หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับการศัลยกรรมทำตาสองชั้น แต่อาจจะไม่เคยได้ยินคำว่า “ ผ่าตัดเปิดหัวตา ” ซึ่งการผ่าตัดเปิดหัวตานั้นเป็นการแก้ไขและตกแต่งหนังตาบนที่ยื่นลงมาปิดบริเวณหัวตาทำให้ตาเป็นชั้นเดียว

สำหรับคนเอเชียหรือคนไทยส่วนใหญ่จะมีรูปตาที่เล็กกว่าคนยุโรป สาเหตุที่ดวงตาดูเล็กนั้น เป็นเพราะบริเวณหัวตาจะมีรอยพับของหนังตา ซึ่งการผ่าตัดเปิดหัวตาจะช่วยให้ดวงตาหวาน ตาโตและสวยงามมากขึ้น และยังทำให้มองเห็นสันจมูกได้ชัดเจนมากขึ้น หากมองก็จะรู้สึกเหมือนจมูกโด่งขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การผ่าตัดเปิดหัวตาได้รับความนิยมมากทั้งเหล่าดารา เซเลป ทำให้ตอนนี้การผ่าตัดเปิดหัวตากลายเป็นเทรนด์มาแรงกันทั่วโลก

การผ่าตัดเปิดหัวตา

เป็นการศัลยกรรมตกแต่งเนื้อบริเวณหัวตาให้ได้รูปที่สวยงาม โดยใช้เทคนิคเฉพาะทาง ซึ่งหากใครอยากทำตาสองชั้นด้วย ก็สามารถทำควบคู่ในครั้งเดียวกันได้เลยค่ะ จะทำให้ดวงตาดูสวยคมมากยิ่งขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงหลังการผ่าตัด

หลังการผ่าตัดอาจจะรู้สึกตึงรอบๆ ดวงตา แต่จะหายเป็นปกติใน 1 สัปดาห์ ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดหลังการผ่าตัดนั้นจะเห็นตาขาวตรงบริเวณหัวตามากขึ้น ทำให้ดวงตาดูเรียวยาว หัวตาแหลมมากขึ้น ตาโตและหวานมากขึ้น การศัลยกรรมผ่าตัดเปิดหัวตาจึงเหมาะกับสาวๆ คนไทยที่อยากให้ดวงตาโต หวานสวย สไตล์เกาหลี

การผ่าตัดถุงใต้ตา เป็นยังไง น่ากลัวมั้ย ?

รู้หรือไม่ ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร ? หลายๆ คนมักมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาถุงใต้ตา การเกิดถุงใต้ตานั้นมาจากไขมันที่สะสมกันจนทำให้ถุงใต้ตาหย่อยคล้อย ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดถุงไขมันใต้ตานั้นมากจากหลายสาเหตุ

ยกตัวอย่างเช่น ถุงใต้ตาเกิดจากการสะสมของไขมันบริเวณรอบๆ ดวงตา และมีการสะสมน้ำทั้งบริเวณใต้ตาล่างและหนังตาด้านบน ซึ่งเมื่อไขมันและน้ำมีการสะสมมากขึ้นจึงก่อให้เกิดเป็นถุงใต้ตา และทำให้หนังตาหย่อนคล้อย เป็นต้น

 

การผ่าตัดถุงไขมันใต้ตาใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน เพราะทางการแพทย์ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก จึงไม่ต้องกังวล และราคาการผ่าตัดถุงใต้ตาในปัจจุบันก็ไม่แพง เพื่อให้ดวงตาได้กลับสวยงาม ดูเด่นอีกครั้งนั่นเองค่าาา

ก่อนการผ่าตัดถุงใต้ตาควรเตรียมตัวอย่างไร

คนไข้ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดถุงใต้ตา สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเกี่ยวกับหัวใจ ความดัน และเบาหวาน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อให้แพทย์ประเมินก่อนและต้องได้รับคำอนุญาตจากแพทย์จึงเข้ารับการผ่าตัดได้ ควรงดรับประทานอาหารเสริม วิตามินบำรุงต่างๆ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดถุงใต้ตาประมาณ 2 สัปดาห์ และควรงดการดื่มสุราและสิ่งของมึนเมาก่อนเข้ารับการผ่าตัด 1-2 วัน และควรงดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการผ่าตัด 1 เดือน

 

ขั้นตอนการผ่าตัดถุงใต้ตา

ก่อนทำการผ่าตัดแพทย์จะพูดคุยและให้คำปรึกษาแก่คนไข้ พร้อมทั้งทำการตรวจบริเวณชั้นตาเพื่อประเมินว่าควรแก้ไขและรักษาถุงใต้ตาอย่างไรให้สวยงามเหมาะสมตรงตามที่คนไข้ต้องการ เมื่อให้คำปรึกษากับคนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มทำการผ่าตัด

ในการผ่าตัดถุงใต้ตาโดยทั่วไปจะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง โดยแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุดตรงบริเวณที่จะทำการผ่าตัด เมื่อยาชาออกฤทธิ์แพทย์จะทำการผ่าตัดซึ่งวิธีการในการผ่าตัดถุงใต้ตาเพื่อนำไขมันถุงใต้ตาที่เป็นส่วนเกินออกนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคเฉพาะของแพทย์แต่ละท่าน เมื่อผ่าตัดเอาไขมันถุงใต้ตาออกแล้วแพทย์จะเย็บแผล ซึ่งจะใช้เทคนิคการเย็บแบบซ่อนรอยแผล เมื่อแผลหายและเข้าที่แล้วจะมองไม่เห็นรอยแผล เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วรอให้ยาชาหมดฤทธิ์ แพทย์จะอนุญาตให้คนไข้สามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ทันที

หลังการผ่าตัดถุงใต้ตาควรดูแลอย่างไร

หลังการผ่าตัดคนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานตามแพทย์สั่ง รวมไปถึงควรเข้าพบแพทย์ตามกำหนด เพื่อประมาณหลังการผ่าตัดถุงใต้ตา ซึ่งหลังการผ่าตัดถุงใต้ตาคนไข้ควรปฏิบัติดังนี้

  1. สองวันแรกหลังการผ่าตัดถุงใต้ตา หรือการผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา คนไข้ควรประคบเย็นรอบดวงตาและหน้าผาก เพื่อช่วยลดอาการบวม
  2. สองวันแรกหลังการผ่าตัดไม่ควรให้แผลโดนน้ำ หากต้องการทำความสะอาดควรใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดแล้วเช็ดเบาๆ
  3. หลังการผ่าตัดถุงใต้ตาควรนอนยกศีรษะสูง จะช่วยลดอาการบวมได้ดียิ่งขึ้น
  4. หลังผ่าตัดถุงใต้ตาไม่ควรใช้สายตามาก ควรพักสายตามากๆ ในช่วงสามวันแรกหลังการผ่าตัด
  5. สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดถุงใต้ตาควรงดใส่คอนแทคเลนส์ และสวมแว่นแทน

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัด

หลายๆ ครั้งมักพบคำว่าถามว่า หลังจากผ่าตัดถุงไขมันใต้ตาแล้วหนังตาจะปลิ้นหรือไม่ ? เป็นคำถามที่หลายๆ คนกังวล ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำตอบสำหรับคำถามนี้ว่า ความเสี่ยงนี้อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ที่มีอายุมาก หรือผู้ที่มีหนังตาหรือเปลือกตาที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ก่อนแล้ว หากการผ่าตัดนั้นมีการตัดแต่งหนังตาล่างมากเกินไปก็จะมีโอกาสที่ทำให้หนังตาปลิ้นได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งว่าควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้นหลังผ่าตัด

ศึกชิงแชมป์ ลูกทุ่งเงินล้าน ชิงถ้วยรางวัลชนะเลิศจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

ออกอากาศ ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 น. มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ กับ สุดยอด 8 ทีมสุดท้าย

 

 

 สุดยอดการแข่งขันประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง ระดับคุณภาพ เพื่อค้นหาสุดยอดวงดนตรี ดีที่สุด มีคุณภาพที่สุด เข้าไป ชิงถ้วยรางวัลชนะเลิศจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

โดยคุณวิทยา ศุภพรโอภาส นักจัดรายการชื่อดังผู้คร่าหวอดในวงการเพลงและได้รับการยอมรับของวงการเพลงลูกทุ่งไทย ภายใต้การผลิตของทีมงานคุณภาพ บริษัท เอ็กซ์เพรส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด

จากการเฟ้นหาวงดนตรี ที่มีคุณภาพ ผ่านพ้นไปแล้ว กับรอบคัดเลือก 16 ทีม จนเหลือ 8 ทีมสุดท้าย !!! มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ กันว่า 8 ทีมสุดท้ายนี้ วงใดจะผ่านสายตา คณะกรรมการผู้ชำนาญการ ทั้ง 5 ท่านไปได้

 

วันเสาร์ที่ 4 มิ.ย. นี้ พบกับ
วงดนตรีลูกทุ่งเทพมิตรศึกษา ประชันพลังเสียงกับ วงดนตรีลูกทุ่งวัดห้วยจระเข้วิทยาคม และ ศิลปินรับเชิญสุดพิเศษ “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ที่จะมาร่วมขับร้องบทเพลงดัง บนเวทีศึกชิงแชมป์ ฯ แห่งนี้ พร้อมด้วย Commentator รับเชิญพิเศษ ผู้ชำนาญการด้านการร้อง “คัฑลียา มารศรี” ที่จะมาร่วมชี้ขาดกับศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน…


วันเสาร์ที่ 11 มิ.ย. 59 พบกับ
วงดนตรีลูกทุ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ประชันพลังเสียงกับ วงดนตรีลูกทุ่งพิบูลวิทยาลัย และ ศิลปินรับเชิญยอดนิยม “เอกชัย ศรีวิชัย” กับผลงานเพลง” คิดถึงบ้านเกิด” สนุก มันส์ แดนซ์กระจาย…. พร้อมด้วย Commentator รับเชิญพิเศษ ผู้ชำนาญการด้านการร้อง “คัฑลียา มารศรี” ที่จะมาร่วมชี้ขาดกับศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน…


วันเสาร์ที่ 18 มิ.ย. 59 พบกับ
วงดนตรีลูกทุ่งพนมทวนชนูปถัมภ์ ประชันพลังเสียงกับ วงดนตรีลูกทุ่งชา ป่ างามวิทยาคม และ ศิลปินรับเชิญสุดสวยนามเพราะ ธิดาแดนซ์ “ หลิว อาจารียา พรมพฤกษ์” พร้อมด้วย Commentator รับเชิญพิเศษ ผู้ชำนาญการด้านการร้อง ศิลปินแห่งชาติ “ชินกร ไกรลาศ” ที่จะมาร่วมตัดสิน และชี้ขาดให้กับศึกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้


วันเสาร์ที่ 25 มิ.ย. 59 พบกับ
วงดนตรีลูกทุ่ง SPU Band (ม.ศรีปทุม) ประชันพลังเสียงกับ วงดนตรีลูกทุ่งสุวรรณพลับพลาพิทยาคม และ ศิลปินรับเชิญชื่อดัง ยอดนิยม “เสรี รุ่งสว่าง” และ “สดใส รุ่งโพธ์ิทอง” มาเป็นเกียรติร้องเพลง และสร้างสีสันให้กับเวที ศึกชิงแชมป์ ลูกทุ่งเงินล้าน


พร้อมด้วย Commentator รับเชิญพิเศษ ผู้ชานาญการด้านการร้อง ศิลปินแห่งชาติ “ชินกร ไกรลาศ” ที่จะมาร่วมตัดสิน และชี้ขาดให้กับศึกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้

พลาดไม่ได้ !!! ร่วมลุ้น ร่วมเชียร์
กับ สุดยอดวงดนตรีลูกทุ่ง ระดับคุณภาพ ที่จะก้าวไปสู่แถวหน้าของไทยในเวที…
“ศึกชิงแชมป์ ลูกทุ่งเงินล้าน” รอบ 8 ทีมสุดท้าย เริ่ม วันเสาร์ที่ 4 มิ.ย. นี้
ที่สถานีโทรทัศน์ PPTV HD 36

 
 

อนันดาฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคม กับโครงการ “คุณได้บ้าน = คุณให้บ้าน” ปีที่ 3 สนับสนุนให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นำทีมโดย คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ทีมงานจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง บริษัทออกแบบ พนักงาน Blogger และมูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย (Habitat for Humanity Thailand) รวมกว่า 90 คน ร่วมเป็นอาสาสมัครก่อสร้างบ้านพักอาศัยให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ณ ต.วังจุฬา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จำนวน 2 หลัง ให้แก่ ในโครงการ “คุณได้บ้าน = คุณให้บ้าน” ปีที่ 3

 

โครงการดีๆ ด้าน CSR ที่ อนันดาฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคม ซึ่งริเริ่มขึ้นภายใต้แนวคิดที่ต้องการแบ่งปันความสุขด้านปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต คือ ที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ที่ยังต้องการความช่วยเหลือในสังคม สนับสนุนให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยทุกการซื้อที่อยู่อาศัยหนึ่งยูนิตของลูกค้า ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2556 บริษัทฯ จะบริจาคเงินจำนวน 1,000 บาท เพื่อสนับสนุนการสร้างบ้านพักอาศัยให้แก่ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติโดยมูลนิธิที่อยู่อาศัยประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา อนันดาฯ ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิที่อยู่อาศัย (ประเทศไทย) มาอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของการสนับสนุนทางการเงินและทีมงานก่อสร้างบ้านพักแก่ผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างๆ ด้วยความตั้งใจที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขในการมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม

บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้ให้การสนับสนุนมูลนิธิที่อยู่อาศัยสร้างบ้านให้กับครอบครัวผู้มีรายได้น้อยมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 7 ปี และได้ดำเนินการสร้างและส่งมอบบ้าน รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับชุมชนในพื้นที่แล้ว 29 หลัง โดยเริ่มแรกใน “โครงการจิมมี่-โรสลิน คาร์เตอร์” ที่จังหวัดเชียงใหม่รวมถึงโครงการที่ร่วมให้ความช่วยเหลือในการสร้างศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนริเริ่มจัดทำเป็นโครงการ “คุณได้บ้าน = คุณให้บ้าน” ปีที่ 1 ในปี 2557 และล่าสุด ในปี 2559 กับโครงการ “คุณได้บ้าน = คุณให้บ้าน” ปีที่ 3 ดำเนินการก่อสร้างบ้านให้กับชาวบ้านใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 หลัง เมื่อเร็วๆ นี้

การเสริมจมูก หรือการทำศัลยกรรมจมูกมานั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในจมูก เพื่อที่จะทำให้จมูกสูงและสวยขึ้น

ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่หลังจากการผ่าตัดในช่วงแรกๆ จะรู้สึกปวดและอาจมีการอักเสบจากได้อาการบวมนั้นเกิดจากการที่ของเหลวทั้งหมดไหลมาอยู่รวมกัน ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะระบบร่างกายมีการปรับสภาพได้เองตามธรรมชาติ เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วก็จะหายเป็นปกติเอง แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่คุณสามารถที่จะทำการช่วยในการลดหรือทุเลาอาการเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง ง่ายๆ แค่

1. การประคบเย็น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นการนาบโดยตรง เพราะหลังจากการผ่าตัด หากต้องการให้จมูกเป็นปกติอย่างเร็วที่สุด หนทางเดียว คือ การไม่ไปสัมผัส หรือจับต้อง แตะ จมูกอย่างเด็ดขาด การประคบที่ถูกวิธีคือการประคบรอบๆดวงตา ริมฝีปาก แก้ม สำหรับอาการบวมนั้นยังไม่หายทันทีในวันแรกที่ผ่าตัดมาก็ไม่ต้องตกใจน่ะคะ เพราะว่าการบวมจะบวมมากที่สุดหลังการเสริมจมูก 2 – 3 วัน

2. การเดิน หรืออกกำลังกายเบาๆ นั้นจะสามารถช่วยกระตุ้นให้จมูกเกิดการปรับตัว และสามารถลกอาการบวมได้อีกด้วย ย้ำนะคะ ว่าต้องเป็นการออกกำลังกายที่เบาๆ สบายๆเท่านั้น เพราะช่วงเวลาที่ออกกำลังกายจะเป็นการกระตุ้นและการเพิ่มการไหลเวียนของ เลือด และการทำงานในส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเลือดไหลเวียนคล่องตัว อาการบวมก็จะลดอย่างรวดเร็ว

3. อย่าลืมกินยา เนื่องการการทำจมูก หรือเสริมจมูกนั้น ย่อมมีความเสี่ยงต่อการอักเสบที่สุด ดังนั้นแนวทางการป้องกันคือการทานยาตามที่แพทย์ได้จัดให้ตามระยะเวลาที่ กำหนด

4. หากต้องการให้จมูกลงรอยได้รวดเร็วที่สุดเลยนั้น ทางที่ดีภายใน 4 อาทิตย์หลังผ่าตัด ควรงดที่จะออกไปยังสถานที่ที่แน่นไปด้วยผู้คนล่ะ เพราะอาจก่อให้เกิดการเบียด สำหรับการปฏิบัติตัวในการนอนนั้นจะต้องนอนหมอนสูง 2- 3 ลูกซ้อนกัน หรือนั่งหลับเพียงเท่านี้ก็สามารถลดอาการบวมได้ไปเยอะเลยทีเดียว

ด้วยเทคนิคง่ายๆ แค่นี้ ก็สามารถทำให้อาการบวมลดลงและจมูกที่เสริมมาเข้าที่ได้เร็วด้วยนะคะ

 

ข้อมูลและภาพประกอบจาก Dr.Saran Clinic

 
 
 
 
 

เสริมจมูกเสร็จ สดๆร้อนๆ ตั้งแต่เดินก้าวออกจากห้องผ่าตัดออกมา ต้องดูแลจมูกใหม่ ให้มีอาการบวมช้ำน้อยที่สุด

หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จนั้น ควรประคบเย็นทันที เพราะยังจะมีเลือดไหลออกมาอยู่ บางคนไหลเยอะ บางคนก็โชคดีเลือดไหลนิดเดียว แต่คุณหมอจะให้ผ้าก็อตกับคุณไว้ซับเลือดระหว่างเดินทางกลับบ้านไปพักฟื้น และนี่คือจุดเริ่มต้น

 

 

การเสริมจมูก มีระยะเวลาการพักฟื้น

ควรทำการประคบเย็น 2 วัน เพื่อลดอาการบวม อย่าเข้าใจผิดว่าให้ประคบเย็นตรงจมูก ควรหลีกเลี่ยงเว้นบริเวณจมูกไว้ ให้ประคบช่วงแก้ม รอบจมูก พอเข้าวันที่ 3 จะเริ่มมีอาการช้ำ แนะนำให้ประคบร้อน ส่วนเวลานอนคือสิ่งที่ลำบากที่สุดสำหรับคนที่เสริมจมูกมา ควรใส่หมอนรองคอ นอนหมอนสูง ไม่ควรนอนตะแคง นอนคว่ำ จะทำให้จมูกเอียง ไม่ได้รูป และแผลหายช้ากว่าเดิม ถ้าจะล้างหน้าก็ใช้สำลีชุบน้ำเช็ดหน้าตามสะดวก แผลผ่าตัดห้ามโดนน้ำ 2 วัน เพราะไม่ควรที่จะสัมผัสจมูกในช่วงนี้เด็ดขาด จะเป็นการรบกวนและทำให้แผลสมานช้า อาจบวมเพิ่มหรือช้ำเขียวมากกว่าเดิม

 

 

หลังจากเสริมจมูก ต้องทานยาตามหมอสั่ง

คุณหมอจะจ่ายยาที่เอาไว้ลดอาการปวด บวม ฆ่าเชื้อต่างๆ ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามที่คุณหมอสั่ง จะได้ไม่มีอาการอักเสบตามมา ระหว่างฟักพื้น ไม่ควรสูบบุหรี่ ควันบุหรี่จะออกทางจมูก เป็นการรบกวน ทำให้หายช้ากว่าเดิม ควรงดแอลกอฮอลล์ อาหารหมักดอง ไม่เช่นนั้น แผลจะเน่า อีกอย่างควรหลีกเลี่ยงสถานที่หรือนอนในห้องที่มีฝุ่นมาก ถ้าใครเป็นภูมิแพ้ น้ำมูกไหล จาม ไอ ไม่ผลดีในช่วงพักฟื้น

 

 

เสริมจมูกแล้วติดเชื้อ

พอพักฟื้นหลังจากเสริมจมูกผ่านไปหลายวัน อาการบวมไม่ลดลง เป็นอาการติดเชื้อ วันที่ 4-5 อาการบวมจะลดลงหรือหายไป แต่ถ้าใครยังไม่หาย และยังมีอาการบวมแดงบริเวณมุมหัวตา อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ถ้าเกิดเราไปกินของแสลง หรือจมูกได้รับการกระทบกระเทือน และควรระวังถ้ารู้สึกว่ามีน้ำเหลืองเกาะติดบริเวณหรือไหลออกมา ซึ่งเกิดจากเชื้อแบททีเรียจากซิลิโคน แนะนำใช้คัตตอนบัตเช็ดเบา บริเวณนั้น และทานยาฆ่าเชื้อ

 

เสริมจมูกแล้วรู้สึกจมูกเบี้ยว เอียง

เมื่อเสริมจมูกผ่านไปประมาณ 1 เดือน จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของทรงจมูก ดูเข้ารูปมากขึ้น เพราะอาการบวม ช้ำได้หายไป บางคนดูแลดี คุณหมอเชี่ยวชาญ มือเบา ก็อาจไม่บวม หรือช้ำมาก ช่วง 1-3 เดือน จะเป็นช่วงที่ดูว่าทรงจมูกที่ไปเสริมมา เป็นอย่างที่เราต้องการมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่ต้องกังวล ถ้าจมูกเบี้ยว เอียง เพราะคุณหมอสามารถแก้ให้ได้ ถ้าอยู่ในช่วงพักฟื้น หรือถ้าทำมาประมาณ 2-3 ปี รู้สึกรูปทรงจมูกเบี้ยว กล่าวคือซิลิโคนข้างในเบี้ยว ถ้าเราแน่ใจว่าไม่ได้ทำให้จมูกกระทบกระเทือน สาเหตุคงเกิดจากเนื้อเยื้อ ผังพืดยึดเกาะกับซิลิโคน ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอโดยด่วน ก่อนจะสายไปนะจ้ะ

 

 

การศัลยกรรม ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าคุณรู้จักวิธีดูแล และเอาใจใส่ ที่สำคัญต้องเชื่อฟังแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ เพื่อจมูกสวยจะได้ดูเด่นอยู่กับเราไปนานๆ

ผมสั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทรงฮิตที่เหมาะกับอากาศบ้านเราสุดๆ เพราะทำให้ดูเด็ก สดใส ดูแลก็ง่าย ไม่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งหากรู้เทคนิคการเซ็ตผมสั้นแล้ว ก็สวยมั่นไม่ซ้ำวันได้พอๆ กับสาวผมยาวเลยทีเดียวค่ะ

หากใครชอบผมสั้นสดใสน่ารักแบบสาวญี่ปุ่นต้องลองดูตัวอย่างทรงผมสั้นที่เรานำมาฝากกัน อาจจะติดใจอยากตัดผมสั้น จนไม่อยากกลับไปไว้ผมยาวเลยก็ได้นะคะ

เทศกาลวันหยุดยาวมาถึงอีกแล้ว หลายๆท่านคงมีแผนที่จะเดินทางกลับบ้านหรือไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดกัน ก่อนเดินทางควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันปัญหารถเสียระหว่างเดินทาง 

 

การเตรียมความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางในทุกครั้งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเราจะถึงที่จุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของยานยนต์ที่เราอาศัยไปตลอดทุกเส้นทาง 

 

ดังนั้นสิ่งที่ผู้ขับรถควรต้องเตรียมมีอะไรบ้าง 

  • แบตเตอรี่ต้องมีสภาพพร้อมในการใช้งาน ขั้วแบตเตอรี่มีความแน่น ฉนวนหุ้มสายอยู่ในสภาพปกติ 
  • เช็คระบบเบรกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเบรกมือ เบรกหน้าและเบรกหลังให้อยู่ในสภาพปกติ ระดับน้ำมันเบรก เปลี่ยนถ่ายน้ำมันใหม่เมื่อพบว่ามันเป็นสีดำแล้ว และน้ำกลั่นต้องมีปริมาณในระดับปกติ
Technician with a blue workwear, holding a wrench and a tire while showing thumb up.

เช็คสภาพยางรถและเติมลมยางให้ตรงตามสเปคของรถ

  • ช่วงล่างรถ เช็คศูนย์ล้อสภาพยางรถและเติมลมยางให้ตรงตามสเปคของรถ

เช็คโช้คหารอยรั่วซึม หากโช้คมีรอยรั่วจะทำให้ระบบกันสะเทือนทำงานผิดปกติ 

  • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นทุกประเภทตามระยะเวลา 
  • ตรวจเช็คสภาพสายพานทุกประเภทในห้องเครื่อง หากมีการฉีกขาดให้รีบเปลี่ยน
  • ตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ และถังพักต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 
  • ทดสอบระบบไฟแสงสว่างและไฟสัญญาณทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟหรี่ ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟหลัง ไฟเบรก และ ไฟฉุกเฉิน ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • เตรียมยางอะไหล่ เพราะทุกการเดินทางโดยเฉพาะการเดินทางไกลนั้น ล้อรถมีการใช้งานที่เสียดสีกับพื้นถนนทุกรูปแบบที่ยาวนาน มีโอกาสที่จะเกิดการรั่วซึมหรือแตกได้ ดังนั้นควรจะมียางอะไหล่ไว้เพื่อความอุ่นใจ
  • เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์เบื้องต้นต่างๆเหล่านี้ติดรถไว้ทุกการเดินทาง   
  • กล่องเครื่องมือ ควรจะมีติดรถไว้ เช่น แม่แรง ตัวขันแม่แรง ตัวขันน๊อต ไขควง มีดคัตเตอร์ ประแจหกเหลี่ยม และอุปกรณ์อื่นๆ รวมไปถึงไฟฉายที่ควรมีติดไว้ทุกการเดินทาง
  • สายลากจูง มักจะถูกมองข้าม แต่ที่จริงแล้ว สายลากจูงเป็นสิ่งที่ควรมีติดไว้ในรถเสมอ เพราะหากเกิดกรณีฉุกเฉิน จะได้ใช้สายลากจูงรถไปยังอู่ซ่อม
  • สายไฟพ่วงแบตเตอรี่ ปัญหาแบตรถหมดสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ยิ่งระยะทางไกลจากการเดินทาง การมีสายพ่วงชาร์จแบตเตอรี่จะสามารถช่วยเราในกรณีแบตเตอรี่รถยนต์หมดได้
  • เครื่องเติมลมขนาดพกพา จริงอยู่ว่าสามารถแวะเติมลมที่ปั๊มน้ำมันได้ แต่บางเส้นทางไม่มีปั๊มน้ำมัน บางปั๊มก็ไม่มีบริการ การมีเครื่องเติมลมพกพาจะช่วยให้เราพอจะเติมลมยางแล้วขับประคองไปถึงร้านที่รับเติมลมหรือปั๊มน้ำมันที่มีบริการ 

 

เคยไหมเมื่อขับรถเพื่อเดินทางหรือไปทำงาน แล้วรถมาดับกลางทางเสียอย่างนั้น เชื่อว่าใครๆก็ไม่อยากให้เกิด เพราะมันน่าหงุดหงิดและแสนจะน่ากลัวถ้าเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ขับรถในเวลากลางคืน แต่บางครั้งการเดินทางก็เกิดเหตุขัดข้องได้  อันดับแรกคือควรหาสาเหตุมาจากตรงไหน หากทำการซ่อมแซมเบื้องต้นเองได้ก็ดำเนินการทันที เพราะอาจมีผลต่อความปลอดภัยหากทำการขับต่อไป ถ้ามีความผิดปกติเกินที่จะรับมือได้ ให้ติดต่ออู่ซ่อมรถที่ใกล้ที่สุด 

รถสตาร์ทไม่ติด ปัญหานี้มักจะเจอได้ตอนเช้าๆหลังผ่านการจอดรถมาตลอดทั้งคืน มันอาจไม่แย่เท่าไรหากไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วโมงเร่งด่วนไปทำงานหรือนัดสำคัญที่พลาดไม่ได้  มาดูกันว่ารถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไรได้บ้าง

 

  • รถแบตหมด หากระบบไฟทุกอย่างในรถยนต์เปิดไม่ได้  รีโมทที่ใช้อยู่ทุกวันไม่ทำงาน แตรก็เกเรเกิดจะไม่ดังเสียอย่างนั้น แบบนี้เป็นไปได้ว่าหมดแบตเตอรี
  • แบตเตอรี่เสื่อม เป็นอีกสาเหตุที่พบได้บ่อยเช่นกัน มักจะพบอาการช่วงเช้า หรือเวลาที่จอดรถทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานนานๆ
  • ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ทำงาน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือบางคนอาจเรียกว่าปั๊มติ๊ก มีหน้าที่ดูดน้ำมันจากถังเชื้อเพลิงส่งไปที่เครื่องยนต์ หากปั๊มติ๊กไม่ทำงาน ก็จะสตาร์ทรถไม่ติด 
  • น้ำมันหมด น้ำมันในถังเหลือในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนพลังงานให้ระบบเครื่องยนต์ทำงาน ก็เป็นสาเหตุทำให้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สามารถทำงานได้ปกติ 
  • ระบบไฟฟ้าขัดข้อง เกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุ  ความสะเพร่าของช่างในขณะทำการติดตั้งระบบ หรืออาจมีสัตว์เข้าไปกัดสายไฟจนเกิดความเสียหาย ฯลฯ 
  • ไดสตาร์ทเสีย อาการของไดสตาร์ทเสียคือ สตาร์ทรถแล้วระบบไฟในรถติดครบแต่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน 

 

จากปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมด บางครั้งก็อาจสับสนอาการระหว่างแบตหมดหรือแบตเสื่อมหรือรถเสียกันแน่ทำให้ต้องวิ่งวุ่นเข้าร้านเสียเงินในเรื่องที่ไม่ควรก็มีมาแล้วกันใช่ไหม ต่อไปนี้เราจะมาดูเรื่องสาเหตุและการแก้ไขปัญหาของรถหมดแบตทำอย่างไรได้บ้าง รวมไปถึงอาการของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเพื่อให้รู้กันไปเลยว่า อาการแบบไหนที่เราสามารถแก้ปัญหาเองได้ และอาการแบบไหนที่ควรเรียกใช้บริการศูนย์หรือร้านจำหน่ายใกล้บ้าน

 

แบตเตอรี่รถยนต์หมด 

ปัญหาที่เจอได้บ่อยและไม่อยากจะเจอ เมื่อแบตรถหมดโทรหาอู่ซ่อมรถก็ไม่ยากเย็น แต่มันก็น่าเบื่อ ถ้าไม่เกิดปัญหาใดๆจะดีกว่าใช่ไหม  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการแบบนี้คือแบตเตอรี่หมด?

 

โดยปกติแบตเตอรี่จะมีวันหมดอายุการใช้งานระบุอยู่บนแบตฯแจ้งไว้แล้ว หากแบตหมดก่อนวันที่ระบุไว้ อาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่เสื่อม อาการแบตเตอรี่รถหมดดูได้จาก สตาร์ทรถติดยาก ทั้งแตร ระบบไฟต่างๆในรถ หรือแม้กระทั่งรีโมทรถ ต่างก็พาพาลเกเรไม่ทำงานกันเสียอย่างนั้น 

 

สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเกิดจากอะไร  

การเชื่อมต่อแบตเตอรี่ไม่ดี สายพานหลวม  ระบบไฟฟ้าขัดข้อง หรือแม้แต่สนิมรอบๆขั้วแบตเตอรี่ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการทำงานของระบบชาร์จและมอเตอร์สตาร์ทที่จะดึงกระแสไฟจากแบตเตอรี่ทำให้แบตรถหมด 

 

แบตเตอรี่รถยนต์หมดต้องทำยังไง / แบตเตอรี่รถยนต์หมดชาร์จได้ไหม

การแก้ปัญหาข้อนี้มีวิธีไม่มากซึ่งผู้ที่ขับรถหลายท่านอาจรู้แล้วแต่สำหรับมือใหม่หัดขับหรือกำลังสนใจจะหาซื้อรถคันแรกสักคัน นับว่านี่เป็นข้อมูลสำคัญที่ควรจะรู้ไว้  

 

1.ชาร์จแบตเตอรี่ ถ้าเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ยังไม่นานแล้วเกิดหมดก่อนวันหมดอายุที่ระบุไว้บนแบต สามารถชาร์จแบตเตอรี่แล้วนำมาใช้ใหม่ได้ แต่อายุการใช้งานจะหมดเร็วขึ้น 

 

2.จั๊มป์แบตเตอรี่  ต่อสายพ่วงเพื่อทำการจั๊มจากแบตเตอรี่รถยนต์คันอื่นที่ยังมีแบตใช้งานได้ปกติ หรือถ้ามีแบตสำรองในรถหรือติดบ้านไว้ยิ่งดีเพราะสามารถทำการจั๊มได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลารอหรือหารถคันอื่นเพื่อมาทำการจั๊มป์ แต่แบตเตอรี่สำรองหากเป็นไปได้ควรจะมีขนาดใหญ่กว่าลูกที่หมดแบต 

 

การจั๊มป์แบตเตอรี่ทำด้วยตัวเองได้แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะในแบตเตอรี่มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำกรดซึ่งมีอันตรายต่อผิวหนังและส่วนอื่นๆในร่างกาย และพยายามอย่าให้เกิดประกายไฟเพราะอาจเกิดการระเบิดได้ ที่สำคัญคือต้องไม่จั๊มป์สลับขั้ว 

ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ต้องใช้ไฟกี่แอมป์ ก่อนจะชาร์จต้องเช็คว่าแบตเตอรี่นั้นมีความจุ(Ah) เท่าไหร่ เลือกเครื่องชาร์จที่เหมาะสม และชาร์จแบตด้วยกระแสไฟไม่เกิน 10-15% ของความจุแบตเตอรี่ 

อย่างแบตเตอรี่รถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ 12v ชาร์จที่แรงดัน 13.6-13.8v และชาร์จที่ 10%ของความจุแบตเตอรี่(Ah) 

 

วิธีการคำนวณ กระแสไฟที่ควรชาร์จ = 10% × ความจุของแบตเตอรี่(Ah) 

 

วิธีการคำนวนนี้ใช้ได้ทั้งแบตเตอรี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์  เช่น…

 

-แบตเตอรี่รถยนต์ 12v 90Ah คำนวนด้วย 0.1×90 = 9 A

(ชาร์จด้วยกระแสไฟ 10A ) 

 

-แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ 12v 5Ah   คำนวนด้วย 0.1×5 = 0.5 A  

(ชาร์จด้วยกระแสไฟ 0.5 A)

 

ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์กี่ชั่วโมง

การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์และการชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์จะใช้หลักเดียวกันคือ ขนาดความจุแบตเตอรี่(Ah) และประจุไฟที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่  หากรถมีการใช้งานสม่ำเสมอ ทำให้ไดชาร์จมีการทำงานตลอด จึงมีประจุไฟในแบตมากกว่ารถที่จอดทิ้งไว้นาน ระยะเวลาที่ชาร์จจะเริ่มจาก7-20 ชม. และหากมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่มีระบบปรับกระแสไฟอัตโนมัติยิ่งดีเพราะตัวชาร์จจะช่วยให้ชาร์จแบตฯได้เร็วและไม่ทำให้แบตบวมหรือ overcharge 

 

แบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้วดูได้จากอะไร  หากเป็นการชาร์จปกติก็ดูได้จากแอมป์มิเตอร์(เครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้า) เมื่อแบตใกล้เต็ม กระแสไฟจะต่ำลงและเข็มมิเตอร์จะค่อยๆตีกลับไปที่เลขศูนย์ แต่ถ้าใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รุ่นที่ตัดอัตโนมัติ เมื่อแบตเต็มเครื่องจะตัดกระแสไฟอัตโนมัติ 

 

แต่ถ้าหากคุณทำการชาร์จไฟก็แล้วจั๊มป์ไฟก็แล้ว ไม่นานแบตก็หมดให้หน่ายใจอีก แบตเตอรี่รถชาร์จไม่เข้าหรือไฟเข้าแต่แบตรถไม่เต็ม นั่นเป็นอาการที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่ของคุณเริ่มเสื่อมแล้ว 

 

แบตเตอรี่เสื่อมมีอาการอย่างไรและสาเหตุเกิดจากอะไร 

โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ของรถแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับราคาและประสิทธิภาพที่โรงงานบรรจุในแต่ละลูก แต่ที่เข้าใจก็คือมีอายุการใช้งานประมาณ2-3 ปี แต่ในระหว่างการใช้งานก็อาจมีการเสื่อมสภาพได้ 

 

อาการแบตเตอรี่เสื่อม สังเกตได้จาก สตาร์ทรถติดยาก อาจมีเสียงดังแชะๆขณะทำการสตาร์ทรถ ทั้งๆที่น้ำกลั่นก็ยังเต็ม แอร์ไม่ค่อยเย็น เสียงเครื่องยนต์ที่ควรจะดังก็ไม่ดัง เสียงที่ไม่ควรจะมีกลับดังกระหึ่มในเวลาไม่ควร แม้แต่ไฟหน้าก็สว่างน้อยลง และเมื่อนำไปชาร์จหรือจั๊มป์แบต กระแสไฟเข้าช้าหรือใช้งานแล้วแบตหมดเร็ว ซึ่งเมื่อเกิดอาการเหล่านี้ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ไปเลยจะดีกว่า เพราะต่อให้พยายามยื้อเวลาไปชาร์จไฟเท่าไร ยังไงก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดีในสักวัน เหมือนกับโทรศัพท์ที่ถ้าเราฝืนใช้เครื่องที่แบตเสื่อมไปยังไงถ้าไม่ระเบิดใส่เราขณะใช้สายก็อาจระเบิดระหว่างทำการชาร์จได้ ฟังแล้วอาจดูน่ากลัวเกินจริง แต่อะไรก็คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นคำตอบและการแก้ปัญหาที่ถูกจุดที่สุดแล้ว 

 

จะซื้อแบตเตอรี่ทั้งทีทำไมช่างยากเย็น เพราะเมื่อไปที่ร้านหรือศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์ยานยนต์ แล้วเจอพนักงานถามต้องการแบตเตอรี่แบบแห้ง/กึ่งแห้ง หรือแบบน้ำ คนที่เข้าใจและรู้สเปคแบตของรถตนเองดีจะตอบได้ทันที แต่ถ้าคนที่ไม่ค่อยได้รู้เรื่องรถได้แต่ขับเท่านั้น อาจจะยืนงงมึนตุ๊บจนอยากได้ยาพาราฯสักเม็ดสองเม็ดมาแก้อาการของตัวเองก่อนรถยนต์เป็นแน่ 

 

ซื้อแบตเตอรี่แบบไหนดี 

แบตเตอรี่แบบน้ำและแบตเตอรี่แบบแห้งเป็นแบตเตอรี่น้ำทั้งคู่ แต่มีข้อแตกต่างและข้อจำกัดที่ต่างกันไป แล้วจะเลือกแบบไหนดี?

 

แบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำกลั่น ชื่อก็บอกได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นแบตเตอรี่แบบน้ำที่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น หากน้ำกลั่นในแบตหมดหรือไม่อยู่ในระดับที่กำหนด จะส่งผลต่อเครื่องยนต์โดยตรงอาจทำให้รถสตาร์ทไม่ติด และถึงแม้ว่าแบตเตอรี่แบบน้ำจะมีการดูแลยากและวุ่นวายกว่าแบบแห้ง แต่มีความทนและใช้งานได้นานกว่าแบตทุกชนิดและยิ่งไปกว่านั้นคือ เป็นแบตเตอรี่ที่ช่วยเซฟเงินให้กับผู้ขับขี่ได้มากกว่าแบตชนิดอื่นๆ 

 

แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งSMF เป็นการพัฒนามาจากแบตแบบน้ำอีกทีโดยไม่มีช่องสำหรับใส่น้ำกลั่น จะว่าไปก็เป็นแบตเตอรี่แบบปิดได้เหมือนกัน และระบบการทำงานของแบตเตอรี่แบบแห้งไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นให้ยุ่งยากตลอดการใช้งานจนกว่าจะพังและทิ้งกันไปเลย ทำให้สะดวกสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาหรืออาจไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องยนต์ยานรถ และรถรุ่นใหม่ๆก็มักจะมีลูกเล่นอิเล็คทรอนิกส์เยอะขึ้น รวมไปถึงการจัดวางระบบต่างๆที่ซับซ้อนขึ้น การใช้แบตเตอรี่แบบแห้งก็จะตอบโจทย์รถรุ่นใหม่ๆมากกว่า 

 

แบตเตอรี่รถยนต์กึ่งแห้ง หรือที่นิยมเรียกว่า  Maintenance Free ยังมีช่องให้ต้องคอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ้างแต่จะไม่บ่อยเท่าแบตเตอรี่แบบน้ำ มีผู้ขับที่ให้ความสนใจใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้ระดับนึงเลย

 

แต่ถ้าพูดจริงๆแล้ว แบตเตอรี่แบบน้ำนั้นจะมีความทนทานในการใช้งานที่นานกว่าและราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แห้งและกึ่งแห้ง ดังนั้นการเลือกซื้อแบตเตอรี่ลูกใหม่ขึ้นอยู่กับว่าแบตเตอรี่แบบไหนเหมาะกับรถและสไตล์การใช้รถของคุณ 

 

แล้วเรื่องราคาล่ะ การเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่ละครั้งต้องเสียเท่าไร เป็นสิ่งแรกๆที่ต้องคำนึงและเป็นข้อสำคัญในการตัดสินใจในการเลือกซื้อ เพราะแบตเตอรี่แต่ละลูกก็ไม่ใช่ราคาน้อยๆ 

คุณอาจลังเลระหว่างแบตเตอรี่ใหม่หรือแบตเตอรี่มือสองดี ถ้าอย่างนั้นเราไปดูเรื่องราคาคร่าวๆกันดีกว่า 

 

แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดแห้ง อย่างที่รู้กันไปแล้วว่าแบตเตอรี่แห้ง มีความสะดวกในการใช้งานมากกว่า ชาร์จไฟได้ง่ายกว่า ขั้นตอนการดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญคือมีค่า CCA (Cold Cranking Amp) กำลังสตาร์ทสูงกว่า ทำให้มีราคาที่แพงกว่าแบตเตอรี่ธรรมดา ราคาแบตเตอรี่แห้งจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อแบตเตอรี่ ประเภทของรถ จำนวนแอมป์ และระยะเวลาการรับประกัน ส่วนใหญ่การรับประกันอายุของแบตจะเริ่มที่ 12-24 เดือน และราคาเริ่มต้นที่ 1,500 – 6,000 บาท 

 

ส่วนราคาแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งมือสอง ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 300-3,700 บาท  ขึ้นอยู่กับสภาพและจำนวนแอมป์ที่เหลือของแบต และบางร้านอาจมีส่วนลดหากนำแบตลูกเก่าไปแลกซื้อ ซึ่งอาจลดได้ตั้งแต่ 300-1,000 บาท

 

แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดน้ำเป็นแบตเตอรี่ที่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานานก่อนที่จะมีแบตเตอรี่แห้งและแบตเตอรี่กึ่งแห้ง ราคาก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ชนิดของรถ จำนวนแอมป์ ค่าCCA และระยะเวลาการรับประกัน เช่นเดียวกัน ระยะเวลารับประกันเริ่มที่ 1-2 ปี ราคาส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 1,200-5,000 บาท 

 

ราคาแบตเตอรี่แบบน้ำมือสอง จะเริ่มราคากันที่ 200-2,000 บาท ราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพและปริมารแอมป์ที่ยังเหลือ และอาจมีการรับประกันแถมให้อีกเล็กน้อยสัก 1-3เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย 

 

เห็นได้ชัดว่าแบตเตอรี่แบบน้ำจะเป็นแบตเตอรี่ราคาถูกสุด แต่แบตเตอรี่แบบแห้ง มีความสะดวกและกำลังไฟชาร์จมากกว่า แต่อย่าลืมที่จะเช็ควันหมดอายุของแบตเตอรี่ทุกครั้งที่มีการซื้อใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบตมือหนึ่งหรือแบตมือสองก็ตาม หากพบว่าวันหมดอายุของแบตเตอรี่นับจากวันซื้อแล้วเหลือวันน้อยกว่าที่ควรจะเป็นหรือคุณคิดว่าไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป ก็อย่าได้ตัดสินใจซื้อและเปลี่ยนไปดูลูกอื่นหรือร้านอื่นแทน 

 

นอกจากชนิดของแบตเตอรี่แล้ว ต้องรู้ว่ารถของคุณที่ใช้อยู่นั้นใช้แบตเตอรี่กี่แอมป์ แบตเตอรี่ขั้วซ้ายหรือขั้วขวา เพราะขั้วบวกแบตเตอรี่ในรถแต่ละรุ่นไม่ได้มีข้างเดียวกันเสมอไป อาจข้างซ้ายหรือขวาแล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นของรถ 

ส่วนใหญ่แบตเตอรี่รถจะมีตัวอักษร L (Left)  , R (Right) ต่อท้ายรุ่นหรือจำนวนแอมป์ของแบตลูกนั้นๆ เป็นการบอกด้านขั้วของแบตนั่นเอง  เช่น  แบตเตอรี่ของ G7   Ns80R  คือ G7 : ยี่ห้อแบตเตอรี่  Ns : ชื่อรุ่น  R : ขั้วขวา 

 

แบตเตอรี่กี่แอมป์? “แอมป์” หรือ “Ah” คือ หน่วยความจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ ที่ใช้วัดปริมาณกระแสไฟฟ้าที่แบตเตอรี่จ่ายใน1ชั่วโมง  

(A  : หน่วยกระแสไฟฟ้า  /  h : ชั่วโมง)  เช่น แบตเตอรี่ 90Ah  คือ แบตเตอรี่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้รถได้ 90 แอมป์ ใน 1 ชั่วโมง 

 

หากคุณเลือกใช้บริการให้ร้านที่มีผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์ทำการติดตั้งแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้กับรถของคุณ ก็คงไม่มีอะไรน่ากังวลเพียงแต่ต้องคอยสังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่มีไฟเต็มหลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้นและบางร้านอาจมีการตอกวันที่ทำการใช้แบตลงไปให้ด้วย 

 

แต่ถ้าคุณไปซื้อแบตเตอรี่มาทำการติดตั้งเอง ต้องยึดแบตกับแท่นว่างให้แน่น อย่าให้หลวมหรือตัวแบตฯเคลื่อนได้  ขณะทำการใส่ขั้ว ควรให้ขั้วสวมใหญ่กว่าขั้วแบตเพื่อสะดวกในการสวมต่อขั้ว เมื่อต่อขั้วเสร็จเรียบร้อย หากไม่อยากให้เกิดขี้เกลือในภายหลังอาจนำจาระบีมาทาให้ทั่วหัวขั้วก่อนจะต่อขั้วดินก็เป็นอันเสร็จสิ้น

เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันบ่อยๆ เพราะอย่างที่รู้ว่าราคาก็ไม่ใช่ย่อย ดังนั้นทำอย่างไรถึงจะถนอมแบตเตอรี่ให้อยู่กับรถของเราไปให้นานที่สุดล่ะ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ได้ยากเลย

 

อันดับแรกคือ คอยตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่สม่ำเสมอ อย่าให้มีการชำรุดหรือรอยแตกร้าวเพราะจะส่งผลต่อการเก็บประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ 

 

ศึกษาการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่เพื่อจะได้ใช้อย่างถูกต้องและยืดอายุไม่ให้แบตเสื่อมง่าย หรือทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว 

 

ความสะอาดของขั้วแบตเตอรี่ก็สำคัญ นอกจากจะทาจาระบีที่หัวขั้วตอนติดตั้งแบตแล้ว แต่ถ้ามีคราบเกลือขึ้นก็สามารถราดน้ำร้อนลงไปเพื่อทำละลายขี้เกลือออกไป

 

ระดับน้ำกลั่นอย่าให้เหลือน้อยกว่าปริมาณที่ควรจะเป็น ต้องคอยตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นประจำหรือยิ่งมีการใช้งานรถบ่อยก็ต้องคอยเช็คบ่อยตาม

 

ไฟชาร์จอัลเตอร์เนเตอร์ ต้องพอดี ไม่ต่ำไปหรือสูงไป เพราะเมื่อสตาร์ทรถแล้วหากระบบไฟต่ำไปจะทำให้มีกำลังไฟใช้ไม่พอ แต่ถ้าสูงไปก็ทำให้น้ำกลั่นระเหยเร็ว 

 

เมื่อได้แบตใหม่มาหากเป็นกรณีไปติดที่ร้านไปหาซื้อเองตามร้านที่ไม่ใช่บริษัทหรือโรงงานจำหน่ายแบตเตอรี่ยี่ห้อนั้นๆโดยตรง ส่วนใหญ่ร้านจะไม่ได้ทำการชาร์จแบตเตอรี่ให้นอกจากคุณจะแจ้งทางร้านหรือช่างแล้วรอตรงนั้นเลย เพราะการชาร์จไฟในแต่ละครั้งค่อยข้างใช้เวลานานและร้านเองก็ไม่รู้หรอกว่า ลูกค้าที่จะมาซื้อในแต่ละวันจะเลือกซื้อยี่ห้อไหน ลูกไหน ทำให้เสียเวลาของเขาโดยใช่เหตุ 

 

ฉะนั้นหากคุณไม่อยากมาเสียเวลามาชาร์จเองที่บ้านและต้องการใช้งานรถเพื่อการเดินทางไกลเลย การเลือกซื้อแบตเตอรี่ใหม่จากโรงงานหรือบริษัทที่จำหน่ายแบตเตอรี่โดยตรงจะเป็นอะไรที่สะดวกและคุ้มค่ากับการจ่ายของคุณอย่างแน่นอน เพราะบริษัทเหล่านั้นจะชาร์จไฟแบตเตอรี่เต็มทุกลูกพร้อมใช้ในการเดินทางทุกใกล้-ไกล มั่นใจถึงคุณภาพและความปลอดภัยที่จะได้ 

 

แล้วกรณีที่คุณซื้อเองติดตั้งเองไม่ง้อร้านไม่ง้อช่างล่ะ อันที่จริงเมื่อซื้อแบตมาใหม่หากคุณไม่สะดวกในการชาร์จหรือรีบใช้รถ ก็สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้เลย เพราะไดชาร์จจะทำหน้าที่ของมันอยู่แล้ว แต่อายุการใช้งานจะสั้นกว่าแบตที่ชาร์จไฟก่อนเท่านั้นเอง เหมือนกับเวลาที่เราซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ จะมีไฟในแบตให้พอใช้งานได้นิดหน่อย ควรจะชาร์จไฟทิ้งไว้ให้เต็มก่อนใช้งานครั้งแรกจึงจะช่วยรักษาแบตให้ใช้ได้นานและไม่เสื่อมเร็ว 

 

แล้วต้องใช้เวลาเท่าไรในการชาร์จไฟแบตเตอรี่รถยนต์ตครั้งแรก

เมื่อจะชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งแรก ต้องไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง หรืออาจไม่เกิน 16 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดแบตเตอรี่บวม  และควรชาร์จไฟแบตเตอรี่ให้เต็มทุกครั้ง เพื่อพร้อมใช้งานได้เสมอ 

 

ส่วนในกรณีที่บางคนอาจเคยถกเถียงกันว่า ระหว่างชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ถอดสายหรือถอดสายดีกว่ากันนั้น คำตอบที่ได้คือ ชาร์จได้ทั้งถอดและไม่ถอดสาย และชาร์จได้แม้ไม่ยกแบตเตอรี่ออกจากรถ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรถอดขั้วแบตออกเพราะอาจทำให้ระบบไฟรวนได้

 

เพราะว่า “รถ” เป็นปัจจัยที่ห้าในชีวิตปัจจุบัน เพราะสามารถพาเราไปถึงที่หมายได้โดยไม่ต้องเดิน ยิ่งมีรถเป็นของตัวเองก็ยิ่งสร้างความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวในทุกเส้นทาง ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครๆ หรือเสียเวลาในการรอรถโดยสารแต่ละครั้ง และอีกหลายๆเหตุผลที่คนให้ค่ากับรถจนเป็นปัจจัยในการดำเนินชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องแลก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่ต้องการรถดีๆสักคันมาครอบครอง 

 

เนื่องจากช่วงนี้อาจมีใครหลายคนอาจต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ และนั่นอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้เมื่อถึงเวลาใช้งาน เราจึงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแต่ดีมากมาฝาก 

 

วิธีง่ายๆในการดูแลรถระหว่างจอดทิ้งไว้หรือไม่ได้ใช้งานนานๆ 

 

  • จอดรถในที่ร่ม ในที่ร่มนี้หมายถึงจอดในที่อาคารหรือสถานที่มีหลังคากันแดดกันฝนได้ เพราะจอดรถตากแดดนานๆ สีรถอาจซีดหรือยางแบนยางเสียได้ หากไม่มีสถานที่ร่มให้จอดหรือจำเป็นต้องจอดกลางแดด ควรมีผ้าสำหรับคลุมรถไว้สักหน่อย เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันเรื่องอื่นๆที่กล่าวมาแล้ว ยังจะช่วยไม่ให้คุณต้องกลายเป็นไก่อบโอ่งเมื่อเข้าไปในรถอีกด้วย 

 

  • ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนจะจอดทิ้งไว้ เพราะแบตเตอรี่มักจะเป็นปัญหาอันดับต้นๆสำหรับรถที่จอดทิ้งไว้นานๆ เนื่องจากแบตจะคายประจุไฟอยู่ตลอดเวลา เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่มีกำลังอ่อนลงจนเมื่อกลับมาจะใช้งานรถอาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติดหรือติดยาก 

 

  • ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้ ควรเติมลมยางให้เต็มจนแน่น เพราะเมื่อรถถูกจอดทิ้งไว้นานๆ ลมยางจะค่อยๆซึมออกจนทำให้ยางแบน หากเป็นไปได้ควรเลือกเติมด้วยลมไนโตรเจนเพราะจะซึมได้ช้าและนานกว่าลมทั่วไป และเมื่อจะทำการขับขี่รถ ควรตรวจสภาพยางรถก่อนทุกครั้ง 

 

  • หมั่นตรวจเช็คระบบไฟ ระบบเครื่องยนต์ต่างๆในรถอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงสายพานสายไฟต่างๆหน้ารถ หากมีรอยขาดหรือชำรุดจะได้มีการแก้ไขทันที 

 

  • เติมน้ำมันให้เต็มถังเสมอ เพื่อป้องกันหยดน้ำที่สะสมและเกาะตามท่อจนเป็นสนิมในถัง 

 

  • นำรถออกมาขับบ้าง อาจเป็นระยะใกล้ๆ หรือหน้าหมู่บ้าน เพื่อป้องกันการกดทับของล้อยางด้านเดียว และให้ไดชาร์จกับแบตเตอรี่ได้ทำงานบ้าง 

 

  • ล้างทำความสะอาดรถบ้าง เพราะการจอดรถนาน อาจมีคราบฝุ่นละอองที่จับตัวกันหนาทั่วบริเวณรถ อาจมีนกบินผ่านแล้วฝากขี้ไว้ให้เป็นที่ระลึก 

 

เพียงเท่านี้รถของคุณก็จะน่ารัก ไม่ทำตัวเกเรสตาร์ทไม่ติดในชั่วโมงเร่งรีบ หรือสร้างปัญหากวนใจเรื่องดับกลางทาง และถ้าคุณไม่อยากเป็นแบบเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายล่ะก็ ควรคำนึงถึงการเลือกแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพและเลือกซื้อจากผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้  

 

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องหงุดหงิดกับอาการรถแบตเตอรี่หมดอีกต่อไป เพราะนอกจากจะเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว อย่างไรก็ตาม “ความปลอดภัย” ก็ยังเป็นหัวใจหลักสำหรับทุกการเดินทาง 

สมาคมโฆษณาดิจิทัล(ประเทศไทย) หรือ DAAT ร่วมกับพันธมิตรในวงการ Line Thailand และ JOOX เตรียมจัดงานสัมมนาดิจิทัลครั้งใหญ่แห่งปี DAAT DAY 2016 ในวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2559 เวลา 09.00 – 20.00 น.

ณ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์, เซ็นทาราแกรนด์ @ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 22

 

 

งานนี้จัดเต็มถ่ายทอดความรู้ และอัปเดทเทรนด์ประจำปีที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ อาทิ

  • Dan Inamoto, ผู้ร่วมก่อตั้งดิจิทัลเอเจนซีระดับโลก AKQA, Japan office
  • อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการคนแรก Line ประเทศไทย
  • ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย

และภายในงานจะมีการประกาศตัวเลขยอดการใช้งบประมาณโฆษณาดิจิทัลปีล่าสุดที่เก็บโดยสมาคมฯและบริษัท TNS (Thailand) นอกจากนี้ในช่วงบ่ายยังมีการแบ่งห้องสัมมนาย่อย ออกเป็น3 หัวข้อ สำหรับ Media , Creative และ content ที่มีเนื้อหาสัมมนาอัดแน่น โดยมี speaker รับเชิญจาก Party Japan, comScore, AOL, Opera, Workpoint, Trasher Bangkok และอีกมากมาย

เยี่ยมชมสินค้าและบริการจากบูธผู้ประกอบการ และพลาดไม่ได้กับไฮไลท์จากบูธของ Line ใน zone exhibition ที่เปิดให้เข้าฟรี โดยสามารถมาลงทะเบียนได้ที่หน้างาน ปิดท้ายด้วย After party จาก JOOX ที่จะมาร่วมสร้างสีสันให้กับงานนี้

วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาบรรยายในงาน อาทิ Hiroki Nakamura, Creative Director&Founder ,Party Tokyo Ace Singh, Director Southeast Asia ,comScore Inc. Carl Costa, Regional Head, AOL Kenneth Sim , General Manager, Innity Thailand Nathida Ratthanawut , Founder Marketing Oops Oranuch Lerdsuwankij, Co-Founder Thumbsup Media Vichai Matakul, Creative Director , Salmon House

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถซื้อบัตรได้แล้วที่นี่ หรือ www.daatday.com บุคคลทั่วไป ราคาใบละ 3,000 บาท ( Early bird ถึง 31 ก.ค) และราคา 3,500 บาท (หลัง 31 ก.ค) โดยราคานี้รวมของว่างและอาหารกลางวันแล้ว