The Five Precepts
เมื่อเราไปวัดเพื่อทำบุญ ทำสังฆทาน หรือการไปวัดในวันพระ พระสงฆ์จะให้เรากล่าวอารธนาศีล 5 ก่อนทุกครั้ง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ศีลทั้ง 5 ข้อคืออะไร มีอะไรบ้าง และทำไมศีล 5 เป็นข้อบัญญัติที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์บริบูรณ์?
“ศีล” เป็นข้อบัญญัติแห่งทางศาสนาพุทธและเป็นหลักพื้นฐานสุดสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธและผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งจะมีตามด้วย ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 และ ศีล 311 ข้อ ตามสถานะผู้ถือปฏบัติ
ศีล แปลว่า “ปกติ” การรักษาศีลจึงเป็นการรักษากาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติ ผู้ที่ไม่มีศีลหรือผู้ทุศีลจึงถือได้ว่าเป็นผู้ไม่ปกติ ดังนั้นการท่องศีล 5 ก่อนทำสวดมนต์ภาวนา หรือทำบุญใดๆ จึงเป็นการแสดงตนว่าเป็นผู้มีใจสูงและถึงพร้อมแก่การปฏิบัติ
“มนุษย์” แปลว่า “สัตว์ที่มีใจสูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน” ดังนั้นผู้ที่รักษาศีล 5 หมายถึง สัตว์ที่ยกจิตใจสูงขึ้นด้วยเครื่องมือ 5 ประการ หรือ ผู้ที่มีใจสูงครบถ้วน เป็นมนุษย์ครบบริบูรณ์ ต่างจากสัตว์เดรัจฉานโดยสิ้นเชิง กล่าวได้ว่าศีล 5 คือเครื่องมือสำหรับช่วยยกใจให้สูงขึ้นกว่าเดรัจฉานและรักษาไว้ซึ่งความเป็นปกติของการเป็นมนุษย์
ศีล 5 ข้อ หรือเบญจศีล 5 ข้อ ไม่ได้เป็นเพียงข้อยึดถือปฏิบัติสำหรับชาวพุทธในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีผู้นับถือศาสนาพุทธทั่วโลก รวมไปถึงชาวยุโรปและแม้แต่ฝั่งอเมริกาก็เริ่มหันมาให้ความสนใจในศาสนาพุทธและศึกษาธรรมะมากขึ้น โดยถือศีล 5 ภาษาอังกฤษมีความหมายเดียวกับ Commandments แต่ค่อนข้างจะเน้นไปทาง Rules of Training ที่เป็นกฏในการฝึกฝนตนเองเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าจะให้ตรงกับศีลห้ามากกว่าก็น่าจะเป็นคำ The Five Precepts
เบญจศีล 5 / ศีล 5 บาลี / ศีล 5 แปล / องค์ประกอบศีล 5
1.ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาธิยามิ
(Panatipata veramani sikkhapadam samadhiyami)
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์
(I undertake the rule of training to refrain from destroying life / killing.)
องค์แห่งศีลข้อ1 คือ
- สัตว์นั้นมีชีวิต
- รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
- คิดจะฆ่าสัตว์นั้น
- พยายามฆ่าสัตว์นั้น
- สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
ศีล 5 ข้อ 1 นี้ นอกจากการฆ่าแล้ว ยังรวมไปถึงงดการทำร้ายร่างกายหรือทำให้คนหรือสัตว์ได้รับบาดเจ็บ การทำทารุณกรรมทั้งต่อคนและสัตว์เดรัจฉาน การกักขังหน่วงเหนี่ยว การผูกมัดหรือกักขังสัตว์ไม่ให้ได้รับความเป็นอิสระหรือผิดไปจากอิริยาบถของสัตว์นั้นจนได้รับความทรมาน เช่น การขังสัตว์ไว้ในกรง ขังปลาไว้ในที่แคบแออัด การรังแกสัตว์เพื่อความสนุกของตน การชนไก่ การชนวัว (ไม่ใช่กีฬาแต่เป็นการทรมานสัตว์)
2.อทินฺนาทานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาธิยามิ
(Adinnatana veramani sikkhapadam samadhiyami)
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการลักทรัพย์
(I undertake the rule of training to refrain from taking what is not given / stealing.)
องค์แห่งศีลข้อ 2 คือ
- ทรัพย์นั้นมีเจ้าของ
- รู้ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของ
- คิดจะลักทรัพย์นั้น
- พยายามลักทรัพย์นั้น
- ได้ทรัพย์มาด้วยความพยายามนั้น
ศีล 5 ข้อ 2 นี้ รวมการโจรกรรมทั้งหมดและการสมรู้ร่วมคิด การให้ความร่วมมือ ได้แก่ การลักขโมย ฉกชิง , ปล้น , ขู่กรรโชก , ฉ้อโกง หลอก , ลวง , ตู่ ปลอม , สับเปลี่ยน , ลักลอบ , ยักยอก , เบียดบัง , ตระบัด , สนับสนุนและรับของโจร , รับสินบน , ปอกลอกผู้อื่นให้เสียทรัพย์ หรือแม้แต่การหยิบฉวยของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของทรัพย์ ก็นับเป็นการผิดศีลข้อ 2 เช่นกัน
3.กาเมสุ มิจฺฉาจารา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
(Kamesu miccajara veramani sikkhapadam samadiyami)
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
(I undertake the rule of training to refrain from sexual misconduct.)
องค์แห่งศีลข้อ 3 คือ
- ชาย-หญิง ที่มีคู่ครอง / เป็นผู้ถือบวช / เป็นหญิงที่อยู่ในความปกครองบิดามารดาหรือญาติ
- คิดเสพเมถุนหรือล่วงละเมิด ชาย – หญิง ที่ไม่ควรละเมิด
- ประกอบกิจทางกามกับบุคคลที่ไม่ควรละเมิด
- ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน
ศีล 5 ข้อ 3 นี้ ครอบคลุมผู้ที่ไม่ควรละเมิด ได้แก่ ชาย-หญิงที่ไม่ใช่คู่ครองของตน ผู้ถือบวช ได้แก่ พระสงฆ์ สามเณร ชี ชีพราหมณ์ ชายและหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรืออยู่ในความปกครองของบิดามารดาหรือญาติ และ ชาย-หญิงที่ไม่ยินยอมให้ละเมิดแต่โดนบังคับในทุกกรณี
4.มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
(Musavada veramani sikkhapadam samadiyami)
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการพูดเท็จ
(I undertake the rule of training to refrain from false speech.)
องค์แห่งศีลข้อ 4 คือ
- ไม่ใช่เรื่องจริง
- มีจิตหรือเจตนาจะพูดให้ผิดไปจากเรื่องจริง
- พยายามพูดให้บิดเบือนไปจากความจริง
- ผู้ฟังเข้าใจผิดไปจากความจริงตามเจตนาของผู้พูด
ศีล 5 ข้อ 4 นี้ รวมถึงการพูดปด พูดบิดเบือนความจริง พูดเสริมความ พูดอำความ พูดสาบาน ทำเล่ห์กระเท่ห์ มารยา เพื่อให้คนเข้าใจผิดไปจากความจริง หรือหลอกให้คนเข้าใจผิด เช่น การแกล้งป่วยเพื่อให้ได้สิ่งที่มุ่งหวัง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก หากทำไปเพื่อเป็นการช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจ อันนี้ถือเป็นการอนุโลมการพูดเท็จ
5.สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
(Suramerayam Chapamatthana veramani sikkhapadam samadiyami)
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบทว่าด้วยการงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและของมึนเมา
(I undertake the rule of training to refrain from distilled and fermented intoxicants causing heedlessness.)
องค์แห่งศีลข้อ 5 คือ
- น้ำเมาหรือมีฤทธ์ให้มึนเมา
- รู้ว่าเป็นน้ำเมาหรือมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ให้มึนเมา
- พยายามดื่มน้ำเมา
- น้ำเมาได้ล่วงผ่านลำคอ
ศีล 5 ข้อ 5 นี้ นอกจากการดื่ม สุรา-น้ำเมาที่ถูกกลั่นให้มีรสชาติเข้มอย่างเหล้าต่างๆ และ เมรัย-น้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น เช่น เหล้าดิบ กระแช่ น้ำตาลเมา แล้ว ยังรวมไปถึงสิ่งเสพติดทั้งหมด การเสพฝิ่น กัญชา เฮโรอีน ยาบ้า ยากล่อมประสาท ครอบคลุมไปถึงสิ่งที่ทำให้มึนเมา มีผลต่อการกล่อมประสาท แต่กรณีที่มีเจตนาในการรักษา เช่น การใช้กัญชาเพื่อการรักษาความเจ็บป่วยตามอาการ ถือเป็นข้ออนุโลม
การยึดถือและปฏิบัติตามข้อเบญจศีลหรือศีล 5 เพื่อยกจิตใจให้สูงขึ้นให้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ในการผิดศีล 5 ข้อ ได้ดังนี้
รักษาศีล 5 ครบทุกข้อ มีความเป็นมนุษย์ 100% คือเป็นผู้ที่มีใจสูง
ผิดศีล 1 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 80% ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 20%
ผิดศีล 2 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 60% ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 40%
ผิดศีล 3 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 40% ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 60%
ผิดศีล 4 ข้อ มีความเป็นมนุษย์ 20% ใกล้เคียงความเป็นสัตว์เดรัจฉาน 80%
ผิดศีล 5 ข้อหรือไม่มีศีลเลย เทียบเท่าสัตว์เดรัจฉาน 100% ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “มนุษย์”
ด้วยเหตุนี้เองการรักษาศีล 5 จะทำให้เราแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เนื่องจากมีการรักษา กาย วาจาและใจให้สูงกว่าเป็นปกตินิสัย ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์อย่างบริบูรณ์ทั้งในสรรพนามและความหมายที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแค่คำเรียกขาน แต่จิตใจและการกระทำไม่ได้สูงตามความหมาย หากสรุปให้เข้าใจได้ง่ายตามหลักศาสนาพุทธ “ศีล 5” คือเครื่องมือที่ช่วยแยกเราออกจากความเป็นสัตว์เดรัจฉานนั่นเอง