี ช่วยขับพิษและของเสียออกจากร่างกาย เป็นการดีท็อกซ์ด้วยธรรมชาติ 
  • ปรับสมดุลให้ร่างกาย เพราะการงดเนื้อสัตว์ก็เป็นการลดปริมาณกรดที่ได้จากการบริโภคเนื้อสัตว์ และเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย ทำให้ภายในร่างกายเกิดความสมดุล
  • ช่วยให้ระบบขับย่อยและอวัยวะภายในร่างกายได้พักจากการทำงานหนักที่ต้องย่อยอาหารย่อยยากอย่างเช่น เนื้อสัตว์ 
  • เป็นการลดน้ำหนักไปในตัวสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และต้องเป็นการทานอาหารที่ได้สารอาหารและมีประโยชน์ 
  • อาหารเจลดเสี่ยงจากโรคร้าย เพราะผักผลไม้จะมีใยอาหารสูงที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ลดคลอเลสเตอรอล ตรงข้ามกับเนื้อสัตว์ที่จะมีไขมันและคลอเลสเตอรอลสูง 

 

พิกัดกินเจปี 2564 

ถึงแม้ว่าเทศกาลเจ2564จะรุมเร้าไปด้วยโรคระบาดและอุทกภัย จนทำให้หลายพื้นที่ไม่สามารถจัดงานถือศีลกินเจได้เหมือนปีที่ผ่านๆมา ทำให้ต้องเปลี่ยนไปทำเองที่บ้าน แต่ก็ยังมีศาลเจ้า โรงเจ และโรงทานอีกหลายแห่งที่ประชาชนยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเรามีพิกัดที่กินเจ 2564 มาฝากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วม 

  • กรุงเทพมหานคร ปกติจะมีเทศกาลกินเจที่เยาวราชแต่เมื่อปีนี้งดเทศกาล แต่ประชาชนยังคงสามารถร่วมได้ที่ศาลเจ้า และโรงเจได้ทุกแห่งที่เปิดบริการ 
  • จันทบุรี เนื่องจากจังหวัดจันทบุรียังคงมีอัตราการแพร่ระบาดโรคโควิดสูง แต่ยังต้องการรักษาประเพณีเทศกาลกินเจของบ้วนเฮงเจตั๊ว วัดเขตร์นาบุญญาราม ซึ่งจะเป็นปีที่134 ในวันที่ 614 ตุลาคม ปี 2564 นี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ เฟซบุคเพจองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี 
  • จังหวัดราชบุรี กินเจแบบ New Normal ศาลเจ้าท่งเฮงตั๊ว จะมีการร่วมถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ 515 ตุลาคม 2564 แบบนิวนอร์มอล ตามมาตรการควบคุมโรคโควิด19 โดยจะมีการสวดพุทธบูชาวันละ 4 รอบ โดยพระสงฆ์จีนนิกายจากวัดเล่งเน่ยยี่ และศาลเจ้าของดการนอนค้างที่ศาล ยกเว้นเจ้าหน้าที่บางส่วน และงดการเปิดโรงทานจัดเลี้ยงอาหารเจ รวมไปถึงพิธีซิโกว 
  • จังหวัดสมุทรสาคร จัดอบรมจำหน่ายอาหารเจ โดยจะมีการจัดจำหน่ายอาหารเจในเทศกาลกินเจวันที่ 514 ตุลาคม 2564 บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร 
  • จังหวัดสงขลา จะมีการจัดเทศกาลกินเจในวันที่ 514 ตุลาคม 2564 ที่ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ 
  • จังหวัดตรัง ได้ทำการเชิญชวนร่วมงานเทศกาลถือศีลกินผัก วันที่ 514 ตุลาคม 2564 โดยจะงดพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้า งดพิธีง้อต่อกง มีการจำกัดจำนวนคนในการเข้าร่วม ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมงานทำการเข้าพักอาศัยที่โรงทาน ไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม งดงานมรสพทุกชนิด  
  • จังหวัดภูเก็ต งานเทศกาลถือศีลกินเจภูเก็ต 2564 หรือ Vegetarian Festival คือ วันที่ 614 ตุลาคม 2564 โดยในงานเทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต จะมีการแห่พระรอบเมืองหรือพิธีอิ้วเก้งด้วยรถยนต์ และอาจมีการปรับรูปแบบบางอย่าง เพื่อให้เข้ากับการควบคุมตามมาตรการโรคระบาด โดยประชาชนที่สนใจจะเข้าร่วมงานสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ เทศกาลกินเจภูเก็ต

แม้ว่าเทศกาลกินเจปีนี้จะไม่คึกคัก เงียบเหงา และมีข้อจำกัดมากมาย แต่ก็เพื่อไปตามมาตรการความปลอดภัยของทุกคน ซึ่งการกินเจเป็นการละเว้นบาป สร้างกุศล เสริมบารมีให้กับตน ดังนั้นเราสามารถกินเจได้ทุกที่ ทำกินเองได้ง่ายๆที่บ้าน หรือซื้ออาหารเจกลับไปอุ่นทานเองที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด ศาลเจ้า หรือโรงเจ เพียงแค่คิดดี พูดดี ทำดี และทำให้ได้อย่างเคร่งครัด เป็นการถือสัจจะไปในตัว เท่านี้ก็เป็นการถือศีลกินเจที่สมบูรณ์ทุกประการ 

 

ถ้าเราไปเดินห้างสรรพสินค้าหลายๆแห่ง เข้าพักโรงแรมระดับ5ดาว ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หรือเคยเข้าโรงงานอุตสาหกรรม จะเห็นว่าพื้นเงาวาว เรียบลื่น ดูสวยงาม คิดว่าหลายๆคนคงจะรู้จักชนิดพื้นแบบนั้นแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นการเคลือบพื้น “พื้นEpoxy” และ “พื้นPU

หรือบางคนก็เรียกรวบยอด pu epoxy รวมกันไปเลย แล้วพื้นอีพอกซีคืออะไร แตกต่างจากพื้นทั่วไปยังไง และดีอย่างไร นั่นสิ! สงสัยเหมือนกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเรามารู้ข้อมูลพร้อมกันเลยค่ะ 

 

อีพอกซี (Epoxy) หรือ โพลีอีพอกไซด์ เป็นพลาสติกพอลิเมอร์เธอร์โมเซตติง ที่ขึ้นรูปจากปฏิกริยาจากสารสังเคราะห์ระหว่างอีพอกไซด์เรซินกับโพลีเอมีน อีพอกซี่เรซิ่นจะมีการใช้งานที่กว้างขวาง ทั้งใช้เป็นตัวประสาน ใช้เป็นวัสดุพลาสติกเสริมแรงไฟเบอร์ แต่ในที่นี้เราจะเน้นในเรื่องการนำอีพอกซี่มาใช้ในงานพื้น การเคลือบพื้นและส่วนของสถานที่ ซึ่งการเคลือบพื้นอีพอกซีจะให้พื้นดูผิวมัน ไม่มีรอยต่อ สีสวย ป้องกันเชื้อรา ป้องกันไฟฟ้าสถิตได้ดี ติดตั้งได้รวดเร็ว ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการขัดสีและสารเคมี แต่ไม่ทนต่อตัวทำละลาย เช่น ทินเนอร์ ทาเคลือบผิวคอนกรีตเพื่อความเรียบเงาสวยงาม ทำความสะอาดง่าย สามารถทาเป็นพื้นหยาบเพื่อกันลื่นได้ สามารถเคลือบได้ทั้งพื้นเรียบและพื้นขรุขระเพื่อให้ผิวดูเรียบขึ้น เหมาะกับสถานที่ต้องการความสะอาดและไร้รอยต่อ ทำความสะอาดง่าย ปราศจากฝุ่น เช่น พื้นห้างสรรพสินค้าที่เราเดินช้อปปิ้ง พื้นโรงพยาบาล พื้นห้องยา โชว์รูม คลังสินค้า ห้องเก็บวัสดุ ที่มีการเคลื่อนไหวและกระแทกตลอดเวลา 

แต่..อีพอกซี่เรซิ่นไม่เหมาะกับการใช้งานภายนอกอาคารเพราะไม่ทนต่อแสงแดด ถ้าโดนแสงUV คุณสมบัติในสารเคมีของอีพ็อกซี่จะเสื่อมเร็ว จึงเหมาะกับการใช้งานภายในเท่านั้น มีความลื่นจึงต้องระวังในการเดินบนพื้นอีพอกซีที่เปียก มีอายุการใช้งานประมาณ 8 ปี แต่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย โดยการขูดออกและทาทับได้เลย และก่อนทาอีพอกซีควรจะวัดความชื้นของพื้นคอนกรีตก่อน เพราะถ้าพื้นคอนกรีตมีความชื้น แล้วทาทับลงไป เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งความชื้นของพื้นจะดันขึ้นมาที่อีพอกซี่จนทำให้เกิดเป็นฟิล์มและอีพอกซีหลุดลอกออกเป็นแผ่น 

 

พื้นอีพอกซี่จะมีแบบ Epoxy Coating และ แบบปูนขัดสด หรือ Floor Hardener เป็นแบบวิธีขัดสด แล้วค่อยสาดปูนที่เป็น Floor Hardener ซึ่งเป็นปูนชนิดหนึ่งแต่เพิ่มสารที่ให้ความแกร่งและทนทานเข้าไป พื้น ทำให้หน้าปูนมีความแข็ง แล้วค่อยโค้ตติ้งทับอีกชั้น เหมือนบางห้างที่ดูพื้นแล้วเป็นสีปูนแต่มีความเรียบเงา แต่ข้อเสียคือ ด้วยความที่ floor hardener มีความแข็ง ไม่มีความยืดหยุ่น เมื่อเกิดรอยร้าวก็จะแตกได้ต่อเนื่องเลย ซ่อมแซมพื้นไม่ได้ หรือแม้แต่แบบลอฟท์ขัดสดก็เช่นเดียวกัน 

 

การเคลือบอีพ็อกซี่จะทำการโค้ตติ้งบนพื้นปูนหรือคอนกรีตอีกที epoxy coating จึงสามารถทำทีหลังได้ โดยจะต้องเตรียมพื้นผิวให้เรียบร้อย อีพอกซี่โค้ตติ้งมีความแข็งแรง ทนทานต่อกรดและด่าง และด้วยที่มีความยืดหยุ่นสูงทำให้สามารถปิดทับพื้นที่มีรอยแตก หรือทำปิดซ่อมพื้นได้ และยังทำให้เกิดความเงาสวย 

 

แต่เนื่องจาก Epoxy Coating เป็นสาร Bitumen (สารที่ได้จากการกลั่นปิโตเลียม) ที่มีองค์ประกอบสารตะกั่วปะปนอยู่ จึงควรตรวจสอบให้ดีสำหรับผู้ที่แพ้สารตะกั่วอย่างรุนแรง 

 

การใช้งาน epoxy โดยปกติจะมีสารมา 2 ส่วน เป็น พาร์ท A และ พาร์ท B มาผสมกันตามสัดส่วน และเมื่อผสมเข้าด้วยกันแล้วจะต้องใช้งานให้หมด เพราะที่เหลือจะแข็งจนนำไปใช้งานต่อไม่ได้ การเก็บก็ต้องแยกเก็บส่วน  A และ B แยกไว้ต่างหาก จะผสมเมื่อจะใช้งานเท่านั้น และควรให้ช่างผู้ชำนาญดำเนินการ หากจะทำเองก็อาจทำได้หากทำในส่วนบริเวณเล็กๆ 

 

ที่จริงพื้นอีพอกซี่จะมีด้วยกันหลายชนิด แต่ที่จะพบโดยส่วนใหญ่ก็จะมี Epoxy Coating มักจะเห็นการทำพื้นอีพ็อกซี่ในห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ลานจอดรถ โรงพยาบาล ใช้ตีเส้นจราจร และ Epoxy leveling ที่มักนิยมใช้ในสถานที่ต้องการความเรียบไร้รอยต่อ เช่น โชว์รูมรถยนต์ ห้องแลป พื้นโรงงาน พื้นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โรงแรมระดับ5ดาว รีสอร์ทหรู ฯลฯ 

 

Epoxy Coating Flooring สามารถทาพื้นปูนและพื้นคอนกรีตได้ทั้งเก่าและใหม่ มีความเงางาม สีสันสดใน ทำความสะอาดและดูแลง่าย เหมาะกับอุตสาหกรรมเบา และเลือกได้ทั้งผิวเรียบและผิวขลุขระ ใช้เคลือบหรือทาบนเบสที่มีความหนาน้อยกว่า 2 มิลลิเมตรลงมา ใช้ A+B แล้วทาได้เลย เหมือนเป็นการทาสี ส่วนใหญ่พื้นโรงงานepoxyราคาตามความหนาของพื้น ถ้าพื้นบางก็ถูกลงมาอีก ส่วน Epoxy self leveling คือ พื้นอีพอกซี่ที่มีความหนาในการใช้งานเกิน 2 มิลลิเมตรขึ้นไป เป็นสีที่ปรับผิวเรียบได้ด้วยตัวเอง เซ็ตตัวเองได้ทันทีเมื่อแห้งบนเบสที่ 2 มิลลิเมตรขึ้นไป เป็นที่นิยมนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมและอาคารบ้านเรือนอาศัย ยิ่งมีความหนาก็ยิ่งมีความแข็งแรงและราคาก็สูงตาม 

 

นอกจากนี้ยังมีชนิดพื้นโพลียูริเทนหรือพื้นPU (Polyurethane) พื้นโพลียูรีเทนคือพื้นยางสังเคราะห์ที่ใช้ทดแทนยาวธรรมชาติ เพราะพียูเป็นสารพอลิเมอร์เทอร์โมเซ็ตติ้งชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับอีพอกซี่ เป็นสารเคลือบผิวที่มีประสิทธิภาพสูง ส่วนใหญ่จะมีความหนา 39 มิลลิเมตร เป็นพื้นที่เหมาะในบริเวณที่ใช้งานหนัก ด้วยลักษณะหยาบ กันลื่นได้ดี มีคุณสมบัติแตกต่างจากพื้น Epoxy คือ พื้นพียูจะมีตัวล่างเป็นตัวเบสและมีหลายเลเยอร์ พื้นพียูจะป้องกันความชื้นไหลซึมผ่านฟิล์มสีจะเหมาะกับพื้นที่ต้องทนความเย็น เคลือบผิวคอนกรีตอุตสาหกรรมที่เปียกและแห้ง ห้องแช่ ห้องเย็นติดลบ ห้องโหลดสินค้า พื้นที่ต้องใช้งานหนัก เหมาะกับโรงงานอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม งานแช่แข็ง งานห้องเย็น ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา จึงเหมาะกับสถานที่ต้องการควบคุมฝุ่นและเชื้อโรค เช่น โรงงานอุตสาหกรรมอาหารและยา ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อสารเคมี ทำความสะอาดง่าย ด้วยความที่พื้นpuคุณสมบัติมีความแข็งแรงมากกว่าพื้นทั่วไป พื้นpuราคาต่อตารางเมตรจึงค่อนข้างสูงกว่า 

 

แล้วพื้นพียูแตกต่างยังไงกับพื้นอีพอกซี่…พื้นพียูจะมีความทนต่อแสงยูวีได้มากกว่า จึงสามารถใช้ได้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร พื้นผิวพียูจะไม่แข็งเท่าพื้นอีพอกซี่ จัดการความชื้นได้ดีกว่า และทนทานต่อสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิได้แบบสุดขั้วกว่า อย่างห้องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส  ลานสนามกลางแจ้ง แต่พื้นพียูจะยึดติดพื้นคอนกรีตได้ไม่ดีเท่า มีความหนาที่ค่อนข้างต่ำ และส่วนใหญ่โพลียูรีเทนจะเป็นตัวทำละลาย นั่นแสดงว่ามีค่า voc สูง  แต่ในขณะเดียวกันพื้นอีพ็อกซี่จะมีความต้านแรงอัดได้สูงกว่า  ถ้าเทียบกันในเรื่องของพื้นอุตสาหกรรม พื้นอีพอกซีจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นอุตสาหกรรมหนัก บริเวณที่มีจราจรหนาแน่นอย่างศูนย์ของธุรกิจประเภทโลจิสติกส์ คลังสินค้า แต่พื้นโพลียูรีเทนจะตอบโจทย์กับอุตสาหกรรมอาหาร อาทีเช่น อุตสาหกรรมอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์นมและชีส เพราะถ้าเลือกใช้พื้นอีพอกซีที่มักจะมีกรดแลกติกอยู่ในสภาพแวดล้อมของโรงงานประเภทดังกล่าว จะถูกกัดกร่อนและมีคราบเหลือง แต่พื้นพียูจะไม่มีปัญหานี้ หรือจะเลือกเป็นการผสมผสานระหว่างทั้งสอง แต่ต้องเลือกช่างที่ชำนาญการโดยเฉพาะเป็นผู้ทำ เพราะจะผิดพลาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไม่ได้เลย หากคุณไม่อยากเสียเงินซ้ำซ้อนในการซ่อมแซมในอนาคต 

ไม่ใช่แค่เพียงพื้นห้างสรรพสินค้า หรือโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น แม้แต่ลานอเนกประสงค์ หรือพื้นpuสนามกีฬาในร่ม เช่น สนามแบดมินตัน สนามบาสเก็ตบอล สนามฟุตซอลล์ ก็เริ่มหันมานิยมใช้เป็นพื้นยางสังเคราะห์PU หรือพื้นโพลียูรีเทน ซึ่งเมื่อก่อนบางสนามจะใช้เป็นพื้นไม้ แต่เพราะพื้นไม้ทำความสะอาดยาก ไม่ค่อยทนต่อแรงขีดข่วน และบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุเพราะพื้นลื่น แต่ในกรณีพื้นพียูจะช่วยเรื่องกันลื่นได้ ช่วยถนอมข้อเท้าและเข่า เพราะดูดซับแรงกระแทกได้ดี มีความแข็งแรงทนทาน และมีความสวยงาม ซึ่งยางสังเคราะห์นี้สามารถใช้ได้ทั้งในร่มและสนามกลางแจ้ง เพราะทนต่อแสงUV ได้ดี เป็นพื้นยางสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ และทนทานกว่าพื้นยางสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ พื้นยางสังเคราะห์ที่ทำจากยางมะตอยหรืออคริลิค จึงมีการเรียกใช้ช่างเปลี่ยนพื้นพียูกันกันมากขึ้น แน่นอนว่าการจะเปลี่ยนพื้นจะต้องให้ผู้ชำนาญและช่างที่เชี่ยวชาญทำ เพราะหากทำเองหรือไม่มีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนการทำมากพอ อาจประสบปัญหาตามมาได้ เช่น ทาไม่นานก็สีหลุดร่อน หรือเคลือบพื้นอีพอกซีแล้วก็บวม ต้องมีการเรียกช่างมาแก้ไข ซึ่งอาจต้องเสียค่าซ่อมแซมมากกว่าเดิม 

 

สำหรับบางคนที่อาจชอบลักษณะและคุณสมบัติของพื้นอีพ็อกซี่และพื้นพียู อยากทำพื้นที่บ้านบ้าง ถ้าที่เคยเห็นก็จะมีการทำพื้นอีพ็อกซีหรือพื้นพียูในเชิงพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านเกม ร้านคอมพิวเตอร์ ร้านเสริมสวยหรูๆ สำนักงาน ออฟฟิศ ในส่วนราชการบางพื้นที่ และภาคเอกชนหลายแห่ง รวมไปถึงการทำพื้นโรงจอดรถที่บ้าน หรือนำไปใช้ในระบบกันซึม ใช้เพื่ออุดรอยรั่ว-พื้นกันซึมในห้องน้ำ ระบป้องกันการรั่วซึม ระบบกันซึมดาดฟ้า บริเวณในบ้าน หลังคา ชั้นใต้ดินของอาคาร บ้านเรือน โรงงาน โดยทาป้องกันไว้เผื่อรั่วซึมในอนาคต หรือทำกันซึมเพื่อซ่อมแซมปรับปรุง กันซึมมีแบบทา (coating) และแบบเป่าไฟ (membrane) โดยกันซึมแบบทาหรือโค้ดติ้งจะเป็นน้ำยาผสมอะคริลิค มีแบบทนรังสี uv ที่เหมาะกับการทาภายนอกอาคาร หลังคา ผนังด้านนอก และแบบไม่ทนรังสี uv เหมาะกับการทาภายในอาคาร หรือบริเวณที่มีฉาบปิด เช่น ห้องน้ำ แท็งค์น้ำ บ่อเก็บน้ำใต้ดิน สระว่ายน้ำ เป็นต้น 

 

แต่ในกรณีสนใจทำเป็นพื้นบ้านหรือต้องการสอบถามรายละเอียด ไม่ว่าจะราคาทำพื้นepoxyต่อตารางเมตรเท่าไร ข้อมูลเกี่ยวกับการทำพื้นยางสังเคราะห์โพลียูรีเทนราคาประหยัด ราคาอีพ็อกซี่ ทำพื้นpu ทำพื้นepoxy ก็สามารถติดต่อบริษัทรับทำพื้นอีพ็อกซี่ ซึ่งนอกจากรับทำพื้นepoxy  พื้นอีพ็อกซี่ราคามิตรภาพแล้ว ยังรับบริการทาสีอาคาร บริการงานตีเส้นจราจร รับติดตั้งงานระบบกันซึม รับทากันซึมดาดฟ้า ฝ้าเมทัลชีท รับติดตั้งหลังคาเมทัลชีท และหลังคาpolycarbonateราคาถูก เป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานสูง  และมีการันตีรองรับ SGS มีทั้ง GMP ,  ISO และ HACCP  ซึ่งเขารับประกันงาน  มีบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพทุกฝ่าย ที่มีประสบการณ์มายาวนาน และบริการมาแล้วทั่วประเทศ 

3d rendering empty room with white wall and floor

เมื่อพูดถึงหลังคาและแผ่นโพลีคาร์บอเนต บางสถานที่ก็นิยมนำไปใช้เป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตกั้นห้อง หรือใช้ในการทำโรงเรือนเพาะต้นไม้ ยิ่งช่วงโควิดระบาด เกิดกระแสการเพาะต้นไม้ขาย สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เพาะต้นไม้ จนต้องสร้างโรงเรือนต้นไม้ โดยการขึ้นโครงเสาง่ายๆและใช้หลังคาโปร่งแสงโพลีคาร์บอเนตหรือแผ่นโพลีคาร์บอเนตใสราคาที่ไม่แพงเพื่อทำแบบโรงเรือนเปิด ทำให้มีแสงแดดเข้าสู่ภายในเรือนแต่ไม่แรงจนเกินไป พอเหมาะต่อการเจริญเติบโตของกล้าไม้ได้ดี  

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบโรงงาน สำนักงาน ครัวเรือน ที่สนใจในเรื่องปรับปรุงซ่อมแซมหรือเปลี่ยนพื้น หรือมีรอยรั่วรอยซึมในตัวอาคาร ต้องการทำระบบกันซึม การจะทำเองไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งถ้าเป็นบริเวณที่มีเนื้อที่กว้างยิ่งควรใช้บริการบริษัทหรือช่างที่มีประสบการณ์ตรง แต่การจะต้องเลือกบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือ จะต้องมีการรองรับมาตรฐานโรงงานอย่าง ISO มีผลงานการันตี อย่าเลือกเพียงเพราะราคาถูก หรือเรียกใช้บริการช่างที่ไม่สามารถตรวจสอบระบบได้ เพราะอาจเสี่ยงในการทิ้งงาน งานไม่มีคุณภาพ หลอกคิดค่าบริการสูงแต่ใช้เกรดวัสดุต่ำ เชื่อว่าไม่มีใครอยากสูญเงินเปล่า หรือเสียเงินซ้ำซ้อนเพราะการซ่อมงานทีหลัง และมานั่งเจ็บใจเข้าทำนองที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย 

 

“ฟ้าทะลายโจร” เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาจึงถูกจัดเป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันมานับตั้งแต่สมัยโบราณ และหมอยาไทยหรือแพทย์ทางเลือกยังคงรู้จักเป็นอย่างดี และยิ่งช่วงนี้จะถูกกล่าวถึงในและเป็นที่ต้องการกันอย่างมาก เมื่อถูกนักวิจัยและแพทย์หลายท่านออกมายืนยันถึงการใช้บรรเทาอาการผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่รุนแรง เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ ทำให้ใครๆก็ต้องหาซื้อฟ้าทะลายโจรสกัดมาติดไว้เพื่อความอุ่นใจแม้จะยังมีการติดเชื้อก็ตาม ส่งผลให้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสกัดขาดตลาด และมีราคาขายที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้มีฟ้าทะลายโจรปลอมถูกผลิตออกมาจำหน่าย ทั้งของปลอมไร้สรรพคุณตามที่ควรจะได้แล้วยังราคาแพง ดีกว่าไหมหากเราจะหันมาลองปลูกฟ้าทะลายโจรเองซะเลย 

ทำไมฟ้าทะลายโจรจึงถูกนำมาใช้ในการบรรเทาอาการโรคโควิดให้กับผู้ป่วย นั่นก็เพราะว่าฟ้าทะลายโจรจะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า“แอนโดรกราโฟไลด์” (Andrographolide) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อการเพิ่มจำนวนไวรัสโควิด-19 ในเซลล์เนื้อเยื่อ แต่จะต้องในกรณีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยที่ยังไม่เกิดปอดอักเสบ เพราะจะช่วยระงับไม่ให้เกิดอาการรุนแรง และจะต้องได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณที่ 180 มล./วัน แต่มีข้อห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ฟ้าทะลายโจรและหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงที่ให้นมบุตร 

เชื่อว่ายังมีใครหลายคนที่เพิ่งจะได้ยินและมารู้จัก ฟ้าทะลายโจรช่วงที่โควิด-19 ระบาด เราลองมารู้จักพืชชนิดกันคร่าวๆกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชล้มลุกที่เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ในตำรายาโบราณของไทยจัดให้เป็นสมุนไพรพื้นบานที่หารับประทานแก้โรคได้เองและง่ายมาก ลำต้นสูงประมาณ 30-70 ซม. ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยมจะมีการแตกกิ่งง่ายและมาก ใบรียาว ปลายใบแหลม มีดอกขนาดเล็กสีขาว ลักษณะเป็นหลอดและฝักคล้ายต้อยติ่ง เมล็ดมีสีน้ำตาลอ่อน ส่วนใบจะมีสารแลคโตนที่มีฤทธิ์แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ไอ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคท้องเสีย 

 

การปลูกฟ้าทะลายโจรสามารถทำได้ 3 วิธีคือ…

  1. โรยเมล็ดเป็นแถว โดยการขุดร่องตื้นๆให้เป็นแถวยาวที่มีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 ซม. โรยเมล็ดลงไปตามร่องที่ขุดไว้แล้วกลบด้วยดินบางๆ 
  2. การหว่าน นำเมล็ดมาผสมทรายหยาบในอัตรา 1:1 หรือ 1:2 แล้วหว่านตามปกติ
  3. เพาะกล้า ด้วยการขุดหลุมกว้างประมาณ 15 ซม. ลึกประมาณ 8-15 ซม. เป็นแถวโดยมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 ซม. และห่างระหว่างแถวประมาณ 40 ซม. 

 

วิธีปลูกฟ้าทะลายโจร

1. เตรียมดิน 

  • ขุดหรือพรวนให้ดินร่วนซุย
  • ทำการไถพรวนดิน 1-2 ครั้ง หากมีวัชพืชมากให้ทำการพรวนดินสัก 2 ครั้งโดยการเปิดหน้าดินและตากดินไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงไถแปรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ย จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักก็ได้ 

 

2.เตรียมพันธุ์และเมล็ด จะต้องเลือกเมล็ดจากฝักแก่จัด เมล็ดต้องมีสีน้ำตาลแดง รูปร่างสมบูรณ์ ไม่มีโรคและรอยแมลงกัดแทะ และเนื่องจากเมล็ดมีเปลือกแข็งจึงต้องนำไปแช่น้ำธรรมดาหรือน้ำอุณภูมิห้องประมาณ 6-12 ชม. เพื่อเพิ่มอัตราการงอกให้เมล็ด

 

3.การดูแลรักษา หากพื้นที่ปลูกเป็นที่โล่งแจ้ง มีลมพัดแรง แดดจัด หรือฝนตกชุก ให้ทำการคลุมแปลงหรือกระถางที่ปลูกด้วยหญ้าคาหรือฟางบางๆ เพื่อลดแสงที่อาจจ้าเกินไปและการชะล้างของน้ำ รวมไปถึงลดการคายน้ำ และเมื่อผ่านการปลูกไปสัก 7-14 วัน พบว่าต้นกล้าไม่งอกหรือตาย ต้องรีบทำการปลูกซ่อมทันที และควรย้ายต้นกล้าที่มีการงอกขึ้นมาหนาแน่นเกินไป หลังจากที่ปลูกได้ประมาณ 1 เดือน หรือ 30-45 วัน 

 

4.การใส่ปุ๋ย 

4.1) วิธีการใส่ปุ๋ย

  • แบบหว่าน ต้องทำการหว่านให้กระจายสม่ำเสมอ และรดน้ำทันทีหลังหว่าน เพื่อเป็นการล้างปุ๋ยไม่ให้ค้างอยู่ที่ใบด้วย 
  • แบบโรยหรือหว่านเป็นแถวตามแนวขนานที่ปลูกระหว่างแถวโดยห่างจากแถวประมาณ 10-15 ซม. โดยการขุดเป็นร่อง ใส่ปุ๋ยแล้วพรวนดินกลบ ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับการปลูกแบบโรยแถว 
  • แบบหยอดโคน ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นประมาณ 10 ซม. โดยขุดหลุมฝังกลบดินหรือโรยรอบๆโคนต้นแล้วพรวนดินกลบ เหมาะกับการปลูกแบบมีระยะห่าง 

 

4.2)  แบ่งระยะการใส่ปุ๋ย

  • อายุ 60 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 300-400 กรัม/ตารางเมตร 
  • อายุ 90-100วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 300-500 กรัม/ตารางเมตร 

 

4.3) การรดน้ำ 

  • ระยะ 30-60 วันหลังจากการปลูก ให้รดน้ำวันละครั้ง แต่ถ้ามีแดดจัดก็รดน้ำ 2 ครั้ง เช้า-เย็น 
  • อายุ 60 วันขึ้นไป อาจรดน้ำวันเว้นวันหรือตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และอากาศ 

 

5.โรคและศัตรูพืชฟ้าทะลายโจร แม้ว่าฟ้าทะลายโจรจะเป็นพืชรสขม ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแมลง แต่ก็ยังมีศัตรูและโรคพืช ศัตรูพืชที่ว่านี้ก็คือวัชพืชทั่วไปนั่นเอง ต้องทำการถอนอยู่เสมอ โดยเฉพาะใน 2 เดือนแรกที่ปลูก และกำจัดวัชพืชทุกๆครึ่งเดือนหลังฟ้าทะลายโจรเริ่มเติบโตเป็นต้นกล้า ส่วนโรคที่พบส่วนใหญ่จะเป็น โรคโคนเน่ารากเน่าจากเชื้อรา หากพบต้นใดเป็นโรคให้รีบทำการถอนทำลายทันที และโรคแอนเทรคโนสจะพบตรงกลางหรือปลายใบหากพบก็ให้รีบตัดส่วนใบที่เป็นนั้นทิ้งทันทีเช่นกัน 

 

6.การเก็บเกี่ยว เมื่อฟ้าทะลายโจรเริ่มออกดอกจนกระทั่งดอกบาน 50% ช่วงนี้เองที่จะมีสารสำคัญทางยาสูง โดยจะพบมากในส่วนยอดและใบ การเก็บเกี่ยวจะทำด้วยการตัดทั้งต้นให้เหลือตอไว้ประมาณ 5-10 ซม. เพื่อให้แตกกิ่งงอกใหม่ต่อไป 

 

ด้วยสรรพคุณการรักษาไข้ อาการไอ เจ็บคอ ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของใบฟ้าทะลายโจร ดังนั้นแม้ว่าเราจะยังไม่ติดเชื้อหรืออาจยังไม่แน่ใจ ก็สามารถนำใบฟ้าทะลายโจรทำเป็นน้ำหรือชาสมุนไพรดื่มในระหว่างวันก็ได้ โดยการนำใบล้างให้สะอาดแล้วอาจใส่ในกาต้มน้ำร้อน กระติกน้ำร้อนแล้วเสียบปลั๊กต้มและดื่มแทนน้ำเปล่าระหว่างวัน หรืออาจนำใบสักใบเดียวใส่ลงในแก้วแล้วเทน้ำร้อนลงไป หลังจากนั้นก็ใช้ช้อนคนเหมือนชงชาชงกาแฟ แล้วดื่มตอนเริ่มอุ่นๆก็ได้ แต่การต้มใบฟ้าทะลายโจรจะให้รสขมมากกว่าการใส่ใบฟ้าทะลายโจรใส่แก้วแล้วค่อยใส่น้ำร้อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถทำดื่มได้แต่ต้องไม่เกิน 7 วัน เพราะถึงแม้จะเป็นพืชสมุนไพร แต่ทุกอย่างควรให้อยู่ระหว่างความพอดี ถ้ามากเกินไปอาจมีผลข้างเคียงได้ 

ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจร 

เรารู้อยู่แล้วว่าฟ้าทะลายโจรช่วยในเรื่องต้านไวรัส ช่วยแก้ไข้ อาการเจ็บคอ ไอ และระบบทางเดินหายใจ ตามที่หมอและผู้เชี่ยวชาญหรือแม้แต่ยูทูปเบอร์ต่างๆออกมาสาธยายถึงคุณประโยชน์ แต่ที่จริงแล้วฟ้าทะลายโจรในตำรับยาไทยยังมีประโยชน์มากมายในการช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยอื่นๆได้อีกด้วย 

  1. ช่วยกระตุ้นระบบคุ้มกันในร่างกาย ต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย 
  2. ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 
  3. แก้อาการไข้ หวัด คัดจมูก ปวดหัวตัวร้อน อาการไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ 
  4. แก้อาการคันคอ ไอ ขับเสมหะ ลดน้ำมูก และฆ่าเชื้อในโพรงจมูก 
  5. ช่วยระงับการอักเสบ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ
  6. มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุโรคระบบทางเดินหายใจ
  7. ช่วยแก้อาการติดเชื้อที่ทำให้มีอาการปวดท้อง อาการท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน
  8. ช่วยแก้อาการร้อนใน 
  9. ช่วยเจริญอาหาร
  10. ช่วยในระบบย่อยอาหารและเร่งให้ตับสร้างน้ำดี 
  11.  ช่วยบรรเทาอาการโรคริดสีดวง 
  12. ช่วยในระบบการไหลเวียนของเลือด 
  13. ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดหนอง 

ข้อควรระวังในการกินฟ้าทะลายโจร

ถึงแม้ว่าฟ้าทะลายโจรสมุนไพรรสขมนี้จะสามารถกินได้โดยไม่เป็นอันตรายกับตับ จึงค่อนข้างปลอดภัยและมักถูกนำมาใช้แก้ไข้แก้ไอแทนยาปฏิชีวนะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับสุขภาพของทุกคน จึงมีข้อที่ควรระวังและทราบก่อนทานฟ้าทะลายโจร

 

  1. ยาฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรฤิทธิ์เย็น จึงเหมาะในการที่จะใช้ในคนที่เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดหัว เจ็บคอ ร้อนใน แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการมือเย็นเท้าเย็น ปัสสาวะปริมาณมาก และมีอาการหนาวสั่นกว่าปกติ 
  2. ฟ้าทะลายโจรไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคความดันต่ำ เพราะฟ้าทะลายโจรช่วยในเรื่องของการลดความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง หากผู้ที่มีอาการความดันต่ำดื่มเข้าไปบ่อยๆหรือปริมาณมาก อาจมีผลข้างเคียง ทำให้หน้ามืด เวียนหัว เป็นลมได้ 
  3. ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจรติดต่อนานเกินไปหรือไม่เกิน 7 วัน เพราะหากทานติดต่อนานกว่านั้นอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น แขนขาชาไม่มีแรง เวียนหัว หน้ามืด อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เป็นต้น 
  4. ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการแพ้ฟ้าทะลายโจร เพราะบางรายอาจมีการแพ้จนเกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้ เช่น ขึ้นผื่น คัน ปากบวม หน้าบวม ตาบวม บางรายอาจแพ้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ 
  5. สตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตรไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร เพราะอาจส่งผลต่อเด็กได้ 

 

ต้องยอมรับฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อบ่งใช้และควรระวัง เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทานเข้าไปมากเกินไปถึงแม้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ก็อาจเกิดโทษได้ ดังนั้นควรทำการศึกษาให้แน่ใจหรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่แท้จริงให้ละเอียดเสียก่อน เนื่องจากเดี๋ยวนี้ข้อมูลมีให้หาทุกช่องทาง ทั้งที่เป็นข้อมูลเชื่อถือได้ และข้อมูลที่บิดเบือน อาจทำให้ได้รับรับข่าวสารและข้อมูลผิด และอาจเป็นโทษแก่ร่างกาย รวมไปถึงทรัพย์สินได้ อีกทั้งควรทานในปริมาณที่พอดี เพราะอะไรที่เป็นทางสายกลางย่อมดีกว่าเสมอ 

 

สถานการณ์โควิดระบาดหนักรอบ3 แบบนี้ ข่าวที่ได้รับรู้ในแต่ละวัน ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ยิ่งตรวจก็ยิ่งเจอ คนที่ติด Covid-19 แต่ไม่มีอาการก็มีมากขึ้น ไม่รู้ว่าตัวเราเองติดเชื้อหรือยัง แต่จะให้ไปที่จุดตรวจโควิดแต่ละที่ก็คนเยอะเหลือเกิน กลัวจะไปตรวจแล้วเสี่ยงติดโควิดกลับมาแทน แต่ถ้าไม่ตรวจก็ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อแล้วหรือยัง จะตรวจเองก็ตรวจไม่ได้อีก

ตั้งแต่โควิดระบาดมารอบแรกๆ สิ่งที่เราเรียกร้องกันมาตลอดอีกหนึ่งสิ่ง นอกจากวัคซีนดีๆแล้ว ก็คือ การได้ชุดตรวจหาเชื้อโควิดกันเองที่บ้าน อย่างที่หลายๆประเทศเขาแจกจ่ายประชาชนในประเทศ แม้จะรอกันมาจนครบวาระได้ 1 ปีกว่าๆ จนในที่สุด ทางการไทยก็ปลดล็อคให้เราได้ใช้ชุดตรวจเชื้อCovid-19 ได้แล้ว นั่นคือชุดตรวจ Rapid Antigen Test แล้วเจ้าชุดตรวจที่ว่านี้คืออะไร ต้องใช้แบบไหน จะได้ผลอย่างไร หากผลออกมาว่าติดเชื้อ ต้องทำยังไงต่อไป

 

Rapid Antigen Test คือ ชุดตรวจหาเชื้อโควิดที่ให้ผลตรวจได้อย่างรวดเร็ว โดย Rapid Test จะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ … 

  1. ตรวจหาเชื้อ (Antigen) โดยเก็บตัวอย่างจากทางจมูกหรือคอ ซึ่งต้องรับเชื้อมาแล้ว 5-14 วัน จึงจะได้ผลแม่นยำ ตอนนี้มียี่ห้อชุดตรวจ  Rapid Antigen Test ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย.แล้ว 24 ยี่ห้อ โดยราคาRapid Antigen Test คาดว่าน่าจะประมาณ 300-400 บาท
  2. ตรวจหาภูมิคุ้มกัน (Antibody) โดยการเก็บตัวอย่างจากการเจาะเลือด ซึ่งจะตรวจพบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อในวันที่10 เป็นต้นไป จนกระทั่งหายป่วยแล้ว

 

ขณะนี้ชุดตรวจที่กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติให้ใช้ตรวจเองตามบ้านได้คือ Rapid Antigen Test ชุดตรวจหา Antigen ส่วนที่เป็นชุดตรวจหา Antibody หรือภูมิคุ้มกัน จะเปิดให้ทดสอบและใช้ได้ตามโรงพยาบาล

ก่อนใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ต้องทำอย่างไรบ้าง 

บริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NHS) ได้มีคำแนะนำข้อควรรู้ก่อนใช้ตรวจหาเชื้อด้วย Rapid Antigen Test ดังต่อไปนี้ 

 

  • งดอาหารและน้ำก่อนทำการตรวจอย่างน้อย 30 นาที 
  • หากมีเลือดกำเดาไหลไปก่อนนี้ใน 24 ชม. ให้รอก่อน หรืออาจตรวจจากรูจมูกข้างที่ไม่มีเลือดกำเดา 
  • หากมีการเจาะจมูก ให้ทำการตรวจข้างที่ไม่ได้เจาะ แต่ถ้าเจาะทั้ง 2 ข้าง ให้ถอดห่วงจมูกข้างที่ต้องการจะตรวจออกก่อน 
  • ชุดตรวจใช้ได้แค่ครั้งเดียวต่อหนึ่งคน 
  • กรณีที่ทำการตรวจทางคอไม่ได้ เช่น อาจมีการเจาะคอ ให้ตรวจทางจมูกแทน 

ชุดตรวจ Rapid Antigen Test มีอะไรบ้าง 

อ้างอิงจากการแถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 ได้ระบุไว้ว่า ในชุดตรวจ Rapid Antigen Test จะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ 

  • ตลับทดสอบ
  • ก้านสำลีสำหรับ swab
  • หลอดใส่น้ำยาสกัด 
  • ฝาหลอดหยด
  • เอกสารกำกับชุดตรวจ

 

วิธีใช้ Rapid Antigen Test 

  • ทำความสะอาดพื้นผิวที่จะวางชุดตรวจให้สะอาด ควรใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อด้วย 
  • ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดหรือใช้เจลล้างมือ เพื่อรักษาความสะอาดของมือที่จะหยิบจับอะไร 
  • วิธีเก็บตัวอย่าง ให้ทำตามคำแนะนำที่มากับชุดตรวจอย่างเคร่งครัด โดยแต่ละชุดจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป  เช่น การเก็บตัวอย่างจากการแหย่จมูก แหย่จมูกถึงคอหอย หรือเก็บตัวอย่างจากการเข้าทางปากถึงคอหอย เป็นต้น 
  • เมื่อเสร็จสิ้นการเก็บตัวอย่าง ให้เตรียมอุปกรณ์ต่อไปตามคู่มือการใช้งาน
  • นำก้านสำลีมาหมุนใส่หลอดที่มีสารละลายตรวจหาเชื้อ โดยหมุนวนอย่างน้อย 5 ครั้ง หรือประมาณ15 วินาที แล้วบีบสำลีให้แห้งผ่านหลอด โดยห้ามไม่ให้มือสัมผัสกับก้านสำลีหรือสารที่เก็บเชื้อ
  • นำก้านสำลีทิ้งใส่ซีล และหยดสารละลายลงในแท่นตรวจตามจำนวนหยดที่ชุดตรวจกำหนดไว้แล้วรอผลประมาณ 15-30 นาที 

วิธีอ่านค่าผลตรวจ

หลังจากรอประมาณ 30 นาที ให้อ่านค่าผลตรวจ โดยอักษร C หมายถึง แถบควบคุม และตัวอักษร T หมายถึง ทดสอบ มีวิธีการอ่านผลตรวจดังนี้

 

  • หากมีเพียงขีดเดียวตรงตัวอักษร C หมายถึงผลตรวจเป็นลบ คือไม่ติดเชื้อ
  • หากมี 2 ขีดตรงตัวอักษร C และ T หมายถึงผลตรวจเป็นบวก คือติดเชื้อ
  • หากไม่มีขีดที่ตัว C แต่มีตรงที่แค่ตัว T หรือไม่มีขีดเลย นั่นเป็นผลตรวจที่ใช้ไม่ได้ ต้องทำการตรวจหาเชื้อใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องทำตามคำแนะนำในคู่มืออย่างเคร่งครัด 

 

หากผลตรวจพบว่าติดเชื้อ ควรทำอย่างไร

  • ติดต่อแจ้งหน่วยใกล้บ้านทันที 
  • ให้คนที่อยู่ใกล้ชิดทำการตรวจหาเชื้อ
  • แยกตัวจากผู้อื่นเพื่อทำการกักตัว
  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน
  • แยกการใช้ห้องน้ำในกรณีอยู่บ้านร่วมกับคนอื่น 
  • สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ยกเว้นกรณีที่อยู่ลำพัง
  • เลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยง 
  • หากมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจติดขัด ให้รีบทำการติดต่อขอรับการรักษา 
  • กรณีไม่ติดเชื้อแต่เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ควรทดสอบอีกครั้งใน 3-5 วัน และทำการแยกกักตัวจากผู้อื่น และถ้ามีอาการคล้ายจะติดโควิด ให้ทำการทดสอบอีกครั้ง 

วิธีทิ้งชุดตรวจ Rapid Antigen Test 

เมื่อเสร็จสิ้นการใช้ชุดตรวจแล้ว ควรแยกทิ้งจากขยะทั่วไปและติดสัญลักษณ์หรือเขียนกำกับเพื่อให้รู้ว่าเป็ฯขยะอันตราย ขยะติดเชื้อ หรือใส่ถุงขยะสีแดงหรือถุงสำหรับขยะติดเชื้อ เพื่อเพิ่มความระวังให้กับพนักงานเก็บขยะ และป้องกันเชื้อฟุ้งกระจายและแพร่สู่ผู้อื่น 

 

ทีนี้ก็พอได้รู้กันไปแล้วว่า Rapid Antigen Test คืออะไร และต้องใช้อย่างไร จะได้ลดความแออัดและความเสี่ยงในการไปที่จุดตรวจ สำหรับใครที่ได้ใช้ชุดตรวจนี้กันไปบ้างแล้ว ก็หวังว่าให้ผลออกมาเป็นลบกันทุกคนนะคะ แต่ถ้าพลาดติดเชื้อไปแล้ว ขอให้รักษาจิดใจไว้ก่อนพร้อมๆกับการรักษากาย เพราะความเครียดมีผลในการไปกดภูมิในร่างกายได้ อาจทำให้ทรุดได้ง่าย ดูแลทั้งใจและกายตัวเองให้อย่างเต็มที่ที่สุด เราจะต้องผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ 

 

ตั้งแต่ฝุ่น PM2.5 จนมาถึงโควิด-19 ต้องยอมรับว่าหลายๆคนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและป้องกันตัวเองเท่าที่จะทำได้มากที่สุด โดยการดูแลสุขภาพนั้นมีทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย และในเรื่องของอาหารเสริม ซึ่งคนให้ความสนใจกันมากที่สุดจะเป็น “วิตามินซี” 

 

วิตามินซีคือวิตามินที่ละลายน้ำได้และร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จะต้องรับประทานเข้าไป โดยพบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น อะเซโรล่า ส้ม ฝรั่ง มะนาว สัปปะรด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะเขือเทศ ผักใบเขียว พริก พริกหวาน มันฝรั่ง มันเทศ ถั่วฝักเขียว ดอกกะหล่ำ บลอกโคลี่ ผักปวยเล้ง เป็นต้น

 

บางคนเข้าใจว่าวิตามินซีแก้หวัด ซึ่งไม่ใช่!! เพราะวิตซีไม่ใช่ยา แต่เพียงช่วยลดอาการรุนแรงและระยะเวลาการเป็นหวัดให้หายเร็วขึ้น เพราะผู้ที่ทานวิตามินซีอยู่เสมอจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยระบบการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายและทานวิตามินซีควบคู่เป็นประจำจะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้มากกว่าคนที่ทานวิตามินซีอย่างเดียว 

 

วิตามินซีช่วยอะไร

 

Vitamin C หรือ Ascorbic Acid คือ กรดแอสคอร์บิก เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสียหายของเซลล์ ช่วยสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย เสริมระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอ  ช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในกระดูก กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด ช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี ผู้ที่ขาดวิตามินซีก็ส่งผลให้ขาดธาตุเหล็กไปด้วย อาจมีเลือดออกตามไรฟัน อ่อนเพลีย เป็นหวัดและติดเชื้อได้ง่ายแต่หายช้า เลือดกำเดาไหลบ่อย ปวดตามข้อ มีผื่นแดง 

 

กลไกที่วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการเสริมภูมิคุ้มกันอย่างแรกเลยคือ วิตามินซีช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโพไซต์และฟาโกไซต์ เพิ่มประสิทธิภาพให้เม็ดเลือดขาวมากขึ้น อย่างที่สองคือวิตามินซีช่วยปกป้องการทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว เพราะเมื่อติดเชื้ออาจเกิดการอักเสบได้เนื่องจากมีการต่อสู้ระหว่างเม็ดเลือดขาวและกับเชื้อโรค ทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อทำลายเม็ดเลือดขาว วิตามินซีจะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระไม่ให้ไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว 

ทานวิตามินซีควรกินตอนไหนดีที่สุด 

 

สำหรับคำถามที่ว่าวิตามินซีควรกินตอนไหน หากต้องการประโยชน์วิตามินซีดีสุดต่อร่างกายคือการรับประทานหลังอาหารเช้า เนื่องจากร่างกายของเราจะมีอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลา จากกิจกรรมหรือการทำงานระหว่างวัน อีกทั้งมีการดื่มน้ำเรื่อยๆ ทำให้มีการขับวิตามินออกทางปัสสาวะมากกว่าตอนกลางคืนที่ปัสสาวะจะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ่วได้ 

และควรทานวิตามินซีหลังอาหารหรือระหว่างการทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี และลดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร เพราะวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ จึงไม่แนะนำให้ทานก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง ผู้มีปัญหาเรื่องโรคกระเพาะควรปรึกษาแพทย์ และในการรับประทานวิตามินขนาดสูงก็เช่นกัน 

 

นายแพทย์ ฆนัท ครุฑกูล แพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า การออกกำลังกายและทานวิตามินซีประจำ เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงและสร้างภูมิต้านทานภูมิแพ้ ไข้หวัดและโควิด-19 ยิ่งทำให้หลายคนสนใจและหาซื้อวิตามินซีกันเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับยอดซื้อในหลายๆปีที่ผ่านมาก่อนที่ไวรัสโควิดจะระบาด

 

วิตามินซีในท้องตลาดที่หาซื้อได้ทั่วไปจะพบว่ามี วิตามินซีธรรมชาติ(Natural vitamin C) ที่ได้จากผักผลไม้  วิตามินซีสังเคราะห์ (Synthetic vitamin C) ทั้งแบบวิตซีเม็ด วิตามินซีแบบอม วิตามินซีแบบเคี้ยว วิตามินซีน้ำ วิตามินซีผิวใส แบบที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มในการดูดซึม วิตามินซี Ascorbic Acid  วิตามินซี citrus ที่เป็นวิตามินซีจากพืชตระกูลส้ม และวิตามินซี acerola cherry 

 

ทานวิตามินซีวันละเท่าไรดีที่สุด 

 

จากการศึกษาวิจัยจากสถาบันทางการแพทย์ได้พบว่า การที่เราทานวิตามินซี 500 มิลลิกรัม วิตามินซีจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ 70 ไมโครโมล ถ้าหากทานวิตามิน ซี 1000 มิลลิกรัม ร่างกายจะดูดซึมได้ 75 ไมโครโมล และถ้าเราทานขนาด 2000 มิลลิกรัม ร่างกายจะรับวิตามินซีได้ประมาณ 78 ไมโครโมล ซึ่งจะเห็นว่าแทบไม่แตกต่างกันมากนัก ฉะนั้นทานวิตามินซี 500 mg ก็พอเหมาะสม

 

แต่เนื่องจากปัจจุบันมีทั้งฝุ่น มลภาวะ อีกทั้งCOVID-19 ที่กำลังระบาด ร่างกายจึงต้องการเสริมภูมิคุ้มกันที่มากขึ้น การทานวิตามินซีในปริมาณ1000-2000 มิลลิกรัม จะดีกว่าสำหรับในสถานการณ์ ณ ตอนนี้ และถ้าเทียบราคาวิตามินซีระหว่าง 500 mgและวิตามินซี 1000 mg ราคาก็ต่างกันไม่มากนัก โดยอาจแบ่งเป็นการทาน เช้า-เย็น 

วิตามินซีแบบไหนดีที่สุด

 

จะเลือกทานแบบไหนก็ได้ที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นวิตามินแคปซูล วิตามินซีเด็ก         เม็ดฟู่วิตามินซี ฯลฯ วิตามินซีที่ดีที่สุดคือวิตามินที่ผลิตจากวัตถุดิบมีคุณภาพ ร่างกายก็ได้ประโยชน์เช่นกัน แต่ข้อดีข้อเสียของวิตามินแต่ละชนิดก็แตกต่างกันไป

 

  1. วิตามินซีอัดเม็ด ส่วนใหญ่จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่จึงอาจมีปัญหาในการกลืนบ้างสำหรับบางคน เมื่อทานแล้วต้องดื่มน้ำตามมากๆ เพราะวิตซีชนิดนี้ต้องใช้น้ำช่วยในการแตกตัวมากกว่าชนิดอื่น 

 

  1. วิตามินซีเม็ดอม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกลืนเม็ดยายากหรือไม่ชอบการกลืนแบบเม็ด วิตามินซีอมเล่นจะช่วยให้ทานง่ายขึ้น จะมีวิตามินซีปริมาณตั้งแต่ 25-500 มิลลิกรัม แต่การอมวิตามินซีบ่อยๆ ฤทธิ์กรดจากวิตามินซีจะกัดกร่อนสารเคลือบฟันให้บางลงได้ จึงควรทานแต่พอดี 

 

  1. วิตามินซีแคปซูล มีทั้งแบบแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม มีปริมาณวิตามินซี 500 มิลลิกรัม ทานและกลืนง่าย แต่มีราคาสูงกว่าแบบเม็ด

 

  1. วิตามินซีแบบเคี้ยวหรือเยลลี่วิตามิน ส่วนใหญ่จะมีปริมาณวิตามินซีประมาณ 30 มิลลิกรัม มีการแต่งสีและรสชาติค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะน้ำตาล เพื่อให้ทานง่ายและมีรสที่ชวนทาน เหมาะเป็นวิตามินซีสำหรับเด็ก หรือผู้ที่ทานแบบเม็ดใหญ่ลำบาก แต่ควรเลือกซื้อแบบที่ไม่เติมสารกันบูดและมีปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน

 

  1. วิตามินซีเม็ดฟู่ เป็นวิตามินซีเม็ดขนาดใหญ่ โดยวิธีการทานคือนำเม็ดฟู่ไปละลายน้ำจนหมดฟองแล้วจึงดื่ม เพราะฟองอาจทำให้เกิดการแน่นท้องได้ มักจะมีปริมาณ 500-1000 มิลลิกรัม เหมาะกับผู้ที่กลืนยาเม็ดยาก ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมยาก เช่น ผู้สูงอายุ 

 

  1. วิตามินซีแบบฉีด จะมีปริมาณวิตามินซี 500 มิลลิกรัม แต่ฉีดวิตามินซีแบบนี้จะต้องทำการปรึกษาแพทย์ก่อน โดยวิตามินซีแบบสารละลายจะออกฤทธิ์เร็ว ร่างกายสามารถนำไปใช้ซ่อมแซมร่างกายได้เลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยจากกระเพาะก่อน จึงมักถูกนำไปใช้กับผู้ป่วย หรือผู้ที่ไม่สามารถทานยาเองได้ 

 

  1. วิตามินซีแบบชง สามารถนำไปละลายน้ำได้ทำให้ทานง่าย เหมาะกับคนที่ทานยายากหรือไม่ชอบกลืนแบบเม็ด แต่ควรเลือกซื้อวิตามินซีแบบผงที่ปราศจากน้ำตาล เพราะบางยี่ห้อก็ใส่น้ำตาลในปริมาณมาก 

 

วิตามินซีกลุ่ม Ascorbic Acid 100% อาจระคายเคืองต่อกระเพาะ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคกระเพาะอาหารได้ และร่างกายอาจดูดซึมได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นควรเลือกกลุ่มที่เป็น Ascorbic Acid ร่วมกับ Citrus Bioflavonoids  กลุ่ม Ascorbic Acid ร่วมกับ Bioflavonoids หรือ กลุ่ม Acerola cherry เพราะไบโอฟลาโวนอยด์จะช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีให้ออกฤทธิ์ได้ดีและอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการดูดซึมของวิตามินซีได้ถึง 35% ช่วยเสริมการทำงานของวิตามินซี รวมไปถึงสามารถอยู่ในร่างกายได้นานขึ้นด้วย 

 

เคยสงสัยไหมว่า Acerola cherry คืออะไร อะเซโรล่า เชอร์รี่ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีวิตามินซีสูงมากกว่าผลไม้สูงกว่าที่พบในส้มถึง 30-80 เท่า และมากกว่าผักผลไม้อีกหลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยยับยั้งสารไนโตรซามีนจากการรับประทานอาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม ช่วยดูดซึมซิลิเนียมในลำไส้ ช่วยยับยั้งสารฮีสตามีนที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเชื้อราบนผิวหนัง

โทษของวิตามินซี 

 

สามารถทานวิตามินซีได้อย่างต่อเนื่อง เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินละลายในน้ำ ร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะตลอด ทำให้ไม่มีการสะสมในร่างกาย แต่ต้องระมัดระวังสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคไต เพราะวิตามินซีก่อนจะถูกขับออกจะเปลี่ยนเป็นกรดออกซาลิก เมื่อรวมกับแคลเซียมจะเกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลต ทำให้เกิดก้อนนิ่วหรือการอุดตันในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคไตหากรับประทานวิตามินซีอาจเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้มากกว่าผู้ป่วยด้วยกันที่ไม่ทานวิตามินซี แต่การจะเกิดก้อนนิ่วก็เป็นไปได้ด้วยหลายสาเหตุ ไม่ใช่เพียงเพราะการทานวิตซีส้มเท่านั้น ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด 

 

การเลือกซื้อวิตามินซี

 

  • มีเลขจดแจ้งทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) 
  • แจ้งวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ 
  • บริษัทที่ผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่ายจะต้องระบุสถานที่ มีเบอร์โทรติดต่อได้
  • ฉลากบนบรรจุภัณฑ์ต้องมีข้อมูลรายละเอียดของวิตามินซีใน 1 เม็ดประกอบด้วยอะไรบ้างอย่างชัดเจน 
  • ต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ทึบแสง เพราะแสงแดดและความร้อนมีผลให้วิตามินเสื่อมคุณภาพเร็ว 

 

วิตามินซียี่ห้อไหนดี / วิตามินซี 1000 mg ยี่ห้อไหนดี

 

เราไม่ได้สรุปว่าวิตามินซียี่ห้อไหนดีกว่า ยี่ห้อไหนดีที่สุด แต่จะนำยี่ห้อวิตามินซีที่หาซื้อได้ในประเทศไทย มีเลยจด อย. ถูกต้อง เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยม และมียอดซื้อยอดขายกันมากติดอันดับที่ถูกพูดถึง เพื่อเป็นข้อมูลคร่าวๆสำหรับใครที่ต้องการจะเลือกซื้อวิตามินซีไว้ทานแต่ยังไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหนดี หรือต้องการเปลี่ยนยี่ห้อวิตามินซี

 

  1. แนทซี (NAT C) ผลิตโดยบริษัท MEGA We care ที่เป็นโรงงานผลิตยาแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ผ่านการรับมาตรฐานการผลิตระดับสากล (GMP) ถึง 2 สถาบันจากออสเตรเลียและเยอรมัน กระปุกพลาสติกทึบแสง ฝาแบบเกลียวหมุนปิดได้แน่นสนิทดี nat c ราคา 230 บาท กระปุก 30 เม็ด 

 

  1. วิตามินซีvistra เป็น Acerola Cherry 1000 mg มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดและยังที่ช่วยดูดซึมได้ดี วิตามินซีวิสตร้าเป็นอีกแบรนด์ที่รู้จักและคุ้นเคยกันดี อยู่ในรูปแบบอาหารเสริมไม่ใช่ยาวิตามินซี ราคาไม่แพง ใน Acerola Cherry 1000 mg. มี Vitamin C ไม่เกิน 60 mg. และ Grape Seed 40 mg จึงช่วยในเรื่องผิวพรรณได้ดี ขวดแก้วสีชาไม่ทึบแสง ฝาเกลียวหมุนปิดแน่นสนิท vistraราคาประมาณ 260 บาท กระปุกละ 45 เม็ด แต่บางร้านอาจหาซื้อได้ถูกกว่า ก็ต้องแล้วแต่ละร้าน ขวดหนึ่งก็ทานได้เดือนนิดๆ 

 

  1. วิตามินซี blackmore วิตามินซีสัญชาติออสเตรเลีย มี 31เม็ดในขวดแก้วสีชาไม่ทึบแสง มองเห็นเม็ดวิตามินได้ เม็ดใหญ่พอประมาณ แต่อาจกลืนยากสำหรับคนมีปัญหาการกลืนเม็ดยา ฝาขวดเปิดปิดแบบสุญญากาศ เป็นยี่ห้อแรกๆที่เข้ามาเปิดตลาดอาหารเสริมจำหน่ายในไทย เป็นวิตามินซีมาตรฐานสากล ที่ได้รับความไว้วางใจกันมานาน ราคาประมาณ 300 บาท

 

  1. วิตามินซีDHC วิตามินซีเชื้อชาติญี่ปุ่นปริมาณ 500 mg ที่มาในรูปของซองซิปทึบแสง แบ่งทานเช้า-เย็น จะได้วิตามินซี 1000 mg  วิตามินซีdhc ใน1ซอง มี 60 เม็ด ทานได้ 30วัน ราคาประมาณ 195-200 บาท 

 

  1. วิตามินซีเกาหลี Eundan Vitamin C 1000 mg หรือ วิตามินซีอึนดัน วิตามินสัญชาติเกาหลีที่การันตีว่าสกัดจากธรรมชาติ 100% เป็นวิตามินซียอดฮิตในเรื่องการบำรุงผิวกระจ่างใส นุ่มเด้ง ลดรอยสิว และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วย 1ซอง มี 60 เม็ด ราคาประมาณ 350 บาท ทานวันละ 1- 2 เม็ด พร้อมอาหาร เช้า-เย็น 

 

  1. วิตามินซีองค์การเภสัช วิตามินซีแบรนด์ไทยขององค์การเภสัชฯ เป็นวิตามินซีขนาด 500 mg โดยฉลากข้างขวดแจ้งวิตามินซี 500 มิลลิกรัม ไม่มีแจ้งส่วนประกอบอื่น และข้อบ่งใช้คือ สำหรับรักษาอาหารขาดวิตามินซี แม้จะดูไม่มีรายละเอียด แต่เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ขององค์การเภสัชฯ จึงทำให้ยังดูเป็นที่น่าเชื่อถือได้ ที่สำคัญคือ ราคาสบายกระเป๋า ถูกบรรจุในขวดสีชาที่มองเห็นเม็ดวิตซีข้างในได้ ขนาดเม็ดจะเล็กกว่าบางยี่ห้อ ด้วยขนาดปริมาณวิตามินซีเพียง 500 mg เท่านั้น ทานง่าย โดยวิธีการทานคือ วันละ 2 เม็ด  แบ่งทาน เช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด แต่ข้อเสียคือ หาซื้อยากสักหน่อย หากซื้อที่องค์การเภสัชฯเลย หรือร้านขายยาราคาส่งแถวอนุสาวรีย์ฯ ข้างรพ.รามาฯ จะมีร้านยาราคาย่อมเยา จะได้ราคาไม่ถึงร้อยบาท แต่ถ้าร้านอื่นๆ หรือซื้อตามออนไลน์ เดี๋ยวนี้ราคาจะอยู่ประมาณ ร้อยกว่าบาทแล้ว โดย 1 ขวด บรรจุ 100 เม็ด 

 

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์วิตามินซีที่เป็นรูปแบบน้ำ เปิดปุ๊บดื่มปั๊บ ง่ายและสะดวกสำหรับคนยุคปัจจุบัน ที่ผลิตออกมาจำหน่ายแข่งขันกันมากมาย เช่น วิตอะเดย์ วิตามินวอเตอร์  วิตซี ฯลฯ และรูปแบบชงครั้งเดียวต่อดื่มอีกหลายยี่ห้อ การดูแลเอาใจใส่ตัวเองนั่นดี ยิ่งสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ที่รายล้อมไปด้วยฝุ่นควัน มลพิษที่เพิ่มขึ้น และ covid-19 โรคภูมิแพ้ที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ยิ่งต้องใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น แต่ต้องศึกษาและเลือกให้ดี เพราะของแท้มากคุณภาพมีให้เลือกซื้อ แต่ของปลอมของเลียนแบบก็มีปะปนมากเช่นกัน 

 

สำหรับผู้มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวสามารถหาซื้อทานได้โดยอาจไม่มีผลกระทบใดๆ แต่สำหรับผู้มีโรคประจำตัวควรศึกษาและปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ และอย่ารีบหลงเชื่อที่ว่า วิตามินช่วยไม่ให้เป็นโควิด19 ได้ เพราะขนาดผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง รวมไปถึงนักกีฬาก็ยังติดเชื้อได้ตามที่เราได้ยินข่าวแล้ว แต่วิตามินซีช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำงานในการต่อสู้โรคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นผู้ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่ยาป้องกันหรือรักษาโรคได้ขนาดนั้น และจากที่แพทย์ออกมาแนะนำแล้วว่า ควรทานพร้อมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ร่างกายมีภูมิที่ดี ท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง เพราะ “การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ”

ช่วงวันหยุดหรืออากาศดีๆ ชอบไปนั่งร้านอาหารที่ตลาดรถไฟใกล้บ้านบ่อยมาก  ด้วยความที่ชอบในความสวยแปลกตาของร้าน เขานำตู้คอนเทนเนอร์มือสองมาดัดแปลงเป็นร้านได้ทั้งเท่ทั้งอาร์ต แล้วยังจะมีตู้คอนเทนเนอร์สำเร็จรูปอื่นๆรวมไปถึงห้องน้ำที่ทำมาจากตู้พวกนี้เช่นกัน ทำให้ถ่ายรูปอัพลงไอจีเพลินมาก แล้วก็เกิดสนใจอยากรู้ขึ้นมาว่า จริงๆแล้วเจ้าตู้พวกนี้มีที่มายังไง แล้วทำไมถึงได้มีความนิยมนำมาทำเป็นที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น แล้วตู้คอนเทนเนอร์อาศัยอยู่ได้จริงไหม แข็งแรงหรือไม่ ซื้อที่ไหน และสารพัดคำถามที่อาจมีตามมา ถ้าอย่างนั้นไปรู้กันเลยดีกว่า

 

แต่เดิมตู้คอนเทนเนอร์(container)ใช้เพียงเพื่อบรรจุสินค้าในระบบการขนส่งเท่านั้น แต่ด้วยในปัจจุบันผู้คนให้ความนิยมในนวัตกรรมที่มีดีไซน์แปลกใหม่ การผสมผสาน mix & match ทำให้สถาปนิกทั่วโลกให้ความสนใจนำตู้คอนเทนเนอร์มาประยุกต์ใช้ในงานสถาปัตยกรรมมากขึ้น เพื่อทดแทนสิ่งก่อสร้างและสามารถอาศัยอยู่ได้จริง 

 

ตู้คอนเทนเนอร์คืออะไร 

ตู้คอนเทนเนอร์ คือ ตู้หรือกล่องขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างภายนอกเป็นวัสดุที่ทำจากเสาเหล็กหรืออลูมิเนียม มีคานเหล็กรัดรอบตู้เพิ่มความแข็งแรงตามมุม ส่วนผนังจะเป็นเหล็กที่เป็นลอนคลื่นแนวตั้ง เคลือบด้วยสีพ่นกันสนิม เราจึงเห็นตู้มีหลากสีสัน ส่วนภายในจะโล่งกว้างสำหรับบรรจุสินค้า ตู้ส่วนใหญ่จะมีประตู2บาน สามารถวางซ้อนกันได้ถึง10ชั้น โดยการวางซ้อนกันนั้นจะมีการยึดตู้แต่ละตู้ติดกันและมีที่ล็อกประตูเพื่อให้ปิดได้อย่างมิดชิดและปลอดภัย สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 20-30 ตัน

 

วัตถุประสงค์แรกที่ตู้นี้ถูกผลิตขึ้นก็เพื่อใช้บรรจุสินค้าในการขนส่งทางเรือ  โดย “มัลคอม แม็คลีน” หนุ่มชาวอเมริกันวัย 24 ปี เขาเป็นคนขับรถบรรทุกส่งฝ้ายจาก รัฐนอร์ธแคโรไลน่า ประเทศอเมริกา ไปลงเรือที่รัฐนิวเจอร์ซีย์  เป็นระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร ปัญหาที่เขาเจอทุกครั้ง คือการที่ต้องใช้เวลารอในการโหลดของลงเรือสินค้าที่จะไป อิสตันบูล ประเทศตุรกี นานเป็นวันๆ เพราะการโหลดสินค้าลงเรือสมัยนั้นต้องแยกเป็นชิ้นๆโดยใช้แรงงานคน กว่าจะได้คิวโหลด กว่าจะโหลดสินค้าเสร็จ ทำให้เขาเบื่อหน่ายและมักจะบ่นเสมอว่า “น่าจะมีวิธีที่ดีกว่าการขนของขึ้นเรือทีละชิ้น ควรจะมียกรถขึ้นเรือไปทั้งคันเลยแล้วก็นำไปช้งานต่อได้เลย”   เขาได้ไอเดียใช้ “กล่องขนาดใหญ่” หรือ “Big Box” ประยุกต์มาจากตู้บรรทุกสินค้าของรถไฟ แล้วนั่นก็เป็นต้นแบบของตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน 

 

มัลคอม ได้ปล่อยเรือคอนเทนเนอร์ลำแรกออกจากท่าเรือ Newark เมือง New Jersey มุ่งสู่เมือง Houston ได้สำเร็จในเรือนเมษายน ปี 1956 การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ขนสินค้าได้รวดเร็วกว่าแบบเดิมมาก แบะบดต้นทุนการขนส่งไปได้มากกว่า 90% ทำให้เขาถูกขนานนามว่าเป็น “บุคคลแห่งศตวรรษ“ หรือ “บิดาแห่งตู้คอนเทนเนอร์” 

ตู้คอนเทนเนอร์สำคัญยังไงกับการขนส่ง

การขนส่งทางทะเลมีความสำคัญมากอีกช่องทางหนึ่ง เพราะสามารถขนส่งสินค้าได้คราวละมากๆแต่มีราคาต่ำสุดถ้าเทียบกับการขนส่งในช่องทางอื่นๆ และยังสามารถส่งผ่านน่านน้ำได้แทบทั่วโลก ดังนั้นวัสดุที่จะใช้ขนสินค้าเพื่อทำการขนส่งทางทะเลจะต้องมีความแข็งแรงและบรรจุสินค้าให้ได้มากที่สุด 

และขนส่งทางเรือค่อนข้างจะใช้เวลานาน ประมาณ14-15วันขึ้นไป ตู้คอนเทนเนอร์จึงต้องมีหลายประเภทเพื่อให้เหมาะสมกับชนิดของสินค้าที่บรรจุ โดยจะมี5ประเภทหลักๆได้แก่ 

 

1. ประเภท Dry Cargoes  

เป็นตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานใช้บรรทุกของแห้งที่ไม่ต้องควบคุมอุณภูมิขณะที่ทำการขนส่ง มีหลายขนาด แต่ขนาดที่นิยมใช้จะมี 3 ขนาด คือ ขนาด 20 ฟุต ,ขนาด 40 ฟุต และ ขนาด 40 ฟุตไฮคิวบ์  น้ำหนักสูงสุดที่บรรทุกได้อยู่ที่ประมาณ 28 ตัน นิยมนำมาสร้างเป็น บ้านตู้คอนเทนเนอร์ ออฟฟิศคอนเทนเนอร์ ร้านค้าต่างๆ เพราะหาซื้อง่าย ไม่ต้องดัดแปลงอะไรมาก แค่เพียงนำมาปรับปรุงเล็กน้อยเท่านั้น

 

2. ประเภท Refrigerator Cargoes เป็นตู้ที่ใช้บรรทุกสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น สินค้าสด อุปกรณ์ทางการแพทย์หรือวัคซีนที่ต้องมีอยู่ในอุณหภูมิต่ำๆ สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง -25องศาเซลเซียส

 

3. ประเภท Garment Container เป็นตู้ที่ไว้บรรจุสินค้าประเภทแฟชั่น โดยมีราวสำหรับแขวนผ้า

 

4. ประเภท Open top เป็นตู้ที่ไม่มีหลังคาและด้านบนจะเปิดโล่งเพื่อขนสินค้าขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถขนผ่านประตูได้ เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรม

เครื่องมือการก่อสร้าง 

 

5.  TANK ป็นตู้สำหรับบรรจุของเหลวแทบทุกชนิด เช่น สารเคมีในอุตสาหกรรม โดยมีโครงคอนเทนเนอร์ครอบอยู่โดยสามารถจุได้ถึง11,000 ลิตร ถึง 26,000 ลิตร

 

ตู้คอนเทนเนอร์ไม่ได้เป็นแค่กล่องเหล็กที่ไว้สำหรับการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่สามารถนำกลับมาใช้หรือผลิตใหม่เพื่อใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เช่น บ้านเคลื่อนที่ บ้านสำเร็จรูป รีสอร์ทสำเร็จรูป ร้านค้าสำเร็จรูป ตู้สำนักงาน ฯลฯ

ตู้คอนเทนเนอร์นำมาใช้ในด้านสถาปัตยกรรมอะไรได้บ้าง

 

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ หลังเล็กๆสักหลัง ถ้าคุณมีพื้นที่จำกัดและงบประมาณไม่มากนัก ตู้คอนเทนเนอร์มือสองที่เคยมีการต่อเติมมาบ้างแล้ว จะช่วยประหยัดค่าตกแต่งไปได้บ้าง และก็มีหลายแบบให้เลือกตามขนาดพื้นที่จัดตั้งด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีบ้านตู้คอนเทนเนอร์แบบประกอบ ที่แยกชิ้นส่วนแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปประกอบหรือติดตั้งในสถานที่ลูกค้าต้องการได้อย่างง่ายและรวดเร็ว เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะประหยัดทั้งเวลา ใช้งานได้เร็วทันใจและขายต่อได้ง่าย ด้วยเหตุที่สามารถเคลื่อนย้ายไปให้ผู้ที่ต้องการต่อได้นั่นเอง จะเรียกว่า โมบายโฮม ก็ได้ โดยมีห้องที่ค่อนข้างจำกัดตามขนาดของตู้ที่นำมาสร้าง เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ถ้าตู้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็อาจเพิ่มในส่วนของระเบียงบ้านได้

 

แปลงร่างเป็นสระว่ายน้ำ  ถ้าคุณไม่เคยคิดว่าตู้คอนเทนเนอร์จะช่วยเนรมิตสระว่ายน้ำส่วนตัวได้ คุณจะประหลาดใจและพบว่ามันวิเศษมากๆ เพราะไม่ต้องทำการขุดใดๆ ทำให้สระว่ายน้ำตู้คอนเทนเนอร์ราคาถูกและจ่ายน้อยกว่าสระว่ายน้ำทั่วไป

 

รีสอร์ท โรงแรม หรือ บ้านพักตากอากาศสวยๆ เดี๋ยวนี้พวกโรงแรม รีสอร์ท และ บ้านพักต่างๆ มีการแข่งขันที่สูงมากๆ เพราะการท่องเที่ยวก็เป็นเศรษฐกิจอันดับต้นๆ และเมื่ออาศัยความเป็นเอกลักษณ์ของตู้คอนเทนเนอร์มาปรับแต่งให้เป็นโรงแรมเท่ๆ ที่สามารถเรียกลูกค้าเข้ามาพักได้เพิ่มขึ้น จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นตู้คอนเทนเนอร์รีสอร์ท หรือ โรงแรมที่่พักต่างๆถูกสรรสร้างด้วยตู้เหล่านี้แทบทั่วมุมโลก  

 

ตู้คอนเทนเนอร์สำนักงาน / ออฟฟิศคอนเทนเนอร์  เมื่อก่อนสำนักงานคอนเทนเนอร์มักถูกใช้งานในภาคสนาม  แต่ปัจจุบันก็ใช้กันแพร่หลายในหลายรูปแบบ เพราะติดตั้งและรื้อถอนง่าย รวดเร็วต่อการใช้งาน  ส่วนใหญ่ในกรณีของการนำมาดัดแปลงเป็นสำนักงานหรือออฟฟิศ มักจะเป็นในรูปแบบของการเช่าตู้คอนเทนเนอร์ หรือ ตู้ออฟฟิศมือสองเสียมากกว่า เพราะเมื่อจบงานหรือต้องการเลิกใช้ก็ไม่ต้องยุ่งยากกับปัญหาเรื่องไม่มีที่เก็บตู้ อัตราค่าเช่าจะเริ่มกันที่  5,000 บาท / ตู้ / เดือน และมีค่าขนส่งไป-กลับด้วย ราคาดังกล่าวอาจมีเพิ่มค่าประกันความเสียหาย เช่น การเก็บล่วงหน้าตามระยะเวลาที่ตกลงกัน

 

ร้านกาแฟคอนเทนเนอร์ / ร้านอาหารคอนเทนเนอร์ / คอนเทนเนอร์มินิมาร์ท   หากคุณเคยฝันจะมีร้านเล็กๆเป็นของตัวเองแต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่บานปลาย ตู้คอนเทนเนอร์อาจเป็นคำตอบให้คุณได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในหมู่บ้าน  ร้านกาแฟคอนเทนเนอร์  หรือคอนเทนเนอร์ร้านอาหาร แค่ตกแต่งเพิ่มเล็กน้อยตามที่คุณต้องการ ก็พร้อมเปิดร้านได้เลย 

Mature woman working indoors in home office in container house in backyard, using smartphone.

ห้องน้ำคอนเทนเนอร์เคลื่อนที่ / ห้องส้วมคอนเทนเนอร์สาธารณะ

เคยไปตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ก็เริ่มเห็นห้องน้ำเคลื่อนที่หลายแห่งที่ดัดแปลงมาจากตู้เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบยาวที่มีหลายห้อง หรือแบบแยกห้องเดี่ยวเป็นส้วมสาธารณะ ทราบมาว่ามีทั้งแบบซื้อขาดและให้เช่าห้องน้ำคอนเทนเนอร์ 

 

ตู้รปภ.คอนเทนเนอร์ 

ตู้รปภ.หรือออฟฟิศหน่วยรักษาความปลอดภัย ที่มักอยู่ด้านหน้าตามสำนักงาน  ออฟฟิศ โรงแรม หรือ คอนโดต่างๆ เดี๋ยวนี้ก็มักจะดัดแปลงมาจากเจ้าตู้เหล่านี้และมีการสีทับหลากหลายสวยแปลกตาอยู่เหมือนกัน 

บ้านพักคนงาน / บ้านพักไซต์งานก่อสร้าง

เป็นบ้านชั่วคราวให้กับคนงานหรือแม้แต่สำนักงานชั่วคราวตามไซต์งานการก่อสร้างหลายแห่ง 

 

แล้วราคาตู้คอนเทนเนอร์แพงไหมนะ…

 

ตู้คอนเทนเนอร์ราคาเท่าไร

ราคาตู้คอนเทนเนอร์มือสอง ราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพความเก่า-ใหม่ของตู้เป็นหลัก ราคาตู้คอนเทนเนอร์มือสอง 25,000 – 28,000บาท สภาพตู้อาจต้องปรับแต่งมากหน่อย ขยับขึ้นมาแบบสถาพดีพอใช้ราคาก็ราวๆ 35,000 บาท แต่ถ้าตู้ยังดูสวยมากแทบไม่เห็นตำหนิเลย ส่วนใหญ่จะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20ฟุต  (ตู้มารีน) ราคาประมาณ 50,000 ขึ้นไป ซึ่งจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ตู้มือสองมักจะมีการดัดแปลงมาบ้างแล้ว ทำให้ต่อเติมเพิ่มแต่งอีกเล็กน้อยหากต้องการ ทำให้ลดค่าตกแต่งลงไปอีก อย่างเช่น ตู้คอนเทนเนอร์ร้านกาแฟมือสอง เป็นต้น 

 

ราคาตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ เริ่มต้นจะอยู่ประมาณ 130,000 บาท แต่ถ้าเป็นราคาตู้คอนเทนเนอร์ออฟฟิศสำเร็จรูปจะอยู่ที่ประมาณ 80,000-100,000 บาทขึ้นไป 

 

ราคาขายสำนักงานตู้คอนเทนเนอร์ โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่รวมแอร์ก็จะเริ่มราคาประมาณ 100,000บาท/ตู้ ในกรณีจะเพิ่มแอร์ จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเข้ามาซึ่งจะเป็นราคาแล้วแต่ตามตกลงกัน

 

จะหาซื้อตู้คอนเทนเนอร์ได้ที่ไหน

โดยแหล่งซื้อขายตู้คอนเทนเนอร์อาจหาได้ตามท่าเรือขนส่งสินค้า หรือถ้าจะหาในกรุงเทพฯ สามารถดูได้ตามเว็บไซต์ Contatiner Knockdown โดยราคาจะมีขึ้นลงตลอด 

 

ขณะที่ทำการหาข้อมูล ก็ได้เห็นคำถามหรือปัญหาที่มีคนให้ความสนใจเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์เยอะมาก แต่คำถามยอดฮิตที่เจอมาและคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับใครๆอีกหลายคนก็จะมีดังนี้

มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแอบแฝงหรือไม่ 

การต่อเติมไฟฟ้า การเจาะหน้าต่าง-ประตู  การจัดส่ง รวมไปถึงการขอใบอนุญาต สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ยิ่งคุณต้องการเพิ่มส่วนรายละเอียดมากเท่าไรก็ยิ่งมีการเพิ่มยอดจ่ายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีอีกหลายๆคนเห็นว่า บ้านหรืออาคารจากตู้คอนเทนเนอร์ถูกกว่าการสร้างที่อยู่อาศัยแบบทั่วไป

 

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ร้อนไหม อาคารที่ทำจากคอนเทนเนอร์จะเปลืองค่าแอร์หรือเปล่า ด้วยวัสดุที่เป็นเหล็กและอลูมิเนียม แน่นอนว่าคุณสมบัติของมันคือ ผลิตง่าย ดูดี ทนทานต่อการรับน้ำหนัก ไม่แตกหักง่าย และเมื่อสัมผัสกับอากาศจะเกิด อลูมิเนียมออกไซต์ เคลือบบริเวณผิววัสดุ สามารถป้องกันการกัดกร่อนได้และมันก็ยังเป็นตัวนำความร้อนได้ดีมากและมากกว่าเหล็กธรรมดาถึง3เท่า ดังนั้นต้องใส่ฉนวนกันความร้อนด้านในของตู้ก่อนเพื่อช่วยลดปัญหาความร้อนและอาจเสริมส่วนที่ช่วยบังแดด เช่น ทำหลังคา ทำระแนงบังแดด

 

จะเลือกฉนวนกันความร้อนใส่บ้านทั้งที แต่ความรู้เรื่องนี้ไม่มี ทำไงดี…

 

ฉนวนกันความร้อนทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

1.ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น จะติดตั้งไว้บนฝ้าเพดานหรือใต้หลังคา หาซื้อได้ง่ายและมีหลายราคาให้เลือก โดยฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นมี4ชนิด ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟรอยล์ , ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน , ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว และ ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม

 

2.ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น หรือ ที่เรียกว่าโฟมกันความร้อน ด้วยเป็นชนิดแบบพ่นจึงเข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุมที่ต้องการ แต่มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากมีความยุ่งยากและต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ มักเป็นที่นิยมสำหรับอาคารและ

โรงงาน โฟมชนิดนี้ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนเซรามิคโค้ดติ้ง และ ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ 

 

ฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ 

ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน (PU FOAM) หรือ โฟมเหลือง เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีทั้งแบบแผ่นและแบบพ่นให้เลือกตามความต้องการ ข้อดีของพียูโฟม คือ ช่วยลดความร้อนใต้หลังคาได้มากถึง 15-35 องศา ช่วยเก็บความเย็นภายในอาคารทำให้ประหยัดค่าแอร์ได้ดีเยี่ยม ลดเสียงจากภายนอกได้ 20-40เดซิเบล จึงป้องกันเสียงรบกวนได้ดี ทนต่อกรด-ด่าง ไม่ดูดซับน้ำ มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 20 ปี โดยไร้ปัญหาพียูโฟมหลุดร่อน ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง

 

ตู้คอนเทนเนอร์มีอายุการใช้งานนานแค่ไหน 

ปกติตู้คอนเทนเนอร์ มักจะมีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 30 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานจริงด้วย อาจต้องลงน้ำยากันสนิม และ คอยตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

 

กันสนิมอย่างไรให้ตู้คอนเทนเนอร์อยู่กับเรานานๆ 

ปัจจุบันมีน้ำยาหยุดสนิม Anti rust ที่ใช้ทาบนโลหะที่เป็นสนิมเพื่อหยุดการแพร่กระจายของสนิมได้ โดยทาลงบริเวณที่เป็นสนิมแล้วรอให้แห้งทิ้งไว้ประมาณ 8 ชม. วิธีนี้จะช่วยหยุดการแพร่กระจายได้ หากต้องการทาสีทับก็ใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำยาให้แห้งแล้วทาสีทับได้เลย

 

วางตู้บนพื้นดินเลยได้หรือไม่ การวางตู้บนพื้นดินเลยโดยไร้สิ่งใดรองรับจะมีปัญหาเรื่องความชื้นและตู้คอนเทนเนอร์เองก็ค่อนข้างหนัก ถ้าวางตู้บนพื้นที่มีความอ่อนตัวอาจจะทำให้ตัวตู้หรืออาคารทรุดได้ ฉะนั้นควรต้องมีฐานรองรับตู้ โดยปรึกษาวิศวกรผู้ชำนาญจะดีที่สุด

 

เจาะประตู-หน้าต่าง ตู้คอนเทนเนอร์ ได้แค่ไหน

การที่จะเจาะประตูหรือหน้าต่างต้องมีการเสริมเหล็กบริเวณขอบทั้ง4ด้านของช่องที่เจาะ ให้ช่วยรับน้ำหนักแทนส่วนของผนังที่ถูกเจาะหายไป จึงจำเป็นต้องใช้ช่างที่ชำนาญโดยเฉพาะ เพราะต้องใช้ไฟในการเจาะ โดยทั่วไปเวลาที่ซื้อตู้กับบริษัทชั้นนำหรือที่เขาจำหน่ายตู้คอนเทนเนอร์ก็จะมีวิศวกร และ ช่างซ่อมบำรุงอยู่แล้ว สามารถแจ้งให้เขาดำเนินการได้เลย

 

การสร้างบ้านคอนเทนเนอร์ต้องขออนุญาตหรือไม่ ถึงแม้จะเป็นการสร้างบ้านจากตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก็ยังต้องมีการคำนวนโครงสร้างทางวิศวกรรม รวมไปถึงส่วนของกฏหมายด้านอาคารต่างๆ เพราะตู้คอนเทนเนอร์จะกลายเป็นบ้านหรือที่อยู่อาศัยประเภทหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องมีการขออนุญาตก่อนก่อสร้างเหมือนการสร้างอาคารทั่วไปนั่นเอง

 

อะไหล่ตู้คอนเทนเนอร์หาซื้อได้ที่ไหน 

โดยปกติแล้วตู้คอนเทนเนอร์จะไม่ได้มีอะไหล่ขายทั่วไป ต้องเป็นร้านที่จำหน่ายเฉพาะ หรือ โรงงานที่ผลิตคอนเทนเนอร์โดยตรง ก็จะได้อะไหล่ที่ตรงสเป็คและราคาไม่แพงเกินไป และปัจจุบัน 

 

ทำไมตู้คอนเทนเนอร์ถึงขาดแคลน 

เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนกักตัวอยู่บ้านกันมากขึ้น จึงมีการสั่งซื้อของในระบบออนไลน์มากขึ้นตามไปด้วย สินค้าส่งออกส่วนใหญ่มักจะใช้บริการตู้คอนเทนเนอร์ ก็ได้รับผลกระทบนี้ไปด้วย ไม่วาจะเป็นในเรื่องของความต้องการใช้ตู้เปล่าในการบรรจุสินค้า หรือ อัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดเหตุการณ์ ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน 

 

ในประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน เนื่องจากตู้ที่ถูกตีกลับไปฝั่งทางอเมริกา-ยุโรป แล้วติดช่วงโควิดอีก และ ทางฝั่งจีนเจ้าพ่อส่งออกตู้คอนเทนเนอร์ก็ถูกกักไว้ในประเทศเพราะข่าวเรื่องเชื้อโควิดนั่นเอง 

 

จึงสรุปได้ว่า ตู้คอนเทนเนอร์สามารถอาศัยอยู่ได้จริง มีการยอมรับและขยายไปอย่างกว้างขวางทั่วโลก ในการนำตู้คอนเทนเนอร์มาปรับใช้ให้เป็นนวัตกรรมทางเลือกในปัจจุบัน ทั้งช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้าง เคลื่อนย้ายง่าย ราคาถูก และ มีความโมเดิร์น แล้วยังเป็นการ reuse นำสิ่งของกลับมาใช้ใหม่ ช่วยลดขยะให้กับโลกอีกด้วย