tt ads

“ฟ้าทะลายโจร” เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาจึงถูกจัดเป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันมานับตั้งแต่สมัยโบราณ และหมอยาไทยหรือแพทย์ทางเลือกยังคงรู้จักเป็นอย่างดี และยิ่งช่วงนี้จะถูกกล่าวถึงในและเป็นที่ต้องการกันอย่างมาก เมื่อถูกนักวิจัยและแพทย์หลายท่านออกมายืนยันถึงการใช้บรรเทาอาการผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่รุนแรง เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ ทำให้ใครๆก็ต้องหาซื้อฟ้าทะลายโจรสกัดมาติดไว้เพื่อความอุ่นใจแม้จะยังมีการติดเชื้อก็ตาม ส่งผลให้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสกัดขาดตลาด และมีราคาขายที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้มีฟ้าทะลายโจรปลอมถูกผลิตออกมาจำหน่าย ทั้งของปลอมไร้สรรพคุณตามที่ควรจะได้แล้วยังราคาแพง ดีกว่าไหมหากเราจะหันมาลองปลูกฟ้าทะลายโจรเองซะเลย 

ทำไมฟ้าทะลายโจรจึงถูกนำมาใช้ในการบรรเทาอาการโรคโควิดให้กับผู้ป่วย นั่นก็เพราะว่าฟ้าทะลายโจรจะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า“แอนโดรกราโฟไลด์” (Andrographolide) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อการเพิ่มจำนวนไวรัสโควิด-19 ในเซลล์เนื้อเยื่อ แต่จะต้องในกรณีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยที่ยังไม่เกิดปอดอักเสบ เพราะจะช่วยระงับไม่ให้เกิดอาการรุนแรง และจะต้องได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณที่ 180 มล./วัน แต่มีข้อห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ฟ้าทะลายโจรและหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงที่ให้นมบุตร 

เชื่อว่ายังมีใครหลายคนที่เพิ่งจะได้ยินและมารู้จัก ฟ้าทะลายโจรช่วงที่โควิด-19 ระบาด เราลองมารู้จักพืชชนิดกันคร่าวๆกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชล้มลุกที่เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ในตำรายาโบราณของไทยจัดให้เป็นสมุนไพรพื้นบานที่หารับประทานแก้โรคได้เองและง่ายมาก ลำต้นสูงประมาณ 30-70 ซม. ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยมจะมีการแตกกิ่งง่ายและมาก ใบรียาว ปลายใบแหลม มีดอกขนาดเล็กสีขาว ลักษณะเป็นหลอดและฝักคล้ายต้อยติ่ง เมล็ดมีสีน้ำตาลอ่อน ส่วนใบจะมีสารแลคโตนที่มีฤทธิ์แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ไอ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคท้องเสีย 

 

การปลูกฟ้าทะลายโจรสามารถทำได้ 3 วิธีคือ…

  1. โรยเมล็ดเป็นแถว โดยการขุดร่องตื้นๆให้เป็นแถวยาวที่มีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 ซม. โรยเมล็ดลงไปตามร่องที่ขุดไว้แล้วกลบด้วยดินบางๆ 
  2. การหว่าน นำเมล็ดมาผสมทรายหยาบในอัตรา 1:1 หรือ 1:2 แล้วหว่านตามปกติ
  3. เพาะกล้า ด้วยการขุดหลุมกว้างประมาณ 15 ซม. ลึกประมาณ 8-15 ซม. เป็นแถวโดยมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 ซม. และห่างระหว่างแถวประมาณ 40 ซม. 

 

วิธีปลูกฟ้าทะลายโจร

1. เตรียมดิน 

  • ขุดหรือพรวนให้ดินร่วนซุย
  • ทำการไถพรวนดิน 1-2 ครั้ง หากมีวัชพืชมากให้ทำการพรวนดินสัก 2 ครั้งโดยการเปิดหน้าดินและตากดินไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงไถแปรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ย จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักก็ได้ 

 

2.เตรียมพันธุ์และเมล็ด จะต้องเลือกเมล็ดจากฝักแก่จัด เมล็ดต้องมีสีน้ำตาลแดง รูปร่างสมบูรณ์ ไม่มีโรคและรอยแมลงกัดแทะ และเนื่องจากเมล็ดมีเปลือกแข็งจึงต้องนำไปแช่น้ำธรรมดาหรือน้ำอุณภูมิห้องประมาณ 6-12 ชม. เพื่อเพิ่มอัตราการงอกให้เมล็ด

 

3.การดูแลรักษา หากพื้นที่ปลูกเป็นที่โล่งแจ้ง มีลมพัดแรง แดดจัด หรือฝนตกชุก ให้ทำการคลุมแปลงหรือกระถางที่ปลูกด้วยหญ้าคาหรือฟางบางๆ เพื่อลดแสงที่อาจจ้าเกินไปและการชะล้างของน้ำ รวมไปถึงลดการคายน้ำ และเมื่อผ่านการปลูกไปสัก 7-14 วัน พบว่าต้นกล้าไม่งอกหรือตาย ต้องรีบทำการปลูกซ่อมทันที และควรย้ายต้นกล้าที่มีการงอกขึ้นมาหนาแน่นเกินไป หลังจากที่ปลูกได้ประมาณ 1 เดือน หรือ 30-45 วัน 

 

4.การใส่ปุ๋ย 

4.1) วิธีการใส่ปุ๋ย

  • แบบหว่าน ต้องทำการหว่านให้กระจายสม่ำเสมอ และรดน้ำทันทีหลังหว่าน เพื่อเป็นการล้างปุ๋ยไม่ให้ค้างอยู่ที่ใบด้วย 
  • แบบโรยหรือหว่านเป็นแถวตามแนวขนานที่ปลูกระหว่างแถวโดยห่างจากแถวประมาณ 10-15 ซม. โดยการขุดเป็นร่อง ใส่ปุ๋ยแล้วพรวนดินกลบ ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับการปลูกแบบโรยแถว 
  • แบบหยอดโคน ใส่ปุ๋ยห่างจากโคนต้นประมาณ 10 ซม. โดยขุดหลุมฝังกลบดินหรือโรยรอบๆโคนต้นแล้วพรวนดินกลบ เหมาะกับการปลูกแบบมีระยะห่าง 

 

4.2)  แบ่งระยะการใส่ปุ๋ย

  • อายุ 60 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 300-400 กรัม/ตารางเมตร 
  • อายุ 90-100วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 300-500 กรัม/ตารางเมตร 

 

4.3) การรดน้ำ 

  • ระยะ 30-60 วันหลังจากการปลูก ให้รดน้ำวันละครั้ง แต่ถ้ามีแดดจัดก็รดน้ำ 2 ครั้ง เช้า-เย็น 
  • อายุ 60 วันขึ้นไป อาจรดน้ำวันเว้นวันหรือตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และอากาศ 

 

5.โรคและศัตรูพืชฟ้าทะลายโจร แม้ว่าฟ้าทะลายโจรจะเป็นพืชรสขม ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแมลง แต่ก็ยังมีศัตรูและโรคพืช ศัตรูพืชที่ว่านี้ก็คือวัชพืชทั่วไปนั่นเอง ต้องทำการถอนอยู่เสมอ โดยเฉพาะใน 2 เดือนแรกที่ปลูก และกำจัดวัชพืชทุกๆครึ่งเดือนหลังฟ้าทะลายโจรเริ่มเติบโตเป็นต้นกล้า ส่วนโรคที่พบส่วนใหญ่จะเป็น โรคโคนเน่ารากเน่าจากเชื้อรา หากพบต้นใดเป็นโรคให้รีบทำการถอนทำลายทันที และโรคแอนเทรคโนสจะพบตรงกลางหรือปลายใบหากพบก็ให้รีบตัดส่วนใบที่เป็นนั้นทิ้งทันทีเช่นกัน 

 

6.การเก็บเกี่ยว เมื่อฟ้าทะลายโจรเริ่มออกดอกจนกระทั่งดอกบาน 50% ช่วงนี้เองที่จะมีสารสำคัญทางยาสูง โดยจะพบมากในส่วนยอดและใบ การเก็บเกี่ยวจะทำด้วยการตัดทั้งต้นให้เหลือตอไว้ประมาณ 5-10 ซม. เพื่อให้แตกกิ่งงอกใหม่ต่อไป 

 

ด้วยสรรพคุณการรักษาไข้ อาการไอ เจ็บคอ ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของใบฟ้าทะลายโจร ดังนั้นแม้ว่าเราจะยังไม่ติดเชื้อหรืออาจยังไม่แน่ใจ ก็สามารถนำใบฟ้าทะลายโจรทำเป็นน้ำหรือชาสมุนไพรดื่มในระหว่างวันก็ได้ โดยการนำใบล้างให้สะอาดแล้วอาจใส่ในกาต้มน้ำร้อน กระติกน้ำร้อนแล้วเสียบปลั๊กต้มและดื่มแทนน้ำเปล่าระหว่างวัน หรืออาจนำใบสักใบเดียวใส่ลงในแก้วแล้วเทน้ำร้อนลงไป หลังจากนั้นก็ใช้ช้อนคนเหมือนชงชาชงกาแฟ แล้วดื่มตอนเริ่มอุ่นๆก็ได้ แต่การต้มใบฟ้าทะลายโจรจะให้รสขมมากกว่าการใส่ใบฟ้าทะลายโจรใส่แก้วแล้วค่อยใส่น้ำร้อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถทำดื่มได้แต่ต้องไม่เกิน 7 วัน เพราะถึงแม้จะเป็นพืชสมุนไพร แต่ทุกอย่างควรให้อยู่ระหว่างความพอดี ถ้ามากเกินไปอาจมีผลข้างเคียงได้ 

ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจร 

เรารู้อยู่แล้วว่าฟ้าทะลายโจรช่วยในเรื่องต้านไวรัส ช่วยแก้ไข้ อาการเจ็บคอ ไอ และระบบทางเดินหายใจ ตามที่หมอและผู้เชี่ยวชาญหรือแม้แต่ยูทูปเบอร์ต่างๆออกมาสาธยายถึงคุณประโยชน์ แต่ที่จริงแล้วฟ้าทะลายโจรในตำรับยาไทยยังมีประโยชน์มากมายในการช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยอื่นๆได้อีกด้วย 

  1. ช่วยกระตุ้นระบบคุ้มกันในร่างกาย ต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย 
  2. ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 
  3. แก้อาการไข้ หวัด คัดจมูก ปวดหัวตัวร้อน อาการไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ 
  4. แก้อาการคันคอ ไอ ขับเสมหะ ลดน้ำมูก และฆ่าเชื้อในโพรงจมูก 
  5. ช่วยระงับการอักเสบ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ
  6. มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุโรคระบบทางเดินหายใจ
  7. ช่วยแก้อาการติดเชื้อที่ทำให้มีอาการปวดท้อง อาการท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน
  8. ช่วยแก้อาการร้อนใน 
  9. ช่วยเจริญอาหาร
  10. ช่วยในระบบย่อยอาหารและเร่งให้ตับสร้างน้ำดี 
  11.  ช่วยบรรเทาอาการโรคริดสีดวง 
  12. ช่วยในระบบการไหลเวียนของเลือด 
  13. ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดหนอง 

ข้อควรระวังในการกินฟ้าทะลายโจร

ถึงแม้ว่าฟ้าทะลายโจรสมุนไพรรสขมนี้จะสามารถกินได้โดยไม่เป็นอันตรายกับตับ จึงค่อนข้างปลอดภัยและมักถูกนำมาใช้แก้ไข้แก้ไอแทนยาปฏิชีวนะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับสุขภาพของทุกคน จึงมีข้อที่ควรระวังและทราบก่อนทานฟ้าทะลายโจร

 

  1. ยาฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรฤิทธิ์เย็น จึงเหมาะในการที่จะใช้ในคนที่เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดหัว เจ็บคอ ร้อนใน แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการมือเย็นเท้าเย็น ปัสสาวะปริมาณมาก และมีอาการหนาวสั่นกว่าปกติ 
  2. ฟ้าทะลายโจรไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคความดันต่ำ เพราะฟ้าทะลายโจรช่วยในเรื่องของการลดความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง หากผู้ที่มีอาการความดันต่ำดื่มเข้าไปบ่อยๆหรือปริมาณมาก อาจมีผลข้างเคียง ทำให้หน้ามืด เวียนหัว เป็นลมได้ 
  3. ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจรติดต่อนานเกินไปหรือไม่เกิน 7 วัน เพราะหากทานติดต่อนานกว่านั้นอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น แขนขาชาไม่มีแรง เวียนหัว หน้ามืด อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เป็นต้น 
  4. ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการแพ้ฟ้าทะลายโจร เพราะบางรายอาจมีการแพ้จนเกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้ เช่น ขึ้นผื่น คัน ปากบวม หน้าบวม ตาบวม บางรายอาจแพ้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ 
  5. สตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตรไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร เพราะอาจส่งผลต่อเด็กได้ 

 

ต้องยอมรับฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อบ่งใช้และควรระวัง เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทานเข้าไปมากเกินไปถึงแม้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ก็อาจเกิดโทษได้ ดังนั้นควรทำการศึกษาให้แน่ใจหรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่แท้จริงให้ละเอียดเสียก่อน เนื่องจากเดี๋ยวนี้ข้อมูลมีให้หาทุกช่องทาง ทั้งที่เป็นข้อมูลเชื่อถือได้ และข้อมูลที่บิดเบือน อาจทำให้ได้รับรับข่าวสารและข้อมูลผิด และอาจเป็นโทษแก่ร่างกาย รวมไปถึงทรัพย์สินได้ อีกทั้งควรทานในปริมาณที่พอดี เพราะอะไรที่เป็นทางสายกลางย่อมดีกว่าเสมอ 

 

tt ads