tt ads

สาวๆคนไหนที่มีลิปสีเดียวแท่งเดียวบ้างคะ? …. คิดว่าคงไม่มี หรือถ้ามีก็คงน้อยมาก อย่างน้อยก็ต้องมีสีที่ใช้ประจำและลิปมันหรือลิปบาล์มไว้กันปากแห้งหรือทารองพื้นก่อนลงสีโปรด เพราะฉะนั้นในกระเป๋าสาวๆส่วนใหญ่ก็มักจะมีลิปมากกว่า 1 ใช่ไหมคะ 

 

เพราะลิปสติกนอกจากจะเป็นไอเท็มที่เสริมแต่งความงามสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้แล้ว สีลิปสติกยังช่วยปลุกพลังหรือเป็นตัวแทนแห่งอารมณ์ในช่วงต่างๆได้อีกด้วย อย่างถ้าวันไหนที่รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ การทาลิปสีแดง ไม่ว่าจะเป็นลิปสีแดงสด ลิปสีแดงไวน์ หรือแดงเฉดไหนก็ตาม เหมือนมีมนต์ขลังที่จะช่วยปลุกพลังให้ฮึกเหิมและพร้อมจะลุยต่อได้ แถมยังให้ลุคที่เซ็กซี่และเข้มแข็งในขณะเดียวกัน ไม่เชื่อคุณก็ลองสังเกต working woman แถวหน้า ส่วนใหญ่พวกเธอเหล่านั้นจะเฉิดฉายด้วยลิปสติกสีแดง!

ถ้าคุณต้องการให้ความรู้สึกลุคคุณหนูแต่เรียบหรูดูแพง สีลิปสติกก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คุณได้ดั่งใจ โดยส่วนใหญ่สีที่ครองใจสาวๆเมื่อยามต้องการลุคแบบนี้จะเป็นสีลิปโทนส้ม ไม่ว่าจะเป็นลิปสีส้มนู้ด ลิปสีส้มอิฐ ลิปสีพีช และสีลิปโทนชมพู ลิปสีชมพูทุกเฉด ไม่ว่าจะเป็น ลิปชมพูตุ่น ลิปสีชมพูกุหลาบ ลิปสีชมพูกะปิ หรือแม้แต่ลิปสีน้ำตาลตุ่นๆที่ให้ลุคผู้หญิงอบอุ่นได้แม้ไม่ต้องอยู่ใกล้ 

 

ถ้าพูดถึงในด้านเศรษฐกิจแล้วธุรกิจเครื่องสำอางแทบทุกประเภทมีผลปันกำไรที่สูงและยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องซึ่งสวนกระแสกับบางธุรกิจ เพราะเครื่องสำอางสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงและเป็นวัฒนธรรมที่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะเข้าใจว่า “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ต่างๆมีการพัฒนาสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภค ลิปสติกเองก็มีการพัฒนาสูตรและรูปแบบหลากหลาย จนเป็นลิปสติกนวัตกรรมใหม่ เช่น ลิป3D ลิปกันน้ำ ลิปจูบไม่หลุด ลิปปากฉ่ำ ลิปลอก ลิปขยี้เปลี่ยนสี ลิปสติกแก้ปากดำ และอีกสารพัดรูปแบบที่แต่ละแบรนด์มีการคิดค้นและผลิตออกมาจำหน่ายเพื่อเรียกยอดซื้อจากผู้บริโภค

 

ถ้าเป็นหลายปีก่อนส่วนใหญ่เราจะเห็นลิปสติกแบรนด์เคาน์เตอร์ต่างๆ และกว่าจะซื้อได้สักแท่งต้องไปที่เคาน์เตอร์หรือในห้างสรรพสินค้าและจะมีพนักงานคอยแนะนำรายละเอียดผลิตภัณฑ์ แบรนด์เคาน์เตอร์ยี่ห้อลิปที่มีมานานและรู้จักมักคุ้นหูกันอย่าง ลิปrevlon ลิปmaybelline ลิปสติกchanel  ลิปสติก dior ลิปสติกmac ลิปลอรีอัล ซึ่งทุกคนที่เคยได้ซื้อย่อมรู้เรทราคา ถึงแม้ว่าราคาจะเป็นตัวปัจจัยที่ทำให้คุณไม่สามารถซื้อลิปได้บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่ซื้อลิปสติกแท่งใหม่หรือสีใหม่ ลิปแท่งเดิมก็ใช่ว่าจะหมดแล้วเสียเมื่อไหร่  

ปัจจุบันมีลิปสติกแบรนด์น้องใหม่จากนักธุรกิจหน้าใหม่มากมาย เพราะใครก็สามารถที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางได้ไม่ยากแล้วตอนนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงงานเป็นของตนเอง แค่เพียงมีทุนจำนวนหนึ่ง ก็สามารถจ้างโรงงานรับผลิตแบรนด์เครื่องสำอาง โรงงานผลิตลิปสติกสร้างแบรนด์ แต่ต้องหาโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิตรองรับไม่ว่าจะเป็น ISO / GMP / HALAL หรือ อย. เพราะถ้าจ้างโรงงานที่ไม่มีมาตรฐาน แม้ว่าค่าจ้างผลิตลิปสติกราคาถูก แต่สินค้าไร้คุณภาพก็ทำให้แบรนด์คุณไปไม่ถึงฝั่ง 

 

เดี๋ยวนี้มีโรงงานรับจ้างผลิตลิปสติกโดยบริการคิดสูตรใหม่ๆให้กับลูกค้าแบบ 1 สูตร / 1 แบรนด์ ทำให้เป็นสูตรเฉพาะที่ไม่ซ้ำใคร โรงงานหลายแห่งในประเทศไทยที่จะช่วยให้คุณได้เป็นเจ้าของแบรนด์สมปรารถนา ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างแบรนด์ลิปสติกเกาหลี ลิปสติกออแกนิก ลิปสติกพาเลท ลิปสติกแบบซอง ลิปสติกจิ๋ว ลิปสีนู้ดผิวแทนแบบสายฝอ  ฯลฯ โรงงานผลิตลิปที่มีคุณภาพก็สามารถสร้างแบรนด์ลิปสติกได้ทุกประเภท เพียงแค่แจ้งรายละเอียดที่ต้องการ แต่นั่นก็ต้องหลังจากที่คุณมั่นใจจะทำแบรนด์ลิปและมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของลิปสติกอยู่แล้ว 

แน่นอนสำหรับสาวๆ ลิปสติกเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย แหม..ก็ทากันอยู่ทุกวัน อย่างน้อยก็ลิปมันทาตอนปากแห้งล่ะเนอะ แต่รู้ไหมว่าจริงๆแล้วมีลิปสติกประเภทอะไรบ้าง ยิ่งถ้าใครที่คิดอยากจะทำแบรนด์ลิปขายก็ต้องรู้เรื่องนี้กันสักนิดก่อน เพื่อที่จะได้จับตัวใดตัวหนึ่งเป็นเมนโปรดักส์ และเป็นความรู้เผื่อได้อธิบายกับลูกค้าตอนทำการขาย  

 

โดยส่วนใหญ่เนื้อลิปสติกทั่วไปจะมีหลายแบบแต่สามารถจัดเข้าประเภทแบบง่ายๆได้ดังนี้ 

 

  • ลิปแมตต์ (Matte Lipstick) หรือลิปแมทคือลิปสติกที่ครองใจสาวๆอันดับต้นๆ เพราะให้สีแน่น เป็นลิปที่ติดทน เม็ดสีชัด ทาได้เต็มฝีปาก และลิปแมตต์สีสดยังช่วยให้เรียวปากดูเล็ก มีหลากเฉดสีให้เลือก ลิปสีนู้ดจะได้รับความนิยมมาก มักถูกเรียกว่าเป็นลิปสติกสายฝ. เนื้อแมตต์แห้งด้าน ไร้ความแวววาว ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแป้งมากกว่าน้ำมันทำให้ปากแห้งได้ง่าย จึงไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากแห้ง เพราะจะทำให้เห็นร่องริมฝีปากชัด ต้องรองพื้นด้วยลิปบาล์มก่อนลงลิปแมตต์ หรือเลือกใช้ลิปแมตต์ที่มีส่วนผสมของอโลเวราและวิตามินอี เพื่อให้ทาลิปติดทนได้สวยเรียบเนียน

 

  • ลิปลิควิดหรือลิปจิ้มจุ่ม (Liquid Lipstick) เป็นเทรนด์มาแรงมากหลายปีที่ผ่านมาและยังคงไม่แผ่วความแรงลงเลย ด้วยที่เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย ทาสะดวกด้วยแปรงที่มีมาพร้อมในแท่ง ซึ่งลิปลิควิดนี้มีทั้งเนื้อแมตต์ที่เป็นลิปสติกที่ติดทนนาน แต่ไม่แห้งจนตกร่องปากแบบเนื้อแมตต์ดั้งเดิม และลิปลิควิดเนื้อครีมที่เนื้อนุ่มละมุนเบาบางปาก แต่เม็ดสีแน่นไม่แพ้ลิป bullet และลิปลิควิดแบบนี้สามารถทาได้ทั้งแบบเต็มและแบบ ombre ที่ไล่เฉดสีละมุนสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการสีจัดเต็ม ซึ่งก็มีเฉดสีให้เลือกเยอะมากจนอาจแยกสีไม่ออกเมื่ออยู่ในแพกเกจ แต่เมื่อสวอชสีลิป จะเห็นได้เลยว่าโทนสีเดียวกันแต่สีต่างกัน ยิ่งเป็นลิปสีนู้ดก็ยิ่งทาสวย  ทำให้ลิควิดลิปเป็นที่นิยมและครองใจสาวๆทุกวัย 

  • ลิปสติกเนื้อครีม (Cream Lipstick) ด้วยเนื้อที่เป็นครีมจึงให้ความรู้สึกเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นปาก มีความเงาวาว เม็ดสีชัด เป็นชนิดลิปที่มีมานานตั้งแต่ยุคแรกๆ และก็ยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นลิปสติกตัวหลักๆเลยก็ได้ แต่ด้วยความเงาวาว และช่วยเพิ่มมิติริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม จึงอาจไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากอวบอิ่มมากเกินไป 

 

  • ลิปกลอสและลิปทินท์ (Gloss & Tint Lipstick)ส่วนใหญ่สาวๆจะใช้ 2 ชนิดนี้ด้วยกัน โดยทาทินท์ไว้ด้านในริมฝีปากแล้วทับด้วยกลอสอีกที เนื่องจากลิปกลอสให้ความมันวาว เนื้อสีบางๆ ในขณะที่เนื้อทินท์สีชัดกว่า แต่จะไม่มันวาวเท่าลิปกลอส เมื่อใช้ด้วยกันทำให้ลิปสีสวย ให้ลุคที่ดูสวยใสธรรมชาติ ดูเป็นสาวสายเกามากๆ โดยลิปกลอสที่ดีจะต้องให้ความชุ่มชื่น บำรุงและฟื้นฟูริมฝีปากให้นุ่ม น่าสัมผัส ในขณะที่ลิปทินท์ควรมีคุณสมบัติที่บางเบาสบายปากแต่ให้เม็ดสีแน่น

 

  • ลิปเนื้อเชียร์และซาติน (Sheer and Satin Lipstick) เป็นเนื้อลิปที่อยู่ระหว่างเนื้อครีมกับเนื้อลิปมัน ให้ความมันวาว แต่สีจะไม่จัดจ้าน เม็ดสีจะไม่ค่อยแน่นเท่าลิปแมตต์ อาจใช้แทนลิปบาล์ม เพื่อให้ความชุ่มชื้นพร้อมกับสีสันเป็นธรรมชาติ และสามารถทาทับได้ตลอดวันโดยไม่เป็นคราบ 

 

  • ลิปมันและลิปบาล์ม (Balm Lipstick) เป็นลิปที่ไว้ทาเพื่อให้ความชุ่มชื้น บำรุงแก่ริมฝีปาก ไร้สี เป็นลิปสีธรรมชาติ มีทั้งลิปสติกผู้ชายและผู้หญิง แต่บางยี่ห้ออาจมีสีอ่อนๆ ทาแล้วมีสีระเรื่อริมฝีปากอวบอิ่ม ดูสุขภาพดี 

 

  • ลิปฟรอสตี้ (Frosty Lipstick) เป็นลิปที่ผสมกลิสเตอร์ ทำให้ทาแล้วมีความเป็นประกายมุก เป็นลุคสาว80’s แต่ก็ไม่มันวาวจนเกินไป เหมาะกับสาวๆที่ต้องการความชุ่มชื้น แต่ลิปแบบนี้จะต้องเลือกใช้ให้เข้ากับสีผิวไม่อย่างนั้นอาจจะดูป่วยได้ 

 

  • ลิปที่ให้ความแวววาว (Shine Lipstick) เป็นลิปสติกที่มีกลิสเตอร์ ให้ความเป็นประกาย และมีความมันวาวเหมือนฟรอสตี้ ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม แต่ลิปแบบนี้ไม่เหมาะกับริมฝีปากที่แห้งลอก เพราะจะเน้นให้เห็นข้อบกพร่องของริมฝีปากชัดเจน 

 

  • ลิปไลเนอร์ (Liner Lipstick) ลิปไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบปาก เป็นตัวช่วยอย่างดีสำหรับสาวๆที่จะทำให้การแต่งแต้มริมฝีปากเป็นมืออาชีพเข้าไปอีก โดยลิปตัวนี้จะมาในรูปแบบดินสอหรือแบบแท่งหมุน เพื่อใช้เขียนขอบปากให้ริมฝีปากมีความคมชัด ดูมีมิติมากกว่าเพียงทาแค่ลิปสติกอย่างเดียว แต่ควรจะเลือกใช้สีเดียวกันหรือใกล้เคียงกับสีลิปสติกหลัก เพื่อให้ดูสวยเนียนกลมกลืน 

ข้อสำคัญก่อนทำการสร้างแบรนด์ 

 

  1. การวางแผน เพราะการทำธุรกิจทุกชนิดต้องมีการวางแผนก่อนดำเนินการ ธุรกิจแบรนด์ลิปสติกหรือแบรนด์เครื่องสำอางก็เช่นกันที่ต้องมีการวางแผนภาพรวมในธุรกิจ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญข้อแรกๆ เพราะหลักการวางแผนมีความจำเป็นต่อทุกธุรกิจ เพื่อให้เห็นภึงภาพรวมและองค์ประกอบได้ชัดเจน โดยเริ่มจากการหาไอเดีย หาประเภทสินค้าที่สนใจ ลิปสติกหรือประเภทเครื่องสำอาง จากความชอบส่วนตัวหรือคุณอาจรู้จักเป็นอย่างดี เพราะคุณจะเข้าใจในตัวสินค้า มีประสบการณ์ตรง มั่นใจในการนำเสนอขาย และกลุ่มลูกค้าที่จะขายเป็นใคร เพศและวัยลูกค้า
  2. เงินทุน ทำบัญชีว่ามีงบในการลงทุนเท่าไร เพื่อที่จะกำหนดค่าใช้จ่ายในการจ้างผลิตครีม ค่าทำการตลาด ค่าจดทะเบียนสินค้าและอื่นๆ เพราะการสร้างแบรนด์ต้องลงทุนจึงต้องควบคุมทุกขั้นตอนให้อยู่ภายใต้งบประมาณที่มี เพื่อไม่ให้ทุนหายกำไรหดนั่นเอง
  3. หาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางสร้างแบรนด์ แบบ One Stop Service เพราะเป็นโรงงานแบบครบวงจร รับผลิตลิปสติกและเครื่องสำอางในโรงงานเดียวกัน และหากต้องการเพิ่มผลิตสินค้าตัวอื่นเพื่อต่อยอดธุรกิจ อย่างเช่นต้องการทำแบรนด์ลิปแมทแต่ก็ต้องการเพิ่มแบรนด์สกินแคร์ด้วย ก็สามารถทำได้ในที่เดียว ทำให้สะดวกและประหยัดเวลา แต่ต้องเลือกโรงงานOEMที่น่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ เพื่อให้แบรนด์ของคุณมีคุณภาพ

มีผลิตภัณฑ์หลายแบรนด์ที่เกิดขึ้นจากการเป็นผู้ซื้อและเป็นผู้ใช้ก่อน ใช้จนคุ้นเคยและกลายเป็นความรัก ศึกษาจนเข้าใจและผันตัวเป็นเจ้าของแบรนด์ จากธุรกิจเล็กๆจนขยับขยายสู่นักธุรกิจร้อยล้าน เคยดูรายการอายุน้อยร้อยล้านที่นำเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางเอย เจ้าของแบรนด์ลิปสติกเอย มาสัมภาษณ์นี่แบบ…อายุยังน้อยๆกันอยู่เลยเป็นเจ้าของแบรนด์แล้วและก็สร้างรายได้แบบไม่น่าเชื่อ ซึ่งก็เริ่มจากความชอบและลงทุนไม่มากในการทำลิปขาย ซึ่งเคล็ดลับจากเจ้าของแบรนด์ที่ให้สัมภาษณ์จะตรงกันทุกคนคือ ต้องเลือกโรงงานรับสร้างแบรนด์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือเท่านั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจบิวตี้ ไม่แน่ว่า“ลิปสติก”ไอเท็มเล็กๆ อาจทำให้คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่เป็นว่าที่เจ้าของแบรนด์ที่มียอดขายร้อยล้านในอนาคต!  

tt ads