tt ads

“มะเร็งปอด” เป็นโรคอันตรายอันดับต้น ๆ ในกลุ่มมะเร็ง และผู้ป่วยมีอัตรเสียชีวิตมากกว่ารักษาได้หายขาด เนื่องจากมะเร็งปอดระยะแรก ๆ มันจะไม่แสดงอาการใด ๆ ให้ผู้ป่วยได้รู้ตัวหรือรู้สึกเอะใจสักนิดเลย แต่มันจะแสดงอาการออกมาเมื่อเซลล์มะเร็งได้ลุกลามเข้าสู่ระยะที่ 3-4 ไปแล้ว และมันเป็นสัญญาณเตือนเดดไลน์ ที่มักทำให้ผู้ป่วยไแทบไม่เหลือโอกาสรักษาได้ทัน 

จากการวิเคราะห์สาเหตุหลาย ๆ ปัจจัยจากวิชาชีพทางการแพทย์ มีความเห็นว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจเชื่อมโยงเป็นต้นตอของการป่วยโรคมะเร็งปอดนั้น คือ ละอองฝุ่นพิษ PM 2.5 เนื่องจากสภาพแวดล้อมในเมืองไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยมลพิษ ฝุ่นละออง และควันเขม่า สะสมอยู่ในอากาศทุกแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่มีจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่ทางภาคเหนือ อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งมีค่าฝุ่น PM 2.5 ติดอันดับต้น ๆ ของโลก 

ยิ่งไปกว่านั้น มะเร็งปอด คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้น ๆ ในการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่มีมานาน ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพโรคระบบทางเดินหายใจในระยะยาว ดังนั้นเราจึงต้องดูแลสุขภาพ ดูแลระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อรับมือและป้องกันตนเองจากภาวะเจ็บป่วยอันเกิดจาก PM 2.5 จากการศึกษาข้อมูลพบว่า สมุนไพรไทยใกล้ตัว ที่เราใช้เป็นอาหารและยามาตั้งแต่บรรพบุรุษ สามารถนำมาช่วยดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่นพิษได้ สมุนไพรช่วยบำรุงปอด ในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ระบาด ทั้ง 5 ชนิด มีดังนี้ 

  1. รางจืด

รางจืด

สมุนไพรที่โดดเด่นด้านล้างพิษได้หลายชนิด หมอสมุนไพรนิยมใช้แก้พิษสัตว์บางชนิด หรือแม้แต่พิษสารเคมีในยาเบื่อหนู และปัจจุบันก็ได้มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่า รางจืด ช่วยปกป้องอวัยวะจากสารพิษชนิดโลหะหนักได้ รวมไปถึงสารพิษที่พบได้ใน PM 2.5 โดยมีวิธีทานรางจืดล้างพิษ คือ ทานครั้งละ 2 แคปซูล 3 เวลา ก่อนอาหาร / วัน หรือ ชงผงรางจืดชนิดซอง 1-2 ซอง ในน้ำร้อน 120-200 มิลลิลิตร ดื่มวันละ 3 เวลาก่อนอาหาร เนื่องจากรางจืดเป็นยาฤทธิ์เย็น จึงควรเว้นระยะในการทานให้ห่างจากยารักษาโรคประจำตัว และไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 1 เดือน โดยเฉพาะคนที่เป็นความดันต่ำ มือเย็น เท้าเย็น ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน 

  1. หญ้าดอกขาว หรือ หญ้าหมอน้อย 

หญ้าดอกขาว หรือ หญ้าหมอน้อย photo from samunpri.com

จากองค์ความรู้ของหมอพื้นบ้าน รวมกับผลการวิจัยในปัจจุบัน ที่รองรับว่า หญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่ถูกบรรจุให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2554 จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูงต่อการใช้หญ้าดอกขาวในทางยา และยังมีการแนะนำให้เลือกใช้หญ้าดอกขาวในกรณีที่มีความเสี่ยงหรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยในงานวิจัยได้พบว่า สารสกัดดอกหญ้าขาว มีฤทธิ์ลดการอักเสบในหนูที่ได้รับนิโคตินเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน และยังช่วยฟื้นฟูพยาธิสภาพของปอดให้กลับมาเป็นปกติได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ช่วยลดคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่สะสมในปอด แถมยังลดการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งปอดได้อีกด้วย จึงนับว่าหญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากในสถานการณ์ที่ต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะ PM 2.5 เช่นนี้ ซึ่งหญ้าดอกขาวเป็นสมุนไพรที่หาง่ายและมีความปลอดภัย 

  1. ขมิ้นชัน  

ขมิ้นชัน

สมุนไพรเด่นดีด้านการลดอักเสบ และเราก็ใช้ปรุงอาหารไทยหลายเมนู จึงเป็นสมุนไพรที่คุ้นเคยกันดีสำหรับคนไทย ขมิ้นชันมีผลวิจัยยืนยันมานานแล้วในเรื่องช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ ปกป้องระบบหัวใจ หลอดเลือด และ ปอด โดยขมิ้นชันนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอี 80 เท่า ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง ผู้ที่นิยมกินอาหารที่มีส่วนผสมของขมิ้นชัน ช่วยบำรุงปอดได้ดีในคนทั่วไป  รวมถึงปกป้องไม่ให้ระบบการทำงานของปอดลดลงในผู้สูบบุหรี่ เรียกได้ว่า ขมิ้นชัน สมุนไพรบำรุงปอดอย่างดี และปอดก็เป็นเป้าหมายของฝุ่น PM 2.5 ดังนั้น การทานอาหารที่มีขมิ้นชัน จึงเป็นการดูแลปอดที่ง่ายและควรทำอย่างยิ่งในยุคนี้ 

  1. มะขามป้อม 

มะขามป้อม

มะขามป้อม สมุนไพรทางยาช่วยละลายเสมหะและบำรุงเสียง ในด้านอายุรเวทใช้มะขามป้อมเป็นยาแก้ไอ แก้หอบ รักษาระบบหลอดลมไม่ให้อักเสบหรือถูกทำลาย แต่จากงานวิจัยค้นพบว่า มะขามป้อม มีฤทธิ์ช่วยลดภาวะความเป็นพิษจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 หากกินมะขามป้อมเป็นประจำ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ปกป้องระบบทางเดินหายใจช่วงบน ลดการเกิดอนุมูลอิสระ ด้วยมะขามป้อมนั้นประกอบไปด้วยวิตามินซีสูง แทนนิน โพลีฟีนอล และอันคาลอยด์ โดยเฉพาะมะขามป้อมพันธุ์ไทย ที่ประกอบไปด้วยสารโพลีฟีนอลสุงมาก ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี โดยอาจทานมะขามป้อมโดยตรง หรือดื่มน้ำมะขามป้อมสกัดวันละ 250 – 500 มิลลิกรัม / วัน ก็ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี 

  1. ฟ้าทะลายโจร 

ฟ้าทะลายโจร 

สมุนไพรไพรลดไข้ แก้หวัด และได้รับความนิยมในการใช้เป็นยารักษาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทีผ่านมา เพราะฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ช่วยแก้ไข้ แก้ไอ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังช่วยในเรื่องไซนัสอักเสบชนิดไม่รุนแรง คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ และยังใช้กินเพื่อเสริมภูฒิคุ้มกันได้อีกด้วย โดยวิธีการทานฟ้าทะลายโจรจะต้องอยู่ในความระมัดระวัง โดยทานวันละ 1 แคปซูล ใน 5 วัน / สัปดาห์ ไม่ควรกินฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเกิน 3 เดือน หากกินฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดทานและปรึกษาแพทย์ 

บุคคลที่ไม่ควรกินฟ้าทะลายโจร : สตรีมีครรภ์ และ สตรีที่กำลังให้นมบุตร

tt ads