“โกโก้”เป็นอีกเมนูโปรดของใครอีกหลายๆคน ไม่ว่าจะในรูปแบบเครื่องดื่มหรือเมนูของหวานต่างๆ ด้วยกลิ่นหอมที่น่าหลงไหลและรสชาติเข้มถึงใจแต่หวานละมุน ผลิตภัณฑ์โกโก้มีทั้งแบบโกโก้ผง ผงช็อกโกแลต ช็อกโกแลตแท่ง ดาร์กช็อกโกแลต และการนำโกโก้ทำขนมผสมอาหารหรือชงเป็นเครื่องดื่มหลากหลายเมนู  

 

ยิ่งถ้าได้ชงโกโก้ร้อนดื่มตอนเช้าๆ หรือกินโกโก้ก่อนนอน รวมไปถึงโกโก้เย็นชื่นใจเวลาอากาศร้อนๆก็ดูจะเป็นสิ่งที่ควรค่าจริงๆ แต่คุณรู้ไหมว่านอกจากความอร่อยแล้ว โกโก้มีประโยชน์อะไรบ้าง  ผงโกโก้มีประโยชน์อย่างไร แต่ก่อนจะไปรู้ว่าดื่มโกโก้มีประโยชน์อย่างไร เราไปทำความเข้าใจและรู้ข้อดีโกโก้กันก่อนดีกว่า

ทำความรู้จักกันก่อนว่าโกโก้คืออะไร

โกโก้คือผลผลิตจากเมล็ดโกโก้ที่อยู่ในผลกาเกา(Cacao) ที่เราเรียกกันง่ายๆว่าต้นโกโก้ ซึ่งเป็นพืชแถบอเมริกาใต้ โดยการนำเมล็ดในฝักแช่น้ำหมักไว้แล้วนำไปตากแห้งเพื่อให้ความชื้นลดลง นำไปกระเทาะเปลือกและล่อนเปลือกออก จากนั้นจึงนำไปคั่วจนเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นหอม รสขมที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ เรียกว่า“คาเคา นิบส์” (Cacoa nib) แล้วจึงนำไปบดเป็นผงเพื่อให้ได้ผงคาเคา

 

คาเคานิบส์คืออะไร

Cacao nibคือ เมล็ดโกโก้ที่ผ่านกระบวนการคั่วและแกะเปลือกออกจนได้เม็ดสีน้ำตาลหอมกรุ่นและอุดมไปด้วยแร่ธาตุวิตามินต่างๆ ไขมัน ไฟเบอร์ สารอาหาร รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยในเรื่องการซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายให้ดูอ่อนกว่าวัย กระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอ็นโดฟิน(Endorphins)ที่เป็นสารแห่งความสุขและอารมณ์ดี และเนื่องจากผงคาเคาคือแทบจะไม่มีน้ำตาลจึงให้รสขมกว่าดาร์กช็อกโกแลต และ cacao nibs ประโยชน์คือมีไขมันดี โปรตีน แมกนีเซียมสูงเพราะผ่านกระบวนการผลิตน้อยขั้นตอน เป็นช็อกโกแลตบริสุทธิ์ ทานแล้วอิ่มอยู่ท้องนานแต่ให้พลังงานและยังช่วยเผาผลาญไขมัน เป็นที่นิยมกับผู้ลดน้ำหนักและสายเฮลตี้เป็นอย่างมาก

 

คาเคานิบส์กินยังไงและต่างจากผงโกโก้อย่างไร 

คาเคานิบส์เมื่อผ่านการคั่วและแกะเปลือกแล้วก็สามารถนำไปใช้งานหรือทานได้เลยโดยทานเปล่าๆซึ่งคาเคานิบส์จะมีความคล้ายๆถั่วแต่รสขมเข้ม หากคุณสามารถทานรสขมได้ก็หยิบเคี้ยวๆเหมือนถั่วได้เลยแถมประโยชน์ที่ได้ก็มากล้น หรือจะนำไปโรยหน้าโยเกิร์ต ไอศกรีม ใส่สมูทตี้ กาโนล่า ใส่น้ำผึ้ง หรือใส่ขนม ก็จะได้ทั้งความอร่อยเพลินและมีประโยชน์ให้กับร่างกาย แต่ถ้านำคาเคานิบส์ไปบดเป็นผงแล้วสกัดเอาไขมันออกก็จะได้ผงโกโก้นั่นเอง

 

โกโก้แอฟริกากับโกโก้เอเชียแตกต่างกันอย่างไร

โกโก้ยุโรปจะมีกลิ่นหอมอโรม่าลอยแตะจมูกชัดเจน รสชาติเข้มแต่ละมุนกลมกล่อม ทานง่าย สีเข้มสวย เนื่องจากภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต และดินที่มีสารอาหารตามที่พืชโกโก้ต้องการ ถ้าเป็นโกโก้ทางเอเชียจะมีรสเข้มฝาดขมบาดลิ้น ไม่ค่อยมีกลิ่นหอม และราคาจะถูกกว่าโกโก้จากทางยุโรป แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่รสนิยมในรสชาติของตัวบุคคล และวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ 

ประโยชน์ของโกโก้กับงานวิจัย

จากการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าประโยชน์ของการกินโกโก้ 1,000 มิลลิกรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะต่อวันจะช่วยให้ระบบการทำงานของสมองดีขึ้น และยังมีผลการวิจัยจากอังกฤษและอิตาลีที่ให้ข้อมูลตรงกันว่าโกโก้ประโยชน์ดีต่อสมอง นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิพนธ์ พวงวรินทร์ ราชบัณฑิต สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้มีคำขวัญ “Two spoonfuls of cocoa a day keeps Alzheimer away”  ก็คือทานโกโก้วันละ 2 ช้อนโต๊ะจะช่วยให้มีความจำที่ดีขึ้น ความดันโลหิตลดลง ควบคุมค่าระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผงโกโก้ด้วย

นอกจากนี้จากงานวิจัยยังพบว่าคุณสมบัติโกโก้ช่วยในเรื่องความรู้สึกของสุขภาวะที่ดี เนื่องจากสรรพคุณของโกโก้ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนินในสมองเพิ่มขึ้น จึงมักถูกนำไปใช้กับหญิงวัยหมดระดู และผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีรอบเดือนก็นิยมดื่มเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด เพราะเป็นช่วงที่ผู้หญิงจะมีสารเซโรโทนินปริมาณต่ำ และด้วยฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ผู้หญิงมีการตอบสนองต่อโกโก้ดีกว่าผู้ชาย โกโก้จึงเป็นตัวช่วยต้านภาวะซึมเศร้าในผู้หญิงได้อย่างดี

ทำไมถึงว่าประโยชน์ผงโกโก้ดีต่อสุขภาพ เพราะผงโกโก้แท้100จะมีสารอาหารโกโก้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง เหล็ก สังกะสี แมงกานีส ฟลาโวนอยด์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สารอีพิคาเทชิน เป็นต้น ถ้าเป็นผงโกโก้แท้ประโยชน์ก็ยิ่งสูงเพราะมีสารอาหารตามคุณสมบัติของโกโก้ เราไปดูกันว่าคุณประโยชน์ของโกโก้มีอะไรอีกบ้าง

สรรพคุณโกโก้ 

กินโกโก้มีประโยชน์อย่างไร…เรามาดูกันว่าประโยชน์ของโกโก้แท้และสรรพคุณผงโกโก้เมื่อดื่มหรือทานเป็นประจำอย่างเหมาะสมมีดังนี้

  • ช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากสรรพคุณของผงโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์(Flavonoids) สารโพลีพีนอลส์(Polyphenols) สารสารไนอาซีน(Niacin) สูงกว่าอาหารทั่วไป โดยสารเหล่านี้จะช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายจากแบคทีเรีย ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งที่มีอยู่แล้วแพร่กระจายเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตาย 
  • ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้มีประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจมีสรรพคุณการป้องกันการอุดตันในเลือด  ลดการปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ และโกโก้มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดโอเลติก (Oleic acid) ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง 
  • ลดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เพราะสารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ 100 ประโยชน์ช่วยขยายหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนดี 
  • ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน สารโพลีฟีนอลส์ในโกโก้ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลได้ดีขึ้น ช่วยสลายน้ำตาลกลูโคสทำให้น้ำตาลในเลือดมีความสมดุลและเพิ่มความต้านทานต่ออินซูลินได้ 
  • ป้องกันภาวะสมองเสื่อม สารโพลีฟีนอลส์และสารฟลาโวนอยด์ในผงโกโก้ สรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบสมอง ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีและช่วยป้องกันโรคประสาทเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ 
  • ช่วยให้อารมณ์ดี ลดซึมเศร้า ประโยชน์โกโก้ผงช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น 
  • ช่ายสร้างสมดุลของเกลือแร่ในเลือด ช่วยปรับโพแทสเซียม แมกนีเซียม และ โซเดียมในเลือดให้สมดุล 
  • ประโยชน์โกโก้100ดีต่อสุขภาพฟัน สารทีโอโบรมีนในโกโก้ช่วยต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ฟันแข็งแรง แต่ต้องเป็นโกโก้ที่ไม่ใส่น้ำตาล
  • ช่วยการลดน้ำหนัก โกโก้ให้คาร์โบไฮเดรตต่ำ กินแล้วอิ่มนาน ป้องกันการสะสมไขมันและเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย แต่ต้องเป็นดาร์กช็อคโกแลตเท่านั้นนะ
  • มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ

 

ทานโกโก้อย่างไรให้ได้ประโยชน์โกโก้แท้ 

  • ทานโกโก้วันละ 2 ช้อนโต๊ะ 
  • ดื่มโกโก้ร้อนด้วยโกโก้แท้100%โดยไม่ผสมนมหรือน้ำตาล
  • หากอยากผิวสวยให้ทานโกโก้ติดต่อกันเป็นเวลา12 สัปดาห์ 

โกโก้มีคาเฟอีนไหม หากคุณรู้สึกง่วงๆเพลียๆยามบ่ายแต่ไม่อยากดื่มหรือไม่ชอบดื่มกาแฟ สามารถทดแทนด้วยการดื่มโกโก้ร้อนสักแก้ว เนื่องจากโกโก้มีคาเฟอีนอ่อนๆ แต่จะให้คาเฟอีนประมาณ 27 กรัม ของโกโก้แก้วขนาด 8 ออนซ์ หรือโกโก้ร้อน1แก้วจะมีคาเฟอีนประมาณ 812 มิลลิกรัม ดังนั้นผู้ที่มีประวัติแพ้คาเฟอีนก็ต้องระมัดระวังในการเลือกทานผลิตภัณฑ์โกโก้หรือมีโกโก้เป็นส่วนประกอบ เพื่อได้รับประโยชน์และโทษของโกโก้ไม่ส่งผลต่อร่างกายหากทานในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดผลต่อทารกในครรภ์ตามที่แพทย์แนะนำ

 

ประโยชน์ของโกโก้ร้อน ศาสตราจารย์ Chang Yong Lee แห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า น้ำร้อนจะช่วยขับให้สารอนุมูลอิสระต่างๆและสรรพคุณโกโก้ได้ละลายออกมาเต็มที่ ทำให้สรรพคุณโกโก้ร้อนส่งผลดีต่อสุขภาพ และได้รับประโยชน์ของโกโก้ผง100

 

วิธีชงโกโก้ร้อนเพื่อสุขภาพให้อร่อยด้วยวิธีง่ายๆ

อุ่นน้ำด้วยไมโครเวฟสัก30วินาที จากนั้นใส่ผงโกโก้ลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งประโยชน์ ของการดื่มโกโก้ร้อนอย่างแท้จริงคือเพียงแค่โกโก้กับน้ำร้อนเท่านั้น แต่ถ้าหากไม่ชอบรสเฝื่อนขมโกโก้เพียวๆอาจตามด้วยนมสดที่ไม่มีน้ำตาล100ml นมข้นหวาน 1 ช้อนชา แล้วคนให้โกโก้ละลายจนหมด เพียงเท่านี้ก็จะได้ประโยชน์โกโก้ร้อนแสนอร่อยแล้ว

การดื่มโกโก้ร้อนประโยชน์ได้เต็มที่และเข้าถึงรสชาติดั้งเดิมของโกโก้ได้มากกว่าเมนูโกโก้เย็น เพราะเครื่องผสม เช่น นม น้ำตาล จะไปกลบกลิ่นและรสของโกโก้ลงอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งน้ำแข็งทำให้ต่อมรับรสของลิ้นชา การรับรู้รสชาติก็ดรอปลงเช่นกัน ร้านเครื่องดื่มส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องใช้โกโก้เกรดคุณภาพพรีเมียมสำหรับเมนูเย็น แต่สำหรับเมนูร้อนนั้น กลิ่นและรสชาติจะฟ้องเลยว่า โกโก้ชงเองที่ใช้เกรดดีหรือไม่

แต่ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าวเสียจนบางครั้งก็นั่งจิบอะไรร้อนๆไม่ไหว ความต้องการจะดื่มอะไรเย็นๆชื่นใจดับร้อนก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ และบางคนก็อาจจะชื่นชอบรสโกโก้เย็นหวานมันจริงๆ แม้ว่าโกโก้เย็นประโยชน์จะไม่เทียบเท่ากับประโยชน์ของการดื่มโกโก้ร้อน โกโก้ริชก็มีสูตรโกโก้เย็นด้วยวิธีชงโกโก้แบบเข้มข้นมาฝาก 

โกโก้เย็นสูตรเข้มข้น

ส่วนผสมที่ต้องเตรียมมีดังนี้ 

  • ผงโกโก้แท้โกโก้ริชสีมาตรฐาน  3 ช้อนโต๊ะ 
  • ครีมเทียม 2 ช้อนโต๊ะ 
  • นมสดรสจืด 1 ถ้วยตวง
  • นมข้นหวาน ¾ ถ้วย 
  • นมข้นจืด 1 ช้อน 
  • น้ำร้อน 1+½  ถ้วย
  • น้ำธรรมดา ½ ถ้วย 
  • วิปปิ้งครีม / เชอรี่ หรือ ช็อกคอมพาวน์คาเธ่ย์ (สำหรับตกแต่ง มีหรือไม่มีก็ได้) 
  • น้ำแข็ง 

วิธีทำโกโก้เย็นเข้มข้น

ใส่ผงโกโก้โกโก้ริชลงในแก้วที่เตรียมไว้แล้วตามด้วยน้ำร้อน คนให้ผงโกโก้ละลาย แล้วใส่นมสด+นมข้นหวาน+ครีมเทียม+นมข้นจืด จากนั้นคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดีแล้วนำไปรินใส่แก้วที่ใส่น้ำแข็งเตรียมไว้ ตบท้ายด้วยวิปปิ้งครีมและตามด้วยผงโกโก้หรือช็อคคอมพาวน์และแต่งด้วยผลเชอรี่ 

และถึงแม้ว่าการดื่มโกโก้ร้อนจะดีต่อสุขภาพมากกว่า แต่ประโยชน์ของโกโก้100เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ชงทำให้ประโยชน์ของโกโก้เย็นก็ยังมีอยู่ แต่ขึ้นกับปริมาณและวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนผสมด้วย เช่น โกโก้เย็นที่ชงด้วยนมสดแทนนมข้นหวาน โกโก้เย็นที่ผสมด้วยน้ำผึ้งแทนน้ำตาล เป็นต้น 

นอกจากชงโกโก้ให้อร่อยเป็นเครื่องดื่มแล้ว ผงโกโก้ยังเป็นที่นิยมในการนำไปเป็นวัตถุดิบหรือประกอบในเบเกอรี่และขนมต่างๆ ด้วยคุณภาพโกโก้แท้จากแอฟริกาทำให้ได้ขนมสีสวย รสชาติอร่อย และกลิ่นหอมเฉพาะตัว อีกทั้ง cocoa ประโยชน์ก็มากกว่าที่คิด ด้วยช่วงนี้อาจมีหลายๆคน work from home เราจึงมีสูตรเบเกอรี่เมนูช็อกโกแลตเค้กโดยเชฟฟิน มาฝากสำหรับผู้รักโกโก้ได้ลองทำทานเองที่บ้าน มาเริ่มกันเลย…

เมนูช็อกโกแลตเค้ก by เชฟฟิน 

ส่วนผสม Chocolate Cake 

  • ผงโกโก้ริชสีเข้ม                     3           ช้อนโต๊ะ  
  • แป้งเค้กร่อนแล้ว 1 ครั้ง           2            ถ้วย 
  • ผงฟู                                     ½           ช้อนชา
  • เกลือป่น                                1           ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา                           1 ½      ช้อนชา
  • เนยสดชนิดจืด                       ½           ถ้วย
  • น้ำตาลทรายป่น                     1  ⅔       ช้อนชา
  • ไข่ไก่                                     3           ฟอง
  • วานิลลา                                1           ช้อนชา
  • เนยสดชนิดจืด                       ⅔            ถ้วย 
  • เนยขาวสำหรับทาพิมพ์ 
  • พิมพ์กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง  นิ้ว 
  • กระดาษไข 

ขั้นตอนการทำ

  • ผสมของแห้งเข้าด้วยกันก่อน โดยการเทแป้งเค้กที่ร่อนแล้ว1ครั้งลงในชามผสมตามด้วยเกลือป่น เบกกิ้งโซดา และผงฟู แล้วร่อนเพื่อให้ส่วนผสมเข้าด้วยกันแล้วนำไปพักไว้ก่อน
  • ผสมเนยกับน้ำตาลทรายละเอียดให้เข้าด้วยกันโดยการตักเนยใส่เครื่องตีแป้งเค้ก แล้วปั่นเนยในระดับความเร็วปานกลาง ใส่น้ำตาลทรายตามลงไประหว่างการตีเนย ใช้เวลาในการตีเนยให้ฟูประมาณ 56 นาที 
  • ระหว่างรอเครื่องตีเนย สามารถตอกไข่ใส่ชามแล้วตีไข่ในชามรอได้เลย
  • เมื่อเนยขึ้นฟูให้ใส่ผงโกโก้ทำเค้ก (แนะนำใช้ผงโกโก้แท้จากแอฟริกาจะให้เนื้อเค้กเนียนนุ่มและกลิ่นหอมน่ารับประทาน) ใช้ระดับความเร็วต่ำในการตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ตามด้วยไข่ไก่ วานิลลา และแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วและพักไว้ก่อนหน้านี้ โดยใช้สูตรแป้ง 3 ส่วน นม 2 ส่วน ค่อยๆเทใส่สลับกันไประหว่างแป้งและนม 
  • เมื่อเครื่องตีจนดูว่าเนียนดีแล้วก็นำมาตีมืออีกครั้งเพื่อให้เนื้อเนียนนุ่มยิ่งขึ้น เสร็จสิ้นจากการตีแป้งด้วยมือ ก็ทาเนยขาวหรือน้ำมันพืชลงก้นพิมพ์เค้กปิดทับด้วยกระดาษไขแล้วทาทับเนยขาวลงบนกระดาษไขอีกรอบ เทเนื้อเค้กลงไปในพิมพ์เพียงครึ่งแม่พิมพ์ เพื่อเหลือพื้นที่ให้เค้กได้พองฟู เคาะไล่อากาศเล็กน้อยแล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ180 องศา ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีแล้วนำออกจากเตาอบ เพียงเท่านี้ก็ได้เค้กช็อกโกแลตพร้อมเสิร์ฟ หรืออาจนำผงโกโก้โรยหน้าเค้กก่อนเสิร์ฟ

โกโก้คุณภาพดีคุ้มค่าต่อการลงทุนในการหาซื้อมาติดบ้านไว้ รวมไปถึงกิจการร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ หรือคาเฟ่ต่างๆ เพราะผงโกโก้ที่ทำได้ทั้งเมนูขนม เบเกอรี่ ของหวาน อาหาร และเครื่องดื่ม ต้องเป็นโกโก้ผงสรรพคุณที่ครบครัน ทั้งในเรื่องรส กลิ่น สีสัน มีประโยชน์ครบถ้วนด้วยสารอาหาร และไขมันโกโก้ตามมาตรฐาน ซึ่งไขมันโกโก้สูงประโยชน์ยิ่งสูงและราคาสูงตาม อย่าได้ดูว่าราคาแพงยิ่งดี แต่ให้ดูที่ปริมาณไขมันโกโก้แทน 

โกโก้มีประโยชน์หรือโทษอย่างไร

ในข้อสงสัยนี้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจได้ เพราะด้วยสรรพคุณของโกโก้แท้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพและการใช้งานได้หลากหลาย แต่นั่นต้องเป็นในปริมาณที่เหมาะสมตามที่มีงานวิจัยออกมาจากหลายๆสถาบันระดับโลกด้วยกัน และอย่างที่ทราบไปแล้วว่า ประโยชน์โกโก้แท้จริงคือการทานโกโก้ที่ไร้น้ำตาลและนมข้นหวานเป็นส่วนผสม แต่เนื่องจากขนมช็อกโกแลตหรือของหวานแปรรูปจากโกโก้ที่วางจำหน่ายทั่วไป มักมีส่วนผสมที่ว่ามานี้ในปริมาณมากเพื่อเพิ่มรสชาติ ดังนัันจึงควรระวังในการที่จะทานของกินเล่นเหล่านี้ เพราะหากทานมากไปอาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพนั่นเอง 

 

ประโยชน์ของโกโก้ต่อผิว

ข้อดีของโกโก้หรือcacao ประโยชน์ไม่ได้มีดีเพียงแค่ไว้ทานเท่านั้น แต่แพทย์หญิง Ava Shamban ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้กล่าวว่า โกโก้สรรพคุณมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังได้และยังใช้ในด้านความงามได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้โกโก้จึงมีบทบาทในผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม ไม่ว่าจะเป็นเวชสำอางค์ด้านผิวพรรณ เครื่องทำความสะอาดผม บำรุงเล็บ เครื่องแต่งหน้า เช่น ครีมบำรุงหน้า ลิปบำรุงฝีปาก รวมไปถึงทางด้านเวชภัณฑ์ยาทางการแพทย์  โกโก้ริชจึงมีสูตรโกโก้บำรุงผิวด้วยตัวเองง่ายๆที่บ้านมาฝากคุณสาวๆในบทความนี้ด้วย โดยสามารถนำผงโกโก้ชงดื่มประจำมาเป็นส่วนผสมในสูตรได้เลย 

3วิธีทำสวยด้วยผงโกโก้ 

  • มาส์กหน้า
  • อุ่นผงโกโก้ประมาณ 50 กรัมจนเป็นของเหลวแล้วตัก1ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะและไข่แดง 1 ฟองเข้าด้วยกัน พอกให้ทั่วผิวหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะพบว่าผิวหน้าเนียนนุ่มใสและยังรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นโกโก้ระหว่างบำรุงผิวอีกด้วย
  • นำผงโกโก้ 1ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะ ข้าวโอ๊ตป่น 1ช้อนชา และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้าด้วยกันแล้วพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก 
  • ขัดผิว 
  • ผสมผงโกโก้กับน้ำและเติมเกลือทะเล  2 ช้อนชาและใส่นมลงไป แล้วนำไปขัดผิว เกลือจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและโกโก้กับนมจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นนุ่มลื่น
  • บาล์มริมฝีปากนุ่ม
  • ผสมขี้ผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกันแล้วนำไปเข้าไมโครเวฟ 2 นาที จึงใส่ผงโกโก้ 1 ช้อนชาลงไปคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วตักใส่ตลับ พักไว้สัก1ชั่วโมงก็นำมาใช้เป็นลิปบาล์มได้เลย

จากบทความนี้จะเห็นได้ว่าโกโก้มีประโยชน์อย่างไรบ้างและสรรพคุณโกโก้มีมากมายที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกผงโกโก้แท้มีคุณภาพดี เป็นโกโก้ที่มี cocoa butter ประโยชน์สูง ตามมาตรฐานที่แพทย์แนะนำอย่างเช่นโกโก้ริช และเมื่อเรารู้ถึงประโยชน์ของโกโก้กันไปแล้ว ต้องการจะรู้ถึงวิธีการเลือกซื้อโกโก้ให้ได้คุณภาพดี ต้องดูจากอะไรบ้าง เราจะนำมาฝากกันในบทความต่อไป

และก่อนจะจากกันไปอย่าลืมว่าการจะได้ประโยชน์โกโก้ที่แท้จริงจากการทานโกโก้จะต้องไม่กระหน่ำด้วยน้ำตาลหรือนมที่เป็นสาเหตุให้อ้วนหรือโรคอื่นๆตามมาได้ และต้องควบคุมในการทานในปริมาณที่พอดี เพราะผงโกโก้ประโยชน์มากมายจริงแต่ทุกสิ่งย่อมมีทั้งคุณและโทษหากไม่ระมัดระวัง 

ปัจจุบันงานโครงสร้างเหล็กเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เราจะคุ้นชินกับงานปูน งานคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้างไม้ ส่วนงานโครงสร้างเหล็กล้วนๆเลยนั้นจะยังมีน้อยกว่าถ้าเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยยังหาผู้เชี่ยวชาญงานด้านโครงสร้างเหล็กได้น้อย ประกอบกับตัวเหล็กและวัสดุบางชนิดค่อนข้างมีราคาสูงกว่างานคอนกรีต แต่ด้วยยุคนี้ให้ความสำคัญในการสร้างความแปลกใหม่แต่มีเอกลักษณ์ และราคาเหล็กในตลาดโลกก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยน จึงได้เห็นในไทยมีการสร้างโรงงานขนาดเล็กด้วยงานโครงสร้างเหล็ก หรืองานโครงเหล็กหลังคา ไม่ว่าจะเป็นโครงเหล็กโกดัง โครงหลังคาโรงงาน โครงโกดัง โครงหลังคาโดม และอีกหลายรูปแบบในงานก่อสร้างมากขึ้น

 

การก่อสร้างแต่ละครั้งจะต้องอาศัยโครงสร้างเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพราะโครงสร้างต้องมีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักหลังคาและส่วนประกอบอื่นๆในอาคารได้อย่างเหมาะสม เรามาดูในเรื่องของโครงสร้างเหล็กที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การสร้างเป็นที่อยู่อาศัย โรงงานโครงสร้างเหล็ก ติดตั้งโครงเหล็กในการทําโกดังขนาดเล็ก-ใหญ่ เพื่อเป็นร้านค้า เพื่อสต็อกสินค้า หรือทำเป็นโกดังโรงสีก็ตาม 

 

งานโครงสร้างเหล็กภาษาอังกฤษคือ Steel Structure Work เป็นโครงสร้างเหล็กที่ทำจากเหล็ก ทำการเชื่อมต่อส่วนประกอบต่างๆเพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการรับน้ำหนักได้มาก ออกแบบและสร้างขึ้นให้เหมาะกับการใช้งานตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เนื่องจากเหล็กมีความแข็งแรง โครงสร้างมีความน่าเชื่อถือและต้องการวัตถุดิบน้อยกว่าโครงสร้างชนิดอื่น ใช้สำหรับโครงสร้างได้เกือบทุกประเภท สถานที่ต้องการพื้นที่กว้าง สูงโปร่ง อย่างโกดังหรือโถงใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน โครงหลังคาโกดังสำหรับทําโรงงานขนาดเล็ก โรงงานอุตสาหกรรมหนัก การสร้างโรงงานขนาดเล็ก โรงเก็บเครื่องบิน อาคารสนามบิน หลังคาลานจอดรถ 

ระบบนี้จะเป็นโครงสร้างที่สร้างได้รวดเร็วที่สุด ถ้าเทียบกับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก และโครงสร้างไม้ เพราะโครงสร้างเหล็กใช้ตัด เชื่อม และน็อตเท่านั้น ไม่ต้องไสให้เข้าที่เหมือนกับงานไม้หรือต้องรอให้งานแข็งตัวถึง 30 วันแบบคอนกรีต ซึ่งการทำโครงหลังคาเหล็กจะติดตั้งหน้างานทั้งหมดและต้องมีการทาสีกันสนิมให้ทั่วทุกด้านของผิวเหล็กก่อนทำการติดตั้งและเชื่อมเหล็ก จึงต้องอาศัยทีมช่างมืออาชีพไม่ว่าจะเป็น วิศวกร สถาปนิก ช่างเหล็ก และผู้มีประสบการณ์สูงในงานโครงสร้างเหล็ก

    เพราะต้องตรวจสอบตั้งแต่โครงสร้างเหล็กรูปพรรณต่างๆไปใช้งานอย่างถูกต้อง การเตรียมแบบโครงหลังคาสร้างโกดังหรืองานก่อสร้างต่างๆ อย่างเช่น ทําโครงเหล็กหลังคา โครงหลังคาโดมแบบอาคารอเนกประสงค์ หลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ การประกอบชิ้นงานเหล็กให้ได้มาตรฐานงานก่อสร้าง และการติดตั้งชิ้นงานเหล็กกับโครงงานอื่นๆ จะต้องมีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและสถานที่ มีความแข็งแรงทนทาน กลมกลืนสอดคล้องกับวัตุประสงค์ที่ต้องการใช้งาน เหมาะสมกับงบประมาณ โดยชิ้นงานเหล็กทุกชิ้นจะต้องมีการแปรรูปเรียบร้อยที่โรงงานด้วยเครื่องมือไม่ว่าจะเป็นงานเหล็กรีดร้อน ดัด ตัด เจาะ เชื่อม พ่นสี ชุบกัลวาไนซ์ ก่อนจะนำไปติดตั้งหน้างานด้วยระบบ Bolted Connection ทำให้ก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ เป็นไปตามแบบที่ลูกค้าต้องการ 

 

    สำหรับการรับสร้างโรงงาน รับสร้างโรงงานขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้รับเหมางานโครงสร้างต้องคำนึงถึงคือการเลือกรูปแบบโครงสร้างเหล็ก และด้วยปัจจัยประกอบอื่นๆ เช่น ขนาดความสูงและความกว้างของโกดังโรงงานที่จะสร้าง โดยองค์ประกอบของโครงสร้างหลักมีโครงสร้างเสาและโครงหลังคาเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบทางวิศวกรรม ซึ่งต้องมีการคำนวณโครงสร้างเหล็กทั้งในเรื่องรูปแบบและการรับน้ำหนักของอาคาร หลังจากนั้นจึงนำไปออกแบบฐานรากเป็นลำดับต่อไป 

   

    ประเภทของงานโครงสร้างหลัก ได้แก่ โครงสร้างโครงถัก โครงสร้างอาคาร โครงสร้างตาราง โครงสร้างลักษณะโค้ง โครงสร้างคอนกรีตอัดแรง คานสะพาน สะพานโครงถัก สะพานโค้ง สะพานขึง และ สะพานแขวน แต่เราไปดูโครงสร้างเหล็กที่นิยมสร้างในประเทศไทย 

งานโครงสร้างเหล็กที่นิยมสร้างในประเทศไทย

โครงสร้างเหล็กที่นิยมมากในไทยคือโครงสร้างโกดัง โรงงานอุตสาหกรรม โครงสร้างหลังคา และคลังสินค้า เพราะโครงสร้างประเภทนี้ต้องการความกว้างของช่วงระหว่างเสาสร้างได้รวดเร็ว ขยับขยายเปลี่ยนแปลงและรื้อถอนได้ง่าย งานสถาปัตยกรรมที่นิยมใช้ระบบโครงสร้างเหล็กในไทยได้แก่ โครงสร้างเหล็กหลังคา โครงสร้างเหล็กโกดัง

โครงสร้างเหล็กโรงงาน 

 

1. โครงสร้างเหล็กหลังคา แบบโครงหลังคาที่นิยมส่วนใหญ่จะมีโครงหลังคาแบบถัก โครงหลังคาเหล็ก COLD FORM โครงหลังคาเหล็กกล่อง ซึ่งนำไปใช้ในงานเหล็กโครงสร้างหลังคา เช่น แบบโครงหลังคาโกดัง โครงหลังคาโดมอเนกประสงค์ โครงหลังคาคลุมลาน โครงหลังคาโรงงาน โครงหลังคาสถานีรถไฟ โครงหลังคาสนามกีฬา โครงหลังคาสำนักงาน แต่ที่ได้รับความนิยมมากจะเป็นโครงถักแบบโฮว์ยกระดับ เพราะเป็นโครงหลังคาช่วงยาว ไม่มีเสากลาง มีความยืดหยุ่นในการบิดขึ้นรูปได้หลากหลายและมีความเหนียว โดยเหล็กที่นิยมนำมาใช้ทำโครงสร้างเหล็กหลังคามีทั้งเหล็กรีดร้อนและเหล็กรีดเย็น เช่น เหล็ก H-BEAM , I-BEAM  เหล็กกล่อง และ เหล็กกลมมาใช้ในงานโครงสร้าง

 

2.โครงสร้างเหล็กโกดัง ในประเทศไทยมีโกดังมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโกดังเก็บสินค้า โกดังโรงสี โกดังเก็บรถ โกดังเก็บเครื่องบินเล็ก โกดังคัดผลไม้ โกดังร้านค้า ซึ่งโครงสร้างเหล็กให้เหมาะกับโกดังจะมีดังต่อไปนี้

 

  • โกดังขนาดใหญ่ จะเหมาะกับโครงสร้างเหล็กแบบ HW-H ใช้เสาและโครงหลังคาโกดังด้วยเหล็ก I-BEAM ที่จะให้ความกว้างแบบไม่มีเสากลางและเน้นความสวยงาม  
  • การสร้างโกดังขนาดกลาง จะเหมาะกับโครงสร้างเหล็กแบบ HW-C มักจะใช้เสาและโครงหลังคาแบบเหล็กถัก โครงหลังคาโกดังโคลด์ฟอร์ม 

 

  • การสร้างโกดังขนาดเล็กจะนิยมใช้เหล็กกล่องมากที่สุด เพราะราคาประหยัด แต่มีความแข็งแรงทนทาน โดยใช้โครงสร้างเหล็กแบบ HW-C

 

3.โครงสร้างเหล็กโรงงาน โรงงานหลายๆแห่งเริ่มนิยมสร้างด้วยงานโครงสร้างเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นการทำโรงงานขนาดเล็ก โรงงานเสื้อผ้า โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย โรงงานผลิตเจลอนามัย เพราะใช้เวลารวดเร็ว ขั้นตอนก็ไม่มากเท่างานคอนกรีต เพียงลง Plate J-Bolt แล้วลงติดตั้งเสา คานรัดรอบ ต่อมาก็เข้าผนัง โครงหลังคา ติดแผ่นหลังคา และอาจมีฉนวนกันความร้อนในบางโรงงานที่ต้องการ ด้วยการที่ระบบโครงสร้างเหล็กสามารถวางระยะเสาได้ห่างโดยไม่ต้องมีเสากลาง ทำให้มีพื้นที่กว้างและเหลือระยะความสูงจากพื้นดิน ทำให้มีความโปร่ง ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับสถานที่ต้องการใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเช่นโรงงานนั่นเอง ทำให้โครงสร้างเหล็กเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด โดยเหล็กที่นิยมใช้ในการสร้างโรงงานก็จะเป็นเหล็กรูปพรรณรีดร้อนและรีดเย็นเช่นเดียวกับการสร้างโกดังโครงเหล็ก ส่วนในรายละเอียดสามารถปรึกษาและสอบถามกับสถาปนิกหรือวิศวกรที่ชำนาญงานโครงสร้างเหล็ก

เหล็กที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมหรืองานก่อสร้างมีกี่ประเภท?  

เหล็กที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรมหรือการก่อสร้างจะแบ่งได้หลักๆออกเป็น 2 ประเภท คือ เหล็กเสริมและเหล็กรูปพรรณ ซึ่งเหล็กเสริมจะเป็นเหล็กที่ใช้ในงานคอนกรีต โดยเสริมในเนื้อคอนกรีตเพื่อให้มีความแข็งแรงทนต่อแรงอัดและแรงดึงได้ดี ชนิดของเหล็กต่างๆที่อยู่ในประเภทของเหล็กเสริม ได้แก่ เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้นกลม เหล็กกล้าตีเกลียว เหล็กรีดซ้ำ และเหล็กกล้าแรงดึงสูง 

 

ส่วนเหล็กรูปพรรณ คือเหล็กที่ผลิตออกมาให้มีหน้าตัดและรูปทรงต่างๆ ทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในงานโครงสร้างได้เป็นอย่างดี โดยแบ่งออกเป็น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และ เหล็กรูปพรรณรีดเย็น  

 

1.เหล็กรูปพรรณรีดร้อน คือเหล็กที่ผลิตจากการหลอมเศษเหล็กด้วยเตาไฟฟ้าด้วยอุณหภูมิสูงถึง 1,600 องศาเซลเซียส แล้วถูกทำให้แข็งด้วยการหล่ออย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความหนา และตัดด้วยเครื่องตัดเพื่อให้ได้ขนาดเหมาะสมก่อนนำเข้าเตาอบเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีดเหล็กในอุณหภูมิตั้งแต่ 1,200 องศาเซลเซียส โดยระหว่างที่ทำการรีดเหล็กจะมีการพ่นน้ำแรงดันสูงไปที่ผิวเหล็กเพื่อขจัดสนิม และนำเหล็กไปผ่านน้ำหล่อเย็นก่อนทำการตัดให้ได้ตามขนาด และเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่ใช้ในงานก่อสร้าง ได้แก่ เหล็กไอบีม เหล็กเอชบีม เหล็กสี่เหลี่ยมตัน เหล็กรางน้ำ และเหล็กฉาก 

 

1.1 เหล็กไอบีม (I-Beam) เป็นเหล็กที่ถ้ามองด้านหน้าจะดูคล้ายกับตัวอักษรตัว I (ไอ) ประกอบด้วยปีกบน-ปีกล่าง (Flanges) และเอว (Web) ที่เป็นแกนตรงกลางและจะกว้างว่าปีกบนกับปีกล่าง ทำให้เหล็กไอบีมมีความแข็งแรงมากในการรับแรงกด แรงกระแทกได้ดี และมีความหนามากกว่าเหล็กชนิดอื่นๆ มักจะนำไปทำเป็น เสาและคานในงานโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ เหมาะกับงานโครงสร้างใหญ่ๆ เช่น โครงหลังคาโกดังขนาดใหญ่ หลังคาไร้โครงสร้าง หลังคาไร้โครง โครงหลังคาคลุมลาน

 

1.2 เหล็กเอชบีม (H-Beam) เป็นเหล็กที่ตัดขวางคล้ายตัว H โดยปีกบนปีกล่างเป็นแผ่นตรงราบเรียบ แต่มีความหนามากกว่าแกนตรงกลางเล็กน้อย สามารถต้านการดัดโค้งและการบิดได้ดี จึงนิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้าง เช่น เสา คาน ตงพื้น เป็นชิ้นส่วนของเสา โครง หลังคาโดย ใช้แทนคานหรือเสาคอนกรีต ใช้ในงานที่หลากหลาย ทั้งเป็นส่วนประกอบโครงถัก โครงสร้างหลังคาขนาดใหญ่ โครงสร้างอาคาร โครงสร้างโรงงาน โครงสร้างโกดังขนาดต่างๆ โรงจอดเครื่องบิน เป็นต้น  

 

1.3 เหล็กสี่เหลี่ยมตัน เป็นเหล็กที่ตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตันทั้งเส้น ผิวเรียบ มีขอบคม ขึ้นรูปด้วยการรีดร้อนอย่างต่อเนื่องทำให้ไร้รอยต่อ แข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี นิยมใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็กและงานตกแต่ง 

 

1.4 เหล็กรางน้ำ (Channel) เป็นเหล็กหน้าตัดเรียบ มองดูแล้วคล้ายตัว U (ยู) มีปีกบนและปีกล่างข้างละหนึ่งเท่านั้นโดยไม่มีจุดศูนย์กลาง ทำให้เหล็กรางน้ำไม่เหมาะกับการใช้ในงานโครงสร้างขนาดใหญ่ แต่จะถูกนำไปใช้ในโครงสร้างขนาดเล็ก  อย่าง คาน เสา โครงสร้างบันได โครงหลังคา งานสะพาน เป็นต้น

 

1.5 เหล็กฉาก เป็นเหล็กที่รูปฉากเหมือนอักษรตัว L (แอล) อีกส่วนประกอบสำคัญของงานโครงสร้างเหล็ก เหล็กฉากจะมีขาเท่ากันทั้งสองด้าน พื้นผิวเรียบ มีมุมฉากด้านนอก 90 องศา ยืดหยุ่นต่อการรับแรงดึง แรงบิด และแรงจากแผ่นดินไหวได้ดี นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างต่างๆ โครงสร้างอาคาร โครงหลังคาโรงงาน และอาจใช้ในการตกแต่งเพื่อความสวยงาม 

 

2.เหล็กรูปพรรณรีดเย็น คือเหล็กที่ขึ้นรูปด้วยเหล็กแผ่นแบบม้วนหรือเหล็กแผ่นชุบสังกะสี ทำการขจัดสนิมที่ผิวให้แตกก่อนด้วยเครื่องกำจัดสนิมก่อนจะนำไปตัดขอบให้เรียบ จากนั้นก็นำไปรีดเย็นเพื่อลดขนาดความหนาที่อุณหภูมิห้อง อาจนำไปอบอีกครั้งสลับกับผ่านการรีดเย็น จากนั้นพับแผ่นเหล็กให้มีหน้าตัดและรูปทรงตามต้องการ ซึ่งผิวจะแข็งต่อการกดสูงขึ้นแต่จะเหนียวน้อยลง ชนิดเหล็กรูปพรรณรีดเย็นที่ใช้ในงานก่อสร้าง ได้แก่ เหล็กตัวซี เหล็กกล่องเหลี่ยม เหล็กกล่องแบน เหล็กท่อกลมดำ เหล็กอาบสังกะสี และเหล็กฉากพับ ซึ่งบางชนิดที่กล่าวมานี้ สามารถผลิตด้วยกระบวนการรีดร้อนได้เช่นกัน 

 

2.1 เหล็กตัวซี (Light Lip Channel) เป็นเหล็กที่ตัดขวางเหมือนตัว C มีความแข็งแรงทนทานต่อการกัดกร่อน น้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก ขนาดกลาง โครงสร้างหลังคา เช่น โครงสร้างโกดังขนาดเล็ก หรือโรงงานขนาดเล็ก แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ  

 

2.2  เหล็กกล่องเหลี่ยม เป็นเหล็กที่ตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสข้างในกลวง มีมุมฉาก 90 องศา ผิวเรียบ น้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทนทาน นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็กและขนาดกลาง 

 

2.3 เหล็กกล่องแบน เป็นเหล็กที่ตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีข้างในกลวง มีคุณสมบัติเดียวกับเหล็กกล่องเหลี่ยม คือ น้ำหนักเบา ผิวเรียบ แข็งแรงทนทาน แต่นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก เช่น เสา โครงผนังเบา หลังคาขนาดเล็ก หน้าต่าง เป็นต้น 

 

2.4 เหล็กท่อกลมดำ เป็นเหล็กที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง ตัดขวางเป็นรูปกลม น้ำหนักเบา ทนทานต่อการรับแรงดันได้สูง และนำไปดัดโค้งให้กับงานโครงสร้างหลังคาให้สวยงามได้ ขนาดมาตรฐานคือยาว 6 เมตร นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น งานโครงสร้างหลังคาขนาดใหญ่ ส่วนประกอบโครงถัก เสาขนาดใหญ่ เป็นต้น

 

2.5 เหล็กชุบสังกะสีหรือเหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel Pipes) เป็นเหล็กตัดขวางรูปกลม บางคนเรียกว่าแป๊บน้ำ ทำมาจากเหล็กกล้าเหมือนท่อเหล็กดำแต่นำไปชุบกัลวาไนซ์อีกชั้นหนึ่ง มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการกัดกร่อนของสนิม และทนต่ออุณหภูมิสูง นิยมนำไปใช้ในงานระบบอาคารเป็นส่วนใหญ่ 

 

2.6  เหล็กฉากพับ เป็นเหล็กตัดขวางเหมือนอักษรตัว L (แอล) มีผิวเรียบเหมือนเหล็กฉาก แต่เหล็กฉากพับจะมีความโค้งมนทั้งด้านนอกและด้านใน ทำให้มีความยืดหยุ่นต่อการรับแรงดึงได้ดีกว่า นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างขนาดเล็ก

ข้อดีของงานโครงสร้างเหล็ก

 

1.ประหยัด เพราะค่าใช้จ่ายในการผลิตไม่แพง ลงฐานรากน้อย วัสดุอุปกรณ์น้อยกว่างานระบบอื่น ทำให้ประหยัดทั้งค่าวัสดุและค่าแรงคนงาน อีกทั้งไม่ต้องดูแลมาก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานก่อสร้าง 

 

2.เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะรีไซเคิลได้เมื่อเลิกใช้งาน สามารถนำเหล็กไปใช้งานใหม่ได้เลย หรือจะหลอมขึ้นรูปใหม่ตามแบบ ช่วยลดปริมาณขยะจากไซต์ก่อสร้าง ต่างจากงานปูนเมื่อเลิกใช้งานต้องทุบทิ้ง เพิ่มขยะและมลภาวะ

 

3.รวดเร็ว ลดระยะเวลาการก่อสร้าง เพราะขั้นตอนการสร้างบ้านโครงเหล็กรวดเร็ว งานโครงเหล็กใช้เวลาก่อสร้างสั้น เพราะชิ้นส่วนในการใช้งานส่วนใหญ่ผลิตและประกอบจากโรงงานโครงสร้างเหล็ก เมื่อตั้งฐานรากเสร็จก็นำวัสดุมาติดตั้งและเชื่อมหน้างานได้เลย จึงใช้เวลาในการติดตั้งโครงเหล็กได้รวดเร็วกว่าก่อสร้างระบบอื่นๆ รวมไปถึงเมื่อเวลาจะรื้อถอนก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน 

 

4.คุณภาพชีวิต ฝุ่นละอองและเสียงรบกวนในระหว่างดำเนินงานน้อยกว่างานปูน ยิ่งแบบโครงหลังคาโกดัง วัสดุที่ใช้จะเป็นเหล็กทั้งหมด และด้วยการติดตั้งใช้เวลาสั้น ทำให้มีฝุ่นละอองรบกวนน้อยมากๆ นับได้ว่าเป็นมิตรต่อสุขภาพ

 

5.อิสระในการออกแบบ สามารถออกแบบรูปทรงในการใช้งานได้อย่างอิสระ ด้วยคุณสมบัติความยืดหยุ่น เพราะโครงและคานรับน้ำหนักสามารถทำเป็นถักหรือดัดโค้งได้ ยื่นช่วงระยะโครงได้ไกลตามที่คำนวณโครงสร้างเหล็กไว้ ทำให้รองรับทรงหลังคาได้หลายรูปแบบ ทำให้เพิ่มความสวยงามให้กับโรงงานหรือสถานที่มากขึ้น

 

6.ใช้ประโยชน์พื้นที่ได้มากขึ้น เพราะงานเหล็กโครงสร้างเว้นช่วงระยะเสาได้กว้างขึ้น จึงเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น แลดูโปร่ง โล่ง กว้าง และระบายอากาศได้ดี สามารถทำเป็นโถงหรือโกดังขนาดใหญ่ได้ และไร้สิ่งกีดขวางบดบังทัศนียภาพ 

 

7.แข็งแรงทนทาน ก่อสร้างแบบโครงเหล็กหลังคามีความแข็งแรงมากทั้งแรงดึงและแรงอัดมากกว่าคอนกรีต มีกำลังความเหนียวสูงกว่าโครงสร้างคอนกรีต ทั้งยังสามารถรับแรงสั่นสะเทือนและแผ่นดินไหวได้ดีกว่า 

 

8.มีน้ำหนักเบา โครงสร้างเหล็กจะมีน้ำหนักเบากว่าเมื่อเทียบกับโครงสร้างคอนกรีต และไม่ดูตัน ไม่มีเสากลางที่ทำให้ดูอึดอัดและกีดขวาง

ทำไมโครงสร้างเหล็กเป็นที่นิยมมากขึ้น

งานโครงสร้างเหล็กที่ดำเนินการเสร็จรวดเร็ว ใช้เวลาในการก่อสร้างสั้นกว่างานปูน ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลายมิติ ประกอบกับปัจจุบันนี้โครงสร้างเหล็กราคาไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน จึงได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบงานลักษณะโครงเหล็ก อาคารหรือบ้านที่ทำจากโครงเหล็กจะให้กลิ่นอาย ความเข้ม ดิบ เท่ เรียบง่าย เห็นเนื้อแท้ของวัสดุที่นำมาตกแต่ง มีเอกลักษณ์งานดีไซน์อย่างชัดเจน แต่แข็งแรงทนทาน เช่น สไตล์ Industrial , Loft , Tropical  และอีกหลายสไตล์ตามความชอบส่วนตัวของผู้อาศัยหรือวัตถุประสงค์ในการใช้งาน 

 

อีกทั้งยังเหมาะกับกรณีพื้นที่ก่อสร้างเข้าถึงยาก เพราะบ้านโครงสร้างเหล็กใช้วัสดุน้อยชิ้น สามารถขนส่งนำไปใช้ในการก่อสร้างหน้างานได้ เช่น พื้นที่แคบที่รถใหญ่เข้าไม่ได้ พื้นที่มีน้ำขัง พื้นที่บนภูเขาสูง นอกจากนี้ยังเหมาะกับอาคารเชิงพาณิชย์ ร้านค้า โรงงาน และธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการสร้างกำไรคืนทุนในเวลารวดเร็ว เนื่องจากการก่อสร้างร้านค้าจากโครงสร้างเหล็กเสร็จเร็วและสามารถดำเนินธุรกิจได้ทันที เพราะในเชิงธุรกิจการที่ยิ่งใช้เวลานานเท่าไรก็ยิ่งเสียผลประโยชน์และขาดทุน 

 

บางโรงงานต้องการจะเพิ่มพื้นที่การใช้งานบนดาดฟ้าโดยการทำโครงสร้างหลังคาเหล็ก เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดและต้องการใช้งานเร่งด่วน หรือต้องการใช้งานพื้นที่ด้านข้างโรงงาน ทำเป็นโกดังเพื่อเก็บสินค้า หรือทำเป็นโรงจอดรถ งานโครงสร้างเหล็กจึงเป็นการตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาไม่นานในการก่อสร้าง สามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ เพราะเน้นด้านคานโครงสร้าง โครงเสาและหลังคา นอกจากนี้หลังคาคลุมลานยังช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น โครงหลังคาคลุมลานโรงเรียน โครงหลังคาคลุมลานในโรงงาน โครงหลังคาขนาดใหญ่ตามปั๊มน้ำมันเพื่อจอดรถบรรทุก โครงหลังคาคลุมลานโกดังเก็บสินค้า เป็นต้น 

 

ทำโครงเหล็กเป็นโครงสร้างจะแข็งแรงไหม?

เหล็กที่นำมาใช้ในการทำเหล็กโครงสร้างจะมีส่วนผสมหลักคือ เหล็กและคาร์บอน โลหะผสม แมงกานีส และสารเคมีบางชนิด เพื่อให้มีความแข็งแรงทนทาน และขึ้นอยู่กับโครงสร้างเหล็กถูกสร้างด้วยการม้วนร้อนหรือม้วนเย็น รีดแผ่นหรืองอเข้าด้วยกัน ทำให้มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้มาก ให้ความยืดหยุ่น มีอายุใช้งานได้นาน และการที่โครงเหล็กทนรับแรงดึงได้เต็มกำลังอัด จึงเป็นที่นิยมในอาคารที่ต้องการรับแรงแผ่นดินไหวในหลายๆประเทศ แม้แต่สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมในประเทศไทยก็มีการก่อสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กมาอย่างยาวนาน เช่น สถานีรถไฟ หัวลำโพงที่เป็นอาคารออกแบบหลังคาโดมที่เป็นหลังคาทรงโค้งขนาดใหญ่ชนิดแบบหลังคาโครงเหล็ก โครงสร้างเหล็กสนามช้างอารีนา สะพานพุท สะพานซังฮี้ เป็นต้น  

 

การเทียบราคาโครงหลังคาเหล็ก งานโครงสร้างเหล็กราคาเท่าไร?

เมื่อออกแบบโครงสร้างและคำนวณโครงสร้างเหล็กเสร็จสิ้น ทางวิศวกรหรือผู้รับเหมาโครงสร้างเหล็กจะทำการประเมินราคา โดยการประมาณราคาโครงหลังคาเหล็กแต่ละงานจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เช่น ระยะทางที่ทีมงานต้องเดินทางไปทำการก่อสร้าง ค่าวิชาชีพ การเทียบราคาโครงหลังคาเหล็กต่อตารางเมตรของบริษัททำโครงสร้างเหล็ก การเหมาค่าแรงทําโครงหลังคาเหล็ก ราคาเหล็กราคาวัสดุที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การปรับพื้นที่หน้างาน การถมดิน การทำทางเข้า ขนาดของเสา อย่างการสร้างโกดังขนาดเล็กราคาก็ยังต่างกันได้ เพราะแม้จะเป็นการสร้างโกดังเหมือนกันแต่ใช้เสาและวัสดุรูปแบบโครงหลังคาเหล็กต่างกัน เป็นต้น 

 

งานโครงสร้างเหล็กสามารถสร้างได้หลากหลายประเภทในงานก่อสร้าง ซึ่งไม่จำกัดขนาดว่าจะต้องเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เท่านั้น เพราะสามารถปรับสร้างได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งานนั้นๆ เช่น สร้างโรงงานขนาดเล็กราคาตามงบประมาณเพื่อใช้ในการวิจัยวัคซีน โครงสร้างหลังคาชั้นดาดฟ้า หรือต้องการจะสร้างโกดังในพื้นที่จำกัด ก็สามารถสร้างได้ด้วยโครงสร้างเหล็ก ในการสร้างโรงงานราคาทั่วไปจะขึ้นกับราคาเหล็กที่มีการผันผวนตลอดเวลาด้วย ดังนั้นต้องทำการตรวจสอบหากจะทำการจัดสร้างงานโครงเหล็กและปรึกษากับวิศวกรหรือบริษัทรับทำโครงเหล็กก่อนได้ บริษัทอัคคภาคย์ แมน คอนสตรัคชั่น ยินดีให้คำปรึกษาและตรวจหน้างานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

 

เนื่องจากงานโครงเหล็กได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีบริษัททำโครงสร้างเหล็กที่รับทําโครงหลังคา รับสร้างโกดังขนาดเล็ก บ้าน ร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม อาคารและสำนักงาน รวมไปถึงการรับสร้างโรงงานขนาดเล็กและโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ด้วยโครงสร้างเหล็กเพิ่มมากขึ้น โดยการรับทำโครงสร้างเหล็กให้มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ต้องอาศัยช่างโครงหลังคาเหล็กที่ต้องเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรงอย่างวิศวกรและทีมช่างมืออาชีพในการดำเนินการ เพราะถ้าเราสังเกตหรือดูจากโครงสร้างๆต่างๆที่เรารู้จัก อย่างเช่น การขึ้นโครงเหล็กโรงงานอุตสาหกรรม ระบบติดตั้งโครงหลังคาโกดัง หรือแบบอาคารอเนกประสงค์โดม ล้วนแต่ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์สูง

 

จากผลตอบรับงานโครงสร้างที่ขยายวงกว้างมากขึ้นประกอบกับมีบริษัทรับเหมาโครงสร้างเหล็กเพิ่มขึ้นในประเทศไทย อาจทำให้มีการฉวยโอกาสในการลดสเปกของวัสดุเพื่อลดต้นทุน ทำให้ได้งานคุณภาพต่ำและเสี่ยงอันตรายจากอาคารทรุดและชำรุดได้ หรือผู้รับงานโครงสร้างเหล็กมีการทิ้งงาน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมองหาบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงงานขนาดเล็ก หรืองานโครงสร้างประเภทใดก็ตาม ควรระวังผู้รับเหมางานโครงสร้างเหล็กที่เสนอสร้างโกดังราคาต่ำผิดปกติเมื่อเทียบกับบริษัทรายอื่นที่อยู่ในคุณภาพระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพราะอาจเป็นราคาที่ไม่สามารถก่อสร้างได้ตามจริงของสเปกที่โฆษณาไว้ แต่ควรเลือกที่จะเข้าไปดูผลงานที่ผ่านมา เพื่อดูการเก็บรายละเอียดงานและคุณภาพของงาน อีกทั้งควรเข้าไปสัมผัสการทำงานของบริษัทเพื่อดูความเป็นมืออาชีพของทีมงาน  

 

เพราะความเชี่ยวชาญในงานโดยตรงและประสบการณ์ของทีมงานก่อสร้างทั้งหมดเป็นอีกสิ่งสำคัญ ตั้งแต่วิศวกร โฟร์แมน สถาปนิก ทีมช่าง เพราะถ้าประสบการณ์น้อยหรือไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ จะทำให้คุณเสียเวลาในการซ่อมแก้งานไม่จบ จนงบประมาณบานปลาย และยังเสี่ยงต่ออันตรายกับงานที่ไม่ได้คุณภาพ ดังนั้นการเลือกบริษัทรับทำโครงสร้างเหล็กที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในอันดับแรก จากนั้นก็จะเป็นวัสดุที่ได้มีการรับรองมาตรฐานคุณลักษณะเฉพาะของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ใช้ในงานโครงสร้างอาคาร บริษัทรับเหมาที่มีจรรยาบรรณและซื่อสัตย์ จะให้คำแนะนำและใช้วัสดุมีคุณภาพและมาตรฐานตรงสเปคตามที่ลูกค้าต้องการ  

 

โครงสร้างเหล็กนอกจากจะนิยมในการสร้างโครงโกดัง สร้างโรงงานอุตสาหกรรม โครงหลังคาลานอเนกประสงค์ โครงหลังคาคลุมลานล้างรถ แม้แต่หากคุณต้องการต่อเติมหลังคาลานจอดรถหน้าบ้านโดยงานโครงเหล็กหลังคา เพียงหาช่างผู้ชำนาญเชื่อมต่อหรือติดตั้งให้ไม่กี่วัน คุณก็จะได้พื้นที่ให้จอดรถเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องตากแดดตากฝนอีกต่อไป 

มีแนวโน้มว่าจะมีการสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กมากขึ้น โดยเฉพาะอาคารสูงหรือการสร้างอาคารโครงเหล็ก 2-3 ชั้น เพื่อทำเป็นโฮมออฟฟิศ สำนักงาน กิจการร้านค้า ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก งานโครงสร้างเหล็กก็สามารถบันดาลให้ได้ไม่ต่างจากงานคอนกรีต แต่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างที่สั้นกว่า ทำให้ระบบธุรกิจดำเนินต่อได้อย่างรวดเร็ว และอาคารโครงสร้างเหล็กยังให้ความแข็งแรง มั่นคง สวยงามมีสไตล์ ดังนั้นเมื่อไรที่คุณมองหาบริษัทรับเหมางานโครงสร้างเหล็กที่มีศักยภาพในการทำงานและทีมงานมืออาชีพ จะต้องติดต่อบริษัทที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานงานก่อสร้างเป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกใช้บริการ เพื่อจะได้ชิ้นงานที่สวย แข็งแรง และมีความปลอดภัย 

เมื่อ UN เตือนภัยพิบัติรุนแรง โดยเฉพาะวิกฤตน้ำลามทั่วโลก  

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติ แจ้งเตือนทั่วโลกระวังวิกฤติน้ำรุนแรง และสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของโลก เพิ่มความเสี่ยงให้ภัยพิบัติรุนแรง ซึ่งจากสถิติพบว่า ภัยพิบัติจากน้ำเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่พ.ศ.2543 ได้เกิดอุทกภัยเพิ่มขึ้นถึง 134

 

ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาเรื่องการจัดการน้ำมาตลอด ปัญหาน้ำท่วม ระบายน้ำไม่ทันทุกครั้งที่มีมรสุมหรือช่วงฝนตกหนัก นอกจากปัญหาประสบภัยน้ำท่วมครอบคลุมหลายจังหวัดในแทบทุกภาคของไทย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกบางพื้นที่ขาดแคลนน้ำ เดือดร้อนการไม่มีน้ำกินน้ำใช้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ข้าวขาดน้ำยืนแห้งตาย ปลาหลายร้อยหลายพันตัวนอนตายบนพื้นดินที่แตกระแหง นี่เป็นเพราะการจัดการระบบน้ำของไทยที่ไม่มีคุณภาพ 

 

ทั้งที่บ้านเรามีการจัดการวางระบบรองรับน้ำได้อย่างสวยงามและรอบคอบมาตั้งแต่สมัยโบราณ ส่วนการสร้างเขื่อนเป็นการรับมาจากบ้านฝรั่งเขามาอีกที เราก็เห่อแต่คอยจะสร้างตามเขาจนทำลายด่านปราการของนิเวศธรรมชาติอย่างป่าไม้ไปแล้วเท่าไร อีกทั้งเราเคยมีเทวดาเดินดินที่ตรากตรำงานหนักเพื่อประชาชนคนไทย แนะนำและปูระบบการจัดการน้ำให้มีใช้ยามหน้าแล้ง และไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมเมื่อหน้ามรสุม แต่…ทุกอย่างไม่มีการสานต่อ กลับถูกเก็บเข้ากรุเหลือเพียงแค่รอยคำสอนจางๆที่คนไม่กี่รุ่นเท่านั้นเชิดชูและคนจำนวนหยิบมือที่เห็นค่าและลงมือทำ จนทำให้รอดพ้นเหตุเภทภัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าไทยเรามีระบบการจัดการในการรองรับระบบน้ำไว้ได้อย่างชาญฉลาดและมีความสวยงาม ดูได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและพื้นที่ชุมชนโคกกระทือ อ.ศรีสำโรง ในจังหวัดสุโขทัยที่ใช้ระบบโคกหนองนาโมเดลศาสตร์ของพระราชาได้รอดพ้นวิกฤตน้ำท่วมได้อย่างน่าทึ่ง ในขณะที่พื้นที่อื่นๆในสุโขทัยอ่วมหนักเพราะน้ำท่วมสูง บางพื้นที่ก็ท่วมสูงถึง 2 เมตรเลยทีเดียว 

 

โคกหนองนาโมเดล คือ การจัดการพื้นที่การเกษตรที่เป็นการผสมผสานทฤษีใหม่เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านในการจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดและให้สอดคล้องกับพื้นที่นั้นๆ ซึ่งใช้หลักการให้ธรรมชาติจัดการในตัวมันเองโดยมีมนุษย์จัดการให้เป็นระบบและยังเป็นแนวทางการเกษตรอินทรีย์และสร้างหลักชีวิตได้อย่างยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

 

1.โคก เป็นพื้นที่สูงที่นำดินได้จากการขุดหนองน้ำมาทำเป็นโคกเพื่ออยู่อาศัยโดยปรับให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และอากาศ ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ เช่น หมู ไก่ ทำแบบพออยู่พอกิน แล้วค่อยขยายเป็นระบบเครือข่าย 

 

2.หนองน้ำ ขุดหนอง “คลองไส้ไก่” โดยขุดให้คดเคี้ยวรอบบริเวณ เพื่อรองรับน้ำไว้ใช้และระบายน้ำเมื่อเกิดน้ำท่วมหรือที่เรียกว่า“หลุมขนมครก” และทำการเลี้ยงปลา รวมไปถึงทำฝายทดน้ำไว้รอบๆเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ซึ่งคลองไส้ไก่นี้นอกจากจะไว้เก็บกักน้ำไว้ใช้แล้ว ด้วยจากการที่เป็นหนองคดเคี้ยวรอบบริเวณพื้นที่ทำให้ช่วยประหยัดแรงในการรดน้ำ เพราะดินบริเวณรอบๆมีความอุดมสมบูรณ์จากหนองน้ำอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยๆ 

 

3.นา ยกคันนาให้สูงและกว้างเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วม ปรับฟื้นฟูดินเพื่อให้เกิดจุลินทรีย์ธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยและสารเคมีในการเกษตร ปลูกข้าวอินทรีย์ท้องถิ่น และปลูกพืชผักตามคันนาเป็นพืชอาหารที่ปลอดภัย ไว้เป็นอาหารได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง และสามารถเพิ่มปริมาณไว้แจกจ่ายหรือจำหน่ายสร้างรายได้ 

 

โคกหนองนาโมเดลนี้ถูกนำไปอบรมให้ความรู้และนำไปใช้จริงกับชาวเกษตรกรจังหวัดกำแพงเพชร 4 แปลง เพื่อเป็นแปลงต้นแบบเมื่อพ.ศ.2561 จากการร่วมมือกันระหว่างปตท.ศผ.(โตรงการเอส1) และกรมปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดกำแพงเพชร และเมื่อเห็นผลตอบรับดี ชาวบ้านในพื้นที่แปลงต้นแบบสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีน้ำกินน้ำใช้ ปตท.ศผ.จึงได้ขยายนำไปใช้ที่จังหวัดสุโขทัยในพ.ศ.2563 ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ครอบคลุมครึ่งประเทศ ณ เวลานี้ (พ.ศ.2564) จึงเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ศาสตร์แห่งพระราชา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร เป็นระบบจัดการน้ำได้ดีที่สุดอีกศาสตร์หนึ่ง

 

และอีกศาสตร์หนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นระบบการจัดการที่ดีที่สุดในโลกก็คือ จัดการน้ำแบบเนเธอร์แลนด์ เจ้าแห่งการควบคุมน้ำและไร้ปัญหาน้ำท่วมมา 68 ปี นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มหันตภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 1953 

Delta Works เป็นโครงการระบบบริหารจัดการน้ำและควบคุมผลกระทบจากอุทกภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนต์ ซึ่งมีหลายประเทศต้องการเรียนรู้จึงได้เดินทางไปศึกษาระบบที่เนเธอร์แลนด์และต้องการนำระบบนี้กลับไปปรับใช้ในประเทศของตน รวมถึงประเทศไทยที่ได้มีการไปศึกษาระบบเดลต้าที่เนเธอร์แลนด์เช่นกันแต่ยังไม่มีการนำมาใช้จนถึงตอนนี้ 

 

ทำไมเดลต้าเวิร์คส์ถึงถูกสร้างขึ้น?

Delta Works สร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำทะเลหนุนเข้าสู่ฝั่งพื้นดินจนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 31 ม.ค.ปี1953 เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตไปกว่า 2,000 คน และผู้คนนับหลายแสนคนต้องตกอยู่ในสภาพไร้ที่อยู่ฉับพลัน เพราะพื้นที่ร้อยละ 9 ของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศของเนเธอร์แลนด์กว่า 40% เป็นที่ราบลุ่มและต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และประเทศตั้งอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำไรน์ แม่น้ำเมิซ และ แม่น้ำสเกลต์ ที่เชื่อมติดกับทะเลเหนือ ทำให้เกิดวิกฤติการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เรียกขานเหตุการณ์นั้นว่า “North Sea Flood of 1953

 

วิกฤตมหัตภัยครั้งนั้นทำให้เนเธอร์แลนด์ต้องหาวิธีการป้องกันภัยระยะยาว โดยการสร้างระบบ Delta Works ขึ้นมาเพื่อรองรับและแก้ปัญหาการจัดการน้ำ โดยมีโครงการย่อยถึง16โครงการ ตั้งแต่การสร้างเขื่อน ประตูระบายน้ำ พนังกันน้ำ สถานีสูบน้ำ คันกั้นดิน กำแพงกั้นคลื่นทะเล ฯลฯ ทั้งแบบกั้นถาวรและที่สามารถเปิด-ปิดได้ จะกั้นตั้งแต่จากปากแม่น้ำจนมาถึงลำน้ำในประเทศเพื่อไม่ให้น้ำทะเลทะลักเข้าไปยังที่ลุ่ม โดยกลไกของคันกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำและกำแพงกันคลื่น ซึ่งกันน้ำทะเลออกจากแม่น้ำอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนสามารถนำน้ำจืดสะอาดในเขื่อนไปใช้ได้หลากหลายกิจกรรม โดยเฉพาะทางการเกษตร สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้มากมาย  

 

การทำงานของ Delta Works เป็นการกักเก็บน้ำในแม่น้ำทุกสายของเนเธอร์แลนด์ เป็นระบบที่เชื่อมต่อกันหมด เพื่อให้น้ำที่มาจากเยอรมนีไหลลงสู่ทะเล ซึ่งการทดสอบระบบส่วนใหญ่จะเน้นที่ระบบแม่น้ำตามแนวแม่น้ำสายหลัก และระบบ Delta Works นับว่าเป็นระบบการจัดการน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ศาสตร์การใช้น้ำของชาวดัตต์คือการปรับใช้ชีวิตร่วมกับน้ำให้ได้ เพราะเนเธอร์แปลว่าต่ำ เนเธอร์แลนด์จึงหมายถึงผืนแผ่นดินที่ต่ำ ทำให้มีความเสี่ยงในการถูกน้ำท่วมได้เสมอ ไม่ว่าจะจากน้ำทะเลหนุนหรือจากพายุซัดน้ำทะเลเข้ามา ทำให้รัฐบาลต้องหาวิธีการคอยรับมือและพัฒนาระบบอยู่เสมอเช่นกัน  

Delta Works ราคาเท่าไหร่?

Delta Works เป็นโครงการที่สานต่อมาจาก Delta Plan เป็นการพัฒนาโครงการเดิมให้มีระบบที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้น โดยโครงการนี้มีการใช้งบประมาณไปประมาณ 240,000 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคุณประโยชน์ต่อประชากรและประเทศแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่าอย่างที่สุด

 

ส่วนปริมาณน้ำจืดที่อาจจะมากเกินความจำเป็น จะมีการผันไปใช้ในพื้นที่ๆที่ต้องการใช้มากกว่าอย่างเช่นบริเวณทางเหนือของประเทศ อีกทั้งยังมีระบบจัดการน้ำดีและระบบบัดน้ำเสียได้อย่างดี  

ส่วนประตูระบายน้ำก็มีการทำงานที่น่าสนใจ โดยปกติจะมีการเปิด-ปิดช่วงเวลาเฉพาะคลื่นน้ำทะเลแรงและสูงเท่านั้น เพื่อให้ชาวประมงได้สามารถประกอบอาชีพดั้งเดิมได้ตามปกติ และถึงแม้ว่าระบบเดลต้านี้จะประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจนถูกยกเป็นต้นแบบในระบบริการจัดการน้ำและป้องกันน้ำท่วมได้ใหญ่ที่สุดในโลกจนมีหลายประเทศได้เดินทางมาศึกษางาน แต่ทางรัฐบาลก็เล็งเห็นว่าอาจยังไม่เพียงพอต่อการรับมือปัญหาระดับน้ำทะเลที่อาจจะสูงขึ้นในอนาคต จึงได้มองว่าจะต้องทำการพัฒนาระบบที่ใช้ปัจจุบันให้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก แต่ถ้าเทียบกับการช่วยป้องกันความเสียหายต่อชีวิตประชากรและทรัพย์สินในประเทศจากน้ำท่วม และคุณประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคตก็นับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง 

 

โครงการเดลต้าใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 47 ปี ถ้านับจากพ.ศ.2493 – พ.ศ.2540 นั่นเท่ากับว่าใช้งานระบบเดลต้ามาแล้ว 24 ปีด้วยกัน และเนื่องจากเป็นระบบบริหารจัดการน้ำที่ใหญ่และควบคุมผลกระทบจากอุทกภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก Delta Work จึงถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 7 ของโลกในปัจจุบัน

 

ถีงแม้ประเทศไทยจะไม่มีโครงการแบบ Delta Works แต่ที่จริงแล้วเรามีโครงการและทฤษฎีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายที่มีระบบใกล้เคียงโครงการย่อยของโครงการเดลต้า ทั้งการสร้างคันกั้นน้ำ การสร้างทางผันน้ำ การปรับปรุงตกแต่งสภาพลำน้ำ ไม่ว่าจะการเป็นการลอกท่อระบายน้ำ การกำจัดวัชพืชทางน้ำ เช่น ผักตบชวา การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง โครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายก หรือแม้แต่โครงการแก้มลิง ที่เกิดมาจากการสังเกตพฤติกรรมการกินของลิง ที่มักจะรีบอมกล้วยหรืออาหารไว้ตรงกระพุ้งแก้มทั้งสองทันที ก่อนจะค่อยเคี้ยวและกินในภายหลัง จึงเป็นที่มาการสร้างพื้นที่เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์และรอระบายลงสู่มหาสมุทร เหมือนเช่นกับการอมอาหารไว้ที่กระพุ้งแก้มของลิงนั่นเอง 

 

โครงการแก้มลิง 

ย้อนกลับไปเมื่อพ.ศ.2538 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ และต้องประสบปัญหากับน้ำท่วมเรื้อรังนานกว่า 2 เดือน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงมีพระราชดำริโครงการแก้มลิงขึ้น เมื่อวันที่ 18 พฤศจิการยน 2538 โดยการทรงให้หาสถานที่ในกรุงเทพฯ ตามจุดต่างๆ เพื่อรองรับการกักเก็บน้ำไว้รอระบาย เมื่อคลองสามารถระบายน้ำได้ก็ค่อยปล่อยน้ำที่กักเอาไว้ออกไป ช่วยลดปัญหาเรื่องน้ำท่วมได้ โครงการแก้มลิงนอกจากจะถูกสร้างเพื่อการระบายน้ำและลดปัญหาอุทกภัยให้กับกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงแล้ว ยังช่วยในการอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เพราะเมื่อระบายน้ำออกไป ปริมาณน้ำจะไปช่วยเจือจางและผลักดันน้ำเสียให้ออกไป เป็นการบำบัดน้ำเสียไปในคราวเดียวกัน 

วิธีการและประโยชน์ของโครงการแก้มลิง  

แก้มลิงจะเป็นการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนเพื่อให้น้ำไหลลงสู่คลองพักน้ำที่ชายทะเล เมื่อระดับน้ำในทะเลลดลงจนต่ำกว่าน้ำในคลอง น้ำในคลองก็จะไหลลงสู่ทะเลตามธรรมชาติ จากนั้นค่อยสูบน้ำออกจากคลองแก้มลิง เพื่อให้น้ำตอนบนค่อยไหลลงมาที่แก้มลิง ทำให้น้ำที่ท่วมบริเวณตอนบนนั้นลดลง และเมื่อระดับน้ำทะเลสูงกว่าระดับน้ำในคลองก็จะทำปิดประตูระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับ เป็นการให้น้ำไหลทางเดียว และด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วยในการรุกล้ำของน้ำเค็ม ไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและแม่น้ำลำคลอง อีกทั้งโครงการแก้มลิงยังช่วยเก็บน้ำจืดไว้ด้านเหนือประตูระบายน้ำ ทำให้ประชาชนสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในการอุปโภคและบริโภคได้

 

ปัจจุบันโครงการแก้มลิงกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพกว่า 20 แห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งธนบุรี เนื่องจากมีคลองจำนวนมาก โดยจุดนี้จะเป็นส่วนที่ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะมีการแบ่งออกได้ 2 ส่วน ได้แก่ โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และ โครงการแก้มลิงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยานับตั้งแต่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และ สระบุรี โดยจะมีชายคลองทะเลของสมุทรปราการเป็นบ่อพักน้ำ และอาจมีจุดอื่นๆเพื่อใช้รองรับเพิ่มตามความเหมาะสม เช่น คลองด่าน คลองตำหรุ คลองบางปลา คลองชายทะเล เป็นแหล่งระบายน้ำเข้า-ออก จากบ่อพักน้ำ ส่วนแก้มลิงฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มตั้งแต่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครปฐม พระนครกรุงศรีอยุธยา และ อ่างทอง โดยใช้คลองมหาชัย คลองสนามชัย และแม่น้ำท่าจีน เป็นบ่อพักน้ำแล้วระบายน้ำลงสู่ทะเลด้านจังหวัดสมุทรสาคร และยังมีโครงการแก้มลิงทางแม่น้ำท่าจีนล่างที่ระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยอีกด้วย 

 

นอกจากนี้โครงการแก้มลิงยังมีอีกในหลายพื้นที่ตามต่างจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำและลดปัญหาเรื่องน้ำท่วม รวมไปถึงโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ แสดงถึงความห่วงใยแก่พสกนิกรของพระองค์ ถึงแม้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระมหากรุณาธิคุณและภาพที่พระองค์ทรงทรงตรากตรำงานหนักเพื่อประชาชนชาวไทย จะยังคงสถิตอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศและน้อมรำลึกอยู่เสมอ แน่นอนว่าหากไม่มีใครคิดร้ายทำลายโครงการเหล่านี้ให้หายไป โครงการต่างๆของพระองค์จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศและลูกหลานไทยสืบไป 

 

ทั้งที่ไทยเราก็มีโครงการที่ดีขนาดนี้แต่ยังคงเกิดเหตุน้ำท่วมหนักจนสร้างความเดือดร้อนกันแทบทั้งประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความรุนแรงของธรรมชาติซึ่งก็ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาอย่างหนักแล้วว่าเกิดจากอะไร? ความไม่ใส่ใจในการเตรียมพร้อมของฝ่ายไหน..ทั้งที่ก็มีการแจ้งเตือนจากฝ่ายกรมอุตุฯและการติดตามสถานการณ์? ความประมาท? ความไม่มีวินัยของคนหรือไม่? ความเห็นแก่ตัวของนายทุนและคนบางกลุ่มหรือคนทั้งประเทศกันแน่? ความไม่ตระหนักและสืบสานสิ่งดีๆไว้? อย่าโยนความผิดให้ฝ่ายใดฝ่ายเดียว เพราะถ้ามีการให้ร่วมมือกันทุกฝ่าย ปัญหาหนักก็บรรเทา และถึงแม้ว่าผู้ที่มีอำนาจและพร้อมด้วยกำลังควรจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการใส่ใจและเร่งพัฒนาให้มากกว่านี้ก็ตาม…พ่อสร้างให้เรามามากแล้ว แต่เราเองหรือเปล่าที่หลงลืมและไม่ใส่ใจ  

 

เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยไปแล้วถึง 27จังหวัดและกำลังมุ่งหน้าสู่ปริมณฑลฯ และอาจต่อด้วยกรุงเทพฯ จากฤทธิ์ของพายุเตี้ยนหมู่ที่ทางประเทศจีนเรียกขนานนามให้ชื่อพายุลูกนี้ ซึ่งมีความหมายว่าเจ้าแม่แห่งสายฟ้า แม้ว่า ณ ตอนนี้อาจดูเหมือนว่าเจ้าแม่สายฟ้าจะเริ่มอ่อนกำลังลง แต่ก็ยังส่งผลให้น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง หลายร้อยพันบ้านเรือนต้องประสบกับความเสียหาย เดือดร้อนไปทั่ว เรื่องอุทกภัยเราคงจะห้ามไม่ได้ แต่สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่ที่น้ำยังมาไม่ถึงหรืออาจเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง สามารถป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ โดยการเตรียมตัวก่อนน้ำมาถึงพื้นที่ดังต่อไปนี้ 

1.ติดตามข่าวสารสถานการณ์และเฝ้าระวังภัย ติดตามความเป็นไปได้อย่างใกล้ชิด โดยลักษณะการเตือนภัยมี 4 ประเภท 

1.1 การเฝ้าระวังน้ำท่วม มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วม และอยู่ในระหว่างสังเกตการณ์ 

1.2 การเตือนภัยน้ำท่วม เตือนภัยจะเกิดน้ำท่วม 

1.3 การเตือนภัยน้ำท่วมรุนแรง 

1.4 ภาวะปกติ พื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หรือเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ 

 

ควรรู้หรือจดหมายเลขติดต่อหน่วยงานต่างๆไว้เผื่อกรณีต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งหมายเลขที่ควรรู้และมีไว้ 

 

สายด่วนควรรู้

  • 1669  บริการแพทย์ฉุกเฉินและจัดส่งโรงพยาบาล ศูนย์นเรนทร 
  • 1784  สายด่วนนิรภัย 
  • 192 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
  • 1111 กด 5  (ศปภ.) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สายด่วนรับแจ้งเตือนภัย 154 คู่สาย 24 ชั่วโมง 
  • 022485115 ขอความช่วยเหลือจากเหตุน้ำท่วม (พื้นที่กรุงเทพฯ) 
  • sms 4567892 ฟรี สำหรับมือถือทุกเครือข่าย แจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือเหตุน้ำท่วม 
  • 1182 กรมอุตุนิยมวิทยา 
  • 191 สายด่วน
  • 1193 กรมตำรวจทางหลวง
  • 1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1130 การไฟฟ้านครหลวง
  • 1323 กรมสุขภาพจิต 

หากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วม ให้จัดเตรียมแผนเพื่อรับมือดังต่อไปนี้…

  • เตรียมเสบียงอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรคให้มากที่สุด
  • จัดเตรียมกระเป๋ายังชีพฉุกเฉินให้เพียงพอต่อสมาชิกในบ้านอย่างน้อย 3 วีน
  • เตรียมชาร์จโทรศัพท์ให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลารวมถึงแบตสำรอง 
  • จัดเตรียมระบบไฟสำรอง เช่น ไฟฉาย เทียน ไฟแช็ค ถ่านไฟฉายให้พร้อม 
  • เก็บเอกสารสำคัญใส่ซองกันน้ำ
  • ควรมีนกหวีดติดตัวไว้เผื่อในกรณีต้องการความช่วยเหลือหรือเหตุฉุกเฉิน 
  • ใข้เทปกาวหรืออุปกรณ์ที่สามารถปิดช่องปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อต
  • ฝึกซ้อมหนีน้ำท่วม ต้องรู้เส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่โกลาหลหากเกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็ก สตรีมีครรภ์ ต้องเตรียมเส้นทางสำหรับเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 
  • แจกแจงหน้าที่ให้สมาชิกในบ้านดูแลแต่ละส่วน เมื่อเกิดน้ำไหลบ่ามาถึง
  • หาอุปกรณ์ป้องกันน้ำเข้าบ้าน เช่น การหาถุงทรายมาวางขวางกั้นกันน้ำเข้าบ้าน เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยวางกระสบทรายเป็นแนวทางน้ำไหล ให้ห่างจากที่พักอาศัยประมาณ 25 เมตร ให้ปากถุงหันไปทางบริเวณที่แห้ง 

2.สิ่งที่ควรทำเมื่อได้รับการเตือนภัยจากหน่วยงานด้านเตือนภัยน้ำท่วม 

  • หากคุณอยู่ในพื้นที่หุบเขาให้ปีนขึ้นที่สูงให้เร็วที่สุด อย่านำสัมภาระติดตัวมากเกินไป 
  • กรณีคุณอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง ให้ดำเนินการตามแผนรับมือน้ำท่วมที่ได้วางแผนไว้แล้ว 
  • ปิดกั้นช่องทางน้ำที่สามารถไหลเข้าบ้านได้ให้หมดทุกช่องทาง ทั้งห้องน้ำ โถสุขภัณฑ์ ท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจาน 
  • ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและแก๊สให้หมด ยกขึ้นไว้ที่สูง อย่าเข้าใกล้สายไฟฟ้าและเครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้าเด็ดขาด และตัดระบบไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าช็อตหรือไฟดูด 

3.สิ่งที่ควรทำระหว่างเกิดน้ำท่วม 

 กรณีอยู่นอกบ้าน

  • ไม่ควรเดินทางหรือขับรถตามเส้นทางน้ำไหล หรือพื้นที่ที่กำลังโดนน้ำท่วม
  • ห้ามเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟ 
  • ถอยหลังกลับไปยังทางเดิมทันทีหากรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้า 
  • สวมเสื้อผ้าที่กระชับ ทะมัดทะแมง และมีสีสว่าง 
  • เลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรง หรือควรสวมรองเท้าบูทหรืออุปกรณ์ป้องกันสิ่งสกปรกและอันตรายจากการลุยน้ำ 

กรณีอยู่ในบ้าน 

  • ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดและไม่ควรเข่าใกล้ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดอาจเกิดการช็อตได้แม้จะไม่ได้เสียบปลั๊ก ห้ามใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปียกน้ำ 
  • หากน้ำท่วมเข้าในบ้าน ก็ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุจากโคลน เศษแก้ว ขยะ ของมีคม ที่ลอยมากับน้ำ 
  • ระวังสัตว์มีพิษและอันตรายที่หนีน้ำเข้ามาหลบอยู่ในบ้าน 
  • ระวังแก๊สรั่ว หากได้กลิ่นแก๊สควรอยู่ให้ห่างๆและไม่ควรสูบบุหรี่ ใช้ไฟฉายส่องดูเพื่อตรวจสอบความเสียหาย 
  • หากต้องการใช้เตาย่างหรืออุปกรณ์ที่มีควันไฟ ควรใช้นอกบริเวณบ้าน เพราะควันที่เกิดจากอุปกรณ์เหล่านี้เป็นคาร์บอนมอนออกไซด์ที่มีพิษและไม่ควรใช้ในบ้าน 

 

4.วิธีรับมือหลังเกิดน้ำท่วม 

  • ดูแลสภาพจิตใจคนในครอบครัว แน่นอนว่าหลังจากอุทกภัยจะมีการสูญเสีย ดังนั้นควรดูแลสภาพจิตใจคนในครอบครัวและคนรอบข้าง พูดคุยให้กำลังใจเพื่อให้มีการปรับสภาพจิตใจให้ดีขึ้น ไม่ทำการต่อว่าหรือคาดหมายโทษกับเด็กๆและสัตว์เลี้ยงที่ไม่เชื่อฟัง เพราะไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือสัตว์ต่างๆ ก็มีการตระหนกตื่นกลัวได้เหมือนกันหมด 
  • ตรวจสภาพบ้านหาร่องรอยความเสียหาย ตรงไหนชำรุด มีรอยรั่ว จะได้ทำการซ่อมแซม ตรวจบริเวณรอบบ้านและในบ้านให้ทั่วถึงเผื่อมีสัตว์อันตรายเข้ามาหลบภัยหรือลอยมากับกระแสน้ำ จะได้ทำการเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการพาออกไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ 
  • เก็บกวาดและทำความสะอาดบ้าน โดยสามารถใช้น้ำยาซักผ้าขาวผสมน้ำสะอาดในสัดส่วน 1:9 (น้ำยาซักผ้าขาว : น้ำสะอาด) 

 

เห็นได้ว่าภัยธรรมชาตินั้นน่ากลัวกว่าที่คิดและเราก็หลีกหนีภัยธรรมชาติไม่ได้ ตราบใดที่ยังคงอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ จึงต้องมีการยอมรับและปรับตัวให้ได้ทุกสถานการณ์ แต่จะดีกว่า..หากเราหันมาใส่ใจและให้ความร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม ลดขยะที่ไม่จำเป็น ใช้ไฟฟ้าเท่าที่เหมาะสม ฯลฯ เชื่อว่าทุกคนรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพียงแค่หันกลับมาและลงมือทำอย่างจริงจังเสียที อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ หากมนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติไม่ได้ ธรรมชาติอาจกำจัดเราเหมือนที่เรากวาดขยะให้พ้นบ้านฉันใดก็ฉันนั้น 

 

“กินเจหนึ่งมื้อ หมื่นชีวิตรอด” เป็นคำคมกินเจที่อาจมีใครหลายคนคุ้นอยู่บ้าง อีกไม่กี่วันเทศกาลถือศีลกินเจมาถึงอีกแล้ว ซึ่งเทศกาลกินเจ 2564 ก็จะตรงกับวันกินเจที่ 614 ตุลาคม 2564 ผู้ที่ทานเจอยู่ประจำก็พร้อมเตรียมล้างท้องกินเจตั้งแต่วันที่ 5ตุลาคมกันตามปกติอย่างที่เคยทำมา รวมไปถึงผู้ที่ทานเจขาจรที่ทานบ้างตามสะดวก ซึ่งปกติกินเจจะคึกคักกันทุกปี แต่กินเจปีนี้จะค่อนข้างเงียบเหงาไปสักหน่อย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และอุทกภัยน้ำท่วมที่ครอบคลุมไปแล้ว30กว่าจังหวัด ทำให้เทศกาลกินเจปีนี้ไม่คึกคักเท่าเทศกาลกินเจ2563

 

การกินเจนี้มาจากการที่เชื่อว่า เป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีตทั้ง 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ โดยการที่ฆราวาสละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นเพื่อมาบำรุงบำเรอ มาเพิ่มเลือดเพิ่มเนื้อของตน และการสมาทานรักษาศีล รักษาและประพฤติตนให้สะอาดทั้งภายนอกและภายใน โดยนิยมสวมใส่ผ้าขาวเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ปฏิบัติตนให้ขาวสะอาดอยู่เสมอ แต่ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องสวมชุดขาวเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล 

 

เทศกาลกินเจเดือนไหน / กินเจกี่วัน

เทศกาลกินเจของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำถึง 9 ค่ำเดือน 9 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือน11 หรือเดือนตุลาคมของไทย รวมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน แต่บางคนกินล้างท้องล่วงหน้า 1 วันก็รวมเป็น 10 วัน 

 

ทำไมต้องล้างท้องก่อนกินเจ?

ล้างท้องก่อนกินเจคือการปรับสภาพกระเพาะและระบบย่อยอาหารให้คุ้นชินกับการกินเจให้ดียิ่งขึ้น โดยวันล้างท้องกินเจสามารถทำได้ก่อนกินเจวันแรก12 วัน 

เทศกาลกินเจคืออะไร ทำไมต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร?

“เจ” ในภาษาจีนทางพุทธศาสนานิกายมหายานจะหมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล8”  ที่นอกจากจะละเว้นการทานเนื้อสัตว์เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นแล้ว ยังละเว้นจากการทานอาหารหลังเที่ยงวันอีกด้วย รวมไปถึงการรักษาศีล ปฏิบัติดีทั้งทางกาย วาจา ใจ ให้ครบองค์3ตลอดระยะเวลาการทานเจ แต่ก็มีบางคนที่กินเจแต่ไม่ถือศีลด้วยหลายๆเหตุผล บางคนกินเจวันเกิด บางคนก็กินเจเพื่อสุขภาพ บางคนก็กินเจแก้บน แต่บางคนก็กินตามวัฒนธรรมกินเจอย่างเคร่งครัด 

 

กินเจได้สุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจคืออาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยล้างพิษในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย เสริมสร้างระบบภายในร่างกายให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยในความเชื่อของคนจีนเนื้อสัตว์คือหยิน ส่วนผักและผลไม้เป็นหยาง เนื่องจากส่วนใหญ่คนเราจะทานเนื้อสัตว์มากกว่าผักผลไม้ เทศกาลเจที่งดการทานเนื้อสัตว์ แต่เน้นการทานผักผลไม้ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการลดหยินที่มากเกินไป และเพิ่มหยางให้ร่างกายมากขึ้น ทำให้มีความสมดุลระหว่างหยิน-หยาง หรือในอีกมุมหนึ่งก็คือการทานผักผลไม้จะช่วยเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย และลดกรดที่มากเกินไปจากเนื้อสัตว์ ก็เป็นการปรับร่างกายให้สมดุลเช่นกัน แถมอาหารเจไม่อ้วนอีกด้วย คิดว่าข้อนี้น่าจะเป็นเหตุผลของสาวๆหลายคนในการทานเจ

 

กินเจเพื่อทำบุญและละเว้นกรรมที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ฆ่าหรือใช้ผู้อื่นฆ่า หรือแม้แต่เป็นผู้ซื้อจับจ่ายเนื้อสัตว์มาบริโภคในรูปแบบใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดรอนชีวิตสัตว์อื่นทั้งสิ้น ดังนั้นการงดเว้นเนื้อสัตว์จึงเป็นการช่วยชีวิตสัตว์ที่จะต้องถูกฆ่าไปได้อีกหลายพันหลายหมื่นชีวิตเลยทีเดียว และยังเป็นการละเว้นจากการสร้างกรรมให้ตนเองด้วยเช่นกัน 

หลักการกินเจ

  • กินเจห้ามกินผักกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ หัวหอมแดงและขาวรวมถึงต้นหอม(ไม่ดีต่อไต) กระเทียม(ไม่ดีต่อหัวใจ) กุ้ยช่าย(ไม่ดีต่อตับ) หลักเกียว(ไม่ดีต่อม้าม) ใบยาสูบ(ไม่ดีต่อปอดกรณีที่ใช้สูบ) และอาจรวมไปถึงผักที่มีกลิ่นฉุนอื่นๆ เช่น ผักชี พริกไทย เครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง
  • ห้ามกินเนื้อสัตว์ รวมไปถึงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ไข่ ไขมันและเลือด
  • อาหารเจต้องห้ามมีรสจัด ทั้งเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด เพราะอาหารรสจัดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆในร่างกายทำงานมากขึ้น จะทำให้ช่วงกินเจหิวบ่อยขึ้น ส่งผลต่อรบกวนระบบจิตใจไม่สงบและอาจทำให้การกินเจไม่ครบตามกำหนด
  • ห้ามกินนม เนย น้ำมัน ครีมเทียม และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ 
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดตลอดระยะเวลาที่ถือศีลกินเจ 9 วันน 
  • ห้ามกินอาหารที่คนปรุงไม่ได้ถือศีลกินเจ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่ถือศีลกินเจอย่างเคร่งครัดมักจะไปรวมตัวกันที่ศาลเจ้าต่างๆ หรือโรงทาน เพราะคนที่ปรุงหรือทำอาหารจะเป็นผู้ที่ถือศีลเช่นกัน 
  • แยกถ้วยชามและภาชนะที่ใส่อาหารออกจากถ้วยชามที่ใส่อาหารปกติหรืออาหารที่มีส่วนของเนื้อสัตว์ 
  • รักษาศีล5 หรือ ศีล8 รักษากาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น(ทางกาย) พูดจาสุภาพ ไม่นินทา ไม่พูดหยาบ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ(ทางวาจา) และไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น(ทางใจ)
  • ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง ตามสถานที่จัดเทศกาลกินเจอย่าง ศาลเจ้า โรงทานต่างๆ จะมีการจุดตะเกียง 9 ดวงไว้ตลอดวันคลอดคืน และห้ามในตะเกียงนั้นดับเด็ดขาดในช่วงถือศีลกินเจ 

กินเจอะไรได้บ้างและอาหารเจห้ามอะไรบ้าง?

  • กินเจกินไข่ได้ไหม? ไข่ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของสัตว์ สำหรับการกินเจจึงถือว่าไข่ก็เป็นอาหารที่ควรงดเช่นกัน รวมไปถึงอาหารและขนมที่มีไข่เป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะขนมพื้นเมือง ขนมเบเกอรี่ ขนมที่ทำมาจากไข่ทั้งสิ้น เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ขนมหม้อแกง ขนมไข่ ขนมเค้ก ขนมปัง ฯลฯ 
  • กินเจกินคอลลาเจนได้ไหม? คอลลาเจนจะสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก วัว หมู และสัตว์อื่นๆ จึงถือว่าคอลลาเจนก็เป็นส่วนหนึ่งในการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นด้วย 
  • กินเจกินหอยนางรมได้ไหม – กินเจกินซอสหอยนางรมได้ไหม? แม้บางตำราจะกล่าวว่าสามารถกินหอยนางรมได้ แต่หากจะรักษาศีลให้ครบถ้วนอย่างแท้จริงแล้ว การไม่ฆ่าสัตว์ การละเว้นจากเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะดีที่สุด 
  • กินเจกินพริกได้ไหม พริกไม่ได้เป็นข้อห้ามและสามารถทานได้ แต่สำหรับบางคนอาจงดเว้นจากการกินพริกด้วยเพราะอาจถือว่าเป็นผักกลิ่นฉุน
  • กินเจกินมาม่าได้ไหม? หากเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ ก็สามารถทานได้ปกติ 
  • กินเจกินขนมปังได้ไหม? ขนมปัง ขนมเบเกอรี่ต่างๆ หรือขมมกรุบกรอบทั่วไป มักจะที่ ไข่ นม ชีส ไขมันสัตว์เป็นส่วนปรกอบ แต่สามารถทานขนมปังเจได้ ซึ่งต้องระมัดระวังในการเลือกซื้อและรับประทานให้ดีๆ 
  • กินเจกินเนยได้ไหม? ไม่ว่าเนยหรือชีสจะผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แม้ว่าจะมีเนยเจจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน แต่ก็หาได้ยาก หากไม่มั่นใจและไม่อยากแตกเจโดยไม่ตั้งใจ ควรงดไปก่อนช่วงกินเจ 
  • กินเจกินผงชูรสได้ไหม? หากผงชูรสล้วนที่ทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลอ้อย (ผงชูรสผลึกสีขาวไม่มีการเติมกลิ่นหรือรสใดๆ) ก็สามารถใช้ปรุงอาหารได้ แต่ให้เลี่ยงเครื่องปรุงผงชูรสอื่นๆที่มีส่วนผสมจากสัตว์ เช่น ผงชูรสรสหมู ผงชูรสซุปไก่ เป็นต้น  
  • กินเจกินช็อกโกแลตได้ไหม? เนื่องจากช็อกโกแลตส่วนใหญ่จะมีนมเป็นส่วนประกอบ จึงควรเลี่ยงไปก่อน แต่สามารถทานดาร์กช็อกโกแลต100% ได้ 
  • กินเจผักชีกินได้ไหม? แม้ว่าผักชีจะไม่ได้อยู่ในข้อห้ามผัก 5 อย่าง แต่ก็เป็นผักที่มีกลิ่นฉุนอยู่ดี เลี่ยงไม่ทานเลยจะดีกว่า ไม่เพียงแค่ผักชี หลายๆคนที่กินเจก็เลี่ยงกินผักกลิ่นฉุนทุกชนิด ทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบกระเพรา โหระพา 

 

กินเจกินน้ําอะไรได้บ้างและคนกินเจดื่มน้ำอะไรไม่ได้บ้าง?

กินเจโอวัลตินกินได้ไหม กินเจกินชาเขียวได้ไหม กินเจกินน้ําเต้าหู้ได้ไหม กินเจกินไอติมได้ไหม กินเจกินโค้กได้ไหม กินเจกินเหล้าได้ไหม ฯลฯ … คำข้อสงสัยที่บางคนก็อาจยังไม่แน่ใจหรือรู้และงดแล้วแต่ยังเผลอไปกินผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจนทำให้เจแตกได้เช่นกัน 

 

  • กินเจกินน้ำผึ้งได้ไหม? แม้ว่าน้ำผึ้งจะไม่ได้มาจากผึ้งโดยตรง แต่น้ำผึ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของรังผึ้ง ผู้ที่รักษาศีลอย่างเคร่งครัดจะไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นในทุกรูปแบบ จึงไม่ควรดื่มน้ำผึ้ง สำหรับผู้ที่รักในการดื่มน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพหรือรักในรสชาติก็ตาม ควรงดน้ำผึ้งไปก่อนในช่วงระหว่างกินเจ แต่สำหรับผู้ที่กินเจตลอดชีวิตจะไม่ดื่มน้ำผึ้งเลย แม้ว่าน้ำผึ้งจะถูกขนานนามว่าเป็นยาอายุวัฒนะก็ตาม 
  • กินเจกินนมได้ไหม? ผู้ที่ถือศีลกินเจสามารถทานนมธัญพืชได้ เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ น้ำลูกเดือย แต่ให้งดนมวัว นมแพะ และอาหารบางชนิดที่มีส่วนผสมของนมวัวหรือนมแพะ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว ไอศกรีม เครื่องดื่มสำเร็จรูป จะทำให้เจแตกแบบไม่ได้ตั้งใจ 
  • กินเจกินกาแฟได้ไหม? ชา ชาเขียว กาแฟ โอวัลติน ไมโล ล้วนดื่มได้ ถ้าไม่ใส่นม เนย ครีมเทียมที่ทำมาจากไขมันสัตว์ทุกชนิด แต่สามารถใส่นมจากพืช หรือครีมเทียมจากถั่วเหลืองแทน และปัจจุบันก็มีครีมเทียมถั่วเหลืองก็เริ่มมีจำหน่ายและหาซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน หรือถ้าเป็นเครื่องดื่มแบบ 3 อิน 1 ก็ต้องดูที่ระบุว่า“เจ”และต้องอ่านส่วนผสมให้ดีๆ เพราะบางชนิดเขียนว่าเจ แต่ยังมีส่วนผสมจากไขมันสัตว์ติดมาด้วย 
  • กินเจกินน้ำผลไม้ได้ไหม? น้ำผลไม้สามารถดื่มได้ปกติ ยกเว้นน้ำผลไม้ปั่นหรือน้ำผลไม้แปรรูปบางชนิดที่อาจมีส่วนผสมของนม นมจืด หรือน้ำผึ้งลงไปด้วย ทางที่ดีควรดื่มน้ำผลไม้คั้นสดหรือซื้อผลไม้แล้วนำมาคั้นดื่มเองจะดีกว่า 
  • กินเจกินน้ําอัดลมได้ไหม? น้ำอัดลมไม่ได้เป็นข้อห้ามในอาหารกินเจ และไม่ได้มีส่วนผสมใดๆจากเนื้อสัตว์ มีเพียงน้ำตาลที่เป็นองค์ประกอบหลัก จึงดื่มได้ แต่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงหากต้องการรักษาสุขภาพ เพราะอย่างที่บอก 
  • กินเจกินเครื่องดื่มชูกำลังได้ไหม? ส่วนใหญ่เครื่องดื่มชูกำลังหลายๆยี่ห้อจะมีส่วนผสมของน้ำตาล คาเฟอีน เกลือแร่ และวิตามิน จึงสามารถดื่มได้ แต่ต้องระวังและอ่านส่วนประกอบให้ดี เพราะเครื่องดื่มชูกำลังบางชนิดมีโอเมก้า3 ซึ่งเป็นส่วนที่ทำมาจากสัตว์ (ปลา) ถ้ากลัวพลาดก็ควรงดเว้นไปก่อนในช่วงนี้ 
  • กินเจกินเบียร์ได้ไหม? ไม่ว่าจะเบียร์ เหล้า ไวน์ สปาย ค็อกเทล ล้วนเป็นเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น จึงควรงดเว้น

 

กินเจกับกินมังสวิรัติต่างกันยังไง?

การทานเจ (Vegan) จะเว้นจากเนื้อสัตว์และทุกชิ้นส่วนที่มาจากสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนม ไข่ ไขมัน หนัง เนื้อ ผักกลิ่นฉุน ในขณะที่การทานอาหารมังสวิรัติ จะสามารถทานผักได้ทุกชนิด รวมไปถึงไข่ และ นม ได้ แต่การกินมังสวิรัติจะมีหลายแบบด้วยกัน

  • มังสวิรัติ (Vegetarian) การกินผักทุกชนิดและงดเว้นเนื้อสัตว์ 
  • มังสวิรัติไข่ (Ovo Lacto Vegetatrian) งดเนื้อสัตว์ แต่กินไข่ นม และอาหารที่ผลิตจากไข่ 
  • มังสวิรัตินม (Lacto Vegetarian) กลุ่มกินอาหารมังฯ แต่ยังคงกินผลิตภัณฑ์จากนม อาจเรียกกลุ่มนี้ว่า Lactatian 
  • กึ่งมังสวิรัติ (Semi Vegetarian) หรือมังสวิรัติปลา เน้นการกินผัก แต่อาจมีกินปลาบ้างเป็นบางคราว 

 

ดังนั้นคนที่กินมังสวิรัติจะกินอาหารที่ทำจากไข่ นม และผักได้ทุกชนิด ในขณะที่การกินเจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่ไม่ว่าจะการทานเจหรือการทานมังสวิรัติ ก็จะมีหลักคล้ายกันตรงที่ทานเพื่อสุขภาพและเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ 

ประโยชน์ของการกินเจ

  • เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ เลือดจะมีการฟอกให้สะอาด ทำให้ไหลเวียนดี ไม่หนืดข้น เซลล์ในร่างกายไม่เสื่อมง่าย ช่วยให้ผิวพรรณแลดูผ่องใส นัยน์ตาไม่พร่ามัว สดชื่น รู้สึกร่างกายเบาสบาย ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพอนามัยดี 
  • สารอาหารจากพืชจะช่วยในระบบย่อยและขับถ่ายได้ดี ช่วยขับพิษและของเสียออกจากร่างกาย เป็นการดีท็อกซ์ด้วยธรรมชาติ 
  • ปรับสมดุลให้ร่างกาย เพราะการงดเนื้อสัตว์ก็เป็นการลดปริมาณกรดที่ได้จากการบริโภคเนื้อสัตว์ และเพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกาย ทำให้ภายในร่างกายเกิดความสมดุล
  • ช่วยให้ระบบขับย่อยและอวัยวะภายในร่างกายได้พักจากการทำงานหนักที่ต้องย่อยอาหารย่อยยากอย่างเช่น เนื้อสัตว์ 
  • เป็นการลดน้ำหนักไปในตัวสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และต้องเป็นการทานอาหารที่ได้สารอาหารและมีประโยชน์ 
  • อาหารเจลดเสี่ยงจากโรคร้าย เพราะผักผลไม้จะมีใยอาหารสูงที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ลดคลอเลสเตอรอล ตรงข้ามกับเนื้อสัตว์ที่จะมีไขมันและคลอเลสเตอรอลสูง 

 

พิกัดกินเจปี 2564 

ถึงแม้ว่าเทศกาลเจ2564จะรุมเร้าไปด้วยโรคระบาดและอุทกภัย จนทำให้หลายพื้นที่ไม่สามารถจัดงานถือศีลกินเจได้เหมือนปีที่ผ่านๆมา ทำให้ต้องเปลี่ยนไปทำเองที่บ้าน แต่ก็ยังมีศาลเจ้า โรงเจ และโรงทานอีกหลายแห่งที่ประชาชนยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเรามีพิกัดที่กินเจ 2564 มาฝากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วม 

  • กรุงเทพมหานคร ปกติจะมีเทศกาลกินเจที่เยาวราชแต่เมื่อปีนี้งดเทศกาล แต่ประชาชนยังคงสามารถร่วมได้ที่ศาลเจ้า และโรงเจได้ทุกแห่งที่เปิดบริการ 
  • จันทบุรี เนื่องจากจังหวัดจันทบุรียังคงมีอัตราการแพร่ระบาดโรคโควิดสูง แต่ยังต้องการรักษาประเพณีเทศกาลกินเจของบ้วนเฮงเจตั๊ว วัดเขตร์นาบุญญาราม ซึ่งจะเป็นปีที่134 ในวันที่ 614 ตุลาคม ปี 2564 นี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ เฟซบุคเพจองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี 
  • จังหวัดราชบุรี กินเจแบบ New Normal ศาลเจ้าท่งเฮงตั๊ว จะมีการร่วมถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ 515 ตุลาคม 2564 แบบนิวนอร์มอล ตามมาตรการควบคุมโรคโควิด19 โดยจะมีการสวดพุทธบูชาวันละ 4 รอบ โดยพระสงฆ์จีนนิกายจากวัดเล่งเน่ยยี่ และศาลเจ้าของดการนอนค้างที่ศาล ยกเว้นเจ้าหน้าที่บางส่วน และงดการเปิดโรงทานจัดเลี้ยงอาหารเจ รวมไปถึงพิธีซิโกว 
  • จังหวัดสมุทรสาคร จัดอบรมจำหน่ายอาหารเจ โดยจะมีการจัดจำหน่ายอาหารเจในเทศกาลกินเจวันที่ 514 ตุลาคม 2564 บริเวณริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร 
  • จังหวัดสงขลา จะมีการจัดเทศกาลกินเจในวันที่ 514 ตุลาคม 2564 ที่ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ 
  • จังหวัดตรัง ได้ทำการเชิญชวนร่วมงานเทศกาลถือศีลกินผัก วันที่ 514 ตุลาคม 2564 โดยจะงดพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้า งดพิธีง้อต่อกง มีการจำกัดจำนวนคนในการเข้าร่วม ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมงานทำการเข้าพักอาศัยที่โรงทาน ไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม งดงานมรสพทุกชนิด  
  • จังหวัดภูเก็ต งานเทศกาลถือศีลกินเจภูเก็ต 2564 หรือ Vegetarian Festival คือ วันที่ 614 ตุลาคม 2564 โดยในงานเทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต จะมีการแห่พระรอบเมืองหรือพิธีอิ้วเก้งด้วยรถยนต์ และอาจมีการปรับรูปแบบบางอย่าง เพื่อให้เข้ากับการควบคุมตามมาตรการโรคระบาด โดยประชาชนที่สนใจจะเข้าร่วมงานสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ เทศกาลกินเจภูเก็ต

แม้ว่าเทศกาลกินเจปีนี้จะไม่คึกคัก เงียบเหงา และมีข้อจำกัดมากมาย แต่ก็เพื่อไปตามมาตรการความปลอดภัยของทุกคน ซึ่งการกินเจเป็นการละเว้นบาป สร้างกุศล เสริมบารมีให้กับตน ดังนั้นเราสามารถกินเจได้ทุกที่ ทำกินเองได้ง่ายๆที่บ้าน หรือซื้ออาหารเจกลับไปอุ่นทานเองที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด ศาลเจ้า หรือโรงเจ เพียงแค่คิดดี พูดดี ทำดี และทำให้ได้อย่างเคร่งครัด เป็นการถือสัจจะไปในตัว เท่านี้ก็เป็นการถือศีลกินเจที่สมบูรณ์ทุกประการ 

 

รู้กันอยู่แล้วว่าผักนั้นดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ยิ่งตอนนี้เทรนด์รักสุขภาพได้รับความนิยม ทำให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและรับประทานผักผลไม้กันมากขึ้น สีสันของผักนอกจากจะให้ความสวยงามแล้ว ผักสีต่างๆยังให้สารประโยชน์ที่แตกต่างกัน เรามาดูกันว่าประโยชน์ของผัก5สีมีสารอาหารอะไรบ้าง

ทำไมต้องผักผลไม้ 5 สี

องค์การอนามัยโลกชี้ว่า การทานผลไม้5สี วันละ 400 กรัมขึ้นไป / วัน โดยผักและผลไม้5สีที่เราทานจะต้องประกอบไปด้วยถั่วหรือธัญพืชไม่น้อยกว่า 30 กรัม ประโยชน์ของผลไม้ 5 สีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ลดอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ลดภาวะการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ซึ่งควรทานผักผลไม้ให้ได้หลากหลายชนิด เพราะการทานผักหรือผลไม้ซ้ำๆเดิมๆ นอกจากจะน่าเบื่อจำเจแล้ว ยังได้สารอาหารและประโยชน์ผักผลไม้ 5 สีไม่ครบถ้วน

fresh raw garlic ready to cook

ผักสีขาว-ผักสีน้ำตาล / ผลไม้สีขาว-ผลไม้สีน้ำตาล ; ฟลาโวนอยด์ 

ผักสีขาวจะมีสารแซนโทน(Xanthone) กรดไซแนปติก(Synaptic) และฟลาโวนอยด์หลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ต่อต้านการเกิดเนื้องอก ต้านการอักเสบ ลดอาการปวดหัวเข่า กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ชะลอวัยให้หนุ่มสาวได้อย่างดี ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย บำรุงผิวพรรณ 

ผักผลไม้สีขาว : กระเทียม ต้นกระเทียม ขิง ข่า ขมิ้นขาว ขึ้นฉ่าย ผักชีฝรั่ง ใบบัวบก ดอกกะหล่ำ  ผักกาดขาว หัวไชเท้า หัวปลี ถั่วงอก เห็ดเข็มทอง เห็ดฟาง หอมหัวใหญ่ ดอกแคขาว งาขาว ยอดมะพร้าว จมูกข้าวสาลี ลูกเดือย แก้วมังกร ลิ้นจี่ ลางสาด เงาะ ลองกอง

ผักสีเขียว / ผลไม้สีเขียว ; คลอโรฟิลล์

ผักสีเขียวมีคลอโรฟิลล์ ลูทีน Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยสร้างอินซูลินให้กับร่างกาย ลดคลอเลสเตอรอล กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว มีสารสังกะสี ธาตุเหล็กช่วยบำรุเลือด แก้โลหิตจาง มีใยกากอาหารสูง ช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่าย มีแคลเซียมช่วยให้ฟันและกระดูกแข็งแรง บำรุงสมองและเสริมสร้างความจำ

ผักผลไม้สีเขียว : ผักใบสีเขียวต่างๆ คะน้า ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักเคล กวางตุ้ง ชะอม บรอกโคลี ตำลึง พริกหวานสีเขียว พริกเขียว ถั่วลันเตา ผักบุ้ง แตงกวา มะเขือพวง กระเจี๊ยบเขียว แอ๊ปเปิลเขียว กีวี องุ่นเขียว 

ผักสีส้ม-ผักสีเหลือง / ผลไม้สีส้ม-ผลไม้สีเหลือง ; เบต้าแคโรทีน

ผักผลไม้สีส้มและสีเหลืองมีสารเบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี มีสารซีแซนทีนในกลุ่มแคโรทีนอยด์บำรุงสายตา ลดความเสี่ยงเป็นต้อกระจก ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในร่างกาย ต้านการอักเสบ กระตุ้นการกำจัดเซลล์มะเร็ง ป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ลดไขมันในเส้นเลือด 

ผักผลไม้สีส้ม-เหลือง : แครอท ข้าวโพดอ่อน ฟักทอง พริกหวานสีเหลือง สับปะรด มะละกอสุก ขนุน กล้วย ข้าวโพด ลูกพลับ มะม่วงสุก แคนตาลูป

ผักสีแดง / ผลไม้สีแดง ; ไลโคพีน 

ผักผลไม้สีแดงมีสารไลโคพีน (Lycopene) และสารแอนโทไซยานิน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด บำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อกระจก ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ลดไขมันที่ไม่ดี LDLCholesterol ลดการแข็งตัวของเลือด ลดความดันโลหิต 

ผักผลไม้สีแดง : มะเขือเทศ หอมแดง กระเจี๊ยบแดง กะหล่ำปลีสีแดง พริกหวานสีแดง พริกแดง แอ๊ปเปิลแดง บีทรูท เชอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แตงโม ทับทิม องุ่นแดง

ผักสีม่วง / ผลไม้สีม่วง ; แอนโทไซยานิน 

ผักผลไม้สีม่วงที่เต็มไปด้วยสารแอนโทไซยานิน Anthocyanin เป็นสารที่ให้สีม่วงและปกป้องรังสีอัลตร้าไวโอเลต ผักสีม่วงประโยชน์มากมายในด้านต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและวิตามินอีถึง 2 เท่า ลดคลอเลสเตอรอล ยับยั้งเซลล์มะเร็งต่างๆ ลดการเกิดไขมันในหลอดเลือด ลดไขมันที่ไม่ดี LDLCholesterol เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผนังหลอดเลือด ขยายเส้นเลือด ช่วยป้องกันเส้นเลือดฝอยไม่ให้เปราะแตกง่าย ชะลอการเกิดเส้นเลือดในสมองอุดตัน ลดภาวะการเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต ช่วยต้านไวรัส ยับยั้งเชื้ออีโคไลในระบบทางเดินอาหาร ชะลอความเสื่อมถอยของเซลล์  บำรุงเส้นผมให้เงางาม 

ผักผลไม้สีม่วง : กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสีนิล ข้าวเหนียวดำ มะเขือม่วง ดอกอัญชัน เผือก หน่อไม้ฝรั่งสีม่วง ลูกหว้า แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ลูกพรุน ลูกพลัม ชมพู่มะเหมี่ยว มันม่วง องุ่น ลูกฟิก 

 

จะเห็นได้ว่าผลไม้และผัก 5 สีประโยชน์มากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทานให้หลากหลาย และล้างให้สะอาดก่อนทานเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและสิ่งปนเปื้อน หรือผักชนิดใดสามารถนำไปผ่านความร้อน ก็ควรทำแบบปรุงสุกก่อนทาน นอกจากนี้ประโยชน์ของผักผลไม้ 5 สี ยังเป็นตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อย่างดีในช่วงสถานการณ์โรคระบาด อย่าง โคโรน่าไวรัส เพราะผักผลไม้ส่วนใหญ่มีสารอาหาร แร่ธาตุต่างๆ สังกะสี วิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ได้ต่อสู้กับเชื้อโรคเมื่อหลุดรอดเข้าสู่ร่างกาย เป็นปราการด่านแรกและสำคัญมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การล้างมือสม่ำเสมอ ใส่แมสก์ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านหรือต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น การเว้นระยะห่าง ก็ยังคงต้องปฏิบัติเสมอ พร้อมกับการทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเช่นผักห้าสีและผลไม้ต่างๆ เพราะสุขภาพของเราเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อสุขภาพกายดีไร้โรคภัยไข้เจ็บ ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพใจดีตาม ช่วยให้มีแรงมีกำลังที่จะสู้ต่อไปได้ในแต่ละวัน 

 

เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ เป็นเจ้าของกิจการ และเป็นนักธุรกิจ แน่นอนว่าการเป็นเจ้าของแบรนด์เดี๋ยวนี้ไม่ได้ยากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และการลงทุนก็ไม่ได้สูงอย่างเมื่อก่อน สามารถลงทุนเล็กๆ เริ่มจากการทำแบรนด์สบู่ในหลักพันบาทก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณเมื่อเป็นแบรนด์ติดตลาดแล้วก็ยังได้ แต่ก่อนจะเริ่มทำแบรนด์ จะต้องทำเตรียมอะไรบ้างและมีขั้นตอนอย่างไร เราไปรู้กันเลย ….

1.งบประมาณที่จะลงทุน 

อันดับแรกคือต้องมีเงินทุน อย่านำเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนมาใช้ในการลงทุน แต่ให้ใช้เงินเก็บที่ไว้สำหรับการลงทุนผลิตเท่านั้น ถ้ามีงบการผลิต100% ต้องแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับการผลิต 30% และสำหรับการตลาด 70% ถ้ามีการแบ่งสัดส่วนได้ชัดเจน จะทำให้มองเห็นภาพรวมและการจัดการงบได้ง่ายขึ้น เป็นสัดส่วน ชัดเจน หากการเงินสะดุดจะได้รู้ว่ามาจากจุดไหน จะไปต่อได้แค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการงบประมาณด้วย เพราะบางกรณีสินค้าได้รับการตอบรับดี สินค้าขายดี ลูกค้าต้องการเพิ่ม แต่เงินทุนหมด ไม่สามารถทำการผลิตเพิ่ม หรือมีสินค้าล็อตใหญ่ แต่เงินทุนการเจาะตลาด การโฆษณาไม่พอ ก็ปิดกั้นช่องทางระบายสินค้า ทำให้ขายสินค้าไม่ได้ สินค้าค้างสต็อค 

 

2.เลือกประเภทสบู่ที่จะผลิตเป็นแบรนด์ขาย 

โรงงานรับผลิตสบู่ส่วนใหญ่จะมี 2 สูตรใหญ่ๆคือ สบู่สูตรสำเร็จ และ สบู่พัฒนาสูตรเฉพาะ คือ สูตรที่พัฒนาขึ้นตามต้องการ สูตรสำเร็จจะเป็นสูตรที่โรงงานพัฒนาไว้อยู่แล้ว จะมีให้ลูกค้าได้ทดสอบ โดยมีลิสรายการต่างๆให้เลือก หากลูกค้าชอบก็สามารถสั่งผลิตเพื่อทำแบรนด์ได้เลย และสบู่พัฒนาสูตรเป็นสบู่ที่ผลิตขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาสูตรตามที่ผู้ที่ต้องการทําสบู่แบรนด์ตัวเองกำหนด เช่น สี กลิ่น รูปลักษณ์ สรรพคุณ ซึ่งแน่นอนว่าระยะเวลาและราคาตั้งต้นในการลงทุนย่อมต่างกัน 

 

สบู่พัฒนาสูตรจะใช้ระยะเวลาในการผลิตนานกว่า และต้นทุนการผลิตก็สูงกว่า เพราะต้องมีการวิจัยขึ้นมาใหม่หมด ทั้งวัตถุดิบ องค์ประกอบ การทดสอบ ฯลฯ  เมื่อลูกค้าแจ้งสูตรสบู่ที่ต้องการ ผู้รับผลิตก็จะนำไปประชุมและให้ฝ่าย R&D วิจัยและพัฒนาตามที่ลูกค้าต้องการ หลังจากวิจัยและพัฒนาสูตรแล้ว R&D จะให้สูตรที่ได้กับลูกค้าเพื่อทำการเทส โดยสามารถเทสได้ประมาณ 3 รอบ หากเทสแล้วยังไม่พอใจ สามารถพัฒนาสูตรได้เรื่อยๆในระหว่าง 3 รอบนี้หรือตามจำนวนครั้งที่ทางโรงงานกำหนด เพราะในการพัฒนาและปรับสูตรจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม หลายๆโรงงานจะกำหนดจำนวนครั้งที่ปรับสูตรและเทส 

ในการเลือกสารสกัด คนที่อยากทำแบรนด์สบู่บางคนอาจมีสูตรหรือสารสกัดบางตัวที่ต้องการอยู่แล้ว แต่บางคนอาจยังไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรดี ทางโรงงานจะมีทีมงานที่คอยให้คำแนะนำอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลตรงจุดนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสูตรสารสกัดหลักๆมาให้เลือก โดยให้ลูกค้าเลือกส่วนสารสกัดเพียงบางส่วน อาจ 45 อย่างจากทั้งหมด แล้วทางโรงงานก็จะเลือกส่วนประกอบอื่นๆที่จะช่วยบำรุงหรือทำให้สบู่มีประสิทธิภาพอย่างที่ลูกค้าต้องการจนครบองค์ประกอบทั้งหมดของสูตรนั้นๆ

 

เมื่อเลือกสูตรได้แล้วก็จะทำการเลือก ขนาด โดยทางโรงงานจะมีหลายขนาดให้ลูกค้าได้เลือก ตั้งแต่ขนาดเล็ก 25 กรัม  30 กรัม  50 กรัม 70 กรัม 100 กรัม ต่อไปก็จะเป็นการเลือก รูปทรงสบู่ โรงงานจะมีรูปทรงให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าลูกค้ามีทรง-ขนาด หรือฟร้อนท์บนสบู่ที่ต้องการอยู่แล้วที่โรงงานไม่มี โรงงานอาจรับทำให้แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะจะต้องทำบล็อก ทำตัวปั๊มขึ้นมาใหม่ตามออเดอร์ลูกค้า สี การเลือกเฉดสี เช่น สีฟ้า สีฟ้าอ่อน สีฟ้าเข้ม  กลิ่น  อุปกรณ์เพิ่ม เช่น ถุงตาข่ายเพิ่มฟอง 

การเลือกจดอย. ให้โรงงานแจ้งจดอย.ให้ จะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วย ซึ่งการให้โรงงานแจ้งจดอย.ให้จะมีโอกาสผ่านได้สูงกว่าการแจ้งจดด้วยตัวบุคคลที่เราแจ้งเอง 

 

การเลือกแพ็กเกจจิ้ง ในกรณีที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจหรืออาจมีงบที่ยังไม่มาก อาจเลือกการใช้สติ๊กเกอร์แปะหน้า หรือเพิ่มราคาอีกหน่อยเพื่อทำเป็นกล่อง โรงงานจะมีการออกแบบให้โดยฝ่ายดีไซน์ เพียงลูกค้าแจ้งลักษณะที่ต้องการ หรือสามารถออกแบบเองแล้วให้ฝ่ายโรงงานทำตามแบบก็ได้ โดยพยายามเลือกออกแบบให้ตรงกับเป้าหมายลูกค้า อย่างทำสบู่เด็กก็ออกแบบที่น่ารัก ทำสบู่ผิวหน้าก็อาจเน้นรูปสารสกัดที่ช่วยเรื่องผิวหน้า ค่าใช้จ่ายก็ผันตามละเอียดดีเทล เช่น ค่าโลโก้ 

 

ระหว่างรอขั้นตอนการผลิตสบู่ วางแผนการตลาดจะทำการตลาดที่ไหน อย่างไร ช่องทางไหน ราคาโปรโมชั่นเปิดตัว กรณีต้องการตัวแทนขายสบู่ ให้คำนวณเรทราคาต้นทุนต่อก้อนหรือต่อชิ้นก่อน เมื่อรู้เรทราคาต่อก้อน ก็คิดค่าเรทราคาตัวแทน 

 

วางแผนการสั่งออเดอร์ซ้ำ เมื่อจำหน่ายแล้วสินค้าเหลือประมาณ 30% ก็ทำการสั่งผลิตเลย เพื่อไม่ให้สินค้าขาดสต็อก เพราะจะต้องเผื่อระยะเวลาของขั้นตอนการผลิต จะได้มีสินค้าทันจำหน่าย ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากก็ยิ่งได้เรทราคาต่อชิ้นลดลง จะได้กำไรเพิ่มขึ้น 

การคิดเรทราคา เราจะต้องรู้ต้นทุนทั้งหมดก่อน จำนวนสินค้าทั้งหมดกี่ก้อน ให้คิดคำนวณราคาต่อก้อนก่อน เช่น สั่งผลิตล็อตแรกจำนวน 1000 ก้อน ค่าเนื้อสบู่ก้อนละ 12 บาท ค่ากล่อง 8 บาท/กล่อง แสดงว่า ต้นทุนสบู่ราคา 20 / ก้อน  หลังจากนั้นก็ตรวจสอบคุณสมบัติสบู่มีอะไรบ้าง เช่น ไม่มีคุณสมบัติอะไรพิเศษเป็นสบู่ผิวขาวเท่านั้น อาจตั้งราคาขายต่อก้อนได่ไม่มาก หรือการสร้างแบรนด์น้องใหม่คนยังไม่รู้จัก อาจใช้ระบบตัวแทนdealerที่ช่วยกระจายสินค้า ก็ต้องคำนึงส่วนค่าตัวแทนตรงนี้ด้วย ดังนั้นการตั้งเรทราคาปลีกนอกจากจะต้องดูเรื่องต้นทุนต่อก้อนแล้ว ยังต้องดูส่วนประกอบ คุณสมบัติของสบู่ ฯลฯ ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถทำการปรึกษาทีมงานโรงงานได้ เพราะจะมีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยคำนวณในส่วนของรายละเอียดเรื่องต้นทุนและกำไรได้อย่างดี  

 

สบู่กลีเซอรีนคือสบู่ที่มีเบสกลีเซอรีนผสมอยู่ กลีเซอรีนคือ สารธรรมชาติที่เป็นของเหลว ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ผลิตได้จากน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว นิยมนำไปประกอบในการผลิตยา ผลิตสบู่ เครื่องสำอาง ฯลฯ สำหรับสบู่กลีเซอรีนจะใช้เวลาในการผลิตนานกว่าสบู่ก้อนชนิดอื่น ประมาณ 34 สัปดาห์ เพราะต้องใช้เวลาในการปล่อยให้เซ็ตตัวเอง ไม่สามารถอัดความร้อนได้ 

 

จะทำแบรนด์ขายแข่งกับตลาด แบรนด์เราต้องแตกต่าง และ ต้องดีกว่า มีองค์ความรู้ ความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับ สินค้าไอเดีย สินค้าที่อิงวัฒนธรรม-ความเชื่อ และเทรนด์ที่กำลังนิยม จะสามารถตีตลาดได้ในหลายๆประเทศ โดยจะต้องทำการศึกษาข้อมูลในแต่ละพื้นที่ว่าอะไรเป็นที่สนใจของในพื้นที่นั้นๆ เช่น ต้องการนำสินค้าส่งออกขายที่จีนก็ต้องหาอะไรที่จีนนิยม อย่างการนำเศษทองคำใส่ลงไปเป็นส่วนผสม เพราะชาวจีนมีความเชื่อในเรื่องของทอง การใช้สมุนไพรทำสบู่ เพราะกระแสนิยมรักษ์โลก เป็นต้น 

เรามีวิธีทำสบู่สมุนไพรในบ้านได้ด้วยตัวเอง่ายๆมาฝากค่ะ

การทำสบู่จากมะขาม

วิธีทำสบู่มะขาม นำเบสไปต้มโดยใช้ไฟอ่อน อย่าใช้แรงเพราะจะทำให้กลีเซอรีนติดขอบหม้อเป็นฟองและติดขอบภาชนะได้ คนช้าๆไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อกลีเซอรีนละลายดีแล้ว ใส่น้ำมะขามที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันช้าๆ เติมน้ำหอมหากต้องการกลิ่นเพิ่ม ใส่สารเพิ่มฟอง และสารกันเสีย คนให้ละลายเข้ากันดี แล้วเทใส่พิมพ์ตอนร้อนๆ อย่ารอให้เย็นเพราะสบู่จะแข็งตัวเสียก่อน ปล่อยทิ้งไว้ให้สบู่เซ็ตตัวในแม่พิมพ์ เมื่อเซ็ตตัวดีแล้วก็แกะออกจากพิมพ์  

 

การทําสบู่จากว่านหางจระเข้

ส่วนผสมและสิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ ว่านหางจระเข้ กลีเซอรีน วาสลีน หม้อสำหรับต้ม ไม้พายสำหรับคน แม่พิมพ์ วิธีทำสบู่ว่านหางจระเข้ นำกลีเซอรีนหั่นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่หม้อนำไปต้ม ระหว่างที่รอกลีเซอรีนละลาย ปลอกเปลือกว่านหางจระเข้และล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนนำไปปั่นให้ละเอียด เมื่อกลีเซอรีนละลายดีแล้ว ตักน้ำปั่นว่านหางจระเข้ใส่ลงในหม้อต้มกลีเซอรีน ค่อยๆตักลงไปและคนไปด้วยเพื่อให้เข้ากันได้เร็วขึ้น เมื่อทุกอย่างละลายและเข้ากันดีแล้ว ก็ยกหม้อต้มลงจากเตาหรือปิดไฟในกรณีใช้หม้อไฟฟ้า ทาวาสลีนที่ก้นแม่พิมพ์ให้ทั่ว แล้วตักหรือเทสบู่ลงแม่พิมพ์ ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อมั่นใจว่าสบู่เซ็ตตัวดีแล้ว ก็นำออกจากพิมพ์นำไปใช้ได้ปกติ

 

วิธีทําสบู่ขมิ้นน้ำผึ้ง  

ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ กลีเซอรีนแบบใส ผงขมิ้นชัน น้ำผึ้ง น้ำเปล่า หัวน้ำหอมสำหรับทำสบู่

ส่วนขั้นตอนการทำก็ง่ายมาก เริ่มจากการนำกลีเซอรีนใส่น้ำตั้งไฟอ่อน คนกลีเซอรีนไปในทิศทางเดียวกัน ใส่ผงขมิ้น และน้ำผึ้งตามลงไป คนให้เข้ากันช้าๆเพื่อไม่ให้เกิดฟอง เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ยกลงจากเตา เติมหัวน้ำหอมหลังจากที่คลายร้อนลงแล้ว อย่าเติมน้ำหอมตอนที่ยังร้อนจัด 

 

การทำสบู่ด้วยตัวเองใช้เองหรือแจกจ่ายเป็นอะไรที่ไม่หนักเกินไป แต่ถ้าต้องการทำขายก็สามารถทำได้ แต่อาจมีข้อจำกัดในเรื่องปริมาณออเดอร์ และจำนวนยอดผลิตสินค้า ด้วยข้อจำกัดจากแรงงานคนและสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะบางครั้งความชื้นก็มีผลต่อการเซ็ตตัวและคุณภาพของสบู่บ้างเล็กน้อย 

เมื่อต้องการจะทำแบรนด์ อย่าทำตามกระแส แต่ให้ใช้ความรู้สึกที่รักหรือต้องการทำจริงๆ นำไปสู่การทำแบรนด์ออกมา เพราะทำอะไรด้วยความรัก จะมีแรงจูงใจและพยายามศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยความรักความต้องการทำจริงๆ จะทำให้ไม่เบื่อไม่ท้อเร็วเมื่อเจออุปสรรค เลือกผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าจะต้องใช้เสมอ ไม่ว่าเศรษฐกิจะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ผู้บริโภคก็ยังต้องการที่จะใช้ เพราะเป็นสินค้าที่ต้องใช้อยู่แล้ว และมีคุณภาพเป็นที่พอใจ ทำให้ลูกค้าก็ต้องการซื้อใช้อยู่เสมอ ถ้าทำเพราะกระแสตลาด อาจจะบูมเร็วจริงแต่ก็อาจดับเร็วได้เช่นกัน ต้องมีความอดทนสูงในการรอคอยผลตอบรับ และอดทนต่ออุปสรรคเพราะในการทำธุรกิจแรกๆ จะยังไม่มีการตอบรับ ต้องใช้ความรักและความอดทนรอ และไม่หยุดพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้สินค้าแบรนด์มีคุณภาพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ที่อาจมีกระแสแฟชั่นหรือนวัตกรรมใหม่ๆ สามารถตามได้ทันและผลิตออกมาได้ตามความต้องการของตลาดจริงๆ 

 

สำหรับใครที่สนใจเรื่องการตลาดหรืออยู่ในวงการ Marketing น่าจะคุ้นเคยกับกลยุทธ์พื้นฐาน Marketing Mix 4ps คือ การผสมผสานพื้นฐานการตลาดที่ช่วยสร้างกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าของการทำธุรกิจ เป็นแนวคิดการตลาดยุคใหม่ ที่นอกจากจะเน้นการพัฒนาในตัวแบรนด์เองแล้ว ยังเป็นกลยุทธ์ที่ปรับเปลี่ยนทางฝั่งผู้ซื้อมาช่วยสื่อสารและทำการตลาดให้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ที่ทำการตลาดอาจจะคุ้นเคยกับระบบ 4Ps Marketing Mix หรือ 4Ps 

Overjoyed bride woman in wedding dress clenching fists like winner holding multi colored packages bags with purchases after shopping isolated on pink background. Organization of wedding. Copy space

Mix 4ps Marketing ได้แก่ 

1.Product (ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า) 

2.Price (ราคา)

3.Place (ช่องทางการจำหน่าย)

4.Promotion (การส่งเสริมการขาย)

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน ส่งผลให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปจากเดิม มีการใช้สื่อโซเซียลมีเดียมากขึ้น ดังนั้นจึงมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่ใช้ 4P ไปใช้เป็น 4E Marketing Mix ที่เน้นการสร้างประสบการณ์จากผู้บริโภค และรู้สึกคุ้มค่าในคุณค่าของสินค้าที่ได้รับ จนมีการโฆษณาบอกต่อให้กับผู้ใกล้ชิด หรือมีการเผยแพร่วงกว้างด้วยระบบอินเตอร์เน็ต

 

Marketing Mix 4E ได้แก่ 

1.Experience (ประสบการณ์)

2.Exchange  (สร้างความคุ้มค่า)

3.Everywhere (สามารถเข้าถึงได้ง่ายทุกช่องทางออนไลน์) 

4.Evangeism (ลูกค้าที่สนับสนุนแบรนด์ หรือเรียกง่ายๆว่าลูกค้าขาประจำ) 

 

การนำกลยุทธ์ 4P 4E Marketing มาปรับใช้ธุรกิจยุคดิจิทัล

1.จาก Product เป็น Experience

เนื่องจากผู้บริโภคยุคนี้ไม่ได้โฟกัสเพียงสินค้าเท่านั้น แต่ใส่ใจถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการบริการหรือสินค้าที่ได้ใช้ด้วย ในที่นี้ก็หมายถึงประสบการณ์จากการใช้สินค้า ที่อาจถูกใจในกลิ่น เนื้อสัมผัสของสินค้า คุณภาพที่ได้ และความพึงพอใจหลังจากการใช้สินค้าหรือใช้บริการ  แล้วมีการซื้อซ้ำในครั้งต่อไป หรือการเข้าไปใช้บริการคาเฟ่ในปัจจุบัน ลูกค้าไม่ได้ต้องการเพียงแค่รสชาติเครื่องดื่มเท่านั้น แต่การบริการที่เป็นมิตรจากพนักงาน การที่พนักงานจำรสชาติที่ลูกค้าชื่นชอบได้ การได้ถ่ายรูปสวยๆจากมุมเก๋ๆในร้านเพื่ออัพรูปลงโซเชียล สิ่งเหล่านี้ก็สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค จนต้องกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำ 

 

เนื่องจากปัจจุบันผู้คนจะแชร์ประสบการณ์ลงบนโลกอินเทอร์เน็ต อย่างเช่นไปทานอาหารร้านหนึ่งแล้วได้รับบริการดีจากพนักงาน หรือรสชาติอาหารอร่อยถูกใจ ก็แชร์ลงโซเชียลมีเดีย และข้อความเหล่านั้นก็สามารถแชร์ต่อๆกันไปได้ทั่วโลก สังเกตได้ว่าเมื่อมีการแชร์ในแง่ดี ผู้คนก็จะซัพพอร์ตและแห่แหนกันไปอุดหนุนสินค้าหรือบริการ แต่ถ้าเป็นการแชร์ข้อความในแง่ลบ เช่น ร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบไม่สะอาดมาปรุงเสิร์ฟลูกค้า ข้อความเหล่านั้นเมื่อถูกแชร์ไป ร้านอาหารร้านนั้นก็โดนตำหนิ และขาดลูกค้าเข้าใช้บริการในที่สุด จะเห็นได้ว่าประสบการณ์จากผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคสื่อดิจิทัล จึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะระหว่างหรือหลังซื้อสินค้าและการใช้บริการ เพราะสำหรับทุกวงการธุรกิจ ลูกค้าคือศูนย์กลางในการออกแบบประสบการณ์ระดับโลก 

 

สิ่งหนึ่งที่ทุกธุรกิจออนไลน์ รวมไปถึงธุรกิจที่ต้องใช้สื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย จะต้องคำนึงถึงเพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับกลยุทธ์ นั่นคือช่วงวัยและยุคสมัย หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า Gen (Generation) ถ้าเทียบ Gen X หรือช่วงอายุที่เราเรียกว่าคนยุค90s ที่เมื่อก่อนจะซื้ออะไรต้องได้เห็นได้สัมผัสจึงจะตัดสินใจซื้อ มีการเปรียบเทียบและใช้เวลาในการตัดสินใจ จึงมีความอดทนในการรอมากกว่า คน Gen Y และ Gen Z ที่เติบโตมาในยุคดิจิทัล ล้อมไปด้วยมือถือ แท็บเล็ต ทำให้ประสบการณ์คนเหล่านี้มีความอดทนน้อยกว่า ไม่ว่าอะไรก็ต้องเร็ว อยากรู้อยากทำอะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น ส่งผลให้ Influencer ผู้นำทางความคิดเข้ามามีบทบาทการตลาดทางออนไลน์สูงขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม 

 

เมื่อมีการตรวจสอบสถิติการเล่นโซเชียลในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการค้นหาคำ review เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่า เนื่องจากคนชอบดูการรีวิวสินค้าและให้ความเชื่อในตัวผู้ทำการรีวิวมากกว่าที่จะเชื่อในแบรนด์ ทำให้เกิดอาชีพใหม่คือ Influencer ซึ่ง 75% ของผู้ที่ใช้สื่อโซเชียลจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการตามอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้ Influencer สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับแบรนด์ได้มากถึง 65% ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเทรนด์การใช้ Influencer Marketing 

2.จาก Place เป็น Everywhere 

เพราะสมัยนี้จะมีแต่เพียงหน้าร้านอย่างเดียวคงไม่พอ จะต้องเข้าถึงและสามารถหาซื้อได้ทุกช่องทาง เช่น social media หรือ ecommerce เมื่อผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปหาซื้อ สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าได้ทุกช่องทาง ยอดขายก็เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะทุกช่องทางที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักสามารถเข้าถึงได้ และหรือสามารถตตอบโจทย์ตามสถานการณ์ในขณะนั้นๆได้ อย่างเช่นในช่วงสถานการณ์โรคระบาด ที่ทำให้ผู้คนเลี่ยงการเดินทาง หรือจำกัดการออกนอกเคหสถาน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อได้อย่างมาก และถ้าสังเกต สินค้าใดที่สามารถหาซื้อได้ง่ายในทุกแพลตฟอร์ม จะมียอดการสั่งซื้อมากกว่าสินค้าที่ขายแต่เพียงหน้าร้านเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่สินค้าประเภทอาหารทุกประเภท หากมีการจำหน่ายผ่านทางโซเชียล มีบริการเดลิเวอรี่ ก็สามารถสร้างรายได้ให้กับคนขายแม้ลูกค้าจะไม่ได้มาซื้อเองหรือนั่งทานที่ร้านก็ตาม ซึ่งระบบเดลิเวอรี่ที่เมื่อก่อนจะเห็นเพียงแต่แบรนด์อาหารใหญ่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ก็มีการปรับตัวสามารถสั่งอาหารร้านข้าวแกง หรืออาหารตามสั่งทั่วไปผ่านแอพแล้วให้พนักงานส่งบริการถึงบ้าน เป็นการปรับใช้กลยุทธ์ได้ทุกประเภทธุรกิจและทุกขนาดกิจการจริงๆ 

 

3.จาก Price เป็น Exchange 

ด้วยปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของสินค้ามากกว่าเรื่องราคา ทำให้ผู้ผลิตต้องผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์และตอบรับความต้องการของผู้บริโภค โดยคุณค่าของสินค้าจะต้องสัมพันธ์กับราคา อย่างในอดีตที่ผู้บริโภคจะให้ความสนใจและมีการเปรียบเทียบราคา ทำให้สินค้าหลายแบรนด์มีการลดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่ง เป็นปัจจัยต่อการลดต้นทุนและคุณภาพสินค้าลง เช่น สินค้าชนิดหนึ่งที่ปกติเรทราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 300400 บาท แต่ผู้ผลิตตัดราคาให้ต่ำลงจำหน่ายเพียง 100150 บาท แน่นอนว่าต้องมีคนตัดสินใจซื้อเพราะราคาที่ถูกกว่าแบรนด์อื่น แต่เมื่อได้ใช้สินค้าแล้วกลับพบว่าคุณภาพสินค้าไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร ผ่านไปไม่กี่วันสินค้าก็มีการหมดอายุหรือมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ นั่นเพราะเจ้าของสินค้ามีการลดเกรดวัตถุดิบเพื่อเป็นการลดต้นทุนที่ต้องมาขายในราคาต่ำ 

 

แต่เมื่อการเลือกซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้าได้ทั่วถึง จากราคาที่เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ เปลี่ยนมาเป็นคุณภาพของสินค้า และคุณค่าความพึงพอใจที่ได้รับจากการใช้สินค้าและบริการ ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่าในการจ่ายเงิน อย่างการที่เรายอมจ่ายในราคาที่แพงกว่าเพื่อซื้อโทรศัพท์ไอโฟน เพราะต้องการใช้ฟังก์ชั่นที่ให้ความคุ้มค่าในการใช้งานของผู้ซื้อมากกว่า ไม่ใช่ว่ายี่ห้ออื่นจะไม่ดี แต่ผู้ซื้อยอมที่จะจ่ายในสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานและรู้สึกคุ้มค่ากว่าเท่านั้นเอง 

4.จาก Promotion เป็น Evangelism หรือ Evangelists 

Brand Loyalty ผู้ที่สนับสนุนแบรนด์ หรือผู้ภักดีต่อแบรนด์ แน่นอนว่าช่วงแรกๆเราอาจจะเรียกความสนใจด้วย Promotion การลดราคาและแจกกระหน่ำ แต่ไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนและเจ้าของแบรนด์ก็ไม่สามารถทำได้ตลอด ดังนั้นควรสร้างด้วยคุณค่า-คุณภาพ เอกลักษณ์ของสินค้า และการบริการที่ดี รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ มีกิจกรรมให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ การติดตามผล  เช่น การติดต่อพูดคุยผ่านทางโซเชียล อย่าง เฟสบุค ไลน์ หรือหน้าเว็บเพจแบรนด์ และช่องทางอื่นๆ หรือที่ใครหลายๆคนเรียกว่า แอดมิน ที่คอยทักทายและคอยตอบปัญหากับลูกค้าของแบรนด์ การจัด Workshop ให้ความรู้และทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ซึ่งข้อนี้จะช่วยเปลี่ยนจากลูกค้าขาจรเป็นลูกค้าขาประจำ และยังสามารถเพิ่มเครือข่ายได้จาก Evangelists หรือ Evangelism ทำให้เกิด Word of Mouth (WoM) ที่ลูกค้าช่วยกระจาย บอกปากต่อปาก เป็นการเพิ่มลูกค้าโดยที่แบรนด์ไม่ต้องทำการโฆษณาใดๆ 

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่า 4P จะหมดความสำคัญแล้ว เพราะตราบใดที่ยังมีธุรกิจและการผลิตสินค้า ยิ่งธุรกิจที่เกิดใหม่ ร้านที่เพิ่งเปิดให้บริการ ก็สามารถนำ 4P Marketing มาประยุกต์ใช้กับ 4E Marketing เพื่อสร้างแนวทางให้กับธุรกิจ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับแบรนด์ เพียงแค่รู้จักนำหยิบยกข้อดีของแต่ละข้อนำมาปรับใช้ให้ถูกต้องกับรูปแบบของสินค้า-บริการ และ เวลาหรือยุคสมัย 

 

เพราะยุคดิจิทัล “การขาย” จึงไม่ใช่เพียงแค่การขายอีกต่อไป แต่เน้นการสร้างความประทับใจให้กับผู้ซื้อ สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่าที่จะจ่าย เข้าถึงสินค้าได้ง่าย ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน เปลี่ยนจากลูกค้าขาจรเป็นลูกค้าขาประจำ เป็น Brand Loyalty ที่ภักดีในแบรนด์ มีการกลับมาซื้อและใช้บริการซ้ำ 4E Marketing Mix จึงเป็นกลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้แบรนด์และธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

ถ้าเราไปเดินห้างสรรพสินค้าหลายๆแห่ง เข้าพักโรงแรมระดับ5ดาว ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หรือเคยเข้าโรงงานอุตสาหกรรม จะเห็นว่าพื้นเงาวาว เรียบลื่น ดูสวยงาม คิดว่าหลายๆคนคงจะรู้จักชนิดพื้นแบบนั้นแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นการเคลือบพื้น “พื้นEpoxy” และ “พื้นPU

หรือบางคนก็เรียกรวบยอด pu epoxy รวมกันไปเลย แล้วพื้นอีพอกซีคืออะไร แตกต่างจากพื้นทั่วไปยังไง และดีอย่างไร นั่นสิ! สงสัยเหมือนกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเรามารู้ข้อมูลพร้อมกันเลยค่ะ 

 

อีพอกซี (Epoxy) หรือ โพลีอีพอกไซด์ เป็นพลาสติกพอลิเมอร์เธอร์โมเซตติง ที่ขึ้นรูปจากปฏิกริยาจากสารสังเคราะห์ระหว่างอีพอกไซด์เรซินกับโพลีเอมีน อีพอกซี่เรซิ่นจะมีการใช้งานที่กว้างขวาง ทั้งใช้เป็นตัวประสาน ใช้เป็นวัสดุพลาสติกเสริมแรงไฟเบอร์ แต่ในที่นี้เราจะเน้นในเรื่องการนำอีพอกซี่มาใช้ในงานพื้น การเคลือบพื้นและส่วนของสถานที่ ซึ่งการเคลือบพื้นอีพอกซีจะให้พื้นดูผิวมัน ไม่มีรอยต่อ สีสวย ป้องกันเชื้อรา ป้องกันไฟฟ้าสถิตได้ดี ติดตั้งได้รวดเร็ว ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการขัดสีและสารเคมี แต่ไม่ทนต่อตัวทำละลาย เช่น ทินเนอร์ ทาเคลือบผิวคอนกรีตเพื่อความเรียบเงาสวยงาม ทำความสะอาดง่าย สามารถทาเป็นพื้นหยาบเพื่อกันลื่นได้ สามารถเคลือบได้ทั้งพื้นเรียบและพื้นขรุขระเพื่อให้ผิวดูเรียบขึ้น เหมาะกับสถานที่ต้องการความสะอาดและไร้รอยต่อ ทำความสะอาดง่าย ปราศจากฝุ่น เช่น พื้นห้างสรรพสินค้าที่เราเดินช้อปปิ้ง พื้นโรงพยาบาล พื้นห้องยา โชว์รูม คลังสินค้า ห้องเก็บวัสดุ ที่มีการเคลื่อนไหวและกระแทกตลอดเวลา 

แต่..อีพอกซี่เรซิ่นไม่เหมาะกับการใช้งานภายนอกอาคารเพราะไม่ทนต่อแสงแดด ถ้าโดนแสงUV คุณสมบัติในสารเคมีของอีพ็อกซี่จะเสื่อมเร็ว จึงเหมาะกับการใช้งานภายในเท่านั้น มีความลื่นจึงต้องระวังในการเดินบนพื้นอีพอกซีที่เปียก มีอายุการใช้งานประมาณ 8 ปี แต่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย โดยการขูดออกและทาทับได้เลย และก่อนทาอีพอกซีควรจะวัดความชื้นของพื้นคอนกรีตก่อน เพราะถ้าพื้นคอนกรีตมีความชื้น แล้วทาทับลงไป เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งความชื้นของพื้นจะดันขึ้นมาที่อีพอกซี่จนทำให้เกิดเป็นฟิล์มและอีพอกซีหลุดลอกออกเป็นแผ่น 

 

พื้นอีพอกซี่จะมีแบบ Epoxy Coating และ แบบปูนขัดสด หรือ Floor Hardener เป็นแบบวิธีขัดสด แล้วค่อยสาดปูนที่เป็น Floor Hardener ซึ่งเป็นปูนชนิดหนึ่งแต่เพิ่มสารที่ให้ความแกร่งและทนทานเข้าไป พื้น ทำให้หน้าปูนมีความแข็ง แล้วค่อยโค้ตติ้งทับอีกชั้น เหมือนบางห้างที่ดูพื้นแล้วเป็นสีปูนแต่มีความเรียบเงา แต่ข้อเสียคือ ด้วยความที่ floor hardener มีความแข็ง ไม่มีความยืดหยุ่น เมื่อเกิดรอยร้าวก็จะแตกได้ต่อเนื่องเลย ซ่อมแซมพื้นไม่ได้ หรือแม้แต่แบบลอฟท์ขัดสดก็เช่นเดียวกัน 

 

การเคลือบอีพ็อกซี่จะทำการโค้ตติ้งบนพื้นปูนหรือคอนกรีตอีกที epoxy coating จึงสามารถทำทีหลังได้ โดยจะต้องเตรียมพื้นผิวให้เรียบร้อย อีพอกซี่โค้ตติ้งมีความแข็งแรง ทนทานต่อกรดและด่าง และด้วยที่มีความยืดหยุ่นสูงทำให้สามารถปิดทับพื้นที่มีรอยแตก หรือทำปิดซ่อมพื้นได้ และยังทำให้เกิดความเงาสวย 

 

แต่เนื่องจาก Epoxy Coating เป็นสาร Bitumen (สารที่ได้จากการกลั่นปิโตเลียม) ที่มีองค์ประกอบสารตะกั่วปะปนอยู่ จึงควรตรวจสอบให้ดีสำหรับผู้ที่แพ้สารตะกั่วอย่างรุนแรง 

 

การใช้งาน epoxy โดยปกติจะมีสารมา 2 ส่วน เป็น พาร์ท A และ พาร์ท B มาผสมกันตามสัดส่วน และเมื่อผสมเข้าด้วยกันแล้วจะต้องใช้งานให้หมด เพราะที่เหลือจะแข็งจนนำไปใช้งานต่อไม่ได้ การเก็บก็ต้องแยกเก็บส่วน  A และ B แยกไว้ต่างหาก จะผสมเมื่อจะใช้งานเท่านั้น และควรให้ช่างผู้ชำนาญดำเนินการ หากจะทำเองก็อาจทำได้หากทำในส่วนบริเวณเล็กๆ 

 

ที่จริงพื้นอีพอกซี่จะมีด้วยกันหลายชนิด แต่ที่จะพบโดยส่วนใหญ่ก็จะมี Epoxy Coating มักจะเห็นการทำพื้นอีพ็อกซี่ในห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ลานจอดรถ โรงพยาบาล ใช้ตีเส้นจราจร และ Epoxy leveling ที่มักนิยมใช้ในสถานที่ต้องการความเรียบไร้รอยต่อ เช่น โชว์รูมรถยนต์ ห้องแลป พื้นโรงงาน พื้นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โรงแรมระดับ5ดาว รีสอร์ทหรู ฯลฯ 

 

Epoxy Coating Flooring สามารถทาพื้นปูนและพื้นคอนกรีตได้ทั้งเก่าและใหม่ มีความเงางาม สีสันสดใน ทำความสะอาดและดูแลง่าย เหมาะกับอุตสาหกรรมเบา และเลือกได้ทั้งผิวเรียบและผิวขลุขระ ใช้เคลือบหรือทาบนเบสที่มีความหนาน้อยกว่า 2 มิลลิเมตรลงมา ใช้ A+B แล้วทาได้เลย เหมือนเป็นการทาสี ส่วนใหญ่พื้นโรงงานepoxyราคาตามความหนาของพื้น ถ้าพื้นบางก็ถูกลงมาอีก ส่วน Epoxy self leveling คือ พื้นอีพอกซี่ที่มีความหนาในการใช้งานเกิน 2 มิลลิเมตรขึ้นไป เป็นสีที่ปรับผิวเรียบได้ด้วยตัวเอง เซ็ตตัวเองได้ทันทีเมื่อแห้งบนเบสที่ 2 มิลลิเมตรขึ้นไป เป็นที่นิยมนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมและอาคารบ้านเรือนอาศัย ยิ่งมีความหนาก็ยิ่งมีความแข็งแรงและราคาก็สูงตาม 

 

นอกจากนี้ยังมีชนิดพื้นโพลียูริเทนหรือพื้นPU (Polyurethane) พื้นโพลียูรีเทนคือพื้นยางสังเคราะห์ที่ใช้ทดแทนยาวธรรมชาติ เพราะพียูเป็นสารพอลิเมอร์เทอร์โมเซ็ตติ้งชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับอีพอกซี่ เป็นสารเคลือบผิวที่มีประสิทธิภาพสูง ส่วนใหญ่จะมีความหนา 39 มิลลิเมตร เป็นพื้นที่เหมาะในบริเวณที่ใช้งานหนัก ด้วยลักษณะหยาบ กันลื่นได้ดี มีคุณสมบัติแตกต่างจากพื้น Epoxy คือ พื้นพียูจะมีตัวล่างเป็นตัวเบสและมีหลายเลเยอร์ พื้นพียูจะป้องกันความชื้นไหลซึมผ่านฟิล์มสีจะเหมาะกับพื้นที่ต้องทนความเย็น เคลือบผิวคอนกรีตอุตสาหกรรมที่เปียกและแห้ง ห้องแช่ ห้องเย็นติดลบ ห้องโหลดสินค้า พื้นที่ต้องใช้งานหนัก เหมาะกับโรงงานอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม งานแช่แข็ง งานห้องเย็น ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา จึงเหมาะกับสถานที่ต้องการควบคุมฝุ่นและเชื้อโรค เช่น โรงงานอุตสาหกรรมอาหารและยา ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อสารเคมี ทำความสะอาดง่าย ด้วยความที่พื้นpuคุณสมบัติมีความแข็งแรงมากกว่าพื้นทั่วไป พื้นpuราคาต่อตารางเมตรจึงค่อนข้างสูงกว่า 

 

แล้วพื้นพียูแตกต่างยังไงกับพื้นอีพอกซี่…พื้นพียูจะมีความทนต่อแสงยูวีได้มากกว่า จึงสามารถใช้ได้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร พื้นผิวพียูจะไม่แข็งเท่าพื้นอีพอกซี่ จัดการความชื้นได้ดีกว่า และทนทานต่อสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิได้แบบสุดขั้วกว่า อย่างห้องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส  ลานสนามกลางแจ้ง แต่พื้นพียูจะยึดติดพื้นคอนกรีตได้ไม่ดีเท่า มีความหนาที่ค่อนข้างต่ำ และส่วนใหญ่โพลียูรีเทนจะเป็นตัวทำละลาย นั่นแสดงว่ามีค่า voc สูง  แต่ในขณะเดียวกันพื้นอีพ็อกซี่จะมีความต้านแรงอัดได้สูงกว่า  ถ้าเทียบกันในเรื่องของพื้นอุตสาหกรรม พื้นอีพอกซีจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นอุตสาหกรรมหนัก บริเวณที่มีจราจรหนาแน่นอย่างศูนย์ของธุรกิจประเภทโลจิสติกส์ คลังสินค้า แต่พื้นโพลียูรีเทนจะตอบโจทย์กับอุตสาหกรรมอาหาร อาทีเช่น อุตสาหกรรมอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์นมและชีส เพราะถ้าเลือกใช้พื้นอีพอกซีที่มักจะมีกรดแลกติกอยู่ในสภาพแวดล้อมของโรงงานประเภทดังกล่าว จะถูกกัดกร่อนและมีคราบเหลือง แต่พื้นพียูจะไม่มีปัญหานี้ หรือจะเลือกเป็นการผสมผสานระหว่างทั้งสอง แต่ต้องเลือกช่างที่ชำนาญการโดยเฉพาะเป็นผู้ทำ เพราะจะผิดพลาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไม่ได้เลย หากคุณไม่อยากเสียเงินซ้ำซ้อนในการซ่อมแซมในอนาคต 

ไม่ใช่แค่เพียงพื้นห้างสรรพสินค้า หรือโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น แม้แต่ลานอเนกประสงค์ หรือพื้นpuสนามกีฬาในร่ม เช่น สนามแบดมินตัน สนามบาสเก็ตบอล สนามฟุตซอลล์ ก็เริ่มหันมานิยมใช้เป็นพื้นยางสังเคราะห์PU หรือพื้นโพลียูรีเทน ซึ่งเมื่อก่อนบางสนามจะใช้เป็นพื้นไม้ แต่เพราะพื้นไม้ทำความสะอาดยาก ไม่ค่อยทนต่อแรงขีดข่วน และบางครั้งก็เกิดอุบัติเหตุเพราะพื้นลื่น แต่ในกรณีพื้นพียูจะช่วยเรื่องกันลื่นได้ ช่วยถนอมข้อเท้าและเข่า เพราะดูดซับแรงกระแทกได้ดี มีความแข็งแรงทนทาน และมีความสวยงาม ซึ่งยางสังเคราะห์นี้สามารถใช้ได้ทั้งในร่มและสนามกลางแจ้ง เพราะทนต่อแสงUV ได้ดี เป็นพื้นยางสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ และทนทานกว่าพื้นยางสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ พื้นยางสังเคราะห์ที่ทำจากยางมะตอยหรืออคริลิค จึงมีการเรียกใช้ช่างเปลี่ยนพื้นพียูกันกันมากขึ้น แน่นอนว่าการจะเปลี่ยนพื้นจะต้องให้ผู้ชำนาญและช่างที่เชี่ยวชาญทำ เพราะหากทำเองหรือไม่มีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนการทำมากพอ อาจประสบปัญหาตามมาได้ เช่น ทาไม่นานก็สีหลุดร่อน หรือเคลือบพื้นอีพอกซีแล้วก็บวม ต้องมีการเรียกช่างมาแก้ไข ซึ่งอาจต้องเสียค่าซ่อมแซมมากกว่าเดิม 

 

สำหรับบางคนที่อาจชอบลักษณะและคุณสมบัติของพื้นอีพ็อกซี่และพื้นพียู อยากทำพื้นที่บ้านบ้าง ถ้าที่เคยเห็นก็จะมีการทำพื้นอีพ็อกซีหรือพื้นพียูในเชิงพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านเกม ร้านคอมพิวเตอร์ ร้านเสริมสวยหรูๆ สำนักงาน ออฟฟิศ ในส่วนราชการบางพื้นที่ และภาคเอกชนหลายแห่ง รวมไปถึงการทำพื้นโรงจอดรถที่บ้าน หรือนำไปใช้ในระบบกันซึม ใช้เพื่ออุดรอยรั่ว-พื้นกันซึมในห้องน้ำ ระบป้องกันการรั่วซึม ระบบกันซึมดาดฟ้า บริเวณในบ้าน หลังคา ชั้นใต้ดินของอาคาร บ้านเรือน โรงงาน โดยทาป้องกันไว้เผื่อรั่วซึมในอนาคต หรือทำกันซึมเพื่อซ่อมแซมปรับปรุง กันซึมมีแบบทา (coating) และแบบเป่าไฟ (membrane) โดยกันซึมแบบทาหรือโค้ดติ้งจะเป็นน้ำยาผสมอะคริลิค มีแบบทนรังสี uv ที่เหมาะกับการทาภายนอกอาคาร หลังคา ผนังด้านนอก และแบบไม่ทนรังสี uv เหมาะกับการทาภายในอาคาร หรือบริเวณที่มีฉาบปิด เช่น ห้องน้ำ แท็งค์น้ำ บ่อเก็บน้ำใต้ดิน สระว่ายน้ำ เป็นต้น 

 

แต่ในกรณีสนใจทำเป็นพื้นบ้านหรือต้องการสอบถามรายละเอียด ไม่ว่าจะราคาทำพื้นepoxyต่อตารางเมตรเท่าไร ข้อมูลเกี่ยวกับการทำพื้นยางสังเคราะห์โพลียูรีเทนราคาประหยัด ราคาอีพ็อกซี่ ทำพื้นpu ทำพื้นepoxy ก็สามารถติดต่อบริษัทรับทำพื้นอีพ็อกซี่ ซึ่งนอกจากรับทำพื้นepoxy  พื้นอีพ็อกซี่ราคามิตรภาพแล้ว ยังรับบริการทาสีอาคาร บริการงานตีเส้นจราจร รับติดตั้งงานระบบกันซึม รับทากันซึมดาดฟ้า ฝ้าเมทัลชีท รับติดตั้งหลังคาเมทัลชีท และหลังคาpolycarbonateราคาถูก เป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานสูง  และมีการันตีรองรับ SGS มีทั้ง GMP ,  ISO และ HACCP  ซึ่งเขารับประกันงาน  มีบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพทุกฝ่าย ที่มีประสบการณ์มายาวนาน และบริการมาแล้วทั่วประเทศ 

3d rendering empty room with white wall and floor

เมื่อพูดถึงหลังคาและแผ่นโพลีคาร์บอเนต บางสถานที่ก็นิยมนำไปใช้เป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตกั้นห้อง หรือใช้ในการทำโรงเรือนเพาะต้นไม้ ยิ่งช่วงโควิดระบาด เกิดกระแสการเพาะต้นไม้ขาย สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เพาะต้นไม้ จนต้องสร้างโรงเรือนต้นไม้ โดยการขึ้นโครงเสาง่ายๆและใช้หลังคาโปร่งแสงโพลีคาร์บอเนตหรือแผ่นโพลีคาร์บอเนตใสราคาที่ไม่แพงเพื่อทำแบบโรงเรือนเปิด ทำให้มีแสงแดดเข้าสู่ภายในเรือนแต่ไม่แรงจนเกินไป พอเหมาะต่อการเจริญเติบโตของกล้าไม้ได้ดี  

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบโรงงาน สำนักงาน ครัวเรือน ที่สนใจในเรื่องปรับปรุงซ่อมแซมหรือเปลี่ยนพื้น หรือมีรอยรั่วรอยซึมในตัวอาคาร ต้องการทำระบบกันซึม การจะทำเองไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งถ้าเป็นบริเวณที่มีเนื้อที่กว้างยิ่งควรใช้บริการบริษัทหรือช่างที่มีประสบการณ์ตรง แต่การจะต้องเลือกบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือ จะต้องมีการรองรับมาตรฐานโรงงานอย่าง ISO มีผลงานการันตี อย่าเลือกเพียงเพราะราคาถูก หรือเรียกใช้บริการช่างที่ไม่สามารถตรวจสอบระบบได้ เพราะอาจเสี่ยงในการทิ้งงาน งานไม่มีคุณภาพ หลอกคิดค่าบริการสูงแต่ใช้เกรดวัสดุต่ำ เชื่อว่าไม่มีใครอยากสูญเงินเปล่า หรือเสียเงินซ้ำซ้อนเพราะการซ่อมงานทีหลัง และมานั่งเจ็บใจเข้าทำนองที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย 

 

เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะต้องเคยเจอหรืออาจกำลังเจอคนที่ชอบเอาชนะ ชอบเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ อวดฉลาดและชอบข่มคนอื่น ซึ่งอาจเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก หรือเป็นคนที่ทำงาน และแม้แต่คนในครอบครัว ที่อาจต้องเจอกันทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 

คนที่ชอบเอาชนะ ที่ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ชอบคิดว่าตัวเองเก่งและเหนือกว่าคนอื่น ก็มักจะทำให้เรารู้สึกรำคาญหรืออารมณ์เสียบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ได้แต่ส่ายหน้าและปล่อยๆไปถือว่ากำลังบำเพ็ญตบะ ประมาณ มารไม่มีบารมีไม่เกิด อะไรประมาณนั้น เพราะคนประเภทนี้ชอบแข่งขัน พยายามเสนอตัว อวดอ้างสรรพคุณความเก่งความฉลาดของตัวเอง เพื่อข่มคนอื่นให้รู้สึกเหนือกว่า เพราะต้องการการยอมรับจากคนที่เขากำลังข่มและจากคนทั่วไป เพื่อให้ตัวเองรู้สึกชนะ ตัวเองเก่งและถูกต้องกว่าใครๆ ถึงแม้ว่าคนอื่นไม่ได้ต้องการจะแข่งขันตั้งแต่แรก แต่ต้องทำเฉยปล่อยให้เขารู้สึกเหนือกว่าเพื่อตัดความรำคาญ 

 

แน่นอนว่าแต่ละคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แต่คนประเภทนี้จะไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่ต่างจากคนอื่น เพราะเชื่อมั่นว่าความคิดของตัวเองถูกต้องและดีที่สุด เมื่อมีใครไม่เห็นด้วยหรือแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับตน ก็จะพยายามโต้แย้งด้วยสารพัดเหตุผลที่อ้างไปเรื่อย หรือไม่ก็พยายามคาดคั้นจนอีกฝ่ายรำคาญและตัดปัญหาด้วยการยอมๆไปเสีย เรื่องจะได้จบๆ แต่ถ้าเราตอบโต้ไปตรงๆ อาจทำให้เกิดปัญหาบานปลายจนถึงขั้นทะเลาะวิวาทได้ แต่ถ้าอยู่เฉยๆก็รบกวนชีวิตประจำวันหรือประสิทธิภาพในการทำงาน และการที่ต้องใช้ความอดทนบ่อยๆก็อาจเสียสุขภาพจิตได้เช่นกัน แต่เมื่อหลีกหนีคนประเภทได้ยากเพราะอาจพักที่เดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน ก็จำเป็นต้องรู้วิธีการรับมือกันสักหน่อย 

1. มองโลกในแง่ดี เขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนประเภทนั้น ซึ่งอาจเป็นการทำแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ของตนทำให้คนรอบข้างอึดอัด เพราะเขาคิดว่าเขาเก่งและเขาทำถูกต้องแล้วทุกอย่าง ในขณะที่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนั้น แค่ปล่อยผ่านด้วยความรำคาญ อืมม.. ข้อนี้จะทำให้เราวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กันไป ซึ่งก็ดีนะ คิดแง่บวกก็ดีกว่าคิดแง่ลบ 

2. ทำความรู้จักตัวตนเขาให้มากกว่านี้ก่อน อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนที่ต้องทำความรู้จักคนประเภทนี้ให้มากขึ้น เพราะความอึดอัดที่เขาสร้างมันไม่น่าเข้าใกล้จนอยากรู้จักมากไปกว่านี้ แต่ถ้าพยายามมองว่าบางทีเขาอาจจะเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง ที่อาจมีปมด้อยอะไรอยู่จึงพยายามสร้างตัวตนให้เด่นให้เหนือกว่าคนอื่น เพื่อลบปมด้อยนั้นและทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น แต่ก็ใช่แหล่ะนะว่าจริงๆเขาควรลบปมด้อยด้วยวิธีอื่นดีกว่า ต้องเป็นคนมีเมตตาสูงนะถึงจะทำข้อนี้ได้ แต่ก็ถือซะว่ากำลังฝึกตนให้เป็นคนมีเมตตาจิต

3. อย่ารีบคัดค้านสิ่งที่เขาพูดหรือการกระทำของเขา เพราะคนประเภทนี้คิดอยู่เสมอว่าตนเองถูกต้องที่สุด เมื่อมีคนทักท้วง ตั้งข้อสงสัย หรือคัดค้าน เขาจะเกิดความรูสึกไม่พอใจทันที เพราะเขาจะคิดว่านั่นคือการแสดงออกว่าเขาผิด เขาก็จะพยายามตอบโต้ด้วยความอยากชนะที่รุนแรงกว่าเดิมทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะคำพูดที่ขัดแย้ง คำถามย้อนกลับ และตามด้วยความคิดความรู้ของตนที่อาจถูกหรือไม่ถูกก็ตาม และต่อให้เขาไม่แน่ใจว่าความรู้ของตนถูก100% หรือไม่ แต่เขาก็จะทำย้อนและแย้งจนอีกฝ่ายรำคาญและยอมจำนนไปเอง นอกเสียจากว่าจะเจอคนที่ชอบเอาชนะเหมือนกัน ถึงจะเป็นมวยถูกคู่ แต่แน่นอนว่าปัญหาก็คงไม่จบง่ายๆเช่นกัน จนกว่าทุกฝ่ายจะยอมเขานั่นเอง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายและลุกลามใหญ่โต(เพราะคนประเภทนี้ไม่ยอมลงง่ายๆ) เราจึงต้องวางเฉย คิดเสียว่าเหมือนกำลังคุยกับเด็กเล็กในร่างผู้ใหญ่ไปล่ะกัน และให้เด็กชนะเหมือนที่เรามักทำกับเด็กๆนั่นเอง 

4. ทำเป็นเห็นด้วยกับเขา เพื่อหลีกหนีการปะทะ การที่คนประเภทพยายามเสนอตัวทำโน่นทำนี่ และชอบข่มคนอื่นเสมอนั้น เพราะอยากเป็นที่ยอมรับในสังคม จึงพยายามทำให้เหมือนตนนั้นเก่งกว่าใครๆ จนฝังความเชื่อไปแล้วว่าสิ่งที่ตนคิดตนทำนั้นถูกต้องที่สุด ดังนั้นการที่จะไปคัดค้านหรือแย้งในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้องกับคนประเภทนี้จึงเป็นสิ่งที่เหนื่อยเปล่า จึงทำเป็นว่าเห็นด้วยและจบเรื่องไป เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขาชนะแล้ว แม้ว่าเราจะอึดอัดแต่ก็ดีกว่าต้องทะเลาะกับคนประเภทนี้ เชื่อเถอะ! ไม่คุ้ม!!

 

5. เมื่อต้องคุยงานควรทำเป็นกลุ่มดีกว่า เพราะคนประเภทนี้จะมีนิสัยชอบเอาหน้าเข้าตัวอยู่แล้ว และไม่ว่าเราเสนออะไรไป เขาก็จะมีสิ่งที่ตัดสินใจไว้อยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะหาทางจบที่ความคิดและไอเดียตัวเองอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือใครก็ตาม ทางที่ดีเมื่อต้องการจะเสนอไอเดียของตัวเอง พยายามเสนอในกลุ่มหรือในที่ประชุมจะดีกว่า การเสนอไอดีแบบตัวต่อตัว เพื่อให้คนอื่นได้รู้ถึงไอเดียและผลความคิดของเรา และยังช่วยป้องกันไม่ให้เขาแอบอ้างเอาความคิดไอเดียของเราไปเป็นผลงานของเขา หรือโยนความผิดให้เราหากไอเดียเขาไม่เป็นที่ยอมรับ 

 

6. เข้าร่วมสนทนาเฉพาะที่จำเป็น เพราะการเลี่ยงเข้าร่วมวงสนทนาที่ไม่จำเป็น จะเป็นการตัดปัญหาตั้งแต่แรก และช่วยลดทอนจำนวนที่ต้องจำใจไปกับความคิดเห็นของพวกเขา เรียกได้ว่าเกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นจะดีกว่า 

 

7. เตือนตัวเองเสมอว่า เหตุผลไม่สามารถใช้กับคนประเภทนี้ได้ แล้วรีบจบการสนทนาให้เร็วที่สุด เพราะอย่างที่รู้และพูดกันมาหลายข้อแล้วว่า คนประเภทนี้คิดแต่ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้องที่สุด ต่อให้เรามีความรู้ความชำนาญที่แท้จริง หรือมีข้อมูลที่ศึกษามาแล้วก็ตาม แต่จะให้หาเหตุผลมาคุยด้วยก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น เขาจะไม่ยอมรับ และจะยิ่งทำทุกทางเพื่อเอาชนะ หรือจนกว่าอีกฝ่ายจะยอม เรื่องทุกอย่างถึงจะจบ ทางที่ดีเราจึงควรรีบจบการสนทนานั้นเลยดีกว่า จะไม่ได้ไม่ต้องเสียเวลาและสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ให้กับคนประเภทนี้ ถึงแม้ว่าเราจะมั่นใจว่าข้อมูลเราถูกต้อง แต่สู้ไปคุยกับคนที่มีเหตุผลและยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นแบบคนโตๆกันแล้วดีกว่า สบายใจและมีอรรถรสกว่าเยอะเลย 

 

8. ให้มองว่าจริงๆเขาเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะคนประเภทนี้อาจต้องการความช่วยเหลือ อยากเป็นที่ยอมรับ อยากเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด อยากเป็นที่สนใจ แต่อาจแสดงออกไม่เป็น ซึ่งจริงๆแล้วเขาอาจอยากทำตัวให้ดีกว่านี้ แต่อาจทำไม่ได้เพราะเขาไม่เคยทำนั่นเอง เราพบเจอคนแบบนี้ในสังคมได้ทุกที่ เพราะบางคนอาจเกิดและเติบโตมาท่างกลางครอบครัวที่ไม่ให้ความสำคัญ หรือมักถูกเปรียบเทียบ หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมที่บีบบังคับให้เขารู้สึกมีปมด้อย จนต้องการเป็นที่ยอมรับและแสดงออกมาในรูปแบบของพวกเขา โดยที่เข้าใจว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง 

 

9. สู้ด้วยพลังงานบวก ไม่ใช่พร้อมบวกที่เป็นการพร้อมต่อสู้ต่อกร แต่เป็นพลังงานด้านบวกหรือที่เราพูดสั้นๆว่า คิดบวก  เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกคนประเภทนี้ข่ม หรือต้องการเอาชนะจากพวกเขา การที่เราโต้ตอบกลับด้วยวิธีเดียวกัน ก็ยิ่งทำให้ปัญหามันบานปลาย และไม่มีทางจบลงได้ง่าย จนลุกลามไปถึงบุคลอื่น กระทบต่องาน หรือสถานที่ แค่ฟังก็รู้สึกถึงพลังงานด้านลบเต็มๆ จะดีกว่าถ้าเราพยายามตั้งสติ มีสติให้มากที่สุด โดยไม่ไปตอบโต้ ไม่ต้องไปใส่ใจ ใช้พลังงานด้านบวกให้ตัวเองเยอะๆ เพราะชีวิตเรามีอะไรมากกว่าแค่ตรงจุดนี้ และมีใครอีกหลายคนที่เราควรให้ค่าให้ความสำคัญ 

 

10. อย่าไปให้ค่าและแพ้อย่างฉลาด ในบางครั้งเราก็ต้องยอมแพ้เพื่อรักษามิตรภาพ แต่บางครั้งเราก็ยอมแพ้เพื่อตัดปัญหา และบางครั้งเราก็ยอมแพ้เพื่อตัดความรำคาญแก่คนหมู่มาก เพราะการชนะไม่ได้สำคัญไปกว่าความสัมพันธ์ที่ดีๆ และการชนะกับบางคนอย่าไปคาดหวัง เพราะนอกจากจะไม่มีทางได้ชนะง่ายๆแล้ว ระหว่างนั้นจะมีแต่การสร้างความรำคาญให้คนรอบข้าง แล้วจะดีตรงไหนหากจะสร้างพลังงานด้านลบให้กระทบกับคนรอบข้าง สำหรับคนที่มีสติและคิดได้ จะเลือกที่จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่เป็นการแพ้ที่ฉลาด เพราะการแพ้ก็ไม่ได้ทำให้เราเจ็บป่วย หรือเสียหายอะไรมากมาย แถมยังช่วยรักษาความสงบให้กับตัวเองและผู้คนรอบข้างอีกด้วย ปล่อยให้คนประเภทนี้ชนะไปเถอะ ถ้าทำใจให้เขาชนะไม่ได้ ก็คิดเสียว่า “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” ดีเสียอีก ไม่ต้องบวชก็เป็นพระได้ … 

 

11. พูดเท่าที่จำเป็น เมื่อคนประเภทนี้พยายามมาสร้างกฏเกณฑ์ หรือบอกให้เราทำแบบนั้นแบบนี้ดีกว่า เราก็แค่กล่าวขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่..ไม่จำเป็นต้องทำตามถ้ามันไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับชีวิตเราจริงๆ ทำเฉยๆลืมๆไปเสีย แต่ถ้าเป็นคำแนะนำที่ตนคิดจะทำอยู่แล้วก็แค่ขอบคุณเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกับเขาคือการอวดฉลาดบอกให้เขารู้ว่าตนรู้อยู่แล้ว การขอบคุณเป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติคน แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดใจ แต่การให้เกียรติคนก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราควรพึงมี 

คนที่มีนิสัยชอบเอาชนะ อวดฉลาด และชอบข่มคนอื่นอยู่เสมอ จะชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และมีความหลงตัวเองอยู่เป็นทุนมหาศาล ไม่ยอมที่จะเสียหน้า หรือต่อให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายคัดค้านความรู้ความคิดของตน ก็จะต้องหาคำ หาข้ออ้างอิงต่างๆนาๆเพื่อยกมาประกอบให้ตนเหนือกว่าเสมอ หากใครที่ต้องเจอคนประเภทนี้อยู่หากทำได้ตาม 11 ข้อที่กล่าวมาอย่างสม่ำเสมอ ยินดีด้วย คุณคือคนที่มีความเมตตาและความอดทนสูงมากคนหนึ่ง แต่ก็นั่นล่ะทุกคนมักจะมีข้อจำกัด หากมีความพยายามสูงแต่มันสวนทางกับการที่ต้องเสียสุขภาพจิต ก็คิดเสียว่าไม่ใช่ที่ของเรา แต่นั่นก็ต้องหลังจากที่คุณลองพยายามดูก่อนนะ เพื่อที่เมื่อเวลาคุณเดินออกไป คุณจะได้ไม่ต้องเสียดาย เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ถ้าเป็นกรณีคนในครอบครัวที่หลีกหนีไปไหนไม่ได้ ต้องหาโอกาสพูดคุยด้วยคำพูดดีๆ ด้วยเหตุผลและความเข้าใจ สถานการณ์ก็อาจจะดีขึ้น และลองสังเกตดูว่าเขามีอาการที่คล้ายกับการเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ เพราะการชอบเอาชนะ การชอบข่มคนอื่น การอยากเหนือกว่าคนอื่น การอยากเป็นที่ยอมรับ ก็อาจเป็นอีกสาเหตุของอาการโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน แต่..บางคนก็แค่ชอบความรู้สึกที่ได้เป็นคนชนะและเหนือกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง