tt ads

“Trick or Treat” จะให้หลอกหรือให้ปล้น เอ้ยย ไม่ใช่ จะให้ขนมหรือให้หลอก … นี่ก็ใกล้สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว เป็นอีกวันที่เด็กๆรอคอย  เพราะเป็นวันเทศกาลฮาโลวีน ที่จะได้แต่งชุดผีออกไป Trick or Treat ในการขอขนมตามบ้านต่างๆ และมีการจัดบ้านเรือนเป็นแฟนตาซีธีมผีหลากชนิด รวมไปถึงจัดตกแต่งด้วยการจุดเทียนภายในฟักทองที่แกะสลักให้มีตามีฟันเหมือนกำลังแสยะยิ้ม!

เรามารู้จักสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันฮาโลวีน วันที่มีธีมสีส้มดำและการแต่งผีกันทั่วโลก และรู้ถึงที่มาของสิ่งเหล่านี้กันหน่อยดีกว่า 

Trick or Treat 

เมื่อแปลแล้วจะหมายถึง หลอกหรือเลี้ยง โดยเด็กๆจะแต่งตัวเป็นผีต่างๆ แล้วไปเคาะประตูบ้านเรือนต่างๆ แล้วเอ่ยคำว่าTrick or Treat คือจะยอมให้ขนมหรือจะให้หลอก หากเจ้าของบ้านตอบว่า Treat แสดงว่ายอมให้ขนมแต่โดยดี แต่ถ้าตอบว่า Trick ก็คือไม่ให้ขนมแต่ให้เด็กๆหลอกผีใส่แทน โดยเด็กที่ไปเคาะประตูอาจมีการหลอกหรือแกล้งเล็กๆน้อยๆ เช่น ทำท่าทางหลอก อาจแกล้งนำไข่ดิบใส่ในตู้จดหมาย นำหนังสือพิมพ์ไปซ่อน ฯลฯ แต่สุดท้ายเจ้าของบ้านก็จะให้ขนมหรือลูกกวาดกับเด็กๆในที่สุด โดยเด็กๆจะเลือกเข้าไปเคาะเรียกจากการที่มีการตกแต่งด้วยฟักทองจุดเทียนไว้หน้าบ้าน เพราะนั่นหมายถึงยินดีต้อนรับเด็กๆเข้าไปทำการเล่น Trick or Treat (โดยเจ้าของบ้านจะมีการเตรียมขนมหรือลูกกวาดต่างๆไว้ให้) 

ที่มาของการเล่น Trick or Treat นี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อคริสต์ศตวรรษที่9 โดยชาวยุโรปจะยึดถือวันที่ 2 พฤศจิกายน จะมีการขอบริจาคขนมเค้ก หรือเรียกว่า Soul Cake เป็นเค้กสำหรับวิญญาณ เพราะเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของผู้ที่บริจาคขนมเค้กจะได้บุญมากขึ้น และมีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์มากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นขนมต่างๆให้กับเด็กๆแทนขนมเค้ก

หัวฟักทองแกะสลัก 

หัวฟักทองที่ถูกเจาะทำตา แกะสลักทำเป็นปากที่กำลังแสยะยิ้ม หรือที่รู้จักในนามว่า Jackólantern (แจ็ค โอ แลนเทิร์น / lantern = ตะเกียง) หัวฟักทองแกะสลักและจุดเทียนไว้ด้านในสำหรับการตกแต่งไว้หน้าบ้านยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์เทศกาลฮาโลวีน โดยมีที่มาจากเรื่องเล่าตำนานของชาวไอริช ที่กล่าวถึงชาวนาจอมเจ้าเล่ห์ชื่อ แจ็ค ที่ในสมัยนั้นจะมีจอมปีศาจออกขอพืชผลจากชาวบ้าน และไม่มีบ้านไหนที่จะกล้าปฏิเสธเพราะกลัวต้องคำสาป แต่แจ็คกลับไม่หวาดกลัวและไม่เคยให้อะไรกับปีศาจเลย จนกระทั่งวันหนึ่งปีศาจได้มาปรากฏตัวและสำแดงเดชกับแจ็คเพื่อให้เขาหวาดกลัว แต่นอกจากแจ็คไม่กลัวแล้ว ยังหลอกล่อให้ปีศาจตามขึ้นไปบนต้นไม้และได้เขียนกากบาทกางเขนไว้ ทำให้ปีศาจถูกขังและไปไหนไม่ได้ แจ็คจึงทำข้อตกลงกับปีศาจอย่ามาวุ่นวายกับเขาอีก และห้ามมีคำสาปใดๆหรือพาเขาลงนรก แล้วแจ็คก็ได้ทำการปล่อยปีศาจหลังจากที่ทำการตกลง เมื่อแจ็คตายลงวิญญาณเขาไม่สามารถไปสวรรค์ได้เพราะความดีไม่เพียงพอ แต่ก็ลงนรกไม่ได้ด้วยข้อตกลงกับปีศาจ ทำให้วิญญาณของแจ็คต้องเร่ร่อน ท่ามกลางความมืดและอากาศที่หนาวเหน็บ ปีศาจได้ให้ท่อนไฟจากนรกที่คุกรุ่นกับเขาเพื่อคลายความหนาว และแจ็คก็ได้นำใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อไฟจะได้ไม่ดับ…จากนั้นมาชาวไอริชก็ได้ทำตามโดยการแกะสลักผักกาดturnipให้กลวงเหมือนโคมไฟและใส่ไฟไว้ด้านใน เป็นสัญลักษณ์แห่งการหยุดความชั่วร้าย แต่การจัดฮาโลวีนในอเมริกา ได้ใช้หัวฟักทองแทนผักกาดเพราะหาได้ง่ายกว่ามาก จึงมีการใช้หัวฟักทองแกะสลักมาจนถึงปัจจุบัน 

ประวัติวันฮาโลวีน 

วันฮาโลวีนมีจุดกำเนิดที่มาจากวันฉลองปีใหม่ของชาวเซลท์(Celt) หรือ เซลติค (Celtic) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน เรียกในชื่อ Samhain (โซว์อิน) ที่เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งความตาย บางคนก็จะเรียก Festival of the Dead (เทศกาลแห่งความตาย) และในวันที่ 31 ตุลาคม ก่อนที่จะถึงปีใหม่ จะเป็นวันที่ภพภูติผีเปิด ทำให้ทุกมิติภพเปิดถึงกัน โดยเหล่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะถูกเชื้อเชิญอย่างดี แต่จะขับไล่เหล่าผีร้ายอื่นๆ ด้วยเหล่าวิญญาณผีต่างๆจะพยายามสิงร่างมนุษย์เพื่อจะได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านจึงต้องปิดไฟในบ้านให้มืด ให้หนาวเย็นไม่เป็นที่ต้องการของเหล่าภูติผี และพยายามแต่งตัวเลียนแบบเป็นผี เพื่อจะได้กลมกลืนและปลอดภัยจากผีร้ายและจากการถูกผีสิง หรือตะโกนส่งเสียงดังให้ผีตกใจและเตลิดหนีไป 

นอกจากนั้นยังเป็นคืนการเฉลิมฉลองสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาจนำพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้มาบูชาให้ภูติผีวิญญาณ และทำการดับไฟทุกดวงแล้วจุดขึ้นมาใหม่ด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซลท์ โดยบางตำรายังกล่าวว่ามีการเผาคนที่น่าจะถูกผีร้ายสิง เพื่อให้เหล่าผีทั้งหลายหวาดกลัวและไม่มาเข้าสิงคนเป็นอีก แต่เมื่อชาวโรมันได้ทำการสืบทอดประเพณีมาจากชาวเซลท์ ก็ได้ตัดพิธีการนี้ออกไป แต่นำหุ่นฟางมาเผาแทน และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนเลิกเชื่อคนถูกผีสิง จึงเหลือเพียงแต่การแต่งกายเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดต่างๆ แล้วแต่ความครีเอทและจินตนาการ 

จนเมื่อถึงสมัยที่ชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีนอกรีตนอกศาสนาคริสต์ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่1พฤศจิกายน เป็นวันฉลอง  All Hallows’ Day และได้มีการเปลี่ยนเป็น All Saints’ Day ซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญ และวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็น All Souls Day เป็นวันแห่งวิญญาณ คือเป็นวันแห่งการระลึกถึงผู้ที่จากไป และสวดมนต์ให้กับผู้ตาย ส่วนคืนวันที่ 31 ตุลาคม หรือ Hallows’ Eve และได้มีการเรียกเพี้ยนเป็นวัน Halloween มาจนถึงปัจจุบัน

โดยแต่เดิมเทศกาลฮาโลวีนจะจัดขึ้นในประเทศไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ อังกฤษ และประเทศใกล้เคียง แต่เมื่อชาวไอริชได้ทำการย้ายหลักแหล่งไปในตั้งรกรากในอเมริกา และได้นำประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ก็เป็นที่ถูกใจของชาวอเมริกาพื้นเมืองดั้งเดิม จึงได้นำไปจัดตามอย่างจริงจังจนเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนถึงทุกวันนี้ 

กิจกรรมในวันฮาโลวีน

นอกจากตกแต่งบ้านด้วยฟักทองแกะสลัก แต่งตัวแต่งหน้าเป็นธีมผีต่างๆ และเดินเคาะขอขนมของเด็กๆที่เรียก ทริค ออร์ ทรีสแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมที่นิยมในวันฮาโลวีน คือการนำแอปเปิลและเหรียญหกเพนซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกของสองสิ่งนี้ได้และใช้ปากคาบเหรียญหกเพนซ์ขึ้นมาได้ และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดได้ในครั้งเดียว เชื่อกันว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปี

อีกความเชื่อหนึ่งที่ทางด้านสาวๆอังกฤษนิยมทำในเวลเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน คือการออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านขนิดหนึ่งพร้อมกับท่องคาถาและอธิษฐาน โดยมีใจความว่าให้เมล็ดป่านที่หว่านนั้น ให้บันดาลปรากฎลักษณะของผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตให้เห็น หลังจากนั้นจะเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตน ก็จะเห็นลักษณะรูปร่างของผู้ชายคนนั้น 

ปัจจุบันกิจกรรมในวันฮาโลวีนจะมีการแข่งขันประชันการแต่งกายแต่งหน้าผี กิจกรรมที่เด็กๆหลายคนชื่นชอบและรอคอยเพราะจะได้ขนม อีกทั้งยังได้แต่งตัวกันสนุกสนาน ซึ่งปัจจุบันเทศกาลฮาโลวีนไม่ได้มีเพียงแค่ทางยุโรปและอเมริกาเท่านั้น แต่ได้มีการขยายเป็นวงกว้างแทบทั่วโลก และแน่นอนว่าไทยเราเองก็ไม่พลาด เพราะไทยเราเป็นประเทศสุขนิยมชื่นชมเทศกาล อะไรสนุกพี่ไทยจอยด้วย แม้จะเจอวิกฤติไทยเราก็พร้อมจะปรับและเอ็นจอยได้เสมอ อีกไม่กี่วันก็คงจะได้เห็นคนแต่งผีไทยบ้างผีต่างชาติบ้างต้อนรับวันสีดำส้มที่เป็นสีสัญลักษณ์วัน Halloween

tt ads

Post not found !